LOGINNight Club
“สายป่าน เดี๋ยวคืนนี้ดูแลแขกที่ห้องวีไอพีสามแทนใบปอด้วยน่ะ” ณิชา สาวใหญ่ที่เป็นผู้จัดการของสถานบันเทิงแห่งนี้ เอ่ยบอกเมื่อปาลรพีร์เดินออกมาจากห้อง ที่แต่งตัวเสร็จแล้วพร้อมทำหน้าที่ของเธอพอดี
“ป่านหรือค่ะ ป่านกลัวว่า...” เธอทำหน้างุนงงขึ้นมาทันที เพราะรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย เมื่อรู้ว่าจะต้องขึ้นไปบริการลูกค้าในห้องวีไอพี
ปกติแล้วเธอจะได้อยู่แค่โซนธรรมดาข้างล่างเท่านั้น แต่นาน ๆ ทีจะได้ขึ้นไปด้านบน นอกเสียจากว่าในคืนนั้นพนักงานประจำห้องวีไอพีไม่ได้มาทำงาน
ปาลรพีร์เคยไปทำงานแทนอยู่ครั้งสองครั้ง เธอบอกเลยว่าเธอเข็ด เพราะลูกค้าที่ชั้นวีไอพีแต่ละคนไม่ธรรรมดากันทั้งนั้น มีแต่คนมีภูมิฐานฐานะร่ำรวยกันที่มาใช้บริการ ถึงจะให้ทิปหนัก แต่ก็ต้องเปลืองตัวใช้เล่น แถมบางคนออกไปทางหื่นกามชอบลวนลามอีกด้วย
“ป่านทำได้...พี่เชื่อแบบนั้น สู้ ๆ จ้า ท่องเอาไว้จ้ะว่าลูกค้าคือพระเจ้า” ณิชาพูดอย่างให้กำลังใจ เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่เธอ เพราะณิชาดูแล้วว่าปาลรพีร์นี้แหละเหมาะที่สุด
“ค่ะ”
“ลูกค้าห้องนี้ทิปเยอะ แถมเปย์หนักด้วยน่ะ” ผู้จัดการเอ่ยบอกอีก เพื่อเพิ่มความมั่นใจลบอาการเต้นเต้นของเธอให้น้อยลง
“...” เธอได้แต่ส่งยิ้มเจื่อน ๆ กลับไปให้แก่ผู้จัดการ เพราะรู้ดีว่าต้องเจอกับบอะไรบ้าง กว่าจะได้เงินทิปนั้นจากลูกค้ามา มันไม่ใช่เรื่องง่าย
“ไปได้แล้วจ้า เดี๋ยวลูกค้ารอนาน”
ทางด้านของคนด้านบนที่อยู่ภายในห้องวีไอพีนี้นั้น กำลังนั่งใช้ความคิด มาขอคำแนะนำจากคนที่เคยมีประสบการณ์ทางด้านความรักมาก่อน
“ทำไมถึงชวนมาที่นี่ว่ะ ที่อื่นมีตั้งเยอะแยะ” ปุณณกันต์เอ่ยขึ้นมาทันที อย่างไม่สบอารมณ์ที่ถูกชวนมาในสถานแห่งนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่อื่นก็มีเยอะ
“นั่ง ๆ ไปเถอะน่า คืนนี้กูเลี้ยงเอง ถือว่าเป็นการต้อนรับการกลับมาอยู่บ้านเกิดอย่างถาวรของมึง” พิรัชต์ เอ่ยบอกพร้อมกับวางแก้วเครื่องดื่มลงเมื่อพึ่งจะยกขึ้นกระดกไปหมาด ๆ
สถานที่แห่งนี้ คือสถานที่ที่ทำให้พิรัชต์ได้พบรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพนักงานในร้านแห่งนี้ และบริการประจำที่ห้องนี้ด้วย มีนามว่า ‘ใบปอ’ เหตุนี้เองพิรัชต์จึงเลือกมาที่นี่ เพื่อที่จะได้เจอหน้าเธอด้วย...
“ทำหน้าอมทุกข์อะไรนักหนาไอ้หมอ” พัสกร เพื่อนอีกคนที่มาด้วย ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ของปุณณกันต์
“ชอบก็จีบ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย” พิรัชต์เอ่ยเข้าประเด็นทันที เมื่อนึกถึงเรื่องตอนเย็นที่ปุณณกันต์โทรศัพท์มาปรึกษาตน
“จะ จีบอะไร” รู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงอะไร ปุณณกันต์รีบเอ่ยปฏิเสธไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะเสียฟอร์ม ที่จู่ ๆ คุณหมอผู้เก่งกาดฉลาดรอบรู้ทุกเรื่อง มาปรึกษาเรื่องความรักกับเพื่อน
“ก็เรื่องที่มึงโทรฯมาเล่าให้กูฟังเมื่อตอนเย็นไง” พิรัชต์เข้าเรื่องทันที เมื่อเห็นท่าทีของปุณณกันต์เฉยชากลัวที่จะเสียฟอร์มต่อหน้าพวกเขา
“กูพึ่งเจอกันครั้งแรกเองน่ะเว้ย จะให้กูไปจีบน้องเขาเลยเหรอ” ปุณณกันต์ยังไม่กล้ายอมรับ จึงมีท่าทีที่เฉยชาเก็บอาการไว้อยู่
“ที่มึงลากสาวขึ้นเตียง มึงเจอกันไม่ถึงห้านาทีเสียด้วยซ้ำ” พิรัชต์สวนขึ้นทันควัน เมื่อเห็นอาการใจเสาะของปุณณกันต์ พลอยให้นึกเปรียบเทียบระหว่างคนที่จะต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเองกับคนที่เข้ามาหาพวกเขาก่อน
พอจะต้องเป็นฝ่ายเขาหาเองแบบนี้แล้วกลับไม่กล้า พอต้องการปลดปล่อยแทบจะไม่ต้องพูดอะไรเลยมันก็ลากเขาขึ้นเตียงเสียแล้ว ไม่ใช่แค่ปุณณกันต์เองที่เป็นแบบนี้ พิรัชต์เองก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเช่นกัน
“มันคนละเรื่องกันไหมว่ะไอ้พีท” ปุณณกันต์หันไปมองหน้าคนที่พูดประชดเขา ด้วยสายตาพร้อมเอาเรื่องที่นอกประเด็น
“กูชักอยากจะเห็นหน้าแม่สาวน้อยคนนั้นจังว่ะ ว่าเป็นคนแบบไหนกันทำให้มึงเสียอาการไม่เป็นตัวเองแบบนี้ได้” พัสกรแทรกขึ้นมาบ้าง หลังจากที่นั่งฟังเพื่อนทั้งสองคุยกัน ก็พอจะรู้แล้วว่าหมายถึงเรื่องอะไร เพราะว่ารู้จักกันมานานจึงรู้จักนิสัยของกัน
“ขออนุญาตนะคะ”
ยังไม่ทันทีเจ้าของต้นเรื่องจะได้เอ่ยอะไรขึ้นมา เสียงหวานฟังดูลื่นหูก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะของทั้งสามหนุ่มเสียก่อน พร้อมกับร่างบางสวยปรากฏตัวทันที
“เชี่ย!” พัสกรสบถออกมาทันที เมื่อเห็นเจ้าของเสียงหวานเข้ามาภายในห้องที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ ทำไม่คืนนี้ไม่ใช่เด็กไอ้พีท
ส่วนปุณณกันต์นั้นมองจ้องร่างบางตาแทบไม่กระพริบ และเป็นพิรัชต์เองที่มองสำรวจด้วยใบหน้าที่มีแต่ความสงสัยที่เห็นเธอมาอยู่ที่ห้องนี้
“ใบปอล่ะครับ” พิรัชต์ถามร่างบางออกไปทันที เมื่อเห็นว่าเธอคนนี้ไม่ใช่พนักงานประจำห้องนี้
“คืนนี้พี่ใบปอลาค่ะ ผู้จัดการเลยให้หนูมาดูแลห้องนี้แทน” ปาลรพีร์ถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยตอบคนที่ถาม
“ครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญน้องตามสบายไม่ต้องเกร็ง” พิรัชต์พยักหน้าอย่างรับรู้ แต่ก็ไม่อาจจะคลายความกังวลลงได้ เมื่อได้ยินว่าใบปอสาวสวยประจำห้องนี้ลางาน
“เอ่อ...” ปาลรพีร์มองหน้าทั้งสามก่อน เพราะไม่รู้ว่าควรจะไปนั่งลงในตำแหน่งใด
“มานั่งตรงนี่สิ!” ปุณณกันต์พูดพร้อมกับยื่นมือยาวออกไปดึงแขนของเธอให้มานั่งลงข้าง ๆ กับตน ท่ามกลางสายตาความงุนงงของเพื่อนทั้งสอง
“ใช่คนนี้หรือเปล่า?” พิรัชต์ที่นั่งใกล้กัน กระซิบพูดกับหมอหนุ่มทันที เมื่อเห็นปฏิกิริยาและเริ่มจับต้นชนปลายได้
“รู้แล้วก็ช่วยเงียบปากมึงด้วย” ปุณณกันต์พูดเสียงลอดไรฟันขู่คนที่ถามออกไป
“อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ที่ได้เจอน้องเขาในคืนนี้ มอมเหล้าลากขึ้นเตียงเลยไหม” พิรัชต์จึงออกความเห็นออกมา แต่ก็ไม่คิดที่จะทำเช่นนั้นหรอก เพียงแค่ต้องการแกล้งปุณณกันต์ให้เสียอาการ
“ไอ้เลว!!!” เขาตวาดเสียงด่าทอพิรัชต์ออกไปทันที ที่มีความคิดทุเรศแบบนี้
“กูแค่แนะนำ” พิรัชต์ยังคงเอ่ยแหย่
“ค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวเหยื่อจะรู้ตัว หนีไปเสียก่อน” เสียงเรียบนิ่งพูดออกมาด้วยใบหน้าที่รอยยิ้มเจ้าแผนการผุดขึ้น
“หึ บริการน้องเขาดี ๆ ล่ะ” ทำให้พิรัชต์ต้องแค่นหัวเราะออกมา ที่แท้มันก็เสือร้ายเจออาหารสุดโปรดปรานดี ๆ นี่เอง
บทส่งท้าย(จบ)“หนูเสียใจหรือเปล่าสายป่าน” ปรารถนาจึงหันมาถามปาลรพีร์บ้าง ที่เธอเอาแต่นั่งเงียบเมื่อรู้ความจริง“ไม่ค่ะ...แต่ขอบคุณแม่นานะคะ ที่รักและเลี้ยงหนูมาเป็นอย่างดี”“ขอโทษด้วยนะครับสำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่าน และเรื่องที่เคยทำไม่ดีกับสายป่านด้วย แล้วขอบคุณอีกนะครับ ที่เลี้ยงดูสายป่านมาเป็นอย่างดี ขอบคุณมากจริง ๆ พี่สะใภ้...” ปุณณกันต์เองก็ยกมือขึ้นไหว้ปรารถนาเพื่อเป็นการขอโทษเช่นกัน และเป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้และพูดดียอมรับในตัวปรารถนาว่าเป็นพี่สะใภ้ของเขา“ไม่ต้องเรียกเต็มแบบนี้ก็ได้มั้งค่ะ” ปรารถนารีบเอ่ยแก้เก้อกลบเกลื่อน ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของปุณณกันต์“ครับ ผมเองก็ยังไม่ชิน”“ต่อไปก็กลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกันนะเจ้าปุณณ์” ปัณณวิชญ์จึงชวนน้องชายอย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเห็นว่าอย่างเข้าใจกันดีแล้ว“ครับ จะมาอยู่ทวงทุกอย่างที่เป็นของผมคืนให้หมด”“ไอ้ปุณณ์!”“ผมแค่แซวเล่นเอง พี่นี่คงจะแก่แล้วจริง ๆ สะแล้ว”คนเป็นน้องอย่างปุณณกันต์ก็อดที่เอ่ยแซว เย้าแหย่พี่ชายไม่ได้ จึงพูดจากวนให้ปัณณวิชญ์โมโห เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน“แล้วเรื่องของพวกแกสองคน ต่อไปจะเอา
ความลับที่เก็บมานาน“คงจะไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรตามมาอีกแล้วนะคะพี่หมอ” ปาลรพีร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันมาพูดขึ้นมากับคนตัวสูง หลังจากที่พัทธิชากลับออกไปแล้ว“ไม่มีแล้วครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับเธออย่างมั่นใจ“มีค่ะ” ปรารถนาพูดขึ้นมาบ้าง เมื่อยังมีสิ่งที่ยังค้างคาที่เก็บเอาไว้มานาน ยังไม่ได้บอกให้ใครรับรู้นอกจากผู้เป็นสามีคนเดียว“อะไรอีกหรือค่ะ” ปาลรพีร์เลิกคิ้วขึ้นถามปรารถนาอย่างแปลกใจ ว่ามารดามีเรื่องอะไรอีก“หมอปุณณ์จำคำที่ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้วหรือค่ะ” ปรารถนาไม่ตอบกลับปาลรพีร์ แต่หันไปถามทางปุณณกันต์แทน“...” ปุณณกันต์หันมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา เพราะเขาเองก็จำไม่ได้“ก็ก่อนที่แกจะไปตามหนูป่านยังไงล่ะ ว่ากลับมานาจะบอกความจริงให้แกกับหนูป่านรู้” ปัณณวิชญ์จึงเปรยขึ้นมา เมื่อเห็นน้องชายยืนทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก“ยังมีเรื่องอะไรที่หนูไม่รู้อีกหรือค่ะ” ปาลรพีร์ถามขึ้นมาบ้าง“พาน้องมานั่งก่อนสิเจ้าปุณณ์”เมื่อพี่ชายพูดเช่นนั้น ปุณณกันต์จึงได้พาปาลรพีร์เดินไปนั่งลงที่โซฟา เพื่อรอฟังสิ่งที่ปรารถนาจะพูด เขาเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะตอนนั้นก็นึกถึงแค่เรื่องปาล
ภรรยาและลูกแฝดของหมอปุณณ์หลายวันต่อมาโรงพยาบาลปิยพัฒน์ร่างสูงของรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล คุณหมอปุณณกันต์เดินกุมมือมากับหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มสวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อนกระโปรงกลีบบานเท่าหัวเข่า เดินเข้ามาที่แผนกสูติฯด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่เข้ามาใช้บริการ“อ้าวหมอปุณณ์! มาทำงานแล้วหรือค่ะ แล้วมาทำอะไรที่แผนกนี้ค่ะ” ฟ้าลดาหมอสาวสุดสวยประจำอีกแผนกเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นปุณณกันต์ที่แผนกนี้แต่กับอีกคนหญิงสาวที่ปุณณกันต์กุมมืออยู่นั้น เธอกลับมองด้วยสายตาที่ริษยา รู้สึกอิจฉาที่เธอเป็นเพียงลูกติดของพี่สะใภ้ เป็นแค่หญิงสาวธรรมดากลับทำให้ปุณณกันต์หลงได้ขนาดนี้“พาภรรยามาฝากท้องครับ แล้วหมอฟ้าล่ะ” ปุณณกันต์เอ่ยตอบหมอสาวคนสวยไปตามตรง แล้วถามกลับไปตามมารยาทสายตาคมมองอย่างแปลกใจที่เห็นเธอที่นี่“ฟ้าเอาเอกสารมาส่งค่ะ” เธอเอ่ยตอบพร้อมส่งยิ้มโปรยเสน่ห์อย่างยั่วยวนไปให้“หมอฟ้ามาส่งเอกสารเองเลยหรือครับ” ปุณณกันต์เลิกคิ้วมองถามด้วยความแปลกใจ ที่เห็นหมอคนสวยถือเอกสารมาส่งด้วยตัวเองแบบนี้“ค่ะ ว่าแต่หมอปุณณ์กับ...เอ่อ ภรรยาเป็นยังไงบ้างค่ะ” ฟ้าลดาถามไถ่คุณหมอเจ้าของโรงพยาบาล เพ
ใครสอนให้ทำแบบนี้ NCปุณณกันต์ได้แต่ยอมอ่อนข้อให้ตามคำที่เธอขอ เพราะรู้ดีว่าเธอยังคงมีความโกรธเคืองเขาอยู่ ยังไม่ให้อภัยเขาทั้งหมดอยู่แล้ว ใครมันจะลืมกันได้ง่าย ๆ แม้แต่เขาก็ยังไม่ลืมในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลย“คงจะไม่สนุกนะสิค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่มีความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา“ทำไมครับ” ปุณณกันต์ได้แต่เลิกคิ้วถามอย่างงุนงง ไม่เข้าในใจสิ่งที่เธอพูด“เพราะในนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียวนะสิค่ะ” ปาลรพีร์พูดแล้วก็จับมือหนาของเขามาแตะลงที่หน้าท้องของเธออีกครั้งเพื่อสัมผัสกับเจ้าก้อนที่อยู่ด้านในนี้“หมายความว่า...” ปุณณกันต์เบิกตากว้าง เมื่อเข้าใจในสิ่งที่เธอบอกอย่างแจ่มแจ้ง ความรู้สึกดีใจตื้นตันอยู่ในอก แทบจะทะลุออกมา“แฝดค่ะ เราได้ลูกแฝด”“จริงหรือครับ”“จริงสิค่ะ พี่หมอดีใจไหม”“ดีใจสุด ๆ ไปเลยครับ ทำทีเดียวได้มาตั้งสอง แบบนี้พี่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่มีแต่ความยินดี ดึงเธอเข้ามากอดแนบอกแกร่งอีกครั้ง มือหนาอีกข้างยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบโยน“พี่หมอ”“หนูยังมีความกังวลอะไรอีกอย่างนั้นหรือครับ บอกพี่มาได้นะ” ปุณณกันต์ถามเธอขึ้นมาอีก เมื่อรู้สึกได้ว่าเธอยังมีความกังวลใจอะไรอยู่
ขอโอกาสได้ทำหน้าที่พ่อใจดวงน้อยกระตุกวาบสั่นไหวระริก เมื่อเขาพูดเช่นนี้ออกมา น้ำตามากมายที่พยายามกักเก็บเอาไว้ หลั่งไหลออกมาทันทีอย่างไม่อาจจะห้ามได้อีก...“สายป่าน”ปุณณกันต์เบิกตากว้าง แววตาสั่นไหวระริกก่อนน้ำตาจะร่วงลงไหลอาบแก้มตามเธอ สัมผัสมือเธออย่างแผ่วเบา มืออีกข้างก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้กับเธออย่างอ่อนโยน“พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่เคยทำไม่ดีกับหนู ทำให้หนูเจ็บให้เสียใจ แต่พี่ก็เจ็บไม่ต่างอะไรจากหนูเลย ตอนนี้พี่ไม่สามารถรักษาใครได้แล้ว แม้แต่ตัวพี่เอง พี่ก็ยังรักษามันไม่ได้เลย” ความในใจพ่นออกมาอย่างแทบไม่อาย เพราะเขาไม่สามารถรักษาคนไข้ได้เลยตอนนี้ปุณณกันต์ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองได้ เลยไม่ได้ทำหน้าที่กับอาชีพที่เรียนมาของตัวเอง เพราะเกรงว่าคนไข้จะได้รับอันตราย“อุ๊ย...”“หนะ หนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”ปุณณกันต์เบิกตากว้าง ตกใจเพราะอยู่ ๆ ปาลรพีร์ก็ร้องเสียงหลงดังขึ้น พร้อมกับเบ้หน้าเหมือนคนเจ็บปวดอะไรสักอย่าง“ไม่รู้ เหมือนอะไรอยู่ในท้อง มัน...” เธอเอาแต่ส่ายหน้าหงิก ๆ ให้เขา พร้อมกับมือลูบที่หน้าท้องของเธอ เพราะเธอก็ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร“ขอพี่ดูห
ต่อให้พี่ต้องตาย...ตกเย็น“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มของร่างแกร่งที่นั่งอยู่ปลายเตียงเอ่ยถามขึ้นทันที ที่หญิงสาวที่หลับอยู่บนเตียงนั้นลืมตาขึ้นมา“คะ คุณกิตติ์! ซี๊ด...” ศิรดาเบิกตากว้างเพราะตกใจ รีบดีดตัวขึ้นนั่งทันที แต่ก็ต้องสูดปากร้องดังออกมาเพราะความเจ็บสาวช่วงล่างของกายสาว“แล้วเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ตวาดเสียงเข้มสวนกลับทันที พร้อมด้วยสายตาดุที่มองเธออย่างเอาเรื่อง“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไง” ศิรดาถามขึ้นและรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ ทั้งที่สายตาเธอยังไม่ได้มองสำรวจรอบ ๆ ให้ดี“ยัยแป้งเน่า! คำนี้มันเป็นฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามเธอ” เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับตวาดเสียงใส่เธออย่างนึกหมั่นไส้ ถามออกมาได้ไง“คือ...” เธอได้แต่อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก เมื่อกวาดสายตามองรอบ ๆ จึงแน่ใจแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน ก้มหน้างุดเพราะไม่กล้ามองหน้าเขา“โดนกระแทกเข้าไปหน่อย ถึงกับลืมเลยหรือ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยแซวออกมา พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่เผยออกอย่างชอบใจที่ได้แกล้งให้เธอเขินอาย“พะ พูดอะไรออกมาทุเรศที่สุด” ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เธอหันหน้าหนีสายตาร้อนแรงที่มองเธอทันที“ตื่นแล้วก็ลุกขึ







