ร้านพี่แมว
เช่นเดิมพี่แมวสาวประเภทสองสวยเฉี่ยวสุดมั่นแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมายืนรอรับทั้งสองคนเช่นเดิมด้วยท่าทางระริกระรี้ดีอกดีใจ
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะพี่แมว”
“สวัสดีค่ะบ่าวสาวทั้งสองอุ๊ยนี่ไปเข้าคอร์สเจ้าสาวมาหรือเปล่าคะเนี่ยผิวดูเปล่งปลั่งขึ้นนะคะ”
จอมทัพหันขวับไปมองหน้าของว่าที่ภรรยาตัวเองในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดพี่แมวเป็นจังหวะเดียวกับที่อรฤดีก็หันมามองหน้ากับว่าที่สามีของตัวเองเช่นกันก่อนจะขำแห้งๆ ออกมา
“ช่วงนี้อรเข้าฟิตเนสนะคะพอดีรู้สึกว่าเหนื่อยง่ายนิดหน่อย”
“รักสุขภาพแต่น้องอรผิวดีอยู่แล้วนะคะดูสิเนี่ยผิวดี..ผิวดีใช่ไหมคะ น้องจอมทัพ”
“อะ อืมม ครับ”
เมื่อโยนมาขนาดนี้ก็คงต้องเล่นด้วยไปตามน้ำไม่อย่างนั้นคงเรื่องถึงหูพ่อกับแม่ของเขาแน่นอน
“เดี๋ยวเชิญด้านในเลยนะคะพี่แมวเตรียมทุกอย่างไว้ให้เสร็จสรรพพร้อมหมดแล้วค่ะทั้งช่างแต่งหน้าช่างทำผมวันนี้ต้องโพสต์ท่าเหมือนว่าเป็นวันจริงเลยนะคะ”
พี่แมวบรีฟคู่ว่าที่บ่าวสาวก่อนที่จะเริ่มงานจริงเนื่องจากได้รับคำสั่งจากทั้งครอบครัวพิบูลย์ลักษณ์และครอบครัวเศรษฐศิริว่าต้องให้ออกมาดูดีที่สุดซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ใช่งานยากอะไรเพราะคู่บ่าวสาวนั้นหน้าตาดีราวกับดารานางแบบกันอยู่แล้วจะเหลือก็คงมีเพียงแต่ความสามัคคีฉันท์สามีภรรยากันเท่านั้น
“เอาล่ะค่ะถ้าอย่างนั้นเริ่มจากการเปลี่ยนชุดก่อนนะคะแล้วออกมาแต่งหน้าทำผม เริ่มค่ะ!..”
เมื่อพี่แมวให้สัญญาณพนักงานก็ถือชุดเดินกรูกันเข้ามารายล้อมตัวคนทั้งสองแล้วพากันแยกห้องไปลองชุดและแต่งหน้าทำผมคนละห้องช่างมืออาชีพทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดีไม่นานเสื้อผ้าหน้าผมของจอมทัพและอรฤดีก็เสร็จสมบูรณ์จัดว่าเพอร์เฟคเลยก็ว่าได้
“น้องอรนี่โชคดีจริงๆ เลยนะคะที่ได้น้องจอมเป็นสามี ทั้งหล่อทั้งรวยการศึกษาก็ดีเลิศเลอเพอร์เฟคขนาดนี้วาสนาของน้องอรจริงๆ เลยค่ะ”
พี่แมวถึงกับตะลึงในความหล่อคมคายของเจ้าบ่าวเมื่อเยินยอกันเสร็จแล้วก็ฉวยโอกาสจับนิดหน่อยก่อนจะพากันเดินออกมา
“…ชุดไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอคะพี่แมว”
จอมทัพหันไปตามเสียงใสที่คุ้นหูแล้วก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุนเมื่อเธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาชุดแต่งงานที่เรียบหรูโชว์เนื้อหนังมังสาได้อย่างพองามใบหน้าที่แต่งแต้มสีสันได้อย่างลงตัวทุกอย่างเหมือนมีมนต์สะกดให้ชายหนุ่มไม่อาจละสายตาออกไปจากภวังค์ตรงหน้าได้เลย
“ไม่เลยค่ะน้องอรดีมากดีที่สุด..สวยที่สุดเลยค่ะทุกคนเก่งมาก แปะ แปะ แปะ “
แปะ แปะ แปะ พี่แมวยกมือขึ้นปรบมือให้กับช่างแต่งหน้าทำผมทุกคนที่ยืนมองอรฤดีอยู่ข้างหลังด้วยความภูมิใจในผลงานฝีมือของตัวเองที่มันช่างสมบูรณ์Perfectเสียจนทำเอาชายหนุ่มตะลึงตาค้างจนเก็บอาการไม่อยู่
“งั้นเราไปถ่ายรูปกันดีกว่าค่ะ วันนี้อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะคะเพราะว่าพวกคุณท่านดูไว้หลายชุดเลยค่ะ กำชับพี่แมวว่าต้องให้ถ่ายหลายๆ เซ็ตด้วย พี่แมวไม่มีปัญหานะคะ”
แค่ได้ยินคู่บ่าวสาวก็แทบจะเข่าทรุดลงพื้นแค่ชุดเดียวนี่ก็เหลือจะทนแล้วจะถ่ายอะไรนักหนาอันที่จริงไม่เห็นจำเป็นเลยด้วยซ้ำแต่งกันไปไม่นานเดี๋ยวก็ต้องเลิกกันอยู่ดี
“ชิดกันอีกนิดนะคะบ่าวสาว รักกันๆ”
พี่แมวเดินเข้าไปขยับตัวของว่าที่เจ้าบ่าวให้แนบชิดกับเจ้าสาวขึ้นมาอีกเพราะตอนนี้ทั้งสองยืนห่างกันจนแทบจะหลุดเฟรม
หมับ..!
“ไม่ต้องชิดขนาดนี้ก็ได้มั้งครับพี่แมว”
พี่แมวจับมือของจอมทัพมาโอบไหล่ของอรฤดีเอาไว้เล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียวแถมยังทำหน้าพะอืดพะอมพูดออกมาเสียงเบาแต่หน้าตานี่แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากจะอยู่ใกล้คนข้างๆ มากขนาดไหนแต่ยิ่งเห็นแบบนั้นว่าที่เจ้าบ่าวของเราก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาทันที
“นี่คุณมันจะเกินไปแล้วหรือเปล่า”
“อะไรล่ะคุณผมก็แค่ทำตามที่พี่แมวบอกเองนะ”
จอมทัพโอบกอดว่าที่ภรรยาไว้แนบชิดใบหน้ายิ้มแย้มให้กับกล้องที่กำลังเตรียมกดชัตเตอร์แถมยังเปลี่ยนท่านั้นท่านี้อย่างรู้งานจนพี่แมวยิ้มแก้มปริ
“ดีค่ะ..ดีมากค่าาา สวยยยย”
“ต่อไปหันหน้าเข้าหากันแล้วก็ให้เจ้าสาวยกมือขึ้นคล้องคอของเจ้าบ่าวไว้นะคะส่วนเจ้าบ่าวก็โอบเอวของเจ้าสาวเอาไว้ค่ะจ้องตากันด้วยนะคะขอหวานๆ เลยค่ะ”
จอมทัพให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเขาชักเริ่มนึกสนุกขึ้นมาแล้วกับการแกล้งว่าที่เจ้าสาวของเขาแตกต่างกับเธอเหลือเกินที่ถูกชายหนุ่มแปลกหน้าแตะเนื้อต้องตัวมากมายขนาดนี้เล่นเอาตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงปลั่งออกมาอย่างปิดไม่มิด
‘ทำดีๆ สิคุณจะได้เสร็จเร็วๆ หรือว่าคุณอยากจะถ่ายกับผมนานๆ”
จอมทัพก้มหน้าลงไปพูดใกล้ๆ แนบชิดกับใบหน้านวลแดงระเรื่อของคนในอ้อมกอดเบาๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความซุกซนที่มันมีแผนร้ายอยู่เต็มไปหมด
“จะบ้าเหรอคุณแต่มันไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ไหม”
อรฤดีกัดฟันพูดออกมาเบาๆ ปากกระจับก็ฉีกยิ้มให้กับกล้องนี่มันเป็นสถานการณ์ที่โคตรอึดอัดที่สุดในชีวิตเลย แต่ยิ่งเธอทำหน้าบูดบึ้งไม่พอใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกใจชายหนุ่มมากเท่านั้น แถมยังยิ่งพยายามกวนให้เธอหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาอีกต่างหาก
“โอ้ยพอได้แล้วคุณอื้ออ “
“อ่าวอะไรกันคุณ ก็พี่แมวบอกว่าต้องแนบชิดๆ ผมทำผิดตรงไหนช่างภาพก็พูดทุกคนก็ได้ยิน “
“จิ้!!.. “
ว่าที่เจ้าสาวทำหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ท่าอื่นก็มีตั้งมากมายทำไมจะต้องกอดกันจ้องตากันขนาดนี้ล่ะ
‘อรเหนื่อยแล้วค่ะพี่แมว อรขอพักดื่มน้ำสักครู่นะคะ”
อรฤดีพูดออกมาในจังหวะเดียวกันกับที่ผลักจอมทัพออกจากตัวเธอซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดขืนแถมยังอมยิ้มอีกต่างหากที่ได้แกล้งเธอ
“น้ำๆ ขอน้ำให้น้องอรหน่อยจ้า ทุกคนถึงเวลาเสริฟแล้วจ้าเด็กๆ “
เก้าอี้เอย พัดลมเอย น้ำเอยรีบวิ่งกรูเข้ามาลุมล้อมเจ้าสาวคนสวยไว้ ช่างแต่งหน้าก็เข้ามาเติม ช่างทำผมก็รีบมาตรวจดูความเรียบร้อย
“ถ้างั้นเราเริ่มเซ็ตต่อไปกันเลยดีไหมคะ เซ็ตนี้ได้หลายรูปเลยทั้งสองคนทำได้ดีมากค่ะ”
พี่แมวยืนมองว่าที่บ่าวสาวด้วยสายตาที่อิ่มเอม จะไม่ให้อิ่มได้ยังไงล่ะราคาค่าเหนื่อยที่ทางผู้ใหญ่เสนอให้มาเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นลุล่วงนั้นสูงลิ่วเสียจนทางร้านเห็นตัวเลขแล้วก็ต้องซี้ดปากตาโตรีบตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนใข
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน
”อ้าวสวัสดีครับเจอกันอีกแล้ว“เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูจากคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสองขาที่สาวเท้าก้าวเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอรฤดีด้วยท่าทางที่เป็นมิตรกว่าครั้งก่อนที่เจอ”วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ“ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับกวาดสายตามองรอบๆ ไปด้วยซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีเงาของจอมทัพหรือใคร“อรมากับเพื่อนค่ะ”“ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้นะ..””อย่าดีกว่าค่ะอรกำลังจะแต่งงานแล้วนะคะคงจะดูไม่ดี“”การแต่งงานปลอมๆ น่ะเหรอครับ“ทันทีที่เปรมพูดอย่างนั้นอรฤดีก็เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาทันทีเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้จะรู้ความจริง“คุณรู้ได้ยังไงคะ”“ผมรู้ได้ยังไงไม่สำคัญหรอกครับ ที่สำคัญคือผมช่วยคุณได้ถ้าหากคุณต้องการ”ชายหนุ่มตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเขาถูกใจเธอตั้งแต่แรกพบแต่เมื่อเห็นว่าเธอนั่งอยู่กับคนรักของน้องสาวตนเองในวันนั้นก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่เธอเข้ามาเป็นบุคคลที่สามของชีวิตคู่คนอื่น แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากน้องสาวของตัวเองเขาก็มีแรงฮึดสู้ที่จะสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง แล้วตอนนี้เขาก็พร้อมลุยเดินหน้าเต็มที่เพื่อที่จะดึงผู้หญิงคนนี้
หลายวันต่อมา “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ขวัญจะคอยเคี่ยวเข็ญให้ยายอรทำตามที่คุณแม่พูดอย่างเคร่งครัดเลยค่ะ”กรองขวัญจีบปากจีบคอพูดรับปากสิริวดีแม่ของเพื่อนสนิทตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะในการรับหน้าที่พาอรฤดีไปเข้าคอร์สเจ้าสาวในวันนี้“ดีมากลูกถ้าเกิดว่ายายอรดื้อขึ้นมาโทรบอกแม่เลยนะ”“ได้เลยค่ะคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะขวัญจะดูแลอย่างดีเลยค่ะงั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”คนเป็นแม่โบกมือบ๊ายบายให้กับหญิงสาวทั้งสองที่รักปานดวงใจ เห็นลูกสาวของเธอมีเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันดีพร้อมให้ความช่วยเหลือกันแบบนี้คนเป็นแม่แบบเธอก็นอนตายตาหลับ แต่ดูเหมือนว่าที่เจ้าสาวจะหน้างอไม่พอยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่อีกต่างหาก “ไม่เห็นจำเป็นเลยคอร์สเจ้าทรงเจ้าสาวอะไรมันจะทำให้สวยขึ้นมาได้สักแค่ไหนกันเชียวก็แค่แผนการตลาดหาเงินเพิ่มเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ”อรฤดีขึ้นมาบนรถคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วก็นั่งกอดอกแล้วบ่นอุ๊บอิ๊บในทันที “จะบ้าเหรออรมันจำเป็นมากเลยนะ ไม่ว่าแกจะแต่งเล่นหรือแต่งจริงแต่งแล้วจะอยู่ทนหรือจะเลิกมันไม่สำคัญมันสำคัญตรงที่วันที่แกได้แต่งตัวแต่งหน้าแต่งชุดเจ้าสาวคนที่สวยที่สุดในงานก็คือแกทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่แก
วันต่อมา รถยนต์คันหรูแล่นมาถึงเรือนหอหลังโตของทั้งสองคนที่อยู่แถวชานเมืองภายในรั้วกว้างใหญ่มีบ้านสองชั้นในสไตล์โมเดิร์น luxuryตั้งอยู่อย่างสวยงาม.. จะให้น้อยหน้าใครได้อย่างไรกันล่ะ จะให้เสียชื่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดได้ยังไงทุกอย่างต้องออกมาสวยงามและดีที่สุดเท่านั้นทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมเข้าอยู่ภายในถูกตกแต่งได้อย่างสวยงามหรูหราทั้งchandeliereและเฟอร์นิเจอร์พื้นที่ใช้สอยทุกอย่างลงตัว แต่ดูเหมือนว่าที่บ่าวสาวนั้นจะดูไม่ค่อยตื่นเต้นยินดีกันสักเท่าไหร่นะ…แน่ล่ะก็นี่มันเป็นงานแต่งงานปลอมๆ นี่นา “ต้องการปรับแก้ตรงไหนหรือต้องการเพิ่มเติมอะไรตรงส่วนไหนแจ้งผมได้เลยนะครับ”เลขาส่วนตัวของสุเมธเดินตามทั้งสองคนเพื่อคอยแนะนำและคอยดูแลบริการตั้งแต่ที่ว่าที่คู่บ่าวสาวมาถึง “คุณอยากปรับเปลี่ยนแก้ไขอะไรตรงไหนไหม”คนตัวสูงหันมาเอ่ยถามว่าที่เจ้าสาวของเขาที่กำลังเดินสำรวจดูห้องนั้นห้องนี้ไปทั่วทั้งที่ขาตัวเองก็สั้นนิดเดียว “ไม่นะคะ ดีมากสวยมากๆ เลยค่ะ ชั้นชอบ” คำตอบของเธอไม่เพียงแต่ทำให้เลขาของสุเมธยิ้มออกมาเท่านั้นจอมทัพเองก็เช่นกันยิ่งเห็นเธอชอบเ
“แกยังไม่เลิกกับผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอตาจอม”ทัศนีย์แม่ของจอมทัพเดินดุ่มๆ มาเอ่ยถามเมื่อเรื่องที่ร้านอารวันนี้เข้าถึงหูเธอและก็รู้อีกด้วยว่าเรื่องนี้ทำให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอเสียความรู้สึกไปไม่น้อย“ปัดเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับคุณแม่ แล้วผมก็รักเธอ”“เห้อ..ลูกคนนี้ แกจะเคยรักเคยชอบกันน่ะแม่ไม่ว่าหรอกนะแต่แม่จะบอกเอาไว้อย่างนึงว่าคนที่เค้ารักกันจริงๆ นะลูกเค้าจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร” คนเป็นแม่ส่ายหัวมองลูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแต่ก็ไม่ค่อยจะพอใจกับการกระทำของลูกชายตัวเองด้วยเหมือนกันจอมทัพก้มหน้าหลบสายตาของผู้หญิงที่ผ่านโลกมานานตรงหน้าด้วยความสับสนภาพในอดีตต่างๆ เริ่มไหลบ่าเข้ามาอีกครั้ง … “แม่รักและหวังดีกับลูกเสมอนะ”เธอยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายที่ดูกำลังสับสนและอ่อนแอเบาๆ ก่อนจะสวมกอดที่เต็มไปด้วยความรักของคนเป็นแม่อย่างสุดหัวใจ “ผมก็รักแม่ครับ”ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาสวมกอดตอบในทันที อ้อมกอดนี้ของเธอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมเสมอเลยจริงๆ …“อ่อ แม่มีอีกเรื่องสสำคัญจะบอกกับลูกนะ” “ครับแม่ ..”มือเล็กของคนเป็นแม่ลูบหลังของลูกชายตัวโตเบาด้
“ผมขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไป..” “อ้าวเร็วๆ สิคะทั้งสองคนจัดท่าตามในรูปได้เลยค่ะ ต้องออกมาสวยมากแน่ๆ”รูปที่พี่แมวยื่นให้ทั้งสองคนดูคือภาพที่เจ้าบ่าวนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่มีเจ้าสาวร่างเล็กนั่งอยู่บนตักของเขาพร้อมกับสองแขนที่โอบลำคอหนาของชายหนุ่มไว้มือข้างหนึ่งของเจ้าบ่าววางลงบนขาเรียวของเจ้าสาวส่วนอีกมือโอบประคองบั้นท้ายของเธอเอาไว้ราวกับว่าอยากจะกอดจะกลืนกินเธอเข้าไปเสียให้หมดทุกสัดส่วน..แล้วค่อยๆ โน้นใบหน้าเข้าแนบชิดประกบริมฝีปากจูบซับความหวานถ่ายทอดความอบอุ่นแผ่วเบาผ่านสัมอันแสนอ่อนโยนให้แก่กันและกัน.. อรฤดีหันไปมองหน้าพี่แมวอีกครั้งด้วยความลังเลทั้งที่ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว พี่แมวพยักหน้าหงึกๆ ให้เธอเป็นสัญญาณว่าให้เธอจูบกับเจ้าบ่าวได้แล้ว“เชื่อใจผมนะ”ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดออกมา แต่ทั้งน้ำเสียงและแววตาบวกกับอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกปลอกภัยนั้นทำให้อรฤดีคลายความกังวลใจลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปรับสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากหนาของชายหนุ่มราวกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในห้วงมนต์สะกดของเขาอย่างง่ายดายมีเพียงลมหายใจแผ่วเบาของกันและกันเท่านั้นที่บอกไ