แชร์

บทที่ 39

ผู้เขียน: จิ้งซิง
ทันทีที่เวินเยวี่ยพูดออกไปก็ได้รับคำชมเชยจากเวินจื่อเฉินและคนอื่น ๆ ทันที

“ท่านพ่อ น้องหกพูดถูก พวกเราทุกคนไม่สะดวกไปที่อารามสุ่ยเยว่จริง ๆ แต่ถ้าน้องหกไป ซือไท่ที่นั่นจะไม่มีเหตุผลขวางนาง”

เวินเฉวียนเซิ่งพยักหน้า “เจ้าหกช่างรู้ใจเหลือเกิน ยกเรื่องนี้ให้เจ้าไปจัดการก็แล้วกัน”

เวินเยวี่ยตบแผ่นอกทันทีพร้อมกล่าว “ท่านพ่อวางใจ เยวี่ยเอ๋อร์จะพาตัวพี่หญิงห้ากลับมาให้ได้เจ้าค่ะ!”

เวินจื่อเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “น้องหกลงสนามรบ จะต้องสำเร็จแน่นอน!”

“ถูกต้อง ๆ น้องหกจิตใจดีทั้งยังน่ารักขนาดนี้ ไปที่อารามสุ่ยเยว่บรรดาซือไท่จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน”

“ถึงเวลานั้นค่อยช่วยน้องหกพูดโน้มน้าวน้องห้า ไม่แน่ว่าน้องห้าอาจจะกลับมาก็ได้!”

ก้นบึ้งหัวใจของเวินเยวี่ยรู้สึกดูถูก

นางไม่ต้องการได้รับความชื่นชอบจากพวกแม่ชีเฒ่าพวกนั้น

อัปมงคล

แต่ว่าบนใบหน้าของนางยังคงรักษารอยยิ้มที่ไร้เดียงสาไร้พิษภัยเอาไว้เช่นเดิม บางครั้งยังทำท่าทางเขินอายจนหน้าแดงเพราะถูกชม ท่าทางแบบนั้นทำให้คนอื่นมองความคิดที่แท้จริงภายในใจของนางไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว

ในตอนที่เวินจื่อเฉินพวกเขาชื่นชมเวินเยวี่ยไม่หยุดปาก

เวินฉางอวิ้นท
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
โดนเฟสล่อมา
ราสต้าสาขาจีน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 40

    ในเวลานี้เอง…“แย่แล้ว! แย่แล้ว!คนรับใช้วิ่งออกมาอย่างรีบร้อนแล้วพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “คุณชายรอง คุณชายสาม ป้าย...ป้ายวิญญาณของฮูหยินหายไปแล้วเจ้าค่ะ!”เวินจื่อเฉินกับเวินจื่อเยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที“อะไรนะ?! พวกเจ้าแต่ละคนทำงานกันอย่างไร? ป้ายวิญญาณที่โถงบรรพชนหายไปพวกเจ้ายังไม่รู้อีก?!”“ใครจะเอาป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปได้?”เวินจื่อเยวี่ยขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยแต่ทันใดนั้นเวินจื่อเฉินกลับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สองพี่น้องหันหน้าไปมองกัน กล่าวด้วยความตกใจและโมโห “หรือว่าจะเป็น...เวินซื่อ?!”“ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ป้ายวิญญาณของท่านแม่ นางก็จะนำไปด้วย!”เวินจื่อเฉินเกรี้ยวกราด “นางเป็นหัวขโมยแท้ ๆ เลย! นางมีสิทธิ์อะไรนำป้ายวิญญาณของท่านแม่ไป!”สีหน้าของเวินจื่อเยวี่ยดูแย่มากเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่าน้องสาวคนนี้เป็นคนไม่มีเหตุผลเอามากขึ้น!นางออกบวชเป็นแม่ชีโดยไม่ได้รับการยินยอมจากท่านพ่อ ทำเรื่องให้สกุลเวินอับอายขายขี้หน้าก็ช่างเถอะ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ยังขโมยป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปอีก!“สารเลว! ข้าก็ว่าแล้ว เมื่อวานนางเอาแต่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำอะไร ถ้ารู้แต่แรกข้าก็ควรจับต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 41

    เมื่อเวินเยวี่ยได้ยินก็จำเสียงนี้ได้ทันทีเป็นพี่สาวคนดีที่ออกบวชไปแล้วของนางไม่ใช่หรือไรนางยืนหัวเราะหยันโดยที่มีประตูกั้นกลาง สีหน้าฉายแววดูแคลน “ในเมื่อพี่หญิงได้ยินว่าข้ามาแล้ว เหตุใดจึงยังไม่กล้าออกมาพบกันอีกเล่า? หรือว่าพี่หญิงรู้สึกละอายใจต่อคนในครอบครัวตัวเอง?”คนที่เพิ่งกล่าวคือเวินซื่อถูกต้องแล้วจริง ๆ เดิมทีนางเพียงเดินผ่านตรงนี้ ในมือยังคงถือถังน้ำเตรียมตัวกลับไปหลังจากวันที่ออกบวช นางก็ปรับตัวเข้ากับอารามสุ่ยเยว่ได้อย่างรวดเร็วการสวดมนต์ขอพรที่ควรทำทั้งเช้าและเย็น งานทำความสะอาดจิปาถะที่นางควรทำก็ไม่เคยขาดตกบกพร่องอย่างไรเสียหลังจากที่เคยมีประสบการณ์เร่ร่อนข้างถนนในชาติก่อน นางในตอนนี้สามารถมีที่อยู่อาศัย มีกินมีดื่มก็รู้สึกนับว่าไม่เลวแล้วนอกจากนี้ยังจัดเรือนขนาดเล็กที่เรียบง่ายสงบเงียบในอารามแยกต่างหากให้นาง อีกทั้งยังมีพื้นที่ขนาดเล็กที่สามารถปลูกผักได้อีกด้วยเดิมทีวันนี้นางตั้งใจจะจัดการพื้นที่ขนาดเล็กผืนนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าขณะที่ถือน้ำเดินผ่านประตูใหญ่ก็ได้ยินเสียงของเวินเยวี่ยอีกทั้งยังอ้างเรื่อง ‘ความห่วงใย’ อะไรนั่นเพื่อขอพบพี่น้องอย่างนาง?แค่ฟั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 42

    เวินเยวี่ยได้แต่ไปที่อารามสุ่ยเยว่อีกหลายครั้งทุกวันนางต้องนั่งรถม้าจากเมืองหลวงไปที่ภูเขาหนาน และกลับจากภูเขาหนานมายังเมืองหลวง ภายใต้การสั่นโคลงเคลงอยู่หลายวัน เวินเยวี่ยไม่เพียงไม่ได้พบเวินซื่ออีกเลย ตรงกันข้ามนางไม่อาจเดินเข้าแม้กระทั่งประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่เลยด้วยซ้ำ เดิมทีนางยังเคยคิดว่าสามารถปะปนเข้าไปข้างในกับกลุ่มผู้มาสักการบูชาที่เข้ามากราบไหว้ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้มาสักการบูชาผู้ศรัทธาของอารามสุ่ยเยว่จะมีน้อยมาก ประตูใหญ่ของอารามปิดอยู่หลายวัน ไม่เห็นว่ามีผู้มาสักการบูชาผู้ศรัทธามามากเท่าไรนักต่อให้มี หลังจากที่เห็นประตูใหญ่ของอารามปิดสนิท พวกเขาก็กลับไปอย่างเงียบเชียบราวกับเคยชินกับธรรมเนียมที่อารามสุ่ยเยว่บอกว่าจะปิดอารามก็ปิดตามใจชอบเช่นนี้มานานแล้ว ไม่มีใครคัดค้านเลยสักคนนั่งยองอยู่หลายวัน เวินเยวี่ยทนไม่ไหวแล้วจริง ๆนางจึงติดสินบนหญิงชาวบ้านคนหนึ่งที่อยู่ตีนเขา ให้หญิงชาวบ้านคนนั้นไปถามอารามสุ่ยเยว่ว่าจะปิดอารามไปอีกนานแค่ไหนกันแน่คำตอบที่ได้รับคือ... ธิดาศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่อารามเพื่อสวดภาวนาให้บ้านเมือง จึงทำการปิดชั่วคราวหนึ่งเดือน“หนึ่งเดือน?!” เว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 43

    เมื่อถูกเสียงท่องพระสูตรของเวินซื่อดึงดูดความสนใจ จิตใจที่ยุ่งเหยิงแต่เดิมของเป่ยเฉินหยวนก็ค่อย ๆ สงบลง เขาหลับตาฟังอย่างเงียบงันผลปรากฏว่าฟังได้ไม่นานก็พบว่าเสียงของใครบางคนหยุดไปแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมามองก็พบว่าที่แท้อาจารย์น้อยหาบน้ำสักคนได้มาถึงจุดหมายแล้วเวินซื่อหยุดท่องชั่วคราว นางวางถังไม้ที่หาบอยู่บนบ่าลงแล้วก้าวขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่ริมลำธาร จากนั้นก็ถือถังไม้ใบหนึ่งจากในนั้นแล้วนั่งยองลงไปตักน้ำร่างกายของนางในชาตินี้ไม่เคยทำงานอะไรมาก่อน เรี่ยวแรงจึงน้อยมาก ตักน้ำได้เพียงครึ่งถังเท่านั้น ก่อนจะยกขึ้นมาอย่างยากลำบาก เพียงแต่ว่าตอนที่ยกขึ้นมาเผลอแกว่งถังออกมาเล็กน้อยโดยไม่ระวังจนน้ำหกใส่ข้างเท้าของนางเวินซื่อที่ยังไม่สังเกตเห็นเรื่องร้ายแรงก็วางน้ำครึ่งถังนี้ลง แล้วหยิบถังไม้ว่างเปล่าอีกใบไปตักน้ำ ทว่าครั้งนี้ตอนที่นางกำลังจะยกขึ้นมา เท้าเหยียบไปบนคราบน้ำนั้นทำให้นางลื่นไถล...“ว้าย!” เสียงดังตุ๋ม เวินซื่อที่เสียหลักก็ตกลงไปในลำธารม่านตาของเป่ยเฉินหยวนหดลง วินาทีต่อมาเขาก็กระโดดลงจากสะพานเล็ก ๆ ราวกับเตรียมตัวจะเข้าไปช่วยคน แต่เมื่อเขากระโดดลงไปถึงได้พบว่าน้ำในลำธา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 44

    เป่ยเฉินหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อยไม่เลวยังคงระมัดระวังตัวมาก“วางใจได้ ไม่ขายท่านไปหรอก”เขาคลายมือที่จับถังไม้ออกในที่สุด เวินซื่อรับถังไม้ แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรอยู่ดี เป่ยเฉินหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงต่ำอย่างนุ่มนวลออกมาทันที “เอาเถิด ข้าได้รวบรวมตำราแพทย์ไว้แล้ว วันพรุ่งนี้จะเอามาส่งให้ท่าน” “เช่นนั้นต้องขอบคุณ...”เวินซื่อยังกล่าวไม่ทันจบ ก็เห็นเป่ยเฉินหยวนที่อยู่ตรงข้ามเลิกคิ้วขึ้นเอาเถิด “หากท่านอ๋องมีเรื่องอันใดต้องการความช่วยเหลือ หากข้าทำได้ย่อมพยายามทำอย่างเต็มที่”แม้นางไม่คิดว่าตอนนี้ตัวเองยังมีสิ่งใดสามารถช่วยเหลือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ครอบครองอำนาจอิทธิพลในทุกด้านพระองค์นี้เลยก็ตาม แต่หลังจากที่นางรับปาก สีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูดีขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด “วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว พรุ่งนี้ ข้าจะมาหาท่าน” เวินซื่อ “...ได้” หลังจากที่เวินซื่อกลับไปแล้ว เป่ยเฉินหยวนกลับไปที่วัดด้วยความอารมณ์ดีอย่างมากผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนที่เดิมทีตามหาเขาไปทั่วต่างก็ร้อนใจจนหัวหมุนแล้ว อีกทั้งยังลากหลวงจีนชรารูปหนึ่งมาตามหาด้วย ขณะที่กำลังตามหาจนเหงื่อท่วมหัวก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 45

    เมื่อครู่นี้เห็นท่านอ๋องกลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเกาเย่ายังนึกว่าไม่ได้คิดมากไปเองว่าไม่ได้อาการกำเริบผลปรากฏว่าเมื่อตอนนี้จ้องดูอย่างละเอียดถึงได้พบว่าดวงตาสองข้างของเป่ยเฉินหยวนยังคงมีสีแดงโลหิตนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าก็ดูซีดเผือดเล็กน้อยเป่ยเฉินหยวนพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วส่งเสียง “อืม” แม้ว่าเวลานี้จิตใจของเขาจะสงบลงแล้ว แต่ทุกครั้งที่อาการกำเริบแล้ว ร่างกายของเขามักจะปรากฏอาการของโรคเล็กน้อย การที่เกาเย่าสังเกตเห็นก็เป็นเรื่องปกติพวกเกาเย่าตกใจจนเบิกตาโตทันที “ไวขนาดนี้เชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?!” “นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเท่าไร? ครั้งนี้ช่วงเวลาอาการกำเริบของท่านสั้นถึงเพียงนี้เชียว?”เสียงของเกาเย่าแฝงไปด้วยความยินดีปรีดาอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าพวกเขากระต่ายตื่นตูมไปเอง ทว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ที่เป่ยเฉินหยวนอาการกำเริบจนกระทั่งสติกลับมาปลอดโปร่ง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสามชั่วยามนานที่สุดก็ใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ แต่วันนี้เพิ่งผ่านไปนานเพียงใดกันเชียว? เกรงว่าคงไม่ถึงแม้กระทั่งหนึ่งชั่วยามกระมัง?ไม่รู้ว่าเกาเย่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงอดไม่ไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 46

    “ใช่แล้ว”ประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่ถึงค่อยเปิดออกก่อนหน้านี้เป่ยเฉินหยวนได้รับพระบัญชาให้คุ้มกันเวินซื่อมาออกบวช บรรดาอาจารย์ใหญ่น้อยของอารามสุ่ยเยว่ล้วนทราบดีดังนั้นซือไท่ที่เปิดประตูท่านนี้ย่อมไม่สงสัยคำพูดของเป่ยเฉินหยวนทว่าต่อให้นางสงสัย เป่ยเฉินหยวนก็ไม่ได้โกหกจริง ๆ เนื่องจากเมื่อวานเขาได้เข้าวังเพื่อขอพระราชบัญชา เสนอตัวว่าจะดูแลรับผิดชอบพิธีขอพรในครั้งนี้ แม้ฮ่องเต้น้อยรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ยังคงเห็นด้วยกับคำขอที่มาปุบปับอย่างอธิบายไม่ได้ของเสด็จอาพระองค์นี้ของเขาดังนั้นตอนนี้เป่ยเฉินหยวนถือว่าเป็นงานที่ได้รับพระบัญชาจริง ๆ “เวลานี้ศิษย์น้องอู๋โยวยังทำวัตรเช้ากับอาจารย์ม่อโฉวในวิหารอยู่ ท่านอ๋องโปรดรออยู่ด้านนอกวิหารสักครู่”การรอครั้งนี้ได้รอไปครึ่งชั่วยามเต็ม ๆ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เป่ยเฉินหยวนรอคนนานถึงเพียงนี้จนกระทั่งเมื่อเวินซื่อตามหลังม่อโฉวซือไท่ออกมา สายตาก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังพิงเสาทำหน้าง่วงงุนเวินซื่อ “...”ไม่หรอกน่า มาเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ม่อโฉวซือไท่เองก็เห็นเป่ยเฉินหยวนเช่นกัน จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เวินซื่อรีบอธิบายให้นางฟ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 47

    หากไม่ใช่เพราะเวินซื่อรู้ว่าเป่ยเฉินหยวนรังเกียจสตรีที่เข้ามาใกล้อย่างยิ่ง เกรงว่านางเกือบจะเข้าใจผิดกับคำพูดที่แปลกไปเล็กน้อยของเขาแล้วเวินซื่อกระแอมไอเบา ๆ “พอทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว ช่วงเวลานี้ก่อนจะถึงการสวดภาวนาตอนเย็นก็ไม่มีงานอะไรแล้วจริง ๆ” “ก็ดี เช่นนั้นไปกันเถิด” เป่ยเฉินหยวนหันกายเดินไปข้างหน้าเวินซื่อรีบตามเขาไป “ท่านไปก่อนได้หรือไม่? ข้าอยากกลับไปวางตำราแพทย์กับคัมภีร์สวดมนต์ทำวัตรเช้าก่อน หลังจากนั้นค่อยไปหาท่าน” “ได้ แต่อย่าให้ข้ารอนานเกินไปอีกเล่า” เมื่อเอ่ยคำพูดนี้แล้ว เป่ยเฉินหยวนก็ตรงไปที่ภูเขาด้านหลัง เวินซื่อตอบรับก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ กลับไปวางตำราทันที ผ่านไปหนึ่งเค่อ นางหาบถังน้ำสองใบมา อยากจะถือโอกาสตักน้ำไปด้วยอย่างไรก็ตาม นางเพิ่งมาถึงจุดหมายกลับพบความผิดปกติเหตุใดจึงมีคนมากมายถึงเพียงนี้?เวลานี้คนที่ยืนอยู่ริมลำธารเล็ก ๆ ไม่ได้มีแค่เป่ยเฉินหยวนเท่านั้น ยังมีทหารกองทัพธงดำอีกสี่นาย รวมไปถึงดรุณีน้อยนางหนึ่งที่อยู่บนพื้น ดรุณีน้อยผู้นั้นหันหลังให้นางตลอด หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นอาจจะจำไม่ได้ แต่เวินซื่อที่คุ้นเคยกับคนผู้นี้อย่างยิ่งกลับจำได้ทันที

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status