แชร์

บทที่ 72

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“เรื่องวันนี้พอแค่นี้ ส่วนเรื่องหญ้าหญ้าคืนวสันต์ข้าจัดการเอง แต่คำพูดทั้งหมดเมื่อครู่นี้ ผู้ใดก็ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว”

เป่ยเฉินหยวนหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นกดที่กระดูกบริเวณหว่างคิ้ว

ในใจมีความจนปัญญาเล็กน้อย

นังหนู ช่างใจกล้าเหลือเกิน

ไม่รู้จักซ่อนความลับของตนเองให้ดี ๆ หน่อย

เกาเย่าและคนอื่น ๆ มองหน้ากันไปมา

หลินจื่อฟูจ้องมองสีหน้าของเป่ยเฉินหยวนแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ท่านไม่อยากตามหาคนผู้นั้นเพื่อสืบข่าวหญ้าหญ้าคืนวสันต์หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เป่ยเฉินหยวนไม่ได้พูดอะไร

หลินจื่อฟูเข้าใจท่าทางของเขาทันที “แต่ว่าท่านอ๋อง อาการป่วยของท่านยื้อไม่ได้นานนัก ยิ่งยื้อนาน ต่อไปเมื่อท่านอาการกำเริบขึ้นมาก็จะยิ่งทรมาน ในเมื่อหญ้าหญ้าคืนวสันต์นี้ส่งมาถึงตรงหน้าของพวกเราแล้ว เหตุใดท่านไม่ไปถามคนผู้นั้นโดยตรงเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ขอเพียงแค่ได้หญ้าหญ้าคืนวสันต์มาไว้ก่อน พวกเราก็เหลือเพียงหญ้าฝรั่นกลิ่นสุดท้าย ก็จะรวบรวมทั้งหมดครบแล้ว นี่ท่านยังมีความลังเลอันใดอยู่อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ครั้งนี้เกาเย่าและคนอื่น ๆ ต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของหลินจื่อฟู

“ท่านอ๋อง ไ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Apple Ple
คือบ้านนี้โดนของป่ะ อะไรจะหลงคำพูดขนาดนั้น
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 73

    นางดีใจขึ้นมาทันที แล้วก็รีบตักน้ำในลำธารขึ้นมา แล้วรดน้ำตรงนี้แล้วก็มองหญ้าหญ้าคืนวสันต์ที่อยู่ด้านข้าง ทุกต้นมีดอกไม้เล็ก ๆ กำลังบานสะพรั่ง ดูสวยสดงดงามเป็นอย่างยิ่งเวินซื่อกำลังยิ้มพลางจิ้มไปที่เกสรดอกไม้ดอกหนึ่งในนั้นทีหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มสำรวจสวนสมุนไพรอันกว้างใหญ่ของนางตอนที่เดินผ่านสมุนไพรแต่ละชนิด นางได้พลิกเปิดตำราสมุนไพรที่อยู่ในมือเพื่อเปรียบเทียบทีละชนิดแต่หนึ่งในนั้นมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ทำให้นางเกิดความสนใจขึ้นมาเนื่องจากในตำราสมุนไพรมีการจดบันทึกสมุนไพรชนิดอื่นไว้อย่างค่อนข้างละเอียด มีเพียงบันทึกข้อความของสมุนไพรกลิ่นนี้เท่านั้น ที่นอกจากรูปร่างหน้าตาคร่าว ๆ แล้ว ก็มีเพียงชื่อและประวัติความเป็นมาเท่านั้น แม้แต่มีประสิทธิผลทางยาอย่างไรก็ไม่ได้กล่าวไว้หญ้าฝรั่น มาจากต่างแคว้น...หลังจากที่เวินซื่อเปรียบเทียบครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงได้มั่นใจว่าสมุนไพรกลิ่นนี้ก็คือหญ้าฝรั่นน่าเสียดายที่ไม่รู้ประสิทธิผลทางยาหรือว่าจะลองชิมดูเสียหน่อย?ทันใดนั้นเวินซื่อก็ครุ่นคิดอย่างสงสัย แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ส่ายหน้าสลัดความคิดนี้ของตนเองออกไปเสียช่างเถอะ ไม่รู้ว่าเป็นสมุนไพร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 74

    เวินซื่อยืนอยู่บนขั้นบันได หลุบตามองพวกเขาสองคน “นั่นควรถามพวกท่านมิใช่หรอกหรือ?”“เวินจื่อเฉินลงมือทำร้ายข้าอย่างรุนแรง ทำร้ายข้าจนบาดเจ็บสาหัส บัดนี้รอยฟกช้ำบนร่างกายยังไม่จางหาย พวกท่านคงจะไม่คิดว่าคำพูดง่าย ๆ เพียงประโยคเดียว ก็จะได้รับการยกโทษของข้ากระมัง?”เวินจื่อเยวี่ยกับเวินเยวี่ยคิดแบบนี้จริง ๆถึงอย่างไรที่แล้วมาบุตรสาวบุตรชายแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงผู้สง่าผ่าเผยมีเพียงคนอื่นขอโทษพวกเขา พวกเขาเคยก้มหัวให้คนอื่นเสียที่ไหนกัน?”เวินซื่อเข้าใจอุปนิสัยพวกพี่ชายของนางเป็นอย่างดีหากกล่าวถึงข้อเสียในนิสัยของเวินจื่อเฉิน นั่นคืออารมณ์หุนหันพลันแล่น ส่วนเวินจื่อเยวี่ยคือหยิ่งผยองเกินไปเขาไม่เคยเห็นใครหน้าไหนอยู่ในสายตาดังนั้นจะให้เวินจื่อเยวี่ยมาขอโทษนาง แค่คิดนางก็รู้แล้ว สำหรับคนผู้นี้ เกรงว่าแม้แต่คำว่าขอโทษสองคำนี้ก็คงจะเขียนไม่เป็น“พี่รองถูกลงโทษไปแล้วไม่ใช่หรือ?”เวินจื่อเยวี่ยจ้องเวินซื่อเขม็งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เขาถูกโบยแปดสิบไม้ใหญ่ ยังถูกขังอยู่ในคุกมาหลายวันแล้ว เช่นนี้แล้วยังไม่พออีกหรือ?”“ไม่พอ”เวินซื่อกล่าวอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเวินจื่อเยวี่ยสีหน้าเย็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 75

    เวินจื่อเยวี่ยตวาดเรียกชื่อจริงของเวินซื่อออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเย็นชา “เจ้ายอมรับน้องหกไม่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ?”“ใช่ ไม่ผิด มีนางต้องไม่มีข้า มีข้าต้องไม่มีนาง”ทันทีที่เวินซื่อพูดประโยคนี้ออกไป ต่อให้เป็นเวินเยวี่ยก็คิดไม่ถึงว่านางจะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่เวินซื่อพูดจบ พูดออกไปเพียงประโยคเดียว “เงื่อนไขข้าได้พูดชัดเจนแล้ว หากยอมรับได้ วันพรุ่งนี้ก็นำสินเจ้าสาวทั้งหมดของท่านแม่มา”หากรับไม่ได้ละก็ เช่นนั้นก็ปล่อยให้เวินจื่อเฉินเขาอยู่ในคุกหลวงต่อไปก็แล้วกันสุดท้ายเวินจื่อเยวี่ยกับเวินเยวี่ยก็กลับไปด้วยสีหน้าอึมครึมจวนเจิ้นกั๋วกง“น้องห้านางกล่าวเช่นนี้จริงหรือ?”เวินฉางอวิ้นถามเวินจื่อเยวี่ยกับเวินเยวี่ยทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจเวินจื่อเยวี่ยพยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ข้าได้ยินมากับหู ยังจะหลอกพี่ใหญ่ได้อีกอย่างนั้นหรือ?”“ไม่ ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น...”เขาเพียงรู้สึกว่าไม่เข้าใจเวินซื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ“เหตุใดนางถึงได้เกลียดชังน้องหกขนาดนี้? ไม่คิดเลยว่าแม้แต่คำพูดอย่างมีเจ้าไม่มีนางก็ยังพูดออกมาได้”เวินฉางอวิ้นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 76

    เวินเยวี่ยตะลึงงันไปทันทีนางคิดไม่ถึงว่าเวินจื่อเยวี่ยจะไร้มโนธรรมเช่นนี้กลับบอกให้นางอย่าฟังคำพูดของพี่ใหญ่แต่ว่าเวินเยวี่ยก็ไม่ได้ตอบรับทันที นางยังคงแสร้งทำเป็นลังเลครู่หนึ่ง “แต่ข้ารับปากพี่ใหญ่เอาไว้แล้ว อีกทั้งพี่ใหญ่พูดถูกต้อง ครั้งนี้ท่านพ่อโมโหขนาดนี้ จะต้องเอาจริงอย่างแน่นอน”“ทางที่ดีควรเอาจริง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “ต่อให้ไม่เอาจริง ข้าก็จะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นจริงขึ้นมาจนได้”“พี่สามพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินเยวี่ยสีหน้างุนงง แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเวินจื่อเยวี่ยยิ้ม “น้องหก เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าคนบางคนมีนิสัยเอาแต่ใจและอวดดีมาตั้งแต่เกิด ไม่ให้นางลองสูญเสียดูบ้าง นางก็จะไม่มีทางแก้ไขสันดานเลวของตนเองได้ ดังนั้นครั้งนี้ข้าเห็นด้วยกับวิธีการของท่านพ่อ”“หลังจากตัดขาดความสัมพันธ์กับเวินซื่อ นางก็จะสูญเสียสถานะบุตรภรรยาเอกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงที่ทำให้นางมีทุกอย่างไปจนหมดสิ้น และในไม่ช้านางก็จะได้รู้ เมื่อไม่มีสถานะนี้ นางก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ก้นบึ้งหัวใจของเวินเยวี่ยยิ้มออกมาทันทียอดเยี่ยม ไม่คิดเลย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 77

    “อืม รู้แล้ว จำเอาไว้ว่าพรุ่งนี้ให้พาเขามาที่นี่ ไม่อย่างนั้นต่อให้รับสินเจ้าสาวของท่านแม่แล้ว ขอเพียงแค่เวินจื่อเฉินเขาไม่มาขอโทษ ข้าก็ไม่มีทางตกลง”หลังจากเวินซื่อพูดจบ ก็พูดเสริมตามเขาอีกหนึ่งประโยค “เข้าใจแล้วหรือไม่?”เวินจื่อเยวี่ยสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที“ดี เวินซื่อ เจ้ายอดเยี่ยมอย่างที่คาดเอาไว้”เวินซื่อไม่ได้สนใจเขา ยกหีบสินเจ้าสาวทั้งหมดเข้าไปข้างในพร้อมกับบรรดาศิษย์พี่หญิงจนกระทั่งยกหีบสุดท้ายหมด นางก็ไม่ได้มองเวินจื่อเยวี่ยพวกเขาอีกแม้แต่แวบเดียวเวินเยวี่ยมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ข้าง ๆถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่น้องสาวที่เชื่อฟังคำสั่งสอนพี่สามให้นางทำอะไร นางก็ทำอย่างนั้นรอจนถึงเรื่องจบสิ้นลงในที่สุดราวกับมีก้อนหินยักษ์ตกลงไปในก้นบึ้งหัวใจของเวินเยวี่ยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นำเรื่องนี้กลับไปบอกแก่เวินเฉวียนเซิ่ง วันต่อมาเวินเฉวียนเซิ่งก็นำชื่อของเวินซื่อลบออกจากบันทึกลำดับญาติเวินฉางอวิ้นอยากจะขวางแต่ก็ขวางเอาไว้ไม่ได้เวินเยวี่ยที่มองดูด้วยจิตใจมีความสุขเบิกบานยังจงใจไปรีบเวินจื่อเฉินโดยเฉพาะตอนที่เตรียมจะใกล้ชิดพี่รองคนที่ไม่ได้เจอมานานผู้นี้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 78

    “พี่รอง ท่านเสียสติไปแล้วหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยหันไปมองเวินจื่อเฉินอย่างประหลาดใจแม้ทีแรกพวกเขาก็เตรียมที่จะพาเวินจื่อเฉินไปขอโทษก็ตาม แต่เวินจื่อเฉินที่สมัครใจเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ”“เป็นเพราะการโบยแปดสิบไม้ใหญ่ทำให้ท่านโง่งมไปแล้ว หรือเป็นเพราะท่านอยู่ในคุกจนความฉลาดหายไป?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากอย่างดูถูกประมาณหนึ่งเวินเยวี่ยเองก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “พี่รอง ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ หรือ?”เวินจื่อเฉินคิดไม่ถึงว่าตนเพียงแค่พูดประโยคนั้นเพียงประโยคเดียว ปฏิกิริยาของทั้งสองคนจะรุนแรงถึงเพียงนี้เขาพูดไปไม่ออกไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดสิ่งที่ตนคิดตอนที่ติดอยู่ในคุกหลายวันนี้ออกมา “อันที่จริงวันนั้นหลังจากที่ลงมือตบตีเวินซื่อ ข้าก็นึกเสียใจ”หลายวันมานี้ ทุกครั้งที่เขาหวนนึกถึงสีหน้าของเวินซื่อในวันนั้นขึ้นมาช่างเป็นภาพที่บาดตาเสียจริงเหตุใดไม่ได้เจอกันเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่คิดเลยว่าเวินซื่อจะแสดงสีหน้าเจ็บแค้นเขาแบบนั้น?เขากำลังคิดถึงจุดประสงค์แรกตอนที่ตนขึ้นไปบนภูเขา เดิมทีเขาแค่อยากจะพาตัวเวินซื่อกลับบ้านเท่านั้นแต่เขาคิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเวินซื่อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 79

    “ผลัวะ!”เวินจื่อเยวี่ยยังไม่ทันพูดจบ จู่ ๆ เวินจื่อเฉินก็กระแทกหมัดใส่ใบหน้าของเขา ทำให้เวินจื่อเยวี่ยไม่ทันได้ป้องกันตัว“พี่รอง!”เวินเยวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็คิดไม่ถึงว่าเวินจื่อเฉินจะลงมืออย่างกะทันหันเช่นนี้ยังเป็นการลงมือกับเวินจื่อเยวี่ย เพราะเวินซื่ออีกด้วย!“เจ้ามันคนไม่มีหัวจิตหัวใจ! เจ้าลืมสิ่งว่าก่อนท่านแม่ตายได้พูดอะไรกับพวกเราไปแล้วอย่างนั้นหรือ? นางให้พวกเราดูแลน้องสาวให้ดี เจ้ากลับดูแลนางแบบนี้หรือ? ไม่คิดเลยว่าเจ้ายังจะพูดว่านางดื้อรั้นจนสุดจะทนอีก? !”เวินจื่อเยวี่ยหันหลังกลับไปชกเวินจื่อเฉินคืนหนึ่งหมัดโดยไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับเวินจื่อเฉินที่บนร่างกายยังมีอาการบาดเจ็บ และติดอยู่ในคุกมาหลายวัน หมัดของเขาต่อยได้อย่างหนักหน่วงต่อยเวินจื่อเฉินจนเกือบกระเด็นออกไปด้านนอกห้องโดยสารเผชิญหน้ากับความโกรธของเวินจื่อเฉิน หลังจากเวินจื่อเยวี่ยบ้วนเลือดออกมาคำหนึ่ง ก็จ้องมองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึงพร้อมกล่าว“พี่รอง ขอเตือนท่านว่าทางที่ดีอย่าเอาความโมโหมาระบายที่ข้า ข้าไม่ใช่เวินซื่อ เมื่อก่อนถ้าเป็นแบบนี้ละก็ พี่รองท่านก็คงต่อว่าเวินซื่อไม่น้อยเหมือนกัน ยิ่ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 80

    เวินจื่อเยวี่ยเดาได้ไม่ผิดจริง ๆในตอนที่พวกเขากำลังรีบร้อนตามหาม้า รีบลากรถม้าไล่ตามไปถึงอารามสุ่ยเยว่ ก็เห็นเวินจื่อเฉินกำลังถูกบรรดาซือไท่ที่ถือไม้พลองกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ จ้องมองเขาด้วยสีหน้าโกรธแค้น“น้องห้า! น้องห้าเจ้าออกมาสิ!”“ข้าคือพี่รองของเจ้า ข้ามาขอโทษเจ้าแล้ว!”“น้องห้า ขอร้องเจ้าออกมาเจอหน้าข้าสักครั้ง ได้หรือไม่?”เวินจื่อเฉินยืนอยู่ที่ด้านนอกอารามสุ่ยเยว่ กำลังตะโกนเรียกเวินซื่อม่อโฉวซือไท่ที่ยืนอยู่บริเวณประตูอารามสุ่ยเยว่เอ่ยปากเย็นชา “หากประสกอยากจะขอโทษละก็ เช่นนั้นก็พูดมาตรงนี้เถอะ ข้าจะไปแจ้งอู๋โยวแทนท่าน”“ไม่ได้!”เวินจื่อเฉินส่ายหน้ากล่าว “ข้าต้องการให้น้องห้าออกมาพบข้า ในเมื่อเป็นการขอโทษนาง เช่นนั้นข้าก็ควรกล่าวขอโทษต่อหน้านาง”“ไม่ต้องหรอก”ม่อโฉวซือไท่ปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย“อารมณ์ของประสกฉุนเฉียวไม่ปกติ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องราวแบบคราวก่อน ประสกไม่จำเป็นต้องพบอู๋โยวอีกแล้ว”เวินจื่อเฉินได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม “หมายความว่าอย่างไรที่ไม่จำเป็นต้องพบนางอีกแล้ว?”“ความหมายของข้าก็หมายความตามนั้น อู๋โย

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status