"ฉันเอง"
เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบ เสมือนไม่อะไรแฝงในนั้น แต่กลับทำเอมิเลียสะดุ้งโหยง หัวใจชาวาบทำตัวไม่ถูก เธอพร่ำถามตัวเอง เหตุผลอะไรถึงต้องกลัวเขาขนาดนี้
"ไม่สะดวกหรือ..."
"กำลังจะไปเปิดค่ะ"
ร่างบางลุกเต็มความสูง เดินเอื่อยไปทางประตู หลังเอ่ยประโยคเบาหวิว เทียบเท่ากับสายลม
แอด...
และเหมือนเดิม เธอเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเขา ครูซัสขัดใจหนัก ทว่าเลือกที่จะนิ่ง ยกมือล้วงกระเป๋ากางเกง ถามด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าน่าฟัง และอ่อนโอนที่สุด ซึ่งอันที่จริงแล้ว ต่อให้เขาบีบเสียงจนนุ่มแค่ไหน สำหรับเด็กสาวอายุสิบแปดเศษ ยังไงก็น่ากลัวอยู่ดี
"ขอโทษที่รบกวนเวลานอนของเธอ แต่ฉันเห็นไฟห้องเธอเปิดอยู่"
"ค่ะ หนูนอนไม่หลับ เลยจะอ่านหนังสือ"
"ทำไม? ผิดที่หรือ "
"ใช่ค่ะ..."
เธอตอบเสียงแผ่ว ชายหนุ่มมองมือบางข้างนึงกันวงกบประตู แล้วยิ่งขัดใจ เขาไม่ชอบเอาเสียเลย กับท่าทีหญิงสาว ที่บ่งบอกถึงความไม่ไว้ใจเขา
"เงยหน้า "
คำสั่งครั้งแรกจึงเอ่ยขึ้น แต่ไม่ดังมากนัก
เอมิเลียไม่ทำตาม กลับก้มลงมากกว่าเดิม เพ่งสายตามองพื้น ไม่นานก็เห็นรองเท้าหนังเขาก้าวเข้ามา
"เงยหน้าขึ้น.."
ประโยคเดิมดังอีกรอบ หญิงสาวใจสั่น ดึงมือบางข้างนั้นจากวงกบประตูมาบีบเข้าหากัน ระบายความกลัวจนขึ้นสันปูด ก่อนร่อนเท้าถอยหลัง เมื่อเขาเดินเข้ามาจริงๆ ครูซัสขมวดคิ้วเข้ม ก้มลงมองเธอ ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ไม่เคยมี... ไม่เคยเลย ที่เขาออกคำสั่งกับใคร แล้วคนๆนั้นกล้าขัดคำสั่งเขา
"เอมิเลีย!" เขาตวาด
พลั่ก!
หญิงสาวถึงกับเสียหลักล้ม เพราะตกใจเสียงเขาสุดขีด
"อ๊ะ...." ทว่า กลับถูกเขาฉวยแขนไว้ทัน
ท่อนแขนแกร่งคว้ารับร่างสาวไว้พอดิบพอดี ในจังหวะที่เธอนั้นจวนจะร่วงถึงพื้น เพราะตกใจเสียงตะเพิดของเขา
เธอรู้สึกแขนขาอ่อนเพลี้ย ดวงตาหวานฉ่ำเต็มไปด้วยหยาดน้ำ ซึ่งคลอเบ้าตอนไหนไม่รู้ ประสบเข้ากับดวงตาคมเฉี่ยวสีดำสนิท เอมิเลียหลับตาปี๋ ไม่กล้าแม้แต่จะดันตัวเขาออก รอให้เขาดึงร่างเธอขึ้นมาเอง เมื่อยืนในท่าที่ถนัดมากขึ้นจึงจะถอยออกห่าง ส่วนครูซัสเอง ก็เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาจัดชุดสูทตัวเองเล็กน้อย พลางก้มลงมองเธอ
"ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ฉันไม่ชอบเด็ก"
เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยราบเรียบ ทว่า ทำภายในใจเธอกระตุกวูบ ก้มหน้างุนหนักกว่าเดิม ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้น ยิ่งทวีคูณความขัดใจ ทำเขาหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ
"บอกให้เลิกกลัว! "
กระชากต้นแขนเรียวไปตามแรงมือ หญิงสาวตกใจหนัก ตัวแข็งทื่อ
"หนะ หนู... หนู ฮื้อออ"
เผลอปล่อยโฮออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ครูซัสตกใจในวินาทีแรก ก่อนปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ พร้อมปล่อยแขนเธอเป็นอิสระ ยืดตัวสูดหายใจเข้าปอดสุดลึก พยายามอย่างมากกับการเก็บอารมณ์ของตัวเอง
"เงียบซะ"
"ฮื้อๆๆ"
แน่นอน เธอคงจะทำตามเสมือนใจนึกไม่ได้ เพราะสิ่งที่เธอเป็นอยู่ มันมาจากความรู้สึกล้วนๆ ได้แต่ก้มหน้านิ่ง เก็บเสียงให้เบาที่สุด
"เอมิเลีย"
ทว่า มันยาก เขาจ้องแต่จะออกคำสั่ง ยืนเฝ้าพฤติกรรมเสมือนเป็นผู้ปกครอง จนกระทั่งในที่สุดเธอนั้นเงียบไปเอง
"เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเถอะ มันดึกแล้ว เธอจะได้นอน"
"......"
"พรุ่งนี้เช้า เธอจะต้องไปมหาลัยกับฉัน ฉันจะพาเธอไปฝากเรียน"
"....."
"ไปแต่เช้า ห้ามตื่นสาย "
"...."
"ได้ยินหรือเปล่า"
ครูซัสก้มลงถามซ้ำ หลังจากอธิบายจบ ทว่า เหมือนเขาพูดคนเดียว
"......"
"นี่! ฟู่ววว... "
ชายหนุ่มขัดใจหนัก ขมวดคิ้วจ้องหน้าหญิงสาวตาเขม็ง ในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนเธอยังคงก้มหน้านิ่งเหมือนเดิม เขาถอนหายใจทิ้งท้าย คิดว่าคงต้องไปแล้วจริงๆสักที ทว่า กลับเพิ่งนึกขึ้นได้ ยังมีอีกคำขู่ที่ยังพูดไม่หมด
"แล้วก็... "
".... "
"ฉันขอแนะนำ เธอควรจัดการความขี้ขลาดในใจเธอให้หายก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะพรุ่งนี้มันอาจจะแย่กว่าเดิม "
"O.O "
เช้าตรู่ หมอกยังคงลอย เอมิเลียไม่ได้นอนตั้งแต่ตอนนั้น หลังจากถูกผู้ใหญ่ข่มขู่ก่อนเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เธออยู่ในโลกมืดเพียงลำพัง ยอมรับเธอเป็นคนขี้กลัว กลัวที่สุดคือคนแปลกหน้า นับตั้งแต่รู้ประวัติของตัวเอง เธอนั้นถูกบุพการีแท้ๆทิ้ง ความศรัทธาที่จะเชื่อใจใครสักคนมันไม่มีอีกเลย เว้นแต่มาดามเรกาโดเท่านั้น ซึ่งนอกจากชื่อกับสถานะหล่อนแล้ว ตัวเป็นๆยังไม่เคยเห็น รวมถึงตอนนี้ด้วย
เอมิเลีย มาที่นี่วันนี้ เป็นวันที่สองแล้ว เธอก็ยังมีแค่ความทรงจำในห้องสี่เหลี่ยม กว้างขวาง เปรียบเอาห้องเก่าเธอมารวมเป็นสิบห้องเห็นจะได้ กับหน้าดุ ขรึม เย็นชา ของเจ้าของบ้านเท่านั้น
ส่วนของความรู้สึก สองสามวันมานี้ เธอไม่ชอบเอาเสียเลย และแน่นอน เช้านี้ของเธอจึงไม่สดใสนัก ขัดกับบรรยากาศยามนี้โดยสิ้นเชิง ทั้งหมอกขาวบางเริ่มจางลง กลิ่นโอโซนชุ่มฉ่ำ เหมาะสำหรับนักวิ่งมาราธอน ปั่นจักรยานเป็นอย่างมาก ส่วนเอมิเลีย ถึงจะรักการออกกำลังกาย อ่านหนังสือนิยาย หรือฟังเพลงแค่ไหน เธอคงไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่อะไรทั้งนั้นในตอนนี้ เพราะยังต้องปรับตัวอีกเยอะ กันตัวเองพลาดไม่ให้เขาต้องมาดุมาด่าอีก แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายเลย อาทิเช่นวันนี้ ที่เธอเสียเวลาหาชุดใส่ให้เหมาะกับการไปสมัครเรียน เป็นชั่วโมง
คำสั่งที่บอกห้ามสาย แทบจะเป็นหมัน
น่องสวยขาวปลีกล้วยสั่นกระเพื่อมเพราะถูกเจ้าของสับไปสับมา เสี่ยงต่อการจับกันเป็นก้อน ก่อนจะมายืนหอบหืดอยู่หน้าคฤหาสน์ หลังจากมีคำสั่งฝากซีอาร์มาบอกว่าเขาจะไปรออยู่ที่รถ
"คันไหนล่ะ"
เอมิเลียถึงกับงง หาทางไปไม่ถูก เมื่อมองซ้ายมองขวา เห็นว่ารถที่จอดรออยู่นั้นมีสองคัน เธอยืนเหวอ หน้าเริ่มซีดเป็นไก่ต้ม
จนกระทั่งบานกระจกรถคันนึงค่อยๆเลื่อนลงมา เผยให้เห็นหน้าของครูซัส ที่กำลังหงุดหงิดเต็มทีนั่นแหละจึงจะโล่งอก เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เธอเดินไปถึง
"ขึ้นรถ"
พลางสั่งเสียงห้วน
"ค่ะ"
ห้านาทีผ่านไป...
ในขณะรถแล่น และต่างคนต่างเงียบ ครูซัสเป็นฝ่ายเปิดประเด็นก่อน
"ฉันผิดเอง ที่ไม่หาซื้อเสื้อผ้าให้เธอ"
"คะ?"
"เธอถึงได้แต่งตัวน่าขายหน้าขนาดนี้"
ที่มันทำให้เธอจุก ถึงขั้นต้องก้มมอง ดูสารรูปตัวเอง พลางกัดปากแน่น
"ขอโทษค่ะ ชุดนี้เป็นชุดเก่งที่สุดของหนูแล้ว"
"พูดได้แล้วหรือ" ชายหนุ่มหันมาเลิกคิ้ว นั่นทำให้เธอก้มหน้านิ่ง มือทั้งคู่บีบเข้าหากันมากกว่าเดิม "ฉันถาม "
"หนูไม่ได้... เป็นใบ้นี่คะ"
และแน่นอนเธอเองก็ตกใจ กับประโยคนี้ที่เธอตอบออกไปเหมือนกัน เธอไม่ได้กวนประสาทเขานะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงตอบออกไปแบบนั้น
"ฮึ.."
ทว่า ได้มาแค่การเหยียดยิ้ม เอมิเลียชำเลืองมอง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จึงตัดสินใจถาม
"เมื่อไหร่หนูจะได้เจอคุณเรกาโด เกรซ คะ"
ซึ่งไม่คิดว่ามันจะทำให้ครูซัสชะงักกึก อึ้งกับประโยคที่เธอพูด และเธอเองก็งงกับประโยคที่เขาตอบเช่นกัน
"แม่ฉันเสียไปนานแล้ว อย่าบอกนะว่าเธอยังไม่รู้"
ไม่สิ เหมือนเธอจะช็อคมากกว่า
เขตนอกชานเมือง กึ่งป่าดงดิบกึ่งป่าทึบ หากแหงนหน้าขึ้นไปข้างบน ตรงจุดนี้จะเป็นเนินเขาคล้ายเหวลึก เสียงสัตว์ป่าสงวนผสานเสียงกันจ้าละหวั่น หากใครสักคนต้องติดอยู่บริเวณนี้จนมืดค่ำ คงจะอ้างว้างน่าดู เวเดโน่ยืนน่าซีดเผือดหลังมาถึง และฟังคำบอกเล่าของคนแปลกหน้าที่ติดต่อมาด้วยความนิ่งสงบ ต่างกับใจที่ละเหี่ยเต็มที แม้จะบั่นทอนจิตใจ แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องรู้ เขาจึงต้องฟัง จากพลเมืองดีตรงหน้า ที่คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจออีกแล้ว ดวงตาสีดำสนิททั้งสี่คู่มองไปยังจุดนั้นเป็นจุดเดียว ในขณะหูนั้นฟังพร้อมนึกภาพตาม กับสีหน้าที่สลดสูงสุด เรกาโดต้องทรมานแค่ไหนจึงจะผ่านมาเหวนี้มาได้ เพราะความห่างระหว่างตึกองค์กรกับหน้าผามันไม่ใช่หนทางที่ง่ายเลย" ตอนนี้เขาอยู่ไหน "“ ยังไม่ได้สติครับ ““ พาพวกเราไปหน่อย “เวเดโน่ละสายตาเป็นคนแรก ก่อนแจ้งเจตจำนง แม้ท่าทางที่แสดงออกมาต่อหน้าคนอื่นจะดูเรียบเฉย ราวกับเรื่องตรงหน้า ไม่สำคัญให้ต้องตื่นเต้น เพราะเหตุการณ์แบบนี้ช่ำชองกับเขามานักต่อนัก การสูญเสียใครสักคนไปจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับมาเฟียอย่างพวกเขา เว้นแต่กรณีของเรกาโด ต่อให้กลบเกลื่อนความรู้สึกด้วยความขรึมยังไ
ร่างบางทิ้งเข่ายวบพื้นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก หมดพลังและปัญญาจะอ้าปากพูด แม้แต่มือยังปล่อยปะละเลยไว้บนตัก เธอทำได้แค่สะอื้นในใจเท่านั้น นั่นไม่ใช่เพราะเสียใจน้อย แต่มันช็อคจนไม่รู้จะร้องไห้ยังไง มันทั้งเจ็บทั้งปวด ทรมานเกินจะบรรยาย" คะ คุณครูซ..."ต่อจากนั้นคงมีแต่ศีรษะที่เอาแต่ส่ายหน้า ซ้ำไปซ้ำมา ราวกับสลัดความมึนงง เธอต้องฝันไปแน่ๆ...ใช่ มันคือความฝัน ทว่า ทำไมน้ำตานับแสนเม็ด กับหัวใจของเธอที่แตกสลาย ไม่มีชิ้นดีนี้ แทนคำตอบของเธอได้ดีทีเดียว สัญชาตญาณกำลังบอกเธอ..มันคือเรื่องจริง!" ไม่จริ๊ง!!! "" เอมิเลีย! "ก่อนร่างทั้งร่างจะล้มตึงฟุบพื้นไม่เป็นท่า หากไม่ได้แขนพ่อของเธอเข้าช่วย มีหวังหน้าผากที่มนสวยคงแตกเกิดรอยตำหนิหนึ่งชั่วโมงผ่านไปโลกทั้งใบเป็นสีทึบ ทะเลทรายที่เคยขาวสะอาด มีแสงระยิบระยับราวกับกากเพชรยามถูกแดดส่องแปรเปลี่ยน ทุกอย่างดูอึมครึมไปทันที นับตั้งแต่เปลือกตาหวานละมุนปิดสนิท ออร์แกนพบข่าวด่วน ด่วนชนิดที่ทำเขารับมันไม่ทัน จะว่าเป็นข่าวดีก็มีส่วน หากแต่มาในช่วงเวลานี้ คงจะยินดีไม่ไหว" ท้องงั้นหรือ..."เสียงครางไม่อยากจะเชื่อเอ่ยขึ้น หลังหมอประจำตระกูลถูกเรียกตัวมาตรวจ
คนพิการทางร่างกายหากแต่ใช่สมองนิ่วหน้า คงเจ็บระบมน่าดู เพราะฝ่าเท้าที่เหยียบอยู่ของมาเฟียรุ่นลูกนั้น น้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ ความเจ็บปวดทางใจบอกผ่านนัยย์ตา เรกาโดจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ จะร้องก็ไม่ร้องจะแสร้งเมินเฉยก็คงเกินความสามารถ วินาทีนี้หัวใจเขามันเหน็บชาไปหมด“บอกกูมา ว่าอยากจะตายอยู่ที่นี่หรือว่าจะรอดไปด้วยกัน”คนข้างล่างต่อลอง เขาแค่นหัวเราะก่อนจะยกยิ้มมองเปลือกตาไม่กระพริบ พลางทรุดตัวลงนั่ง“รู้อะไรไหมครับ ในชีวิตของผมเจอคนพิการแบบท่านมาก็เยอะ บางคนสงสารจับใจจนต้องยื่นมือเข้าช่วย จะทำเป็นไม่เห็นคงไม่ได้ แต่กับท่านเนี่ย....” โน้มหน้าไปกระซิบใกล้ๆ “ยิ่งตายอย่างทรมาน ผมโคตรยิ่งสะใจ”พลั่ก!จับหัวโขกพื้นไปทีนึง แล้วลุกขึ้นยืน ปล่อยให้โคโรธีนอนงอเข่า จุกเสียดอยู่ตรงนั้น ส่วนเขายืนเต็มความสูงอย่างหมดแรง แต่ก็ยังใช้เรี่ยวแรงที่เหลือนั้นค้นหาสมาร์ทโฟน หาเบอร์โทรเกือบจะล่าสุดกดโทรออก ไม่นานปลายสายก็รับ(ครับนาย นายเป็นอย่างไรบ้าง)“เอาโทรศัพท์ไปให้ เอมิเลีย”(อะไรนะครับ?)“ใช่หน้าที่ มึงต้องมาสงสัยหรือ เร็วๆ”(ครับๆ ได้ครับ)เขายืนรอสายอย่างใจเย็น ที่ช้าสำหรับเขาอยู่ตอนนี้ คาดว่าลูแค
ใช้เวลานานพอสมควร กับการสาดกระสุนใส่กันระหว่างสองพวก เรียกได้ว่านี้เป็นมหากาพย์ที่ดีที่สุดหากเปรียบเทียบเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ว่าได้ทว่า..ไม่ใช่ สำหรับผู้ประสบพบเจออย่างทีมอัลฟ่า และคนชั่วอย่าง โคโรธี ทอน มันเป็นเรื่องที่บัดซบที่สุด นับตั้งแต่เกิดมาได้ครึ่งคน นี่คือผลงานชิ้นใหญ่ที่ทำเจ้าของถิ่นหัวเสียได้มากสุด อัลฟ่ามาเพื่อทำลายและล้างผลาญทรัพย์สมบัติเขาจริงๆ อย่างที่คิดไว้ ความเสียหายประดุจคำบอกเล่า ในเมื่อต้องการครอบครอง แบบไม่ผันก้มลงมองตัวเอง รังแต่ใช้อำนาจตัดสินอนาคตคนอื่น พรากออกจากโลกด้วยความตาย...ฉะนั้นคนกระทำก็สมควรตายตามไปด้วยเช่นกัน ถึงเวลาแล้ว และคนอย่างพวกเขาต้องทำให้สำเร็จ แม้นยามนี้จะกระทบใจใครอยู่ก็ตามที!“เลิกบ้าได้แล้ว ไอ้ครูซ”เสียงคำรามข่มต่ำทุ้มดังมาจากข้างหลัง เรกาโดชะงักสิ่งที่กำลังจะทำกลางคัน เขาจำเสียงนี้ได้แม่น แค่ไม่หันกลับไป นอกเสียจากแค่นหัวเราะในลำคอแทน“หึ...”“อย่าดันทุรัง”“พ่อต่างหาก ที่ดันทุรังอยู่ ปกป้องมันทำไม เพื่ออะไร...”ประโยคทิ้งท้ายแหบแห้ง มาเฟียแก่ผมขาว คงไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่แสดงออกว่ายามนี้สิ่งที่ลูกชายเขามีมันคือความเจ็บปวดที่บีบหัวใจเข
รถกันกระสุนคันเดิมจอดห่างไกลตัวตึก เพื่อให้ชายหนุ่มนั่งข้างคนขับกระโดดลงไปอย่าทันให้ใครเห็น เวเดโน่ถอยรถกลับอย่างรวดเร็ว เกือบชนต้นไม้ในโพรงป่าทึบข้างกำแพงหลังพุ่งกันชนท้ายเข้าไป ก่อนจะตามเรกาโดไปติดๆ คราวนี้ทั้งคู่คงต้องรับบทเป็นนินจาเสียแล้ว' ประตูดีๆ ไม่มีให้พวกมึงเข้าไปหรือไงวะ 'เสียงซันดรูแทรกออกมา ท่ามกลางความเงียบรอบบริเวณที่พวกเขาอยู่" มึงคิดว่ามันยังต้อนรับพวกเราดีอยู่ว่างั้นเถ้อะ! "เวเดโน่ประชด ส่วนเรกาโดแค่นหัวเราะพร้อมหาช่องแคบทางลับจากจุดนี้ไปโผล่อีกทีหลังกำแพงอย่างช่ำชอง จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายที่ไม่มีใครรู้ว่าเขานั้นรู้ เพราะตอนเป็นเด็กเขาเคยมาแล้วครั้งนึง เหตุผลทำไมไม่ไปในจุดที่รู้น่ะหรือ... เพราะคิดว่า โคโรธี ทอน เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ คงสั่งลูกน้องดักรอเชือดคอเขาเรียบร้อยแล้ว!" เฮ้ย ไอ้ครูซ เดี๋ยวรอกูด้วย... บ้าเอ๊ยยย ไม่ฟังกูเลย "เวเดโน่ชะงักกึกเปลี่ยนจากการกระซิบกับซันดรูเป็นกระซิบไล่หลังแทน พร้อมกิ่งไม้แห้งใกล้มือเขวี้ยงใส่ไปด้วย' อะไรกันวะ ' ส่วนฝั่งตรงข้ามถามกลับมา ทว่า..." หน้าที่ของมึงตอนนี้ หาเส้นทางรอดให้พวกกูก็พอ ไอ้ครูซมันเข้าไปแล้ว "กลับถูกเวเดโน่เอ
ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจ หลังได้ยินเสียงข้อความผ่านสามาร์ทโฟนปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย ร่างหนาถึกพยุงตัวเองขึ้นนั่ง พลางหันไปมองด้านขวา กลับไร้คนข้างๆมีเพียงพื้นที่ว่างเปล่า คิ้วหนาขมวดเข้ากันเป็นปม...เช้าขนาดนี้หล่อนไปไหน ก่อนจะบึ่งลงจากเตียงเดินอาดๆ ไปยังห้องน้ำในครัว นานทีจะมีนายหญิงลงมาทำอาหารเช้าเอง ความครึ้กครื้นปนวุ่นวายย่อมบังเกิด สาวใช้นับสิบยืนเรียงหน้ากระดานพากันมองร่างบางเท้าสะเอวคนน้ำพาสต้าแล้วยกขึ้นมาชิม สลับกับการเติมเครื่องปรุงไปด้วย เธอขะมักขะเม้นในการทำเป็นอย่างมาก ยกอะไรใส่ก็ล้วนแต่มั่นใจไปเสียหมด ไม่รวมถึงการหั่นเนื้อ หั่นผักที่ดูคล่องแคล่วถนัดนัก เล่นเอาสาวใช้ที่ยืนมองตั้งแต่เริ่ม ละอายตามกันเลยทีเดียว วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหนอ นายหญิงตัวน้อยของพวกหล่อนถึงเข้าครัวได้" โอเค เสร็จแล้ว ยกเสิร์ฟได้เลยจ้ะ"เอมิเลียบอกเสียงใส ตบมือเข้าหากันสองสามที ก่อนจะกอดอก ราวกับภาคภูมิในฝีมือตัวเองเต็มประดา แล้วหันมาพยักหน้าให้พวกหล่อน" เดี๋ยวยกไปให้หน่อยนะคะ ส่วนในหม้อที่เหลือนี้ พวกพี่ทานได้ ฉันทำเผื่อด้วย "และครั้งนี้ดูเหมือนว่าสาวใช้จะพากันเทใจให้กับหล่อนไปเต็มๆ หลังรับรู้ถึงความมี