Share

บทที่ 6

แม้จะรู้ท่านผู้เฒ่าหญิงจงใจ แต่ลู่เจ๋อก็ยังคงชำเลืองมองเฉียวซุน

แต่เฉียวซุนกลับไม่สวีทเป็นเพื่อนเขา

เธอคุยกับท่านผู้เฒ่าหญิงอยู่พักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวหนูจะทำเค้กผงรากบัวให้นะคะ"

เธอจากไป รอยยิ้มของหญิงชราลดน้อยลง แล้วโน้มตัวกลับไปพิงด้านหลัง

“ลู่เจ๋อ เรื่องของไป๋เซียวเซียวนี่มันยังไงกัน? แค่ดูแลเธอตามปกติก็พอแล้ว ทำไมต้องจุดพลุดอกไม้ไฟอะไรด้วยล่ะ? ระวังภรรยาจะหึงแล้วชวนทะเลาะเอาไว้นะ”

“ ต้องเอาใจใส่ครอบครัวของเสี่ยวซุนให้มากขึ้น อย่าทำราวกับว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแบบนี้”

“ถ้ายังเย็นชาแบบนี้ต่อไป ระวังเธอจะหนีไปได้นะ”

……

ลู่เจ๋อพูดตอบรับเพียงไม่กี่คำ และไม่ได้อธิบายเรื่องพลุดอกไม้ไฟ บางทีอาจเป็นฝีมือของเลขาฉินก็ได้!

หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน เฉียวซุนทำขนมเสร็จแล้วก็เดินเข้ามา

ลู่เจ๋อเห็นว่า แม้เธอจะทำงานบ้านแต่เสื้อผ้าบนตัวของเฉียวซุนก็ยังคงเรียบเนียน ทั้งตัวดูงามสง่า เฉกเช่นสตรีผู้สูงศักดิ์

อาจจะมีบางเวลาที่ทำให้เขารู้สึกเบื่อ

ท่านผู้เฒ่าลู่กลับชอบมาก เธอหยิบขนมมาชิมแล้วพูดประเด็นสำคัญว่า “ลู่เจ๋ออีกสองปีก็จะอายุครบ30ปีแล้ว เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมีลูกไปสองคนแล้ว เมื่อไหร่หลานจะทำให้ย่าจะได้อุ้มเหลนสักทีล่ะ?”

เฉียวซุนไม่ได้พูดอะไร

ลู่เจ๋อชำเลืองมองเธอ หยิบเค้กผงรากบัวขึ้นมาเล่นเบาๆ “เสี่ยวซุนยังเด็ก เล่นสนุกอีกสักสองปีดีกว่านะครับ!”

ท่านผู้เฒ่าหญิงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แต่ยากที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา……

พวกเขาทานอาหารเย็นที่บ้านตระกูลลู่ ตอนที่กลับไป ก็ดึกมากแล้ว

ลู่เจ๋อคาดเข็มขัดนิรภัย หันข้างแล้วมองไปที่เฉียวซุน เฉียวซุนหันหน้าไปทางอื่นแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างรถ

ท่ามกลางแสงสลัว ใบหน้าด้านข้างของเธอขาวนวลสวยมาก

ลู่เจ๋อมองดูสักพัก ถึงเหยียบคันเร่ง

เบนท์ลีย์สีดำขับไปอย่างราบรื่น ไฟทั้งสองด้านก็เคลื่อนไปข้างหลังไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ ดังนั้นจึงไม่ได้ขับเร็ว

ประมาณห้านาทีต่อมา ลู่เจ๋อก็พูดอย่างนิ่งๆว่า “พรุ่งนี้ผมจะให้คนนำตัวคุณพ่อของคุณไปที่โรงพยาบาลสกุลลู่ จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดรักษาเขา และ... ต่อไปถ้าคุณต้องการจะใช้เงินก็ให้บอกผม”

น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจะอ่อนโยน ถือว่าเขายอมอ่อนข้อให้

เขาไม่ได้รักเฉียวซุน เขาฝังใจเรื่องที่เธอวางแผนทำกับตนเองในตอนนั้น แต่เขาไม่คิดที่จะเปลี่ยนภรรยา... เพราะนี่จะเป็นการสร้างปัญหา ให้กับชีวิตของเขาและหุ้นของกลุ่มบริษัทสกุลลู่

อาจจะเป็นเพราะความเคยชิน!

อีกอย่างรูปร่างหน้าตาของเธอก็สุดยอด อย่างน้อยในแง่ของเรื่องเพศ ลู่เจ๋อรู้สึกว่าค่อนข้างที่จะเข้าขากันได้ดี

พอนึกถึงเรื่องนี้

เมื่อถึงสี่แยกไฟแดงข้างหน้า ลู่เจ๋อก็เหลือบมองเฉียวซุน

เขาจับพวงมาลัย แล้วพูดต่อว่า “ต่อไปเลขาฉินจะไม่มาที่บ้านอีก เครื่องประดับของคุณเหล่านั้นคุณเก็บเองก็แล้วกัน ผมจะอธิบายให้เธอฟังเอง”

เฉียวซุนฟังอย่างเงียบ ๆ

แอร์ในรถแรงมาก เธอจึงใช้แขนต้องสองโอบตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถึงขั้นต้องหนาวสั่น

เธอแต่งงานกับลู่เจ๋อมาได้สามปีแล้ว เธอก็รู้จักนิสัยใจคอของเขาในระดับหนึ่ง พูดตามตรงเขายอมอ่อนข้อให้ก็ถือว่าบุญแล้ว... ตามหลักการแล้วเธอควรจะขอบคุณ แต่เธอกลับไม่ทำ!

เขาพูดตั้งมากมายยอมอ่อนข้อให้ไม่น้อย แต่เขาไม่ได้เอ่ยถึงไป๋เซียวเซียวเลยสักคำ ซึ่งหมายความว่าหากเธอยอมรับข้อตกลงของเขา นั่นก็แสดงว่าไป๋เซียวเซียวก็จะยังคงอยู่ในชีวิตของพวกเขาในอนาคต... และจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เฉียวซุนเหนื่อย ไม่อยากติดหงักอยู่กับสมรสที่ไร้ซึ่งความรัก

เธอปฏิเสธอย่างนิ่งๆว่า “ไม่ต้อง ตอนนี้หมอของพ่อฉันก็ดีอยู่แล้ว”

ลู่เจ๋อเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร เธอปฏิเสธไมตรีจากเขาและยืนกรานที่จะหย่า เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธ “เฉียวซุน อย่าลืมว่าตอนเราแต่งงานกันได้เซ็นลงนามเอาไว้ว่า หากหย่าร้างกันคุณจะไม่ได้เงินเลยแม้สตางค์แดงเดียว”

“ฉันรู้!” เธอตอบอย่างรวดเร็ว

ลู่เจ๋อหมดความอดทน ไม่พูดอะไรกับเธออีก

ยี่สิบนาทีต่อมา เมื่อรถขับเข้าไปในวิลล่าที่พวกเขาอาศัยอยู่ เขาก็หยุดรถอย่างช้าๆ และพูดกับคนเฝ้าประตูว่า “ปิดประตูไว้ให้แน่น แมลงวันตัวเดียวก็อย่าให้ออกไปได้”

ยามเฝ้าประตูเกิดความสงสัยจึงอยากจะสอบถาม

แต่ลู่เจ๋อได้ขับรถไปแล้ว ครู่หนึ่ง ก็จอดรถไว้ที่ลานจอดรถหน้าวิลล่า

พอรถหยุด เฉียวซุนปลดเข็มขัดนิรภัยและกำลังจะลงจากรถ เสียง “แกร๊ก” ก็ดังขึ้น ลู่เจ๋อได้ล็อกรถเอาไว้แล้ว

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status