Share

บทที่ 7

เฉียวซุนใช้มือจับประตูรถไว้แล้วค่อย ๆ ปล่อยลง

บรรยากาศภายในรถอึดอัดมากขึ้น

ลู่เจ๋อที่กลับมาจากต่างจังหวัดก็ต้องวิ่งไปที่บ้านตระกูลลู่อีกครั้ง ที่จริงแล้วก็รู้สึกเพลียอยู่นิดหน่อย เขาวางมือข้างหนึ่งบนพวงมาลัยแล้วลูบหัวคิ้ว น้ำเสียงเจือความหงุดหงิด “คุณคิดจะสร้างความวุ่นวายไปจนถึงเมื่อไหร่ ?”

จนถึงตอนนี้ เขาคิดว่าเธอกำลังสร้างความวุ่นวายอยู่ดี

เฉียวซุนรู้สึกเย็นวาบกลางอก เธอนั่งตัวตรงมองไปทางหน้ารถ สักพักเธอก็เอ่ยเบา ๆ ว่า “ลู่เจ๋อ ฉันจริงจัง! ฉันไม่อยากอยู่กับคุณแล้ว”

ลู่เจ๋อหันไปมองเธอทันที

เขาหน้าตาดี สัดส่วนใบหน้าสามมิติ เฉียวซุนเคยหลงใหลใบหน้านี้มาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกแล้ว ไม่เลยสักนิด......

ดวงตาดำขลับของลู่เจ๋อจ้องมองเธอ โดยที่มือข้างหนึ่งปลดเข็มขัดนิรภัย “ลงรถ!”

เขาเอ่ยเสียงเบาและปลดล็อกรถ

เฉียวซุนลงจากรถทันที เดินไปที่ทางเข้าวิลล่า……. หลังตั้งตรงของเธอภายในแสงสลัว แน่วแน่พอ ๆ กับการตัดสินใจหย่าของเธอ

ลู่เจ๋อดึงบุหรี่ออกมาสูบแล้วถึงจะลงจากรถ เดินตามขึ้นไปชั้นบน

พวกเขาแยกทางกันโดยไม่สบอารมณ์

คืนนั้น เฉียวซุนนอนที่ห้องพักรับรอง ในใจลู่เจ๋อก็โกรธเกินกว่าที่จะง้อเธอ...... เขาเปลี่ยนชุดนอนแล้วนอนลง ในขณะที่นอนเขาลูบพื้นที่ว่างเปล่าด้านข้างอย่างไม่คุ้นชินเท่าไรนัก

แต่ก่อนไม่ว่าเขาจะเย็นชาแค่ไหน เฉียวซุนก็ชอบมานอนกอดเขาจากด้านหลังเสมอ......

แสงแดดยามเช้าตรู่ส่องเข้ามายังห้องนอน

ลู่เจ๋อรู้สึกแสบตาจึงยื่นมือบังไว้และเขาก็ตื่นขึ้น

ลงมาชั้นล่างมีเสียงเบา ๆ ลอยมา

จากที่ฟังเขารู้ว่านั่นเป็นคนรับใช้ที่กำลังจัดห้องอาหารอยู่ โดยปกติเรื่องพวกนี้จะเป็นเฉียวซุนที่ทำพร้อมกับคนรับใช้ และอาหารเช้าของเขาก็จะเธอที่เตรียมไว้ให้เขาด้วยตัวเอง

อารมณ์ของลู่เจ๋อรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ลงจากเตียงแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องแต่งตัว

วินาทีต่อมา สายตาของเขาหยุดชะงัก

กระเป๋าเดินทางของเฉียวซุนหายไป

ลู่เจ๋อเปิดตู้เสื้อผ้าออก อย่างที่คาดไว้ เธอเอาเสื้อผ้าที่ใส่เป็นประจำบางส่วนไปด้วย

หลังจากที่เขามองดูอย่างเงียบ ๆ ผ่านไปสองสามนาทีจึงปิดตู้เสื้อผ้าของเธอลง เลือกชุดสูททำงานออกมาสวมเหมือนอย่างเคย หลังจากอาบน้ำสบาย ๆ เสร็จก็สวมนาฬิกาข้อมือขณะที่เดินลงไปชั้น เมื่อเห็นคนรับใช้จึงเอ่ยถามว่า “คุณนายล่ะ?”

คนรับใช้เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “คุณนายถือกระเป๋าเดินทางออกไปแต่เช้าแล้วค่ะ ไม่ได้เรียกคนขับด้วยค่ะ”

“เธอไปก็ดีแล้ว!”

ลู่เจ๋อไม่ได้ใส่ใจ เขานั่งหัวโต๊ะอาหารเพื่อทานกาแฟดำและขนมปังโฮลวีตตามความเคยชินของเขา

แต่สายตากลับถูกข่าวบนหนังสือพิมพ์ดึงความสนใจ

เต็มไปด้วยข่าวลือของเขากับไป๋เซียวเซียวที่แต่ละพาดหัวข่าวดูสะดุดตามากขึ้นเรื่อย ๆ ลู่เจ๋ออ่านอยู่สักพัก จึงเอ่ยถามคนรับใช้ข้าง ๆ ด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ก่อนที่คุณนายจะออกไปได้อ่านหนังสือพิมพ์ไหม?”

คนรับใช้ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “คุณนายไม่ทันได้ทานอาหารเช้าก็ไปเลย!”

ลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นจ้องเธอ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมากดโทรหาเลขาฉิน “คุณจัดการสิ่งที่อยู่บนหนังสือพิมพ์นั่นด้วย!”

ทางฝั่งนั้นพูดไม่กี่ประโยคก็ต้องวางสาย

ลู่เจ๋อสอดนิ้วยาวเข้าไปในปมเนกไท ดึงให้คลายออกเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบมากว่า “อีกเรื่องไปสืบด้วยว่าเฉียวซุนเอาแหวนแต่งงานไปขายที่ไหน ก่อนสี่โมงเย็น ผมต้องได้มันมา”

เลขาฉินที่อยู่อีกด้านก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

สักพัก เธอก็เอ่ยเสียงเบาว่า “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ! คุณนายลู่รักคุณมากขนาดนั้น จะเอาขายแหวนแต่งงานไปขายได้ไงคะ?”

คำตอบของลู่เจ๋อคือการวางสายลง

โยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะทานอาหาร พอเห็นข่าวพวกนั้น เขาไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย

.......

เฉียวซุนกลับไปที่บ้านแม่ เสิ่นชิงเพิ่งทำซุปเสร็จ เตรียมที่จะเอาไปส่งไปที่โรงพยาบาล

เมื่อเห็นเฉียวซุน เสิ่นชิงก็รู้สึกไม่สงบใจเสียแล้ว

เธอชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเดินทางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดี “ระหว่างสามีภรรยาไม่มีทางที่จะไม่ทะเลาะกันหรอก ถ้าผู้ชายจะแอบกินเป็นครั้งคราวบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ไป๋เซียวเซียวทำตัวโทรมขนาดนั้น ขาก็ดูง่อย ๆ อีก...... ป้าไปสืบถามมาแล้วว่ายังเคยหย่ามาแล้วด้วย คนแบบนี้แค่คนเดียวไม่มีทางกระทบต่อฐานะของแกเลยด้วยซ้ำ”

“หนูอยู่กับลู่เจ๋อตรงนั้นจะมีฐานะอะไร!”

เฉียวซุนหัวเราะเยาะตัวเอง ซุปนกพิราบบรรจุลงในถ้วยเก็บความร้อน “เดี๋ยว หนูจะไปดูพ่อที่โรงพยาบาลนะ”

เสิ่นชิงจ้องไปที่เธอ

สักพักเสิ่นชิงก็ใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดมือ เอ่ยด้วยความโมโหว่า “ถ้าพ่อแกรู้ว่าแกจะหย่าคงจะโกรธแทบบ้าแน่! เฉียวซุน......เราถอยกลับมาสักก้าว คิดว่าแกกับเขาก็ไปต่อกันไม่ได้แล้ว งั้นถ้าแกหย่ากับเขาแล้วแกจะไปรอดเหรอไง? ตอนนี้ตระกูลเฉียวเป็นแบบนี้ แกจะเอาอะไรมารับมือได้?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status