เฉียวซุนรู้สึกหมดความอดทน “ลู่เจ๋อ นี่โรงพยาบาลนะ!”“ฉันรู้อยู่แล้ว”หลู่เจ๋อไม่ไหวติง เขากดแนบร่างของเธอไว้ ใบหน้าอันหล่อเหลาก็แทบจะแนบกับข้างหูเธอ เสียงยิ่งเจือความอันตรายมากขึ้นเล็กน้อย “รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?”เฉียวซุนเดาความคิดที่ซ่อนอยู่ของเขาได้เขาเป็นประธานบริษัทลู่ซื่อกรุ๊ป มีฐานะและตำแหน่ง เขาไม่อนุญาตให้ภรรยาเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นมากเกินไปเฉียวซุนยิ้มอย่างกล้ำกลืนฝืนทนเธอเอ่ยว่า “ลู่เจ๋อ ฉันไม่ได้มีความคิดสกปรก ๆ แบบคุณนะ และฉันก็ไม่มีอารมณ์แบบนั้นเหมือนกัน...... คุณไม่ต้องห่วง ก่อนที่เราจะหย่ากัน ฉันจะไม่เล่นชู้หรอกน่า”พูดจบ เธอก็ผลักเขาออก หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยลู่เจ๋อตามไปผลักประตูแล้วเข้าไปพอเขาเข้าไปก็ถึงกับขมวดคิ้ว ปรากฏว่าไม่ใช่ห้องเดี่ยวเสิ่นชิงย้ายเก้าอี้ให้เขาและกระซิบเบา ๆ ว่า “รีบนั่งเร็ว! เดี๋ยวป้าให้เฉียวซุนไปปอกผลไม้ให้คุณนะ......นี่ เฉียวซุนอย่ามัวยื่นบื้อสิ! เดี๋ยวแกก็กลับไปกับลู่เจ๋อเลยนะ พ่อของแกอยู่ตรงนี้มีฉันดูแลอยู่ทั้งคน!”ลู่เจ๋อนั่งลงและพูดคุยเป็นเพื่อนกับเฉียวต้าซวินโดยปกติเขาจะทำตัวเย็นชากับเฉียวซุน แต่ต่อหน้าเฉียวต
ยากที่เขาจะใจกว้างให้อภัย แต่เฉียวซุนกลับปฏิเสธเธองอนิ้วที่ขาวบางเล็กน้อยความอดทนของลู่เจ๋อมีขีดจำกัด “คุณจะเอายังไงกันแน่?”เฉียวซุนพึมพำเบา ๆ ว่า “หย่า! ฉันอยากหย่ากับคุณ”ลู่เจ๋อยุ่งจนตัวเป็นเกลียว เฉียวซุนทะเลาะกับเขาจะไม่ยอมกลับบ้านให้ได้ เมื่อเช้าตรู่เขาอยากจะหากระดุมแขนเสื้อที่คู่กันก็หาไม่เจอ รู้สึกไม่มีความสุขเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังจะโมโหก็กลับเห็นเฮ่อจี้ถังกำลังพูดคุยกับนางพยาบาลอยู่หน้ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวคันหนึ่งที่ลานจอดรถด้านหน้าลู่เจ๋อยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้น เอาลิ้นดุนโพรงปากในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นเลขาฉินที่โทรมา ลู่เจ๋อรับสายและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “มีอะไร?”เลขาฉินรีบบอกเขาตามหน้าที่ “เมื่อครู่คุณไป๋ลุกจากเตียง ไม่ทันระวังก็เลยหกล้มค่ะ อาจได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทบริเวณขา ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ประธานลู่คุณอยากจะไปดูเธอที่เมือง H ไหมคะ? ถ้าคุณไปเธอจะต้องดีใจมากแน่เลยค่ะ”ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ไว้ ไม่พูดในทันที เห็นได้ชัดว่ารู้สึกพะว้าพะวังเฉียวซุนที่อยู่ข้าง ๆ อยู่เล็กน้อยระดับเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาไม่เบา และเฉียวซุน
สองวันต่อมา เฉียวซุนก็ขายบ้านไปแล้วบ้านมีราคาตลาดอยู่ที่สองร้อยห้าสิบล้านบาท แต่อีกฝ่ายกดราคาจนเหลือร้อยสี่สิบล้านบาท และป้าเสิ่นก็ด่าตวาดอีกฝ่ายว่าโลภออกมาทันทีแต่เฉียวซุนกลับกัดฟันพูดออกมาว่า “ขายค่ะ!”เพราะพี่ชายที่อยู่ข้างในนั้นก็รอไม่ไหวแล้ว นอกจากค่าทนาย ตระกูลเฉียวยังมีภาระขนาดมหึมาที่ต้องไปอุด ภายใต้แรงกดดันในแต่รูปแบบ เฉียวซุนไม่มีทางเลือกเลยหลังจากขายบ้านเสร็จสิ้น เธอคิดหาวิธีที่จะเจอกับเฉียวสือเยี่ยนเฉียวสือเยี่ยนผู้มีโฉมหน้าหล่อเหลาและมีเกียรติ ไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะมีลูกสาวเศรษฐีไล่จีบ ในเวลานี้กลับดูซีดเซียว โดยที่เขาและเฉียวซุนคุยกันผ่านกระจกหนึ่งบานที่กั้นเอาไว้[ไปหาทนายความที่ชื่อเมิ่งเยียนหุย][เสี่ยวซุน เขาช่วยพี่ได้และช่วยเธอได้ด้วย]……เฉียวซุนอยากจะถามให้ชัดเจนแต่หมดเวลาเสียแล้ว และเฉียวสือเยี่ยนก็ต้องถูกพาตัวกลับไปเขามองดูน้องสาว ทิ้งสายตาอาลัยอาวรณ์ไว้มากมาย เฉียวซุนน้องสาวของเขา ตั้งแต่เด็กก็เป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในตระกูลเฉียว ตอนนี้กลับต้องมาวิ่งเต้นเพื่อครอบครัวเฉียวสือเยี่ยนอ่านหนังสือพิมพ์สถานการณ์ของเฉียวซุน เขารู้อย่างชัดเจนก่อนจากไ
ไม่ทันที่เฉียวซุนจะโต้ตอบ เขาก็เข้าประชิดเธอเรียบร้อยแล้ว เขาจับคางผิวละเอียดของเธอ แนบใบหูของเธอแล้วถามอย่างอันตรายว่า “คุณจะขายงั้นเหรอ?"ร่างของเฉียวซุนสั่นสะท้านไปทั้งตัวเธอไม่ปฏิเสธลู่เจ๋อไม่โกรธแต่กลับยิ้มให้แทน เขาประชิดตัวเธอ พึมพำเหมือนคนรักกัน “คุณจะขายให้ใครได้ ในเมือง B แห่งนี้คุณได้ชื่อว่าเป็นคุณนายลู่ ใครหน้าไหนมันจะกล้ามาเอาคุณ? อีกอย่างคนอื่นมาแตะต้องตัวคุณ คุณจะรับได้เหรอไง? ผู้ชายซื้อผู้หญิงก็อยากได้ทั้งนั้น เหมือนคืนแต่งงานของเราในคืนนั้น มันเจ็บยังไง......คุณลืมไปแล้วเหรอ?”สีหน้าเฉียวซุนซีดเซียวทำไมเธอจะจำไม่ได้ เพื่อแก้แค้นเธอ ในคืนแต่งงานนั่นลู่เจ๋อหยาบคายสุด ๆ คืนนั้น เขาทำให้เฉียวซุนเจ็บแทบจะขาดใจตายลู่เจ๋อหยุดอย่างพอประมาณเขาปล่อยเธอแล้วลูบใบหน้ารูปไข่เธออย่างนุ่มนวล “กลับมาเป็นคุณนายลู่ เราจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน”คอเรียวบอบบางของเฉียวซุนตึงขึ้นทันใดนั้น เธอก็เห็นไวโอลินตัวใหม่ที่เงาวับตัวหนึ่งวางอยู่ในตู้หนังสือฝั่งตรงข้ามเฉียวซุนจำข่าวซุบซิบที่ว่า ท่านประธานลู่ซื่อทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อไวโอลินที่ราคาสูงลิ่วถึงหนึ่งร้อยล้านบาท เพียงเพ
สภาพของเฉียวซุนดูแทบจะไม่ได้แต่ลู่เจ๋อกลับยังคงแต่งตัวดูดี มีเพียงกางเกงสแล็คขายาวสีเข้มที่เปื้อนความชื้นเล็กน้อยแสดงออกถึงการเสพสุขที่หวานซึ้งอยู่หลายส่วนมือของเฉียวซุนสั่นอย่างไม่เข้าท่า หลายครั้งที่เธอไม่สามารถควบคุมปุ่มที่งดงามและละเอียดอ่อนขนาดเท่าเมล็ดข้าวนั่นได้ลู่เจ๋อยืนมองด้วยสายตาเหยียดอยู่ข้าง ๆ ไม่แสดงการช่วยเหลือใด ๆเขาชอบสัมผัสกระดุมข้อมือจนเป็นนิสัย แต่กลับไม่ได้สัมผัสมัน ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้กระดุมข้อมือคู่นั้น เขายังหาไม่เจอ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้มหน้าถามในเวลานี้เป็นเวลานาน ในที่สุดเฉียวซุนก็แต่งตัวเรียบร้อยเธอเงยหน้ามองลู่เจ๋อ ลู่เจ๋อกำลังมองเธออยู่เช่นกัน สายตาที่ล้ำลึกเกินกว่าที่จะทำให้เธอเข้าใจ แต่เฉียวซุนก็ไม่อยากที่จะเข้าใจด้วย น้ำเสียงของเธอเจือความท้อแท้เล็กน้อย “ลู่เจ๋อ ฉันเหนื่อยจริง ๆ นะ! เราเจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดีเถอะ!”พูดจบ เธอก็เปิดประตูแล้วเดินออกไปครั้งนี้ ลู่เจ๋อไม่ได้รั้งเธอไว้เขายืนอยู่ตรงนั้น มองดูร่างที่จากไปของเฉียวซุน เป็นเวลานาน เขาหลับตาลงและยิ้มเย็นชาบาง ๆสามีภรรยาหย่ากัน ส่วนใหญ่ต่างคนต่างก็ต้องเจ็บปวด
เฉียวซุนหน้าตาดี เล่นไวโอลินเก่งผู้รับผิดชอบให้เงินเธอหนึ่งพันห้าร้อยบาทต่องาน เมื่อมีงานเข้ามาเยอะ เฉียวซุนต้องวิ่งแสดงสามถึงสี่งานต่อวัน ในแต่ละวันเธอต้องเล่นอย่างน้อยหกชั่วโมง นิ้วเรียวบางลอกด้านและมีตุ่มน้ำชีวิตลำบาก ต้องเดินทางกลับไปกลับมา แต่เฉียวซุนไม่เคยเสียใจเธอไม่ได้โทรหาลู่เจ๋อ และลู่เจ๋อก็ไม่ได้โทรหาเช่นกัน...... บางครั้งเธอก็เห็นข่าวของเขา ร่วมงานราตรี เข้าซื้อกิจการบริษัทต่าง ๆในแต่ละงานพบปะ ลู่เจ๋อดูหล่อเหลาและมีเกียรติงานพบปะเหล่านี้ แต่ก่อนเฉียวซุนเคยอยู่เคียงข้างเขาเป็นบางครั้ง ดูท่าทางที่อาจหาญทรงอำนาจของเขา รู้สึกประทับใจอย่างเงียบๆแต่ในตอนนี้พอเห็นสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง เฉียวซุนรู้สึกไกลตัวและไม่คุ้นเคย……ในตอนเย็น ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเฉียวซุนนั่งเงียบ ๆ พร้อมขวดโค้กแช่เย็นที่ซื้อมาจากร้านขายของชำ หากเป็นแต่ก่อนเธอไม่มีทางดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ตอนนี้เธอดื่มบ้างนิดหน่อยเป็นครั้งคราวเฮ่อจี้ถังก็เดินเข้ามาในเวลานี้ ร่างสูงยาว สวมเสื้อกาวน์สีขาวของหมอแผนกศัลยกรรมเขายืนอยู่ข้างเฉียวซุน มองดูพระอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อนเธออย่
อาจเป็นเพราะไป๋เซียวเซียวโอ้อวดมากเกินไป ในที่สุดไปรบกวนคุณหญิงลู่จนได้คุณหญิงลู่ตามหาเฉียวซุนในตอนนั้น เฉียวซุนกำลังทำการแสดงอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต สวมชุดราตรีราคาถูกที่บริษัทการแสดงเช่าให้และมือที่จับไวโอลินก็มีพลาสเตอร์ติดไว้หลายแผ่นถ้าไม่บอก ใครจะคิดว่านี่คือคุณนายของลู่ซื่อกรุ๊ป?คุณหญิงลู่ยืนอยู่ล่างเวทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเฉียวซุนเห็นเธอ ปลายนิ้วชะงัก แต่เธอก็จดจ่อไปที่การเล่นเปียโนในทันทีในระหว่างพักการแสดง คุณหญิงลู่เข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและห่างเหิน “มีร้านกาแฟอยู่ข้างนอก ฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น” พูดจบ เธอก็จากไปแล้วเฉียวซุนยังคงเล่นเปียโนต่อไปเพื่อนร่วมงานข้าง ๆ เป็นกังวล เข้ามากระซิบใกล้ ๆ ว่า “เฉียวซุน เธอมีปัญหาหรือเปล่า? ผู้หญิงคนนั้นเมื่อกี้ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งด้วยได้ง่าย ๆ!”เฉียวซุนส่ายหัวและยิ้มบาง ๆ “ไม่มีอะไร! แค่ผู้ใหญ่......ที่รู้จัก”เพื่อนคนนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเฉียวซุนเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองและไปที่ทางเข้าร้านกาแฟคุณหญิงลู่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง เพราะเธอสง่างามเกินไปจึงเห็นได้อย่างชัดเจนเฉียวซุนเดินเข้าไปและนั่งล
กระจกรถเลื่อนลงครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าอันสง่างามของลู่เจ๋อเขาสวมชุดสูทคลาสสิกขาวดำ ท่าทางเหมือนเพิ่งออกมาจากสถานที่ที่เป็นทางการจากไหนสักแห่ง ทั้งตัวให้ความรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย......ซึ่งทำให้เฉียวซุนรู้สึกจนตรอกมากยิ่งขึ้นคืนฝนตกที่คั่นการสบตาของกันและกัน มองกันอย่างเงียบ ๆริมฝีปากของเฉียวซุนสั่นเทาจากความหนาวเย็นมือของเธอกอดไวโอลินไว้แน่น ราวกับกำลังคว้าหญ้าที่ลอยน้ำต้นสุดท้ายในชีวิตของเธอไว้...... เธอรู้อยู่แก่ใจว่า นี่เป็นบันไดที่ลู่เจ๋อมอบให้เธอตอนนี้ เธอแค่ต้องยอมจำนนและขึ้นรถไปอีกไม่นานเธอก็จะได้ผ้าห่มที่สะอาดและน้ำอุ่น ๆ พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องไปทำการแสดงที่ห้าง เธอจะได้ตื่นขึ้นบนเตียงที่หรูหราและนุ่มสบาย ได้กลับเป็นคุณนายลู่คนนั้นอีกครั้งแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ!เฉียวซุนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองดูเขาอย่างเงียบ ๆฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ขนตาเปียกชื้น บดบังการมองเห็นของกันและกันประมาณหนึ่งนาที เธอก็ใช้มือเดียวบังศีรษะไว้ แล้ววิ่งไปข้างหน้าท่ามกลางสายฝน......น้ำฝนสาดกระเซ็น กระเด็นใส่ตัวรถแบรนด์ดังราคาสูงเธอและเขาเลยผ่านกันไปในคืนฝนตกบนถนนกลางดึก เส