แชร์

บทที่ 8 กลับบ้านเดิม

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-14 12:06:52

สองวันต่อมาจางลู่หลินก็เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมของตน ครั้งนี้นางเดินทางมาเพียงคนเดียว หลี่เหว่ยไม่ได้มากับนาง เขาออกจะไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ การทำเช่นนี้นับว่าเป็นการไม่ให้เกียรตินางและตระกูลจางเป็นอย่างมาก แต่จางลู่หลินคร้านจะสนใจ พูดกับเขาก็เหมือนพูดกับคนบ้า นางเองไม่อยากจะถือสาหาความให้ตนเองต้องเหนื่อยกายใจโดยใช่เหตุ

พ่อบ้านหม่ายืนรออยู่ที่รถม้า เขาเห็นใจจางลู่หลินเป็นอย่างมาก ชายวัยกลางคนมองไปที่ด้านในจวนและหันมาเอ่ยกับนางอย่างนอบน้อม

"พระชายาเอก ไม่สู้ให้บ่าวไปทูลองค์ชายใหญ่อีกสักหนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

จางลู่หลินส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ใส่ใจและยิ้มให้พ่อบ้านหม่า

"ไม่ต้องหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ ข้ากลับไปคนเดียวได้ รีบเดินทางเถอะ สายมากแล้ว"

"พ่ะย่ะค่ะ"

เอ่ยจบนางก็ก้าวเดินขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานรถม้าก็มาจอดที่ด้านหน้าจวนตระกูลจาง เมื่อลงมาจากรถม้าจางลู่หลินก็พบว่าบิดาของนางและคนในครอบครัวกำลังมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูจวน ท่านพ่อนั้นมีใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนแม่เลี้ยงและน้องสาวน้องชายต่างมารดาของนางกลับทำหน้าบึ้งตึงราวกับว่าไม่ต้องการให้นางกลับมาเยี่ยมจวนอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งจางเสวี่ยยิ่งแล้วใหญ่ นางเอาแต่มองเข้าไปในรถม้าราวกับว่าต้องการมองหาใครบางคน

ย่อมไม่พ้นหลี่เหว่ยเป็นแน่

"พระชายา"

ราชครูจางเอ่ยอย่างอ่อนโยน ก่อนจะมองเข้าไปในรถม้าและเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความสงสัย

“องค์ชายใหญ่ไม่ทรงเสด็จมาด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ"

"องค์ชายใหญ่ไม่ค่อยสบาย ข้าจึงให้เขาพักอยู่ที่จวนเจ้าค่ะ"

จางเสวี่ยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากตนพร้อมกับลอบหัวเราะเยาะจางลู่หลิน มีอย่างที่ไหนกัน กลับมาเยี่ยมบ้านเดิมเพียงลำพังราชครูจางลอบมองสีหน้าของจางลู่หลินคราหนึ่ง เห็นว่าบุตรสาวไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนอันใดเขาก็วางใจลงได้ ในใจรู้สึกผิดไม่น้อย เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตนเองคิดถูกหรือไม่ที่ให้จางลู่หลินแต่งกับหลี่เหว่ย

“เช่นนั้นก็รีบเข้าจวนก่อนเถอะ”

“เจ้าค่ะท่านพ่อ”

เมื่อเข้ามาในจวน จางลู่หลินก็สั่งให้พ่อบ้านหม่านำของขวัญมามอบให้บิดาของตน ราชครูจางรีบสั่งให้สาวใช้นำอาหารและสุราอย่างดีมาให้บุตรสาวได้กินได้ดื่ม เดิมทีเขาจัดเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้ให้องค์ชายใหญ่แต่ไม่คิดว่าเขาจะหักหน้าตนเช่นนี้ถึงขนาดปล่อยบุตรสาวของเขากลับมาเยี่ยมจวนเพียงลำพัง

จางลู่หลินไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอันใด นางไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ หรือหากเขาไม่ตามมาด้วยแล้วนางจะเป็นจะตายก็ไม่ถึงขนาดนั้น หากมีใครปากมากมานินทานางก็แค่ตบปากสั่งสอนคนพวกนั้นเสียก็สิ้นเรื่อง

จางเสวี่ยหันมาสบตากับมารดาของตนอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยกับจางลู่หลินด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยันดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง

"ตายจริง พระชายาเอก องค์ชายใหญ่ไม่เสด็จมาด้วยเช่นนี้เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติพระองค์หรอกหรือ น่าขายหน้าจริงเชียว ข่าวลือที่ว่าองค์ชายใหญ่ไม่โปรดปราณพระชายาเอกเห็นทีคงจะเป็นเรื่องจริงสินะ"

"เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะเสวี่ยเอ๋อร์"

ราชครูจางถลึงตาใส่จางเสวี่ยนางจึงยอมหุบปาก จางลู่หลินที่กำลังจะคีบอาหารขึ้นมากินพลันเงยหน้าไปมองน้องสาวต่างมารดาของตน และเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

"ข้าบอกแล้วว่าเขาไม่สบาย คนไม่สบายจะให้ฝืนสังขารเดินทางมาก็ออกจะเกินเหตุไปสักหน่อย อีกอย่างสามีข้าก็ดูแลข้าเป็นอย่างดี เจ้าจะมองว่าเขาไม่ให้เกียรติข้าเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้หรอกนะ เจ้าเอาเวลาที่มาจับผิดเรื่องของข้าไปทำเรื่องของตนเองเถอะ ปากดีเช่นนี้จะมีบุรุษใดแต่งเจ้าเข้าจวนกัน"

"นี่เจ้า!"

"พระชายาเอกยอดรัก เจ้าตอบได้ดี!"

อยู่ๆก็มีเสียงของบุรุษเอ่ยขึ้นมาอย่างพึงพอใจพร้อมกับปรบมือด้วยความชอบใจ จางลู่หลินหันขวับไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นหลี่เหว่ยนั่นเอง

นางค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอยู่ๆเขาก็มาปรากฏตัวที่นี่ วันนี้ชายหนุ่มสวมชุดสีขาวทั้งชุดดูหล่อเหลาราวกับเทพเซียนลงมาเดินเล่นที่แดนมนุษย์ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายทรงเสน่ห์นั่นมันทำให้นางละสายตาไปจากเขาไม่ได้อย่างน่าประหลาด

คนผู้นี้เหมือนกับปีศาจ ทั้งที่ดุร้ายไม่น่าคบหา แต่กลับทำให้คนละสายตาไปจากเขาไม่ได้

ราชครูจางที่เห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนและเข้าไปต้อนรับหลี่เหว่ยทันที

"องค์ชายใหญ่ เอ่อ เชิญพ่ะย่ะค่ะ"

"ท่านพ่อตาไม่ต้องมากพิธี ขออภัยที่ลูกเขยมาช้า บังเอิญว่าเพิ่งจะตื่นนอน และอาการป่วยไข้เพิ่งจะดีขึ้น พอสอบถามบ่าวไพร่ในจวนก็พบว่าพระชายาเอกยอดรักกลับบ้านเดิม ไม่บอกข้าสักคำ คงเพราะนางกลัวว่าข้าจะไม่สบายอีกหน พระชายาเอกช่างใส่ใจนัก"

เอ่ยจบเขาก็เดินไปทิ้งกายนั่งลงข้างๆกับจางลู่หลินพร้อมกับยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน จางลู่หลินรู้สึกขนลุกแปลกๆ คนผู้นี้เปลี่ยนอารมณ์ไปมาจนนางเดาความคิดของเขาไม่ออกแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงเอ่ยวาจาตามน้ำไปกับนาง แต่ก็ช่างเถิด ดีกว่าเขาก่อเรื่องไม่ใช่หรือ

ราชครูจางรีบให้สาวใช้นำสุราอาหารมาเพิ่ม จางเสวี่ยเมื่อได้มองเห็นหลี่เหว่ยในระยะใกล้ชิดเช่นนี้ก็ใจเต้นถี่ระรัว นางมองเขาด้วยแววตาเป็นประกายและยั่วยวนอย่างไม่ปิดบัง ได้ยินว่าองค์ชายใหญ่ชื่นชอบสาวงามอีกทั้งยังรักหยกถนอมบุปผา หากนางได้แต่งเข้าจวนไปเป็นพระชายารอง เขาจะต้องหลงใหลนางจนไม่สนใจจางลู่หลินอีก

เมื่อคิดได้เช่นนั้นจางเสวี่ยก็กระแอมไอคราหนึ่ง พร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน

"พระชายาเอกและองค์ชายใหญ่ทรงรักใคร่กันยิ่งนัก หม่อมฉันที่เป็นน้องสาวเห็นแล้วรู้สึกดีใจแทนพี่สาวมากเลยเพคะ"

จางลู่หลินส่งเสียงเหอะในลำคอ จางเสวี่ยก็อีกคนเสแสร้งตีหน้าซื่อเก่งไม่ด้อยไปกว่าสามีของนางเลย

หลี่เหว่ยหันไปมองจางเสวี่ยด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม จางเสวี่ยใจเต้นแรงมากกว่าเดิม เขามองนางแล้ว เขามองมาที่นางแล้ว!

"แม่นางผู้นี้คือ.."

"หม่อมฉันเป็นน้องสาวต่างมารดาของพระชายาเอกเพคะ"

จางเสวี่ยรีบเอ่ยตอบทันที เขาเอ่ยถามนางเช่นนี้เท่ากับสนใจในตัวนางแล้วใช่หรือไม่?

"วาจาของเจ้าช่างกลับกลอกเสียจริง แรกเริ่มยังเหน็บแนมพระชายาเอกของข้า แต่พอข้ามาถึงก็เอ่ยวาจาประจบสอพลอได้อย่างน่าไม่อาย สตรีเช่นนี้น่าจับมาตัดลิ้น แล้วให้หมัวหมัวในวังตบจนหน้าบวมเหมือนสุกร จะได้เลิกเอ่ยวาจาปลิ้นปล้อนเสแสร้ง ราชครูจางท่านว่าจริงหรือไม่"

จางเสวี่ยหน้าซีดปากสั่นไม่คิดว่าเขาจะด่าทอนางอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ราชครูจางทำได้เพียงยิ้มรับพร้อมกับถลึงตามองจางเสวี่ยคราหนึ่ง ด้านจางลู่หลินนั้นลอบขบขันในใจ

วันนี้หลี่เหว่ยทำได้ดี!

หลังจากกินอาหารอิ่มแล้ว ราชครูจางก็สนทนากับหลี่เหว่ยหลายประโยค แม้เขาจะเป็นพวกไม่เห็นหัวใคร แต่ยามที่เอ่ยสนทนาหารือเรื่องสำคัญทางราชการหลี่เหว่ยมักจะจริงจังอยู่เสมอ

"อีกไม่นาน เสด็จพ่อจะให้เหล่าขุนนางติดตามไปล่าสัตว์บนเขา ครั้งนี้ท่านพ่อตาคงจะได้ติดตามไปด้วยอีกเช่นเคย เสด็จพ่อขาดท่านไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะท่านเป็นสหายรักของเขา"

"พ่ะย่ะค่ะ ปีนี้สงครามสงบได้เสียที เพราะองค์ชายใหญ่ที่เก่งกาจปราบกบฎจนหมดสิ้น ทำให้หนานฉีของเรากลับมารุ่งเรืองไร้สงครามอีกครั้ง"

"ท่านพ่อตาชมเกินไปแล้ว"

"มิสู้ให้ลู่หลินพาพระองค์เดินชมรอบๆจวนดีหรือไม่ จะได้ผ่อนคลายมากขึ้น"

"อืม"

ราชครูจางให้จางลู่หลินพาหลี่เหว่ยไปเดินชมรอบๆจวน ที่เขาทำอย่างนี้เพราะไม่อยากให้คนหนุ่มต้องมานั่งสนทนากับคนแก่มันจะน่าเบื่อเอาเปล่าๆ อีกอย่างเขากลัวบุตรสาวบัดซบจะยืมเงิน มิสู้ให้นางพาสามีไปเดินเล่นเสียจะได้ไม่ถามยืมเงินเขา!

หลี่เหว่ยและจางลู่หลินเดินชมสวนภายในจวนตระกูลจาง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ศาลาริมสระบัว หลี่เหว่ยปรายตามองมองปลาไนในสระน้ำอย่างเบื่อหน่ายคราหนึ่ง ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มดับกระหาย จางลู่หลินมองชายหนุ่มตรงหน้า และเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัย

"ไหนท่านบอกว่าจะไม่มาไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้เล่า"

หลี่เหว่ยวางถ้วยชาในมือลง พร้อมกับมองจางลู่หลินอย่างดูแคลน

"ข้าเวทนาเจ้าจึงยอมมา ไหนๆก็แต่งงานกันแล้ว ข้าช่วยสงเคราะห์เจ้าสักหน่อยก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือ"

จางลู่หลินหรี่ตามองเขา บุรุษผู้นี้หน้าตาหล่อเหลาเอาการแต่วาจากลับไม่น่าฟัง แต่ก็ช่างเถิด

"เรื่องที่ท่านออกหน้าแทน ข้าต้องขอบคุณมาก แต่่ท่านอย่าไปถือสาจางเสวี่ยเลย ปากนางก็เป็นเช่นนั้นมาแต่ไหนแต่ไร"

"ข้าไม่ได้ออกรับแทนเจ้า เพียงไม่ชอบเห็นคนนอกมาเอ่ยวาจาว่าร้ายคนในจวนข้า ลู่หลิน เจ้าอยู่กับข้าปากกล้ามือไว แต่กับน้องสาวเจ้าไม่มีปากมีเสียง ต่อไปหากนางเอ่ยเช่นนั้นอีกก็ตบสั่งสอนเสีย อย่าให้ใครมาว่าเจ้าอีก ข้าจะพลอยขายหน้าไปด้วย"

"เพคะองค์ชายใหญ่"

นางเอ่ยอย่างประชดประชันพร้อมกับเทชาร้อนใส่ถ้วยให้เขาอีกหน หลี่เหว่ยรู้สึกแปลกใจกับท่าทางสงบนิ่งของนาง สตรีนางนี้คล้ายจะใจร้อนมือไวชอบทุบตีคน แต่บางครานางก็สงบเงียบเรียบร้อย อีกทั้งยังไม่เอะอะโวยวายตีโพยตีพายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง นางไม่สนใจว่าเขาจะไยดีนางหรือไม่ มันช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

สตรีคนอื่นๆล้วนอยากได้รับความสนใจจากเขา แต่กับนางไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย

แรกเริ่มเขาเพียงอยากมาให้จบๆไปเพราะไม่อยากให้เสด็จแม่ทราบเรื่องแล้วเอาโทสะมาลงที่เขา แต่เมื่อเขาก้าวเข้ามาในจวนตระกูลจางกลับพบว่านางไม่ได้เอ่ยถึงเขาในทางที่ไม่ดีเลยสักประโยคเดียว ไม่แม้แต่จะเอ่ยฟ้องบิดาตนว่าเขาละเลยนาง แต่กลับบอกว่าเขาป่วยไม่อาจติดตามนางมาได้และยังทำดีกับนางอยู่เสมอ

ทั้งที่ความจริงเขาและนางแทบจะทุบตีกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

กลายเป็นว่าเขากลับรู้สึกผิดต่อนางขึ้นมาเสียอย่างนั้น

"ชาป้านนี้ข้าขอมอบให้ท่านเพื่อเป็นการขอบคุณ ท่านทำดีข้าก็ชื่นชม แต่ถ้าท่านจะทุบตีข้า ข้าก็ไม่ยอม"

"เหอะ ข้าจะรับชาป้านนี้เอาไว้ ถือว่าเห็นแก่ความหน้าหนาของเจ้า"

คนทั้งสองอยู่ที่จวนตระกูลจางต่ออีกราวครึ่งชั่วยาม หลี่เหว่ยและจางลู่หลินก็ขอตัวกลับจวนองค์ชายใหญ่ จางเสวี่ยมองคนทั้งสองด้วยแววตาริษยาเป็นอย่างยิ่ง คนที่ได้เดินเคียงข้างองค์ชายใหญ่ควรจะเป็นนางมากกว่า

ขากลับหลี่เหว่ยกลับรถม้าคันเดียวกับจางลู่หลิน เขาพยายามนั่งให้ห่างจากนาง แต่รถม้าเจ้ากรรมกลับตกหลุม ทำให้จางลู่หลินซวนเซซบเข้ามาที่แผงอกกำยำของเขา อีกทั้งมือน้อยๆของนางยังคว้าหมับเข้าที่หว่างขาของเขาเข้าอย่างจัง 

จางลู่หลินตัวแข็งทื่อตกใจเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหลี่เหว่ยก็เกร็งไปทั้งตัวจนแทบจะเป็นตะคริว ท่อนล่างเริ่มแข็งขึงสู้มือของนางขึ้นมา จางลู่หลินเงยหน้าไปสบตากับหลี่เหว่ยก่อนจะรีบผละออกมาจากอ้อมกอดของเขา

พอดีมือมาก!

ให้ตายเถอะนี่นางคิดสิ่งใดกันน่าอายชะมัดเลย!

ด้านหลี่เหว่ยนั้นก็เริ่มหายใจติดขัด ใบหน้าของชายหนุ่มแดงซ่าน เขาเอ่ยตะโกนด่าคนขับรถม้าทันที

"ขับรถม้าเช่นไรกัน ให้ข้าโบยเจ้าดีหรือไม่!"

คนขับรถม้ารีบเอ่ยขอโทษเป็นพัลวัล หลี่เหว่ยหันมาถลึงตาใส่จางลู่หลิน ก่อนจะท่องพึมพำในใจ

หยุดแข็ง หยุดแข็งเดี๋ยวนี้ หากข้าทนไม่ไหวคงจะได้ล้วงออกมาชักแน่!

มารดามันเถอะ เห็นทีคืนนี้คงต้องขึ้นไปปลดปล่อยบนต้นไม้อีกแล้ว เพราะนางคนเดียวสตรีบัดซบ!

กลางดึกคืนนั้น ในขณะที่จางลู่หลินกำลังจะเข้านอน หลิงหลิงก็เข้ามารายงานว่าพ่อบ้านหม่ามาขอพบ จางลู่หลินถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อนางเดินออกมาพบพ่อบ้านหม่าก็ได้ความว่า มีคนเล่นแป้งมันอีกแล้ว ซ้ำยังเล่นตรงที่เดิมเสียด้วย พ่อบ้านหม่าอยากให้นางไปจัดการเดี๋ยวนี้ จางลู่หลินยกเมือเท้าเอวอย่างสุดจะทน นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน เอาเถิด ไปดูเสียหน่อย หากจับตัวการได้นางจะตบให้หัวทิ่มพื้นเลยคอยดู

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็พบเพียงความมืดมิด ไม่นานก็มีแป้งมันปริศนาหล่นลงมาจากฟากฟ้าอีกครั้ง พ่อบ้านหม่าแก่แล้วสายตาไม่ค่อยดี จึงมองไม่เห็นสิ่งใดชัดเจนเท่าคนหนุ่ม จางลู่หลินสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นไปมองบนต้นไม้ก็ถึงกับอึ้งงั้นไปชั่วขณะ

นั่นมันอันใดกัน!

หลี่เหว่ยกำลังทำสิ่งใอยู่บนต้นไม้นั่น!

ด้านหลี่เหว่ยที่กำลังชักลำแท่งเข้าออกอย่างเมามัน พลันรู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองตนจากทางเบื้องล่าง เมื่อเขามองลงมาก็ต้องตื่นตระหนกจนทำสิ่งใดไม่ถูก

จางลู่หลินยกมือขึ้นปิดปากตน นางรู้แล้วว่าต้นเหตุของแป้งมันปริศนามันมาจากที่ใด

ให้ตายเถอะ! นี่มันซีรี่ย์สืบสวนชัดๆ นางเอกอย่างนางต้องสืบหาต้นตอของแป้งมันปริศนา สุดท้ายพบว่าพระเอกอย่างหลี่เหว่ยก็คือลาสบอสผู้เป็นเจ้าของแป้งมันปริศนาผู้นั้น!

"พระชายาเอก"

"พ่อบ้านหม่า ท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าจัดการเอง"

"แต่ว่าพระชายาเอก"

"กลับไปเถอะ แล้วอย่าให้ใครมารบกวนข้าที่นี่ ไม่อย่างนั้นข้าจะลงโทษให้หมด หลิงหลิง ตงฟาง พวกเจ้าก็ไปด้วย"

พ่อบ้านหม่าและสาวใช้ทั้งสองมองเจ้านายตนด้วยความสงสัย แต่ย่อมไม่อาจขัดคำสั่งจึงยอมจากไปแต่โดยดี เมื่อคนจากไปหมดแล้ว นางจึงเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยกับหลี่เหว่ย

"คนไปหมดแล้ว ท่านลงมาชักต่อด้านล่างเถอะ เกิดพลัดตกต้นไม้ลงมาจนแข้งขาและมือพิการอาจจะชักไม่ได้ตลอดชีวิตเลยนะ!"

หลี่เหว่ย "..."

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   ตอนจบ

    หลังจากดื่มกินกันอย่างสำราญใจ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วงกลางดึก หลี่เหวยกลับมายังที่พักของตน ก่อนจะพบว่ายามนี้จางลู่หลินยังคงไม่เข้านอน หญิงสาวเอาแต่มองดวงจันทร์ที่ด้านนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่วูบไหว เขาที่เริ่มมึนเมาเล็กน้อย ตรงเข้าไปกอดนางจากทางด้านหลัง ก่อนจะซบใบหน้าลงไปที่ซอกคอขาวเนียนของนาง พลางเอ่ยถาม"พระจันทร์น่ามองตรงที่ใดกัน ข้ายังน่ามองกว่าตั้งเยอะ"จางลู่หลินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง "หลงตนเองเกินไปแล้ว"หลี่เหว่ยหันตัวนางให้กลับมามองเขา จางลู่หลินมองสบตากับบุรุษตรงหน้าเล็กน้อย"จางลู่หลิน เจ้ามันน่ารังเกียจ น่ารังเกียจยิ่งกว่าผู้ใด"เพียงเขาเอ่ยปากพูดก็เอาแต่พ่นวาจาเหน็บแนมนางจนนางคร้านที่จะถกเถียงกับเขาแล้ว หญิงสาวยื่นสองมือไปประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ และพินิจมองอย่างชื่นชม"หลี่เหว่ย ข้าว่า ข้าคงชอบท่านเข้าแล้วล่ะ ไม่สิ อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ชอบเท่านั้นแต่ข้าหลงรักท่านแล้วต่างหาก"หลี่เหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นแววตาก็ทอประกายวูบไหว เขาไม่ได้เมามายถึงขนาดขาดสติ ย่อมฟังวาจาที่นางกล่าวออกมาได้อยางชัดเจนแจ่มแจ้ง ใจของเขาเต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าค

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   ตอนที่ 31 ชัยชนะ

    เมื่อสงครามจบลง หลี่เหว่ยได้สั่งให้ฝังศพเหล่าทหารกล้าเอาไว้ที่ริมแม่น้ำซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามที่สุดในชายแดน อีกทั้งยังเทสุราลงบนพื้นเป็นการไว้อาลัยให้กับพวกเขาที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาจนได้รับชัยชนะหลายบ้านที่บุตรชายกลับมาอย่างปลอดภัยล้วนดีใจเป็นอย่างมาก แต่บ้านที่ต้องสูญเสียบุตรชายในสนามรบต่างเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หลี่เหว่ยเองก็ปลอบประโลมพวกเขาเป็นอย่างดีเมื่อได้เห็นว่าเขาอ่อนโยนกับเหล่าชาวบ้านเช่นนี้ จางลู่หลินก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย เขาเอาใจใส่ราษฎรเป็นอย่างดี เรื่องเล็กๆน้อยๆล้วนคิดอ่านอย่างละเอียดรอบคอบก่อนหน้านี้ที่หลี่หรงลอบนำกองกำลังทหารออกไปได้ และจัดการเผาทำลายหมู่บ้านหลานฮวา โชคดีที่หลีเหว่ยส่งคนเฝ้าจับตาดูมานานจึงช่วยเหล่าชาวบ้านออกมาได้ ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองหนานหลิงและปลอดภัยดี เฟิ่งเฉวียนก็ให้การดูแลพวกเขาอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเมื่อได้รับชัยชนะ แน่นอนว่าย่อมต้องมีการเฉลิมฉลอง เหล่าชาวบ้านในชายแดนชำนาญการล่าสัตว์และใช้เหยี่ยว อาหารที่นำมาเลี้ยงฉลองจึงมีแต่อาหารที่ชาวบ้านกินกันเป็นประจำ แต่หลี่เหว่ยกลับไม่ได้รังเกียจ เขาร่วมดื่มกินกับเหล่าทหารอย่

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 30 สงคราม

    เมื่อแผนการถูกเปิดเผย แน่นอนว่าหรงหวาที่เป็นท่านหญิงผู้มาจากแคว้นฉานซี รวมถึงคนของแคว้นฉานซีทั้งหมดต้องถูกจับตัวมาขังเอาไว้เพื่อรอการไต่สวนเว้นแต่อาซาน ที่หลี่เหวยพาเขาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อของตนและบอกความจริงทุกอย่างจนกระจ่างแจ้ง ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนยามนี้ล้มป่วยหนักจึงยกมอบเรื่องราวทุกอย่างให้หลี่เหว่ยเป็นคนจัดการ หลี่เหว่ยจึงเสนอความเห็นว่าจะให้อาซานร่วมรบกับแคว้นฉานซี เขาจะทำได้หรือไม่ที่ต้องสู้รบกับแคว้นบ้านเกิดของตน อาซานกลับรับปากโดยไม่ลังเล เขาบอกเพียงว่าขอเพียงหลี่เหว่ยไม่ทำร้ายราฎรผู้บริสุทธิ์ของแคว้นฉานซีเขาก็ยินดีร่วมรบ ส่วนท่านอ๋องและขุนนางชั่วทั้งหลายก็แล้วแต่เวรแต่กรรมเถิดหลี่เหว่ยนับถือในความเด็ดเดี่ยวของอาซาน นับว่าคนผู้นี้ยังมีสติปัญญารู้คิดว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาว หลี่เหว่ยก็ได้ทราบข่าวที่ส่งมาจากมู่กุ้ยเหมยที่อยู่ชายแดนว่า หลี่หรงนำกองทัพของตนเข้าร่วมกับแคว้นฉานซี บุกโจมตีชายแดนแคว้นหนานฉีอย่างบ้าคลั่ง ยามนี้ทหารล้มตายไปไม่น้อย ยามนี้นางพยายามต้านอย่างสุดกำลัง ขอให้เขาส่งกำลังเสริมมาช่วยนางโดยด่วนฮ่องเต้หลี่เจี้ยนมีราชโองการให้หลี่เหว่ยยนำกองทัพไปปราบ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 29 จุดจบคนชั่ว

    "ว่าอย่างไรนะ คนหายไปแล้วอย่างนั้นหรือ หายไปได้เช่นไรกัน!"หรงหวาที่ได้ยินองค์รักษ์ลับเข้ามารายงานว่าบิดามารดาของอาซานได้หายออกไปจากจวนของแม่ทัพใหญ่มู่แล้วนางก็กำมือแน่น อีกทั้งยังลอบก่นด่าคนตระกูลมู่ในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้งก่อนหน้านี้ตอนที่เดินทางมาแคว้นหนานฉีชินอ๋องหลี่หรงลูกพี่ลูกน้องของนางที่เกิดจากน้องสาวของท่านพ่อ ได้ฝากฝังนางให้แม่ทัพใหญ่มู่คอยดูแล นางจึงส่งบิดามารดาของอาซานไปคุมขังเอาไว้ที่ห้องใต้ดินของจวนตระกูลมู่ อีกทั้งยังให้แม่ทัพใหญ่มู่ทรมานคนตามที่นางสั่ง แม่ทัพใหญ่มู่เป็นคนของชินอ๋องหลี่หรง และเขาเองก็ร่วมมือกับแคว้นฉานซีต้องการจะโค่นล่มแคว้นหนานฉีเช่นเดียวกัน ความแค้นหนหลังของแม่ทัพใหญ่มู่และฮ่องเต้หลี่เจี้ยนนั้นนางไม่ได้ทราบรายละเอียดมากเท่าใดนัก แต่ก็นับว่าดีไม่น้อยที่มีคนหนุนหลังคอยช่วยเหลือแคว้นฉานซีของนาง ซ้ำยังเป็นถึงแม่ทัพใหญ่มากฝีมือแห่งแคว้นเสียด้วยแต่ยามนี้คนกลับหายไป ไม่เพียงเท่านั้น เหล่านักโทษที่ถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดินของจวนตระกูลมู่ก็หายไปด้วยเช่นกัน หากเรื่องราวนี้รู้ถึงหูของฮ่องเต้หลี่เจี้ยนเกรงว่าแม้แต่นางก็อาจจะไม่รอดที่สำคัญ ยามนี้ไม่มีบิดามารดาขอ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 28 เอาใจภรรยาอีกหน

    ด้านหลี่เหว่ยนั้นก็ได้บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เสด็จพ่อของตนฟัง รวมถึงบอกว่าคนที่ถูกจับมาจะสามารถเป็นพยานอย่างดีให้พวกเราได้ และแม่ทัพใหญ่มู่ก็ไม่อาจหนีรอดจากการจับกุมในครั้งนี้ไปได้ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนกัดฟันกรอด เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าแม่ทัพใหญ่มู่จะทรยศและหักหลังเขาเช่นนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าก็เคยร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบด้วยกันมา ต่อสู่ฝ่าฟันทุกอย่างมาด้วยกัน แต่วันนี้กลับคิดทรยศหักหลังเขาได้อย่างเลือดเย็น"รักษาคนที่ถูกจับให้หายดี แล้วทำการไต่สวนพวกเขา หาหลักฐานให้ได้มากที่สุด อีกไม่นานพวกมันคงจะรู้ตัวแล้ว เราต้องรีบจัดการก่อนที่คนร้ายจะไหวตัวทัน""พ่ะย่ะค่ะ""ที่สำคัญ พ่อเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่มู่คงไม่อาจจะวางแผนการนี้ได้คนเดียว ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเขาเป็นแน่ เจ้าจงระวังเอาไว้ให้ดี""ลูกทราบแล้ว เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน"“อืม”เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้วหลี่เหว่ยจึงกลับมาที่จวนของตน เขายังไม่ได้บอกเรื่องของอาซานให้เสด็จพ่อทรงทราบ เพราะเรื่องของแม่ทัพใหญ่มู่ก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว เรื่องอื่นเขายังจัดการด้วยตนเองได้ หากหรงหวายังไม่ยอมรามือจากน้องสาวของเขา เขาจะไม่เก็บนางเอาไว้ คงทำได้เพียงส่งศีรษะของนางกลับ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 27 ช่วยเหลือ

    มู่กุ้ยเหมยขมวดคิ้วมุ่น นางสบตากับหลี่เหว่ยอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย นางไม่ได้ทำสิ่งใดผิดย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเกรงกลัว แต่ที่นางแปลกใจก็คือ เหตุใดหลี่เหวยจึงมาอยู่ในจวนของนางได้ อีกทั้งยังมีองค์หญิงหลี่ฮวาที่ตามมาด้วยหลี่เหว่ยที่เห็นว่ามู่กุ้ยเหมยไม่เอ่ยตอบ ก็ตรงเข้ามาประชิดตัวนาง ก่อนจะยกมีดสั้นวางทาบลงบนลำคอขาวเนียนของมู่กุ้ยเหมยอย่างรวดเร็ว"ตอบมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้า ต่อให้เป็นคนที่ข้าฝึกฝนมาเองกับมือ ก็อย่าหวังว่าจะได้รับการละเว้น"มู่กุ้ยเหมยที่ถูกหลี่เหว่ยข่มขู่กลับไม่โกธร นางรู้ดีว่ายามอยู่ในสถาณการณ์คับขัน หลี่เหว่ยก็จะเย็นชาเช่นนี้อยู่เสมอ นางรู้จักเขามานานหลายปี นิสัยของเขานางเข้าใจดีมู่กุ้ยเหมยรีบคุกเข่าลง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม"เดิมทีหม่อมฉันก็สงสัยในตัวบิดาตนเองเช่นกัน จึงเข้ามาตรวจดูในห้องตำรานี้ ไม่คาดคิดว่าจะพบห้องลับ และพบว่าเขาจับคนมาขังเอาไว้และทรมานคนเหล่านั้นอย่างทารุณเช่นนี้ องค์ชายใหญ่โปรดวางพระทัย ต่อให้ตัวต้องตาย กุ้ยเหมยก็ไม่มีทางทรยศบ้านเมืองเด็ดขาด หากพระองค์มาเพื่อช่วยคน เช่นนั้นก็รีบมือเถิดเพคะ หม่อมฉั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status