เกาเหอถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ทหารที่คิดจะเปิดโลงศพได้ฟังก็ตกใจจะบอกว่าเรื่องเล็กมันก็เล็ก จะบอกว่าเรื่องใหญ่มันก็ใหญ่เช่นกันหากกลายเป็นเรื่องใหญ่ เว่ยซั่วแม่ทัพเฝ้าด่านเป่ยลู่ผู้นี้รับไม่ไหวแน่นอนทว่า เมื่อเผชิญกับคำถามเฉียบขาดของเกาเหอเช่นนี้ เว่ยซั่วยังคงไม่สะทกสะท้าน“นี่เป็นกฎของราชสำนัก!”เว่ยซั่วกล่าวอย่างวางตัวพอเหมาะพอดี “นอกเสียจากมีการอนุญาตพิเศษจากฝ่าบาท มิฉะนั้น ผู้ใดก็ตามล้วนต้องได้รับการตรวจค้น!”เกาเหอยังอยากจะกล่าวต่อ ทว่าหยุนเจิงยกมือให้หยุด“ให้เขาตรวจ!”หยุนเจิงสีหน้าเคร่งขรึมมองซั่วเว่ย จากนั้นก็คำรามใส่เกาเหอ “อย่าทำให้พวกเขาลำบากเลย! ไป เปิดโลงศพของข้าออก! ข้าอยากจะดู วันนี้พวกเขาจะค้นสิ่งใดออกมาได้!”“ท่านอ๋อง...”เกาเหอกล่าวด้วยความโมโห “เพิ่งจะเข้าซั่วเป่ยก็เปิดโลงศพ มันช่าง...”“ข้าสั่งให้เจ้าไป!”หยุนเจิงตวาด ใบหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นหยุนเจิงโมโห เกาเหอไม่กล้าพูดต่อแล้ว รีบมายังหน้าโลงศพใบหนึ่งปึง!เกาเหอเปิดฝาโลงด้วยฝ่ามือเดียว สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกตวาดลั่น “เปิดตาสุนัขของพวกเจ้าดูให้ดี!”ทหารโดยรอบถูกแรงกดดันของเกาเหอควบคุมเอาไว
หลังจากผ่านด่านอย่างราบรื่น คณะเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองติ้งเป่ยเฉิงของผู้บัญชาการเว่ยเหวินจงผ่านด่านเป่ยลู่แล้ว อากาศเริ่มเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นขึ้นมายังดีที่ซั่วเป่ยตอนนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ มิเช่นนั้น สิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้าก็จะกลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยหิมะน้ำแข็งแต่จากสถานการณ์ตรงหน้า อีกประมาณครึ่งเดือน ซั่วเป่ยเกรงว่าน่าจะเจอกับหิมะแรกของฤดูนี้แล้วซั่วเป่ยเขตพื้นที่กว้างใหญ่ไพรศาลซั่วเป่ยแม้เป็นพื้นที่มณฑลเขตปกครองตนเอง พื้นที่จริงมีขนาดเกือบใหญ่เท่ากับสองมณฑลดังนั้น ต่อให้พวกเขามาถึงซั่วเป่ยแล้ว เดินทางไปยังเมืองติ้งเป่ยเฉิง ก็ยังต้องใช้เวลาหลายวันซั่วเป่ยร่วมทั้งภายในด่านเป่ยลู่มีคูเมืองทั้งหมดเก้าแห่งแล้วเมืองติ้งเป่ยเฉิง โดยพื้นฐานแล้วถือว่าเป็นส่วนหน้าสุดของซั่วเป่ยด้านหน้าเมืองติ้งเป่ยเฉิง มีป้อมเมืองสุ่ยหนิงและป้อมเมืองจิ้งอันสองแห่งสามคูเมืองอยู่ในตำแหน่งทำมุมซึ่งกันและกัน รวมกันกลายเป็นแนวป้องแรกของซั่วเป่ยทหารประจำการของสามเมืองนี้รวมกัน นับคร่าวๆ ก็มีจำนวนเป็นแสนแล้วป้อมเมืองสุยหนิงและป้อมเมืองจิ้งอันห่างจากแม่น้ำไป๋สุ่ยประมาณยี่สิ
ตู้กุยหยวนพลันตกใจ เอ่ยอย่างตะลึงงัน “องค์ชายไม่คิดจะเป็นฝ่ายบุกก่อนกระมั้ง?”“ก็ไม่แน่ว่าต้องเป็นฝ่ายบุกก่อน”หยุนเจิงโกหก ยิ้มเอ่ย “ข้าแค่ต้องการ แอบไปดูเขตแดนเป่ยหวนเงียบๆ ทางที่ดีควรรู้สถานการณ์ในเป่ยหวนล่วงหน้า เพื่อประโยชน์ในการเตรียมตัวก้าวถัดไป”“เช่นนั้นหรือ?”ตู้กุยหยวนครุ่นคิด ชี้ไปยังสู้ฉวีทางตะวันออกเฉียงเหนือของซั่วเป่ยแล้วพูดว่า “จากตรงนี้เดินทางตรงไปยังทางตะวันออกเฉียงเหนือ ก็คือภูเขาหิมะมี้อวินต้นกำเนิดแม่น้ำไป๋สุ่ย กลางภูเขาหิมะมีหุบเขา น่าจะสามารถเข้าสู่เป่ยหวนได้ แต่ว่าหุบเขาแห่งนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนมรณะ...”“ดินแดนมรณะ?”หยุนเจิงไม่เข้าใจ “เหตุใดกล่าวเช่นนี้? หุบเขานี่อันตรายมากหรือ?”“อันตรายมากจริงแท้”ตู้กุยหยวนพยักหน้า “สถานที่แห่งนี้อันตรายเป็นพิเศษ คนม้าเข้าไป ล้วนต้องเจอกับฟ้าฝ่าจู่โจม...”พูดถึงแดนมรณะแห่งนั้น คำพูดของตู้กุยหยวนเหมือนกล่องที่เปิดออกแล้วดินแดนมรณะแห่งนี้ บางคนก็เรียกว่าแดนลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์แค่มีคนเข้าสู่ดินแดนมรณะแห่งนั้น ก็จะให้เทพขุนเขาขุ่นเคือง ปล่อยสายฟ้าฟาดลงมาไม่ว่าจะเป็นต้าเฉียนหรือเป่ยหวน ล้วนมีคนไม่เชื่อเรื่องร้า
สองวันถัดมา หยุนเจิงกำลังจะถึงเมืองหม่าอี้เฉิงเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว หยุนเจิงคิดว่าคืนนี้จะพักผ่อนที่เมืองหม่าอี้เฉิงผ่านเมืองหม่าอี้เฉิงไป ก็จะเป็นเมืองติ้งเป่ยเฉิงแล้ว“รายงาน!”เวลานี้ ทหารม้ายามที่ส่งออกไปพาม้าสองตัวกลับมาไม่นาน ทหารยามมาถึงหน้าหยุนเจิง “รายงานท่านอ๋อง ระหว่างทางที่ข้าน้อยมาหม่าอี้เพื่อรายงาน พบสองคนนี้ พวกเขามาที่นี่ภายใต้คำสั่งของแม่ทัพใหญ่เว่ย”ขณะที่ทหารยามกำลังพูดจา ทั้งสองคนลงจากหลังม้าและทำความเคารพหยุนเจิง“เอ๋?”หยุนเจิงแปลกใจเล็กน้อย “แม่ทัพใหญ่เจียงฝากพวกเจ้าบอกสิ่งใดกับข้า?”หนึ่งในนั้นตอบทันที “แม่ทัพใหญ่ได้รับข่าวว่าท่านอ๋องมาถึงซั่วเป่ยแล้ว แม่ทัพใหญ่สั่งให้มารอเพื่อแจ้งกับท่านอ๋อง แม่ทัพใหญ่มาถึงหม่าอี้แล้ว งานเลี้ยงจะจัดขึ้นที่หม่าอี้ เพื่อต้อนรับท่านอ๋องและพระชายา”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว!”หยุนเจิงหัวเราะ “พวกเจ้ารีบกลับไปแจ้งแม่ทัพใหญ่เว่ย ข้าจะไปถึงในไม่ช้า!”“ขอรับ!”ทั้งสองคนขึ้นหลังมาและจากไปอย่างรวดเร็วหยุนเจิงยกยิ้มมุมปาก สั่งให้มุ่งหน้าไปหม่าอี้ทันทีดีเหมือนกัน!ไม่ต้องไปเมืองติ้งเป่ยเฉิงหาเว่ยเหวินจงแล้ว ยังทำให้พวกเขาประหยัดเว
ต่อให้ได้รับการฝึกฝนแล้ว แต่กำลังทหารก็ยังคนละระดับชั้นกับทหารประจำการ!เพียงแต่ ต่อให้นางไม่พอใจมากเพียงใด ตอนนี้ก็จนปัญญานี่เป็นประสงค์ของจักรพรรดิเหวิน!เว่ยเหวินจงทำตามพระประสงค์ของจักรพรรดิเหวินต่อให้นางกระโดดลุกขึ้นมาสู้กับเว่ยเหวินจงสักตั้ง ก็ไร้ประโยชน์“ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของเสด็จพ่อ ก็ตามนั้นเถอะ!”หยุนเจิงคร้านจะกล่าวสิ่งอื่นแล้วต่อให้กล่าวสิ่งอื่นก็ไร้ประโยชน์เช่นกันเขาจะปล่อยให้เว่ยเหวินจงขัดพระประสงค์ของเสด็จพ่อ จัดทหารชั้นยอดเก้าพันนายให้กับเขาได้หรือ?เขากล้าเสนอ แต่เว่ยเหวินจงต้องไม่มีทางตกลง!ได้!ต่อไปมีงานให้ทำแล้ว!ฝึกฝนทหารทำเกษตรไม่ใช่หรือ?ก็ได้!ความท้าทายนี้ ก็เป็นโอกาสเช่นกัน!หากต้องยึดครองทหารทำเกษตรเหล่านี้ ย่อมต้องง่ายกว่าพิชิตทหารชัดยอดเหล่านั้นมาก“ขอบคุณท่านอ๋องที่เข้าใจ”เว่ยเหวินจงกล่าวตามมารยาท จากนั้นก็หยิบจดหมายคำสั่งที่เตรียมไว้นานแล้วมอบให้หยุนเจิง “นี่เป็นจดหมายคำสั่งของข้า ท่านอ๋องนำคำสั่งนี้ไปยังค่ายทหาร รับช่วงต่อกิจการทหาร!”“ได้!”หยุนเจิงรับจดหมายคำสั่งมา ไม่มองเลยสักนิดและเก็บเอาไว้เวลานี้เอง เว่ยเหวินจงลุกขึ้น
ตอนเที่ยงสองวันให้หลัง ในที่สุดหยุนเจิงก็พาทุกคนมาถึงเมืองซั่วฟางทหารรักษาการเมืองของเมืองซั่วฟางได้เตรียมจวนแห่งหนึ่งให้หยุนเจิงเรียบร้อยแล้ว ไว้ใช้เป็นจวนอ๋องของเขาแน่นอน จวนแห่งนี้ก็เป็นแค่จวนอ๋องแต่เพียงชื่อเท่านั้นขนาดพื้นที่มีเพียงครึ่งเดียวของจวนอ๋องของหยุนเจิงที่เมืองจักรพรรดิแต่ว่า สำหรับหยุนเจิงแล้ว ก็ถือว่ามากพอแล้วตอนนี้พวกเขาขอแค่มีที่พักแรมชั่วคราวได้ก็พอแล้วหลังจากมอบเรื่องที่จำเป็นต้องจัดการภายในเรือนให้กับเยี่ยจื่อแล้ว หยุนเจิงและเฉินลั่วเยี่ยนพาคนไปยังค่ายทหารที่อยู่นอกเมืองซั่วฟางห่างไปสิบกว่าลี้ทันทีมีจดหมายคำสั่งของเว่ยเหวินจงอยู่ในมือ หยุนเจิงเข้ารับช่วงต่อกิจการทหารในค่ายได้อย่างราบรื่นครึ่งชั่วยามต่อมา ทหารทุกคนในค่ายและหัวหน้าน้อยใหญ่ล้วนมารวมตัวกันที่สถานฝึกเงยหน้ามองดูแล้ว จำนวนคนก็ไม่น้อยเลยไม่แน่ว่าจะมีแค่จำนวนเก้าพันอย่างไรก็ควรทะลุหมื่นแล้ว!แต่คุณภาพทหารทำเกษตรเหล่านี้ไม่ได้เรื่องเท่าใดหยุนเจิงกวาดตามองคร่าวๆ ก็สามารถเห็นชายชราผมขาวได้อยู่หลายส่วนเห็นอายุของพวกเขา อย่างน้อยก็ควรใกล้ห้าสิบแล้ว!มารดามันสินี่จะไปสู้รบหรือมาบ้านพ
เวรเอ๊ย!ตอนที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิ เขายังคิดว่าบวกกับทหารจวนของเขา เขาก็จะเป็นแม่ทัพที่มีทหารทั้งหมดหนึ่งหมื่นนายแล้วผลปรากฏว่ามาถึงซั่วเป่ย ก็ลดจำนวนของเขาลงสี่ส่วน!นี่มันสี่ส่วนที่ใดล่ะ!เห็นได้ชัดว่าลดจนเหลือแต่กระดูก!อีกทั้ง นอกจากม้าศึกที่พวกเขาพามา ม้าศึกทั้งค่ายใหญ่มีไม่ถึงยี่สิบตัวด้วยซ้ำ!กล่าวให้ถูกต้องคือ ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว!ม้าศึกเดิมที่มีอยู่นั้น ล้วนถูกย้ายไปเป็นพาหนะชั่วคราวของขุนพลระดับกลางและระดับล่างม้าที่อยู่ในค่าย ล้วนเป็นม้าล่อ!ไถนาในเวลาว่าง ช่วงสงครามก็เป็นม้าล่อส่งเสบียง!อย่าว่าแต่ม้าศึกเลย คนมากมายแม้แต่ชุดเกราะล้วนไม่มี!เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ฟังผลลัพธ์นี้ก็โมโหอัดอั้นเช่นกัน กัดฟันกล่าว “เว่ยเหวินจงเจ้าสารเลวนี่ จงใจส่งพวกคนชราอ่อนแอขี้โรคเหล่านี้ยัดเยียดให้พวกเรา!”“เรื่องนี้เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”ตู้กุยหยวนอธิบาย “ทหารทำเกษตรของทุกค่าย ล้วนสถานการณ์ไม่ต่างกัน! ดังนั้นกองทหารมณฑณทางเหนือความจริงมีทหารสามแสนกว่าคน แต่ทุกคนล้วนพูดกองทหารมณฑณทางเหนือมีทหารจำนวนสองแสน...”ในสายตาคนทั่วไป ทหารทำเกษตรเหล่านี้เดิมก็ไม่นับรวมอยู่ในกองกองทหารมณฑณทางเหนื
เมื่อหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนกลับมาที่จวนก็เป็นเวลาดึกแล้วเยี่ยจื่อยังไม่นอน รีบร้อนวิ่งมาถามสถานการณ์“เจ้าคุยกับพี่สะใภ้เถอะ ข้าไปหาจางซู!”หยุนเจิงนวดศีรษะอย่างปวดหัว พาใจที่เหนื่อยล้าไปหาจางซูตอนที่มามีใจทะเยอทะยานแต่ความจริงตอนนี้กลับทำให้เอาเขาปวดหัว!เคาะประตูห้องของจางซู จางซูก็ยังไม่หลับเช่นกัน“สถานการณ์ไม่ดี?”เมื่อเห็นหน้าหยุนเจิง จางซูก็รู้ว่าสถานการณ์ในค่ายทหารไม่เป็นอย่างที่คิด“ไม่ใช่แค่ไม่ดี เรียกได้ว่าเน่าเฟะเลย!”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้มฝืน เล่าสถานการณ์คร่าว ๆ ให้จางซูฟังเมื่อรู้สถานการณ์จริงของค่ายทหาร จางซูเองก็ตกใจอ้าปากค้างทหารหนึ่งหมื่นสองพันกว่านาย ทหารที่ออกรบได้มีไม่ถึงสองพัน?นี่มันเรื่องอะไรกัน!หลังจากเหม่อลอยไปนาน จางซูจึงหัวเราะแหยแล้วถาม “เช่นนั้นตอนนี้ทำเช่นไร?”“เรื่องเหล่านี้เจ้าไม่ต้องสนใจ” หยุนเจิงส่ายหน้า “เจ้าหาเงินอย่างสบายใจก็พอ! เจ้าพักผ่อนสองสามวันก่อน พักผ่อนแล้วก็ดำเนินการตามแผนการที่พวกเราตกลงกัน!”“ข้าไม่ต้องพักผ่อนแล้ว!”จางซูส่ายหน้าทันที “พรุ่งนี้ข้าจะหาสถานที่เพื่อทำโรงฝีมือ!”“สถานที่ไม่ต้องหาแล้ว” หยุนเจิงโบกมื