Share

บทที่ 3

ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหาร

ณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่ง

หากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียน

แต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้ง

แคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง

ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก

และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวช

และในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

จักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้

และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับลี่เออร์ด้วยเพคะ! ฮือๆๆ…”

“ค่อกๆ…”

จักรพรรดิเหวินส่งเสียงไอค่อกแค่ก ส่งสายตาให้กับซูเฟย “ข้ากำลังหารือเรื่องสำคัญกับเหล่าขุนนางอยู่ ซูเฟยกลับไปก่อน มีเรื่องอันใดค่อยว่ากันทีหลัง!”

ซูเฟยไม่เพียงแต่จะไม่กลับไป แต่ยังส่งเสียงร้องห่มร้องไห้ดังลั่นกว่าเดิมอีก “ฝ่าบาท หยุนเจิงถีบจุดสำคัญของลี่เออร์ ดีไม่ดีลี่เออร์อาจจะเป็นบุรุษไม่ได้ด้วยซ้ำ! ฮือๆๆ…”

“ว่าอย่างไรนะ?”

สีหน้าของจักรพรรดิเหวินพลันเปลี่ยนไป เขากำลังจะปล่อยโทสะออกมา แต่จู่ๆ ก็สงบนิ่งลง

จากนั้นไม่นานจักรพรรดิเหวินก็หัวเราะพลางกล่าวว่า “ซูเฟยอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลไปเลย นิสัยของเจ้าหกเป็นเช่นไร ข้าย่อมรู้ดี! เขาไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก!”

จิงกั๋วกงก็ออกมาหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางซูเฟย ฝ่าบาทมีราชกิจต้องทำมากมาย อย่าได้กล่าววาจาล้อเล่นเช่นนี้เลย! องค์ชายหกเป็นคนซื่อสัตย์นิสัยดี จะกระทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”

ซื่อสัตย์นิสัยดีอย่างนั้นหรือ คงเป็นเพียงแค่คำพูดรื่นหูให้ดูดีนะสิไม่ว่า

องค์ชายหกเป็นคนอ่อนแอ ขี้ขลาด เป็นคนไร้ความสามารถ!

ซูเฟยตกตะลึงนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาอีก

จักรพรรดิเหวินไม่เชื่อคำพูดของนาง แม้แต่พี่ชายตัวเองแท้ๆ ก็ไม่เชื่อ

แต่สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!

และในตอนนี้เอง องครักษ์ด้านนอกตำหนักก็เข้ามารายงานว่า “กราบทูลฝ่าบาท องค์ชายหกมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”

เจ้าหกรึ?

จักรพรรดิเหวินตกใจเล็กน้อยจึงกล่าวถามว่า “เขามาด้วยเหตุอันใด?”

องครักษ์ก้มหน้า กราบทูลด้วยความประหม่าเล็กน้อยว่า “องค์ชายหกบอกว่าองค์ชายหกถีบจุดสำคัญขององค์ชายสาม จึงมาขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ…”

เมื่อได้ยินคำพูดขององครักษ์ เหล่าขุนนางต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

เป็นไปได้อย่างไร?

องค์ชายหกเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ไร้ความสามารถ เขาจะกล้าทำร้ายร่างกายจุดสำคัญขององค์ชายสามจริงๆ หรือ?

จักรพรรดิเหวินเองก็ตกใจเมื่อได้ยินการกราบทูลขององครักษ์ สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปอีกครา และตะคอกองครักษ์ด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ไปเอาตัวลูกไม่รักดีเข้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ไม่นานนักหยุนเจิงก็ถูกนำตัวเข้ามาในตำหนัก

หยุนเจิงมองหน้าเสด็จพ่อจำเป็นผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างพิจารณา

ยังใช้ได้ แม้จะอายุห้าสิบกว่าแล้ว แต่ก็ถือว่ายังไม่ได้แก่มาก

ไม่เหมือนกับประวัติศาสตร์ที่เขารู้มา คราขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าเฉียนก็จะแต่งตั้งตำแหน่งให้ตนเองเพื่อยกย่องยศฐาบรรดาศักดิ์

และยศฐาบรรดาศักดิ์ของหยุนเกิงผู้นี้ก็คือจักรพรรดิเหวินนั่นเอง

“เจ้าลูกไม่รักดี!”

จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนเจิงด้วยแววตาอันแผดเผาร้อนดั่งไฟสุมด้วยความโกรธ “นี่เจ้าเตะจุดสำคัญของพี่สามของเจ้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”

จนถึงตอนนี้แล้วจักรพรรดิเหวินก็ยังไม่เชื่อในความจริงนี้

โดยปกติแล้วเจ้าหกไม่กล้าแม้แต่จะพูดจาเสียงดัง แล้วจะทำร้ายพี่ชายของเขาได้อย่างไรกันเล่า?

“พ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ

เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัดแล้ว สีหน้าของจักรพรรดิเหวินก็ย่ำแย่ขึ้นมาทันที

“เจ้าลูกทรพี นี่เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับพี่สามของเจ้าได้อย่างไร?”

จักรพรรดิเหวินจ้องมองด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และตะคอกว่า “เจ้าก็รู้ ว่าสิ่งที่ข้าไม่ชอบที่สุดก็คือการเห็นพวกเจ้าพิการ”

สีหน้าของสวีสือฝู่เย็นยะเยือกขึ้น เขาโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “กระหม่อมคิดว่า องตค์ชายหกไม่เห็นพี่น้องอยู่ในสายตา แม้แต่กับองค์ชายสามยังทำร้ายได้ ปล่อยผ่านไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! ได้โปรดฝ่าบาททรงถอดยศฐาบรรดาศักดิ์ขององค์ชายหกให้เป็นสามัญชนด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”

เขาเป็นถึงลุงของหยุนลี่!

หยุนลี่เสียหายด้วยน้ำมือของหยุนเจิง จะให้เขาปล่อยหยุนเจิงไปได้อย่างไร?

“นึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายหกจะกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับองค์ชายสามเช่นนี้ โทษนี้ไม่อาจอภัยได้!”

“ฝ่าบาทเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ พระองค์จะลงโทษเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์อย่างรุนแรงเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้โปรดฝ่าบาทถอดยศฐานบรรดาศักดิ์ขององค์ชายหกให้เป็นสามัญชนด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการตักเตือนผู้อื่นไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ…”

คำพูดของสวีสือฝู่สะท้อนให้เห็นทันทีว่าองค์ชายสามมีพรรคมีพวก

ทุกคนต่างพากันร้องขอให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์ให้หยุนเจิงเป็นคนธรรมดา

แม้แต่เหล่าขุนนางที่มิได้เอ่ยปากกล่าวแต่อย่างใด แต่ก็ยังมองเขาด้วยสายตาเย็นชาอยู่ข้างๆ

ในตำหนักใหญ่แห่งนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีใครช่วยพูดแทนหยุนเจิงแม้แต่คนเดียว

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของคนเหล่านี้ หยุนเจิงก็อดที่จะชื่นชมการตัดสินใจของตัวเองไม่ได้

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status