องค์ชายเจ็ดนั่งอยู่หน้ากองไฟ ดื่มรวดเดียวหมดจอกแล้วจอกเล่า เหล่าทหารมองดูด้วยตา ก็อยากลิ้มรสด้วยใจ ทหารเหล่านี้ล้วนมาจากครอบครัวยากจน ในสายตาของพวกเขา เพียงได้อิ่มท้องก็ถือว่าดีแล้ว การดื่มสุราเป็นสิ่งที่แม้แต่ในฝันก็ไม่กล้าคิด ยิ่งกว่านั้น นี่อยู่ในกองทัพ การดื่มสุราจึงเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี หากถูกจางไป่เจิงจับได้ คงมีปัญหาใหญ่หลวงแน่ องค์ชายเจ็ดดื่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุราหนึ่งถังใหญ่หมดไปเกือบครึ่งในเวลาไม่นาน สติของพระองค์เริ่มเลือนราง ใบหน้าแดงก่ำ เหล่าทหารเห็นดังนั้น ก็รีบเข้าไปเอ่ยเตือน “ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านดื่มมากเกินไปแล้ว” “จิบเล็กน้อยสบายใจ ดื่มมากทำลายสุขภาพ!” “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เราอยู่หน้าแนวรบ หากท่านเมามาย ก็คงเป็นปัญหาใหญ่หลวงแล้วขอรับ” “ใช่แล้วขอรับ! ท่านแม่ทัพ หากเรื่องนี้ทำให้การทัพล่าช้า ท่านแม่ทัพจางจะตำหนิเอาได้นะขอรับ...” องค์ชายเจ็ดตวัดสายตามองเหล่าทหาร แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “จะกลัวอะไร! พวกขี้ขลาดตาขาว!” “พวกเจ้าจงเบิกตาดูให้ดี ตอนนี้เหมือนกำลังทำสงครามที่ไหนกัน?” “หลี่หลงหลินให้พวกเราหยุดอยู่กับที่มากี่วันแล้ว! ไม่มีใครรู้เลย
องค์ชายเจ็ดนั่งอยู่ข้างกองไฟ มองเปลวเพลิงที่เต้นระบำ แต่พระองค์กลับมิได้รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อย ราวกับว่ากองไฟนี้เป็นเพียงภาพลวงตา องค์ชายเจ็ดเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “นี่มันที่เฮงซวยอะไรกัน เหตุใดจึงหนาวเหน็บถึงเพียงนี้! เร่งก่อไฟให้ลุกแรงกว่านี้อีก!” สีหน้าของทหารนายหนึ่งฉายแววเกรงใจ “ท่านแม่ทัพขอรับ บัดนี้ไฟก็ลุกแรงถึงที่สุดแล้ว หากเราก่อให้ใหญ่กว่านี้ เกรงว่าจะเผาค่ายทหารทั้งค่ายแล้วขอรับ...” ในกองทัพมีกฎเกณฑ์ชัดเจน กองไฟต้องอยู่ห่างจากกระโจมทหาร เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย บัดนี้ เพื่อความสะดวกขององค์ชายเจ็ด ได้ก่อไฟข้างกระโจมทหาร ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎของกองทัพแล้ว หากก่อไฟให้ลุกแรงหว่านี้อีก ก็อาจเกิดอัคคีภัยได้ง่าย องค์ชายเจ็ดเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ฮึ่ม! วันคืนหนาวเหน็บถึงเพียงนี้ แม้แต่ไฟก็ไม่ให้ก่อ! ข้าไม่เชื่อว่าคนเป็นจะถูกปัสสาวะอั้นจนตายได้!” “ใครก็ได้ นำถังไม้ในกระโจมของข้าออกมา!” ทหารหลายนายช่วยกันยกถังไม้ออกมาจากกระโจม สิ่งนี้ในตอนที่ยกทัพมาองค์ชายเจ็ดได้นำมาจากเมืองหลวง องค์ชายเจ็ดเห็นถังไม้ สายตาก็พลันเป็นประกาย “พวกเจ้าที่ติดตามข้ามา ถือว่าได้เ
ม่านตาของจางไป่เจิงหดเล็กลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงในคืนที่มืดมิดเช่นนี้อย่าว่าแต่คนที่เป็นโรคตาบอดกลางคืนเลยแม้แต่ทหารปกติก็ยังยากที่จะทำได้อย่างแม่นยำเช่นนี้เป้ายิงก็เป็นคนที่เขาสั่งให้ตั้งธนูก็เป็นเขาที่เลือกไม่มีทางโกงได้เช่นนั้นก็เหลือเพียงกรณีเดียวน้ำใบสนที่หลี่หลงหลินคิดค้นขึ้นมามีสรรพคุณในการรักษาโรคตาบอดกลางคืนให้หายขาดได้จริงๆ!ความสงสัยในใจของจางไป่เจิงในขณะนี้ถูกขจัดไปจนหมดสิ้นพลั่ก!จางไป่เจิงประสานมือคารวะ ใบหน้าแสดงความเคารพนับถือ “องค์รัชทายาท ก่อนหน้านี้เป็นข้าน้อยที่ตาถั่ว ไม่คิดว่าน้ำแช่ใบสนจะมีสรรพคุณยิ่งใหญ่เพียงนี้!”“ครั้งนี้หากสามารถรักษาโรคตาบอดกลางคืนของเหล่าทหารในกองทัพให้หายดีได้จริงๆ สงครามครั้งนี้จะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!”ในใจของจางไป่เจิงเข้าใจเรื่องนี้ดีอย่างยิ่งในสมัยโบราณ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำสงครามก็คือตอนกลางดึกในความมืดที่มองไม่เห็นนิ้วมือตัวเอง ต่อให้มีกองทัพขนาดใหญ่เข้ามาใกล้ ศัตรูก็ไม่สามารถตรวจจับได้เลยแต่การโจมตีตอนกลางคืนมักเป็นการรบขนาดเล็กเสมอไม่ใช่เพราะการโจมตีตอนกลางคืนไม่เหมาะกับคนจำนวนมากเพี
“ข้าน้อยจะไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ อีก”“แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ท่านต้องถอนรับสั่งทันที ให้ทหารกลับสู่สภาพปกติ!”หลี่หลงหลินชี้ไปนอกกระโจม กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพจาง ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ทหารที่เฝ้ายามอยู่นอกกระโจมของข้า ท่านเลือกมาได้เลย!”“คนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารที่ดื่มน้ำใบสนจนโรคตาบอดกลางคืนหายดีแล้ว”จางไป่เจิงพยักหน้า “ได้! ในเมื่อองค์รัชทายาทกล้าพูดเช่นนี้ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”จางไป่เจิงเดินออกจากกระโจม เห็นทหารกองทัพตระกูลซูเจ็ดแปดนายกำลังเฝ้ายามอยู่นอกกระโจมในกองทัพต้าเซี่ยตราบใดที่เป็นทหารที่ถูกจัดให้เฝ้ายาม ส่วนใหญ่ล้วนเป็นโรคตาบอดกลางคืนแม้แต่ทหารกองทัพตระกูลซู ก็ถูกจัดเช่นนี้เหมือนกันสายตาของจางไป่เจิงกวาดไปรอบๆ แล้วหยุดอยู่ที่ใบหน้าของจ้าวจื้อ “เจ้า! ออกมา!”จ้าวจื้อไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ก้าวเดินไปข้างหน้า “ท่านแม่ทัพจาง มีอะไรจะสั่งหรือขอรับ!”จางไป่เจิงกล่าวเสียงเข้ม “ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว เจ้ามองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวชัดเจนหรือไม่”จ้าวจื้อตอบอย่างฉะฉาน “เห็นขอรับ! เมื่อก่อนตอนที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ข้าน้อยก็เริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ชัดแล้ว ตั้งแต่ได้ดื่มเสวี่ยปี้ที่
จางไป่เจิงทนการกระทำตามอำเภอใจของหลี่หลงหลินในกองทัพมามากพอแล้วเมื่อทนไม่ไหว ก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป!วันนี้ต้องไปคุยกับหลี่หลงหลินให้รู้เรื่อง ดูสิว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่!จางไป่เจิงเดินมาที่กระโจมของหลี่หลงหลินอย่างฉุนเฉียวไม่ผิดจากที่จางไป่เจิงคาดไว้หลี่หลงหลินยังคงเหมือนเช่นเคย ดื่มสุราเสพความสำราญ ขับร้องฟ้อนรำอย่างรื่นเริงสงบสุขในกระโจมมีเสียงดนตรีอันเย้ายวนดังออกมาเป็นระลอก นางรำกำลังเริงระบำตามเสียงเพลงจางไป่เจิงเดินเข้าไปในกระโจม “ข้าน้อยถวายพระพรองค์รัชทายาท! วันนี้มีเรื่องสำคัญจะขอเข้าเฝ้า!”หลี่หลงหลินโบกมือ เป็นสัญญาณให้นักดนตรีและนางรำถอยออกไปในใจเขารู้ดีว่า ตราบใดที่จางไป่เจิงมาหาเขาแบบนี้ จะต้องมีเรื่องใหญ่อะไรสักอย่างแน่นอนหลี่หลงหลินถือถ้วยสุราพิงนั่งอยู่กลางกระโจม “ท่านแม่ทัพจาง มีเรื่องอะไรร้ายแรงอะไรหรือ”จางไป่เจิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเข้ม “องค์รัชทายาท เรื่องที่ว่าน้ำแช่ใบสนสามารถรักษาโรคตาบอดกลางคืนได้ ท่านเป็นคนพูดใช่หรือไม่?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ข้าพูดเอง”ใบหน้าของจางไป่เจิงยิ่งบึ้งตึงขึ้น “มันช่างเหลวไหลสิ้นดี!”เขาไม่เคยพูด
ในค่ายทหารจางไป่เจิงมองใบสนสดที่ทหารนำมาส่งให้ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไอ้ของสิ่งนี้แช่น้ำดื่มแล้วจะรักษาโรคตาบอดกลางคืนให้หายขาดได้หรือ?”ทหารประสานมือคารวะ “ท่านแม่ทัพจาง เป็นความจริงขอรับ”“เมื่อเช้านี้ข้าน้อยได้ยินมาว่าทางกองทัพตระกูลซูมีทหารที่เป็นโรคตาบอดกลางคืนอยู่หลายนาย ตอนลุกขึ้นมากลางดึกก็พบว่าสายตาของตนกลับมาเป็นปกติ ก็เพราะดื่มน้ำใบสนนี่แหละขอรับ”จางไป่เจิงกล่าวเสียงเข้ม “น้ำใบสน... หากเป็นเรื่องจริง องค์รัชทายาทก็คงทำคุณประโยชน์ไม่น้อยให้แก่กองทัพแล้ว”จางไป่เจิงนำทัพทำสงครามมานาน ย่อมรู้ดีว่าโรคตาบอดกลางคืนส่งผลกระทบต่อการเดินทัพมากเพียงใดแม้แต่ตัวเขาเองก็มีอาการตาบอดกลางคืนเล็กน้อยแต่โชคดีที่จางไป่เจิงไม่ต้องออกไปสู้รบในแนวหน้า ผลกระทบจึงไม่มากนักหากสามารถรักษาโรคตาบอดกลางคืนได้จริงๆ เขาก็ย่อมยินดีจางไป่เจิงถามว่า “แล้วน้ำใบสนนี่ทำอย่างไร?”ทหารอธิบายว่า “เมื่อครู่ท่านหมอเทวดาซุนให้หมอหญิงจากซีซานมาสอนพวกเราถึงในค่ายด้วยตัวเอง บอกว่าให้ล้างใบสนนี้ให้สะอาดหมดจด จากนั้นใส่ลงในไห เติมน้ำให้เต็ม แล้วปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในที่เย็นก็ใช้ได้แล้วขอรับ”จางไป่เจิงตะ