ฮ่องเต้หวู่เงียบงันไม่พูดจาเขากำลังชั่งน้ำหนักความร้ายแรงที่สตรีเป็นขุนนาง ไปจนถึงผลประโยชน์ที่เหล็กกล้าตีร้อยครั้งนำมาให้ ตกลงอย่างใดมีน้ำหนักมากกว่ากันหลี่หลงหลินตีฝีปากกับตู้เหวินยวนต่อ“ใต้เท้าตู้ ท่านเสียมารยาทแล้ว!”“องค์ชายเก้า ข้ามิได้เสียมารยาท! ท่านพูดว่าคนผู้นี้เป็นสตรี ข้าย่อมไม่รับปากตั้งแต่แรก!”“สตรีแล้วอย่างไร? เหตุใดไม่สามารถเป็นขุนนางได้?”“นักปราชญ์กล่าวว่าสตรีและคนถ่อยเลี้ยงดูยากเฉกเดียวกัน!”“แม่ท่านก็เป็นสตรี! นี่ก็เลี้ยงท่านมามิใช่หรือ?”“องค์ชายเก้า ท่านๆ...ท่านพูดจาหยาบคายเกินไปแล้ว ไร้ความสุภาพนอบน้อม!”เห็นได้ชัดว่าตู้เหวินยวนมิใช่คู่ต่อสู้ของหลี่หลงหลิน ถูกด่าก็ตาเหลือกจวนเจียนจะหมดสติไปแล้ว“พอแล้ว!”ฮ่องเต้หวู่เอ่ยขัดทั้งสองที่กำลังทะเลาะกัน“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรหลี่หลงหลิน เปล่งเสียงหนัก “พี่สะใภ้รองของเจ้าคนนี้ต้องเข้ากรมโยธาให้ได้กระนั้นรึ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เหล็กกล้าตีร้อยครั้งนี้เป็นพี่สะใภ้รองค้นพบ...”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง จับจ้องหลี่หลงหลินเหล็กกล้าตีร้อยครั้งนี้เป็นท่านค้นพบและสอนพี่สะใภ้รองมิใช่หรือ?เหตุใดเป็นพี่
หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เสด็จพ่อ ตู้เหวินยวนจิตใจสกปรก ลูกสกปรกยิ่งกว่า! คนชั่วกำราบคนชั่ว! ลูกไม่กลัวพวกเขา!”ฮ่องเต้หวู่เอือมระอา “นี่มิใช่เรื่องกลัวหรือไม่กลัว...”หลี่หลงหลินเอ่ยปากสีหน้าจริงจัง “เสด็จพ่อ วิจารณ์ต่อหน้าก็ดี ฝีมือของอันธพาลก็ช่างเถอะ! ลูกไม่กลัว! แต่ลูกกลับกังวลเรื่องหนึ่ง...”ฮ่องเต้หวู่ชะงัก ตรัสถาม “เรื่องใด?”หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงหนัก “ลูกกำลังสงสัย ภายในราชสำนักนี้ ต่อให้ไม่มีคนสอดแนมของเผ่าหมาน แต่ก็มีพี่สามอยู่ด้วย! เคล็ดลับเหล็กกล้าตีร้อยครั้งนี้สำคัญมากนัก!”“หากความลับแพร่งพรายออกจากกรมโยธาไปถึงเผ่าหมานหรือซีเหลียง”“น่ากลัวว่า...”“ผลที่ตามมาไม่อยากจะนึกถึง!”ฮ่องเต้หวู่ได้ยิน ตกตะลึงพรึงเพริดความคิดของเขายังอยู่ที่อุบายเจ้าเล่ห์ของตู้เหวินยวน ยังคิดขั้นนี้ไม่ถึงใคร่ครวญดูหนึ่งรอบ เหงื่อเย็นผุดทั่วทั้งสรรพางค์กายฮ่องเต้หวู่ถ้อยคำนี้ของเจ้าเก้ามิได้เจตนาพูดเพื่อทำให้ผู้ฟังตื่นตระหนกภายในราชสำนักจะต้องมีคนมีเจตนาซ่อนเร้น คิดเป็นอื่นอยู่อย่างแน่นอน!หาไม่แล้วตกลงใครคือผู้แย้มพรายเบาะแสของกองทัพสกุลซูกันเล่า?ยังมีคนสอดแนมของเผ่าหมานอีกด้วย
หลายวันมานี้ กงซูหว่านร้อนใจมากป่าไผ่ไม่สงบอีกต่อไป ชาในมือเองก็ไม่หอมหวานแล้ว“องค์ชายเก้าสามารถพูดเอาชนะใจฝ่าบาท ให้ข้าเข้าวังเป็นขุนนางได้จริงหรือ?”“อุปนิสัยของข้านี้ เหมาะสมลอยเด่นอยู่เหนือเหล่าขุนนาง มอบใบหน้าประดับยิ้มให้ผู้อื่น ประจบสอพลอเอาใจคนกระนั้นรึ?”“แต่หากข้าไม่เข้ากรมโยธา เช่นนั้นสกุลกงซูจะทำเยี่ยงไร...”กงซูหว่านรู้สึกสับสนภายในใจพูดตามสัตย์จริง กงซูหว่านไม่ยินดีเดินบนเส้นทางสายนี้ อยู่ร่วมกับขุนนางทุจริตเหล่านั้นนางเพียงอยากหาสถานที่สงบแห่งหนึ่ง ศึกษาพัฒนาอย่างเต็มที่ ทำให้วิชากลไกของสกุลกงซูโด่งดังเลื่องชื่อปัญหาที่มีอยู่ในมือไม่มีการสนับสนุนจากราชสำนัก ต่อให้กงซูหว่านคิดค้นสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ออกมา แต่มีประโยชน์อันใดเล่า?ยังมิต้องเก็บไว้บนหิ้ง ปล่อยฝุ่นเกาะ ลงท้ายก็ถูกคนลืมหรอกหรือ?“พี่รอง...”“ข้าควรทำเยี่ยงไร?”กงซูหว่านมองภาพเหมือนของสามีผู้ล่วงลับ น้ำตาไหลนองหน้าอย่างไม่รู้ตัว“พี่สะใภ้รอง!”“พี่สะใภ้รอง!”ซูเฟิ่งหลิงโผล่พรวดพราดเข้ามาในลานป่าไผ่ ความสุขเกลื่อนหน้า “พี่สะใภ้รอง มีข่าวดี! ฝ่าบาทรับปาก ให้ท่านเข้าเป็นขุนนางในกรมโยธาแล้ว! มิ
อุปนิสัยของกงซูหว่านเป็นเช่นไร พวกนางล้วนรู้ดีนางเป็นสตรีดื้อรั้นมากคนหนึ่ง!หากตัดสินใจเรื่องใดไปแล้ว ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!ในเมื่อนางพูดว่าไม่อยากเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง เช่นนั้นก็ไม่มีวันไป!ซูเฟิ่งหลิงเผยสีหน้าว้าวุ่น “พี่สะใภ้รอง ท่านไม่ยอมเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง ไฉนไม่พูดตั้งแต่แรก? ฝ่าบาทล้วนรับปากไปแล้ว! หากท่านไม่ไป นี่ต้องถูกลงโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง! ฝ่าบาทจะต้องไม่พอพระทัยเป็นแน่!”กงซูหว่านขมวดคิ้ว “อ้างว่าป่วย! หากไม่ได้จริงๆ ก็แกล้งตาย! พวกเจ้าขุดสุสานให้ข้าแห่งหนึ่ง ตรงข้ามกันข้าสามารถอยู่ภายในนั้น ร้อยปีไม่ออกมาได้!!”“.....”ทุกคนพูดไม่ออกแล้วแม้แต่แกล้งตายกงซูหว่านก็คิดออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าความคิดไม่ยอมเป็นขุนนางนี้แข็งแกร่งมาก!ปัญหาก็คือเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหล็กกล้าตีร้อยครั้งต่อให้กงซูหว่านแกล้งตาย หลบอยู่ภายในสุสาน ฮ่องเต้ก็ไม่มีวันเลิกรา!“พี่สะใภ้รอง! พี่สะใภ้รอง...”ตอนนี้เอง หลี่หลงหลินที่มีสีหน้าดีอกดีใจมาที่ลานป่าไผ่เพื่อแจ้งข่าวดีต่อกงซูหว่าน“หา?”หลี่หลงหลินเปิดประตู พบญาติฝ่ายหญิงล้วนอยู่ทั้งหมด พูดยิ้มๆ “ทุกคนมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดเลยหรื
สถาบันวิจัยภูเขาประจิม?ตนเองไม่จำเป็นต้องประจบเอาใจ ไม่ต้องพึ่งพาผู้มีอำนาจ ราชสำนักยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด?กงซูหว่านตกตะลึง คล้ายกำลังอยู่ในห้วงฝัน!อยู่ที่ภูเขาทิศประจิมแยกออกจากโลกภายนอก อยู่ร่วมกับสหายรู้ใจ ร่วมกันประดิษฐ์สิ่งของ ค้นคว้าวิชากลไกไม่ต้องตีฝีปาก ไม่ต้องไปจัดการความสัมพันธ์อันวุ่นวายของคน อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าสำคัญที่สุดคือสิ่งที่พวกเขาวิจัยออกมา ราชสำนักนำไปใช้สร้างคุณประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง มิได้กลายเป็นขยะไร้ประโยชน์!นี่มิใช่ชีวิตในฝันของนางหรอกหรือ?“องค์ชายเก้า นี่คือเรื่องจริงหรือ?”เสียงกงซูหว่านสั่นๆ คล้ายรอยแตกบนธารน้ำแข็งอายุนับหมื่นปีหลี่หลงหลินพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม “ไม่กล้าปิดบังพี่สะใภ้!”ธารน้ำแข็งภายในหัวใจของกงซูหว่านพังทลายลงในทันใด ไม่อาจข่มอารมณ์ของตนได้อีก น้ำตาเอ่อล้น คุกเข่ากับพื้นพร้อมทั้งคำนับ “ขอบคุณมาก องค์ชายเก้า!”หลี่หลงหลินประคองกงซูหว่านขึ้น “พี่สะใภ้รอง ทำเช่นนี้ไม่ได้! เฟิ่งหลิง เจ้ารีบประคองพี่สะใภ้รองเข้าห้อง ให้นางสงบอารมณ์! ช่วงบ่ายพวกเราจะไปภูเขาทิศประจิมเพื่อเลือกสถานที่สถาบันวิจัย
หลี่หลงหลินพูดต่อ “ที่พักเล่า?”หนิงชิงโหวส่ายหน้าดังเดิม “ก็ไม่ใช่”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เช่นนั้นข้าก็ไม่เข้าใจแล้ว! กินดีอยู่ดี ให้พวกเขาร่ำเรียนโดยไม่เสียเงิน ทุกเดือนยังส่งเงินกลับบ้านของพวกเขาได้! ยังมีอันใดให้กังวล?”หนิงชิงโหวกระซิบ “พวกเขากังวลคนในครอบครัว สถานการณ์ของผู้ลี้ภัยนอกเมืองไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว...”หลี่หลงหลินตกตะลึงคนเป็นทหาร ที่กังวลกลับมิใช่ตนเอง เพราะพวกเขาตัดสินใจเข้าสนามรบอยู่ทุกเมื่อ เตรียมเสียสละเพื่อบ้านเมืองพวกเขากังวลก็คือคนในครอบครัว!ตนเองกินดีอยู่ดีที่ภูเขาทิศประจิม มีเนื้อกินทุกมื้อคนในครอบครัวกลับอยู่อย่างอดอยากที่ค่ายผู้ลี้ภัยบัดนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยยังมีเบี้ยเลี้ยงทหาร สถานการณ์ของคนในครอบครัวของพวกเขาล้วนลำบากเพียงนี้ หากเกิดสงคราม พวกเขาเข้าร่วมออกศึกในสนามรบ สู้จนตายเล่า?ครอบครัวของพวกเขาก็ไม่ต้องเป็นผู้ลี้ภัยไร้บ้าน กลายเป็นขอทานหรอกหรือ?หนิงชิงโหวหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย ข้าเองก็ใคร่ครวญมานานมากแล้ว! ต้องการคลายความกังวลของพวกศิษย์ มีเพียงทางเดียวก็คือมอบเงินให้ครอบครัวของพวกเขา...”หลี่หลงหลินปฏิ
ที่ดินได้มาโดยไม่เสียอะไร อันที่จริงก็คือการปรับที่ดินในสังคมศักดินา นี่ก็คือการเขย่ารากฐาน และเป็นการกระทำของกบฏต่อให้เป็นฮ่องเต้หวู่ก็ไม่สามารถทำได้นับประสาอะไรกับหลี่หลงหลินองค์ชายคนหนึ่งแต่หากพูดว่าเช่าก็ไม่เหมือนกันแล้ว สามารถอ้อมเกล็ดใต้คอของขุนนางชนชั้นสูงได้สำหรับเรื่องละเว้นค่าเช่า กลับพบได้บ่อยครั้งแม้แต่ผู้มีคุณธรรมในท้องถิ่นก็มักละเว้นค่าเช่าที่อยู่บ่อยๆสรุปว่าการกระทำของหลี่หลงหลินนี้ ต่อให้ตู้เหวินยวนจงใจหาเรื่องก็ไม่สามารถก่อเรื่องอันใดได้ คิดเพียงว่าเขาเป็นตัวโง่งม ที่ดินหนึ่งหมื่นหมู่กลับปล่อยเช่าโดยไม่เก็บเงินหนิงชิงโหวตื่นเต้นมาก ค้อมคำนับ “องค์ชายเก้า ข้าขอขอบคุณท่านแทนเหล่าทหารแล้ว!”เขาวาสนาดียิ่งนัก สามารถติดตามหลี่หลงหลินได้บนตัวของหลี่หลงหลินมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากผู้อื่นหรืออาจพูดว่าความคิดอ่านของหลี่หลงหลินอยู่เหนือคนในยุคนี้ไกลนักต่อให้เป็นนักปราชญ์ในอดีตก็ไม่สามารถเทียบเขาได้หลี่หลงหลินโบกมือ สีหน้าเรียบเฉย “ก็แค่เรื่องเล็กเท่านั้น! แต่...”ที่นาในภูเขาทิศประจิมต้องถูกจัดสรรปันส่วนทว่าใครเป็นคนไปประกาศเรื่องนี้ ก็ย
“แค่กๆ...”หลี่หลงหลินไอแห้งๆ อยู่สองครั้ง แล้วผลักซูเฟิ่งหลิงออกไป แล้วบ่นว่า “ทั้งตัวมีแต่เหงื่อ...”ซูเฟิ่งหลิงยกข้อศอกขึ้นดม แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าหอมกว่าข้าตายล่ะ”หลี่หลงหลินมุ่ยปาก “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เจ้าบอกมาว่ายอมหรือไม่ยอม?”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแบ่งทุ่งนาให้พวกทหาร นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ข้ามีสิ่งใดจะไม่ยอม? ข้าเต็มใจยอมอย่างแน่นอน”หลี่หลงหลินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเรื่องนี้ก็เป็นอันตกลง...”กงซูหว่านกลับโพล่งขึ้นมาว่า “องค์ชายเก้า ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม”หลี่หลงหลินมีสีหน้าประหลาดใจ มองไปที่กงซูหว่าน แล้วเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้รอง เจ้าคิดว่าการแบ่งที่นาเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ? ทำไมล่ะ?”หาซูเฟิ่งหลิงพูดเช่นนี้ หลี่หลงหลินก็คงคิดว่านางพูดจาเหลวไหลแต่คนที่ไม่เห็นด้วยคือกงซูหว่านนางคือสตรีที่ฉลาดมากที่สุดบางที นางอาจจะแตกต่างจนมีบางอย่างผิดปกติจริงๆกงซูหว่านขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่หลี่หลงหลิน “เจ้าคิดจะสร้างสถาบันวิจัยอยู่ในเขาทิศประจิมจริงๆ หรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “ใช่ เขาทิศประจิมมีฐานที่มั่นของกอง
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค