พระพักตร์ของฮองเฮาหลู่เผยรอยยิ้ม “ขยับขึ้นมา ให้ข้าดู!”สาวใช้ทางด้านข้างรีบรับขวดกระเบื้องเคลือบ ส่งให้ฮองเฮาหลู่ฮองเฮาหลู่เปิดขวดกระเบื้องเคลือบออกเบาๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กำจายออกมา ชวนให้คนรู้สึกสมองปลอดโปร่ง“กลิ่นหอมยิ่งนัก!”ฮองเฮาหลู่ตรัสอย่างตกตะลึง “น้ำหอมดอกไม้ก็คือน้ำหอมหรือ?”ในยุคสมัยโบราณก็มีน้ำหอมแต่มากที่สุดคือผสมเข้ากับน้ำยามอาบชำระกาย สามารถรักษากลิ่นหอมได้นานหนึ่งถึงสองวันสิ่งที่หญิงส่วนใหญ่ใช้ก็คือกำยาน ถุงหอมหลี่หลงหลินพยักหน้า “น้ำหอมดอกไม้สามารถใช้เป็นน้ำหอมได้ แท้จริงแล้วเป็นยาชนิดหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาหลู่ตรัสถามอย่างไม่เข้าพระทัย “ยา?”หลี่หลงหลินก้มหน้า “ใช่! เป็นยากันยุงยับยั้งอาการคันชนิดหนึ่ง! ลูกคิดว่าเสด็จแม่จำเป็นต้องใช้ที่สุด จะต้องได้ใช้...”ฮองเฮาหลู่หลักแหลมมากเพียงใด ทันใดนั้นฟังออกว่าภายในคำพูดหลี่หลงหลินยังมีความนัยแฝงอยู่“เจ้าพูดคำนี้หมายความว่ากระไร?”ฮองเฮาหลู่มีน้ำโหอยู่บ้าง “ข้ามีร่างหงส์แข็งแรงดี เหตุใดเจ้าจึงนำยามาส่ง? เจ้าดีที่สุดคืออธิบายให้ชัดเจน!”หลี่หลงหลินเงยหน้า แววตาทอประกายเยียบเย็น “เริ่มแรกคือไท
ฮองเฮาหลู่ยืดตัวขึ้นจากตั่งนุ่ม สายตากลายเป็นคมกริบ “หลักฐานะอะไร พูดๆ ดู!”เห็นได้ชัดฮองเฮาหลู่และฉินกุ้ยเฟยมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ต้องการกำจัดคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด!เพียงแต่ ฮองเฮาหลู่หาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้มาโดยตลอด!หลี่หลงหลินกระแอมเสียงใส พูดว่า “เสด็จแม่ ประการแรกพระองค์ต้องเข้าพระทัย! โรคมาลาเรียติดต่อจากยุง! หรือท่านไม่รู้สึกว่า ระยะนี้ยุงภายในวัง มีเพิ่มขึ้นกระนั้นหรือ?”ฮองเฮาหลู่ไม่พูดอะไร พยักหน้าเบาๆเพียงเพราะยุงเพิ่มมากขึ้น ยังไม่เพียงพอให้เอาผิดฉินกุ้ยเฟยได้หลี่หลงหลินพูดต่อ “ลูกให้เว่ยซวินตรวจสอบมาก่อน มีเพียงตำหนักจิ่นซิ่วที่ฉินกุ้ยเฟยอยู่มียุงน้อยมาก! นี่เห็นได้ชัดว่าใช้ยาไล่แมลงอะไรบางอย่าง! มีพิรุธจนสามารถสังเกตได้!”ฮองเฮาหลู่ส่ายหน้า “หลักฐานนี้ ยังไม่เพียงพอ!”หลี่หลงหลินไม่รีบร้อน พูดต่อว่า “ยุงของตำหนักฉางเล่อ เห็นได้ชัดว่ามากที่สุด นี่ผิดปกติมาก ลูกเอ่ยถามคนสนิทของเว่ยซวินมาก่อน พบว่าเมื่อหลายวันก่อน มีขันทีน้อยของตำหนักจิ่นซิ่วสองคน เดินเตร็ดเตร่รอบตำหนักฉางเล่อกลางดึก!”“ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของพวกเขา ยังถือของคล้ายโคมไฟอีกด้วย!”“ลูกสงส
หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจยามสตรีแก้แค้นขึ้นมา ช่างน่ากลัวนัก!มิน่าเล่านักปราชญ์จึงกล่าวว่า สตรีและคนถ่อยเลี้ยงยากเฉกเช่นเดียวกัน!ล่วงเกินใคร ก็ห้ามล่วงเกินสตรี!หลี่หลงหลินรับพระราชเสาวนีย์ ออกจากตำหนักเฟิ่งซี มิได้ไปตำหนักจิ่นซิ่วโดยตรง เปิดโปงแผนชั่วของฉินกุ้ยเฟยตำหนักจิ่นซิ่วคือถ้ำเสือสระมังกรหากฉินกุ้ยเฟยร้อนใจเป็นสุนัขจนตรอก ใครรู้เล่าว่าจะทำเรื่องอะไรขี้นมาหลี่หลงหลินไปเพียงลำพัง ก็คือรนหาที่ตาย!เขากลับเข้าตำหนักฉางเล่อ ไปหาผู้ช่วยอย่างซูเฟิ่งหลิงตอนนี้ซูเฟิ่งหลิงกำลังแสร้งเป็นเด็กดีต่อหน้าหลินกุ้ยเฟย อดกลั้นไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกคล้ายถูกมดไต่ทั่วทั้งสรรพางค์กาย“ซูเฟิ่งหลิง!”“ไป!”หลี่หลงหลินดีใจมาก พูดว่า “รีบตามข้าไปตำหนักจิ่นซิ่ว!”ซูเฟิ่งหลิงคล้ายได้รับนิรโทษกรรมแล้ว กระโดดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว บอกลาหลินกุ้ยเฟยดีแล้ว ก็พุ่งพรวดพราดออกจากประตูไปหลินกุ้ยเฟยมองเงาด้านหลังของนาง ถอนหายใจ “เฮ้อ เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่ละคนล้วนไม่สำรวมตน!”ระหว่างทางซูเฟิ่งหลิงบ่นตำหนิ “หลี่หลงหลิน ท่านคนชั่วคนนี้! ทิ้งข้าไว้ที่ตำหนักฉางเล่อเพียงลำพัง ท่านรู้ว
ขันทีร้องตะโกนโวยวายอย่างตกตะลึงพรึงเพริด ตำหนักจิ่นซิ่วชุลมุนวุ่นวายสงบไม่ลงท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของขันทีและนางกำนัล หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเหยียบเข้าตำหนักจิ่นซิ่วเพียงไม่กี่ก้าวภายในก็มีองครักษ์หนึ่งกลุ่มใหญ่โผล่ออกจากตำหนัก ดำทะมึนเป็นผืนเดียวผู้เป็นหัวหน้า สวมเสื้อคลุมสีเหลืองสดใส ก็คือองค์ชายสี่หลี่จือศัตรูพบหน้า ตาแดงก่ำเป็นพิเศษแม้หลี่จือและหลี่หลงหลินได้ชื่อว่าเป็นพี่น้อง กลับมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง อยากฉีกเนื้อเลาะกระดูก ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกันได้ขณะเดียวกันหลี่จือเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน โมโหจัดจนหัวเราะออกมา “เจ้าเก้าตัวดี! เมื่อวาน เจ้าตบหน้าเสด็จแม่ข้าต่อหน้าธารกำนัล! ข้ายังไม่ทันถามหาเอาความจากเจ้า!”“วันนี้ เจ้าบุกเข้าตำหนักจิ่นซิ่ว รังแกถึงศีรษะข้า!”“คิดจริงหรือว่า ข้ารังแกง่ายเพียงนั้น!”“บุก!”“ให้เขามาแล้วมิได้กลับไปอีก!”เหล่าองครักษ์บุกขึ้นมา ล้อมหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ซูเฟิ่งหลิงยกทวนเงิน ใบหน้าปราศจากความกลัว ตรงข้ามกันตื่นเต้นดีใจมากสงครามภูเขาทิศประจิมไม่เพียงปลุกจิตวิญญาณทางทหารให้กับกองทัพใหม่ซูเฟิ่งหลิงผ่านสงครามด
กลับคิดไม่ถึงฉินกุ้ยเฟยรับปากอย่างมีความสุขเพียงนี้เชียวรึ?นางวางท่ากลบเกลื่อน? หรือไม่กริ่งเกรงจริงกันแน่?เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลี่หลงหลินไม่คิดมาก เอ่ยปากสำทับซูเฟิ่งหลิง “เจ้าข้าแยกย้ายกันค้นหา!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า เข้าตำหนักหลักของตำหนักจิ่นซิ่วหลี่หลงหลินกลับไปยังตำหนักด้านข้างหลี่จือพาเหล่าองครักษ์ ยืนกอดอกมองอยู่ไกลๆ ใบหน้าประดับยิ้มเย็น ถึงขั้นไม่ขัดขวางจริงการกระทำเช่นนี้ ทำให้หัวใจหลี่หลงหลินหนักอึ้งเขาเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง น่ากลัวว่าตำหนักจิ่นซิ่วนี้หาไม่พบอะไร!ความจริง ก็เป็นเช่นนี้หลี่หลงหลินค้นหาหนึ่งชั่วยามแล้ว ค้นหาทุกซอกมุมของตำหนักจิ่นซิ่ว กลับไม่ได้รับอะไรหน้าประตูตำหนัก ซูเฟิ่งหลิงมารวมตัวกับหลี่หลงหลิน สีหน้าไม่สบอารมณ์เฉกเดียวกัน “หาทั่วแล้ว! ไม่พบสถานที่น่าสงสัยอะไร!”หลี่หลงหลินถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่พบอะไร!”ซูเฟิ่งหลิงถอนหายใจอย่างเสียดาย “รู้ตั้งแต่แรก เรียกคนมาเพิ่มสองสามคน ตรวจค้นตำหนักจิ่นซิ่วทุกสามฉื่อ ก็ไม่เชื่อว่าจะหาอะไรไม่พบ?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าตำหนักจิ่นซิ่วไม่เหมือนแห่งอื่นนี่คือตำหนักของสนมคนโปรดของฝ่าบาทแมวสุนัขอะไร
“ตายแล้ว?”ทันใดนั้นหลี่หลงหลิน คิดว่าฉินกุ้ยเฟยกำลังหลอกแต่หลี่หลงหลินมองจากท่าทางของฉินกุ้ยเฟยแล้ว มองออกอย่างว่องไวเสี่ยวเติ้งจื่อและเสี่ยวเต๋อจื่อขันทีสองคนนี้ เป็นไปได้เจ็ดถึงแปดในสิบส่วนว่าตายไปแล้วจริงๆ!ฆ่าคนปิดปาก!สอดรับกับจิตใจอำมหิตของฉินกุ้ยเฟยมาก!หลี่หลงหลินหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ถามไล่เรียง “ตายตั้งแต่ยามใด?”ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยตอบ “เมื่อคืน!”หลี่หลงหลินสั่นสะท้านภายในใจเมื่อคืน?นั่นก็หมายความว่าฉินกุ้ยเฟยหลุดปากพูดที่ตำหนักชิงหนิง รู้ว่าตนเองเผยพิรุธ ดังนั้นกลับมาแล้ว ก็ฆ่าขันทีทั้งสองปิดปาก!ตนเองช้าไปหนึ่งก้าว!ไม่!ไม่ใช่ตนเองช้าไป!แต่ฉินกุ้ยเฟยระแวงหนักเกินไป ลงมือว่องไวเกินไป!สตรีคนนี้ รับมือยากยิ่งนัก!จิตใจล้ำลึก ไม่เป็นรองฮองเฮา!มิน่าเล่า มังกรหลับหงส์ดรุณ สามารถต่อสู้กันมานานหลายปีเพียงนี้ ไม่มีใครยอมใคร!หลี่หลงหลินถามต่อ “ตายเยี่ยงไร?”ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยตอบ “โรคมาลาเรีย”หลี่หลงหลินตกตะลึงภายในใจ “เป็นไปไม่ได้! ทั้งสองคนเป็นโรคมาลาเรียพร้อมกัน ตายไปภายในคืนเดียว? บังเอิญเกินไปแล้วกระมัง?”ฉินกุ้ยเฟยยิ้มเย็น “เช่นนั้นเสด็จแม่เจ้าและไทเฮา
อ๊า!ซูเฟิ่งหลิงกรีดร้องออกมา มือสองข้างกุมศีรษะย่อตัวลงไป ปิดหูแน่นๆ ตกใจจนดวงหน้างดงามดุจบุปผาถอดสี“ฮ่าๆ!”“ที่แท้เจ้ากลัวผี!”หลี่หลงหลินชี้ซูเฟิ่งหลิง หัวเราะดังลั่นซูเฟิ่งหลิงนี่ถึงดึงสติกลับมาได้ เป็นหลี่หลงหลินแกล้ง กำหมัดแน่น ปากยังแข็งดังเดิม “ตัวข้าฟ้าไม่กลัว ดินไม่กลัว! ผีมีอะไรน่ากลัว?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เช่นนั้นเจ้าไปชันสูตรพลิกศพกับข้า! หาไม่แล้วก็คือกลัวผี!”ซูเฟิ่งหลิงสบถเสียงเย็น “ไปก็ไป! ใครกลัวใคร!”ณ ตำหนักด้านข้างพระที่นั่งหย่างซินเว่ยซวินกำลังพักผ่อนระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ภัยพิบัติคนก่อหายนะไม่หยุดหย่อน บัดนี้ยังเกิดความชุลมุนเรื่องโรคมาลาเรียอีกด้วยไม่เพียงแค่ฮ่องเต้เว่ยซวินเองก็ว้าวุ่นใจ “หรือต้าเซี่ยใกล้มาถึงจุดจบแล้วจริงๆ? หาไม่แล้ว เหตุใดเกิดเภทภัยมากเพียงนี้เล่า? เฮ้อ ก็ไม่รู้ครั้งนี้สามารถผ่านพ้นไปได้หรือไม่!”ต่อให้เป็นเว่ยซวินขันทีคนนี้ ก็หวังว่าจะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น แคว้นรุ่งเรืองปวงประชาสงบสุขสาเหตุไม่ใช่อื่นใดมีเพียงใต้หล้าสงบสุข เขาถึงจะสามารถหาเงินได้มากมาย เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งร่ำรวยบัดนี้ชุลมุนวุ่นวาย
ราตรีมาเยือนภายในโรงทึม ผ้าขาวพัดตามแรงลม สายลมหนาวเหน็บดังหวีดหวิว ดุจวิญญาณกำลังร่ำไห้ต่อให้เป็นวังหลวง ที่พักศพแห่งนี้ก็เรียบง่ายเกินไปแล้วกระมังศพสิบกว่าร่างนอนบนกระดานไม้ บนตัวคลุมผ้าขาวคนรับผิดชอบดูแลโรงทึม คือขันทีเฒ่าตาบอดหนึ่งข้างคนหนึ่งในมือเขาถือน้ำเต้าสุรา กรอกสุราเข้าปาก กำลังสะลึมสะลือใกล้หลับเต็มที จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากไกลๆเงยหน้ามองแวบหนึ่งมองเห็นขันทีสวมชุดปักลายหม่าง มือถือโคมไฟข้างหลังยังมีหนึ่งชายหนึ่งหญิงตามมาฝ่ายหญิงสวมชุดเกราะ รูปโฉมงดงามเพริศพริ้งฝ่ายชายสวมชุดปักลายกิเลน รัศมีสูงสง่า เห็นได้ชัดว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ท่านหนึ่งแน่นอนว่าทำให้ขันทีเฒ่าตกตะลึงพรึงเพริด ยังเป็นขันทีสวมชุดปักลายหม่างข้างหน้าเขารีบคุกเข่าลง เสียงสั่นๆ “พระเก้าพันปี...”ฝันไปก็คาดไม่ถึงพระเก้าพันปีผู้ยิ่งใหญ่ บุคคลสูงสง่าเพียงนั้น ถึงขั้นมาที่โรงทึมสถานที่เช่นนี้!เว่ยซวินหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ปิดปากจมูกไว้ พูดเสียงแหบ “เมื่อคืนมีสองศพถูกส่งมาจากตำหนักจิ่นซิ่ว อยู่ที่ใด?”หากมิใช่หลี่หลงหลินยืนกรานจะชันสูตรพลิกศพ ชาตินี้เว่ยซวิน ก็ไม่คิดมาเยือนสถานที่เช่นน
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค