ฮ่องเต้หวู่มองไปทางหลี่หลงหลินด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ทุกคนที่อยู่ในรายชื่อนี้ เจ้าเป็นคนรักษาให้หายหรือ?” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเสด็จพ่อไม่เชื่อ สามารถส่งคนไปตรวจสอบได้” ฮ่องเต้หวู่เคร่งขรึมไป หลี่หลงหลินไร้ซึ่งความกลัว แสดงว่าต้องเตรียมการไว้นานแล้วแน่ ตู้เหวินยวนพูดแทรกขึ้น “มีรายชื่อคนไข้ที่หายดี แต่รายชื่อคนตายอยู่ไหนเล่า?” ขุนนางใหญ่คนอื่นๆก็ลุกขึ้นช่วยพูด “ใช่ๆ คนที่รักษาหายมีเยอะขนาดนี้ คนที่ตายต้องมีเยอะกว่าแน่” หลี่หลงหลินยิ้มเยาะ และออกคำสั่งว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ช่วยไปนำสมุดรายชื่อคนที่ตายมาด้วย” หลังจากนำสมุดรายชื่อมาส่ง ฮ่องเต้หวู่ก็อดใจรอไม่ไหวที่จะเปิดออกดู และก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง ข้างในมีชื่ออยู่แค่ไม่กี่สิบรายชื่อ ฮ่องเต้หวู่อุทานด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารักษาคนให้หายได้นับพันคน แต่คนที่ตายมีแค่ไม่กี่สิบคนเองหรือ” ในยุคสมัยของต้าเซี่ย อัตราการเสียชีวิตจากโรคมาลาเรียสูงมาก ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ผลคือ การเสียชีวิตกลับมีแค่ไม่กี่สิบคน ไม่อาจจินตนาการได้เลย! หลี่หลงหลินถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง “ผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอายุมากแล้ว
คำพูดนี้บีบหัวใจมาก! พวกเขาไม่เพียงแต่ทำลายล้างความสำเร็จทั้งหมดของหลี่หลงหลินและซุนชิงไต้เท่านั้น! แต่ยังพุ่งเป้าไปที่ทั้งสองคนโดยตรงด้วย! ใส่ร้ายพวกเขาว่าเป็นต้นเหตุหลักของการแพร่ระบาดโรคมาลาเรีย! ซูเฟิ่งหลิงทนฟังไม่ได้อีกต่อไป สีหน้านางแดงก่ำขึ้น นางจ้องตู้เหวินยวนด้วยความโกรธ ฝ่ามือนางกำทวนเงินไว้ในแน่น! หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าฝ่าบาท! นางคงจะทำให้ตู้เหวินยวนขุนนางกังฉิน ได้อารมณ์เย็นลงอย่างแน่นอน! ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่เหล่าสตรีในตระกูลซูเท่านั้น แม้แต่บุตรสาวตระกูลขุนนางก็ยังแสดงสีหน้าโกรธเคือง และเข้าข้างทั้งสองคนที่ได้รับความไม่เป็นธรรม! สูตรยาชิงไต้เป็นสิ่งที่พวกนางเห็นเองกับตาว่าซุนชิงไต้ได้ทดสอบซ้ำแล้วซ้ำกว่าจะนำออกมาใช้ ซุนชิงไต้ถึงขั้นไม่ลังเลเลยที่จะทดสอบยาบนร่างกายของนางเอง นางถูกยาพิษ อาเจียนจนหน้ามืดและเกือบเอาชีวิตไม่รอด ผลคือ แค่ตู้เหวินยวนขยับปากพูดนิดหน่อย น้ำสกปรกก็สาดใส่สองคนนั้นแล้วหรือ? แบบนี้มันมากเกินไป! ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น นิ่งเงียบไปโดยไม่พูดอะไร เขารู้อยู่ในใจแล้วว่าตู้เหวินยวนกำลังสาดน้ำสกปรก ใส่ร้ายหลี่หลงหลินและซุนชิงไต้ อย่
ตู้เหวินยวนตกใจ: “ไม่เก็บเงินเลยสักเหวินหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร! นี่ท่านกำลังทำการกุศลอยู่หรือ?” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเย็นชา และโต้กลับ: “ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้แต่เดิมก็มีน้ำเสียไหลท่วม ยุงและแมลงขยายพันธุ์ไม่หยุด ที่มีวันนี้ได้ ก็ต้องขอบคุณใต้เท้าตู้ ที่ใจกว้างมอบช่วยเหลือ เปิดกระเป๋าเงินแล้วควักเงินออกมาหนึ่งล้านตำลึง!!” “อะไรนะ? “เรื่องการทำบุญการกุศลใต้เท้าตู้ทำแล้ว ข้าหลี่หลงหลินก็คงไม่ทำแล้วล่ะ?” ตู้เหวินยวนดูเหมือนจะถูกต่อยที่หน้าอก ใบหน้าของเขาซีดเซียว เขาเถียงกลับไปอย่างเอาเป็นเอาตาย: “ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ทุกคนต่างวิ่งตามผลประโยชน์กันทั้งนั้น! ข้าไม่เชื่อว่าองค์ชายเก้าจะได้กลายเป็นเทพเซียนไม่ยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์!” “แม้ว่าเจ้าจะเผยแพร่สูตรยาไปทั่วทั้งใต้หล้า แต่วัตถุดิบยาในนั้นก็ต้องมีค่า! “ท่านต้องผูกขาดวัตถุดิบยาไว้ก่อนแล้วแน่ๆ กักตุนไว้เพื่อเก็งกำไร และแสวงหาผลประโยชน์มหาศาล!” ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว: “เจ้าเก้า เป็นอย่างที่ท่านตู้พูดใช่หรือไม่?” หลี่หลงหลินยกมือขึ้น “เสด็จพ่อ สิ่งที่เขาพูดนั้นก็ใจแคบเกินไป ที่จะคิดว่าคนดีๆ จะทำเรื่องไม่ดีแบบนั้น! ถ้าพระองค์ได้ดูส
เว่ยซวินเป็นคนอาฆาตแค้น จึงเอ่ยปฏิเสธโดยตรง: “ไปงั้นหรือ? ถ้าตระกูลของข้าไปแล้ว ใครจะดูแลเรื่องอาหาร อาภรณ์ ที่พัก และการเดินทางให้ของฝ่าบาทเล่า” ชื่อเสียงของข้าในหมู่ประชาชนนั้น คงจะเลวร้ายยิ่งกว่าพวกท่านเสียอีก ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะไปรับกรรมกับพวกท่านด้วย! ยิ่งกว่านั้น พวกท่านแค่ใส่ร้ายข้า อย่าคิดว่าข้าจะลืมไปแล้ว! ตู้เหวินยวนพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย: “เว่ยกงกง แม้ว่าท่านจะอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องส่งองครักษ์เสื้อแพรไปคุ้มกันเราให้ออกไปได้ด้วยสิ! ถ้าเราเจอกับโจรผู้ร้ายขึ้นมาล่ะ...” เว่ยซวินพูดด้วยแววตาเจ้าเล่ห์: “ในเวลากลางวันแสกๆ โลกก็แจ่มใส! ใครจะกล้ามาโหดร้ายภายใต้เบื้องพระยุคลบาท? ใต้เท้าตู้กังวลเกินไปแล้ว!” “องครักษ์เสื้อแพรของฝ่าบาทยังต้องปกป้องฝ่าบาท ออกไปไม่ได้จริงๆ!” “ใต้เท้าตู้คงไม่คิดว่า ตนเองสำคัญกว่าฝ่าบาทหรอกนะ?” พอพูดถึงตรงนี้แล้ว ถ้าให้พูดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ตู้เหวินยวนทำได้เพียงฝืนใจเดินออกจากค่ายผู้อพยพไป พร้อมกับเหล่าขุนนางเพียงไม่กี่คน ระหว่างทางเหล่าผู้อพยพไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงมองด้วยสายตาที่โกรธแค้น และถ่มน้ำลายใส่พวกเขาเท่านั้น จ
ในค่ายผู้ลี้ภัย ฮ่องเต้หวู่ได้เห็นชิงฮวาแช่น้ำด้วยตาตัวเอง จากนั้นน้ำคั้นนำมาใช้เป็นยา เมื่อให้ผู้ป่วยทานยาไป ไม่กี่ชั่วโมงไข้ก็ลดลงแล้ว! “ยาเทวดา!” “สูตรยาชิงไต้นี้เป็นยาเทวดาจริงๆ!” ฮ่องเต้หวู่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข: “เจ้าเก้า เราอยากให้รางวัลเจ้าอย่างงาม!” หลี่หลงหลินถอนหายใจ: “กฎเก่าหรือ?” ฮ่องเต้หวู่พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม: “กฎเก่า” หลี่หลงหลินพูดไม่ออก เจอพ่อที่ขี้เหนียวแบบนี้ ก็ถือว่าตัวเองซวยไป ไม่ให้เงิน ไม่เลื่อนตำแหน่ง จุดประสงค์ของรางวัลคืออะไร? หลี่หลงหลินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “เสด็จพ่อ ข้าต้องเดินตามเส้นทางของขุนนางผู้โดดเดี่ยว ถนนข้างหน้าจะยากลำบากและเต็มไปด้วยอันตราย! ทำไมพระองค์ไม่ให้รางวัลลูกด้วยป้ายทองเว้นโทษตายเล่า! “ ฮ่องเต้หวู่สับสน: “ป้ายทองเว้นโทษตาย นั่นคืออะไร” หลี่หลงหลินงุนงง: “ราชวงศ์ต้าเซี่ยไม่มีป้ายทองเว้นโทษตายหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็มีเหรียญทองเว้นโทษตาย...” ในอดีต ใช่ว่าทุกราชวงศ์จะมีป้ายทองเว้นโทษตาย ดังนั้น ที่ฮ่องเต้หวู่จะไม่รู้ก็ถือว่าปกติ ฮ่องเต้หวู่ยังคงสับสน: “เหรียญทองเว้นโทษตาย มีไว้เพื่ออะไร” หลี่หลง
ดังนั้น ในมุมมองของฮ่องเต้หวู่ แม้ว่าทหารจะหายจากโรคมาลาเรียและได้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งในการต่อสู้กลับคืนมา พวกเขาก็ไม่สามารถบุกทะลวงออกจากเมืองซั่วเป่ยไปได้อีกแล้ว จึงเหลือทางเลือกเพียงแค่ยึดมั่นป้อมปราการและต่อสู้ดิ้นรนไปวันๆ! หลี่หลงหลินยังคงนิ่งเงียบ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองซั่วเป่ย ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเอาชนะศัตรูได้ เพียงแต่ว่าการเดินทัพนั้นอันตราย อันตรายเกินไป ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว กองทัพทหารรักษาพระองค์แสนนายภายใต้การบัญชาของจางไป่เจิงคือไพ่ตายใบเดียวของฮ่องเต้หวู่ หากกองทัพทหารรักษาพระองค์พ่ายแพ้ ถึงแม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะยอมเสียสละดินแดนและเงินทองไป ทำสัญญาที่ทำให้แคว้นเสียหน้า เพื่อแลกกับการให้ข้าศึกถอนทัพออกไป แต่เจ้านายหรือขุนศึกจากทุกทิศทุกทาง ก็จะฉวยโอกาสนี้ลุกขึ้นมาแย่งชิงอำนาจปกครองต้าเซี่ย! ฮ่องเต้หวู่ไม่กล้าเดิมพัน! และลงเดิมพันไม่ได้ด้วย! ฮ่องเต้หวู่จ้องมองหลี่หลงหลิน: “เจ้าเก้า กองทัพใหม่ของตระกูลซูของเจ้า เมื่อไหร่ถึงจะเป็นกองทัพที่พร้อมออกรบ? เมื่อไหร่ถึงจะได้ไปยังดินแดนทางเหนือเพื่อสังหารศั
หลี่หลงหลินถอนหายใจ: “เฟิ่งหลิง ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง! แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง ...” ดวงตาของซูเฟิ่งหลิงเปลี่ยนเป็นสีแดง: “ยังไม่ถึงเวลาหรือ? หรือท่านจะต้องรอให้เมืองซั่วเป่ยถูกตีแตก เหล่าทหารถูกกวาดล้างจนย่อยยับ? เจ้าคนขี้ขลาดกลัวตาย?” หลี่หลงหลิงมองลึกไปที่ซูเฟิ่งหลิงอย่างลึกซึ้ง กับเด็กโง่คนนี้ อธิบายยังไงก็ไม่ได้ ต้องอาศัยแต่การโกหกหลอกลวง... หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ: “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงไม่ปล่อยให้เจ้าไปออกรบ?” ซูเฟิ่งหลิงตกใจ: “เพราะกลัวไม่ใช่หรือ?” หลี่หลงหลินส่ายหัวแล้วพูดว่า: “มันไม่ใช่ความกลัว! แต่เป็นการเหยียดหยาม! พวกป่าเถื่อนทางเหนือ จะน่ากลัวอะไรกัน? ไม่จำเป็นให้เจ้าต้องออกรบด้วยซ้ำ รอดูเถอะว่าข้าจะใช้แผนอะไรจัดการมัน!” แผนการที่จะเอาชนะชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหรือ? ซูเฟิ่งหลิงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ถึงแม้ว่าหลี่หลงหลินจะมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย แต่เขาก็ไม่รู้จักการทำสงครามเลย ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นองค์ชาย ไม่ใช่ฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะมีแผนการอันชาญฉลาดในการเอาชนะศัตรู จางไป่เจิงก็ไม่ฟังคำสั่งของท่าน มันไม่มีประโยชน์! หลี่ห
ดวงตาของจางไป่เจิงหรี่ลง เขาถอนหายใจ: “หนีก็หนีสิ! ตราบใดที่รอดชีวิตก็ยังมีความหวัง! ดีกว่าให้ทหารทั้งหมดที่ติดอยู่ในเมืองซั่วเป่ยและตายกันหมด! หากฝ่าบาทตำหนิข้า ข้าจางไป่เจิงก็จะรับผิดชอบ !” เมื่อเหล่าทหารที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ ไม่เต็มใจ! จะให้พวกเขาส่งมอบเมืองซั่วเป่ย ที่เฝ้าป้องกันมานานให้แก่ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนืออย่างง่ายดายได้อย่างไร? พวกเขาไม่เต็มใจเลยจริงๆ! แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น! แม่ทัพจางพูดถูก ในเมืองซั่วเป่ย ไม่มีความหวังแล้ว แม้จะฝืนต่อไปก็มีแต่ทางตัน! ในเวลานี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบม้าดังขึ้น ทหารส่งข่าวสองนายเข้ามาในเมืองซั่วเป่ยตามลำดับ: “เอกสารสำคัญส่งด่วนจากพระราชวัง! พระราชโองการมาถึงแล้ว!” ฟึบ! จางไป่เจิงลุกขึ้นยืนทันทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พระราชโองการมาแล้ว! และมีสองฉบับ! เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญมากขนาดไหน! “สู้ ป้องกัน หรือถอย...” อารมณ์ของจางไป่เจิงนั้นซับซ้อนมาก เขารับพระราชโองการฉบับแรกมาจากหทารส่งข่าว และค่อยๆ เปิดออก ??? ไม่ใช่คำสั่งทหาร! แต่เป็นใบสั่งยา! ใบสั่
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค