ตำแหน่งที่ตั้งของห้องมืดเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนทหารซีซานเวลาเดินทางก็ใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้นหลี่หลงหลินสั่งให้คนย้ายโต๊ะและเก้าอี้ ตักน้ำพุบนภูเขามาต้มน้ำชา และดื่มชาพูดคุยกับสตรีที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคนอย่างซูเฟิ่งหลิงและกงซูหว่าน ชื่นชมพระจันทร์และสายลมที่พัดผ่านป่าไม้ มีความสุขยิ่งนักในเวลานี้ เสียงทุบประตูและเสียงร้องไห้ก็ดังมาจากถ้ำ ทำลายภาพอันงดงามนี้ลงซูเฟิ่งหลิงวางถ้วยชาลงแล้วถามด้วยความไม่เข้าใจ “นี่เกิดอะไรขึ้น?”หลี่หลงหลินยิ้มบาง “สติหลุดแล้ว”ซูเฟิ่งหลิงและกงซูหว่านต่างก็มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจในเวลาเพียงครึ่งวัน ตู้เหวินยวนก็สติหลุดแล้วหรือ?”ห้องมืดเล็กๆ น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?หรือว่าภายในนั้นจะมีปีศาจอะไรซ่อนอยู่จริงๆ?หลี่หลงหลินเม้มปากจิบชา “ข้าเคยพูดเอาไว้แล้ว ห้องมืดเล็กๆ นี่เป็นหนึ่งในการลงโทษที่น่ากลัวที่สุดในโลก! พวกเจ้าไม่เชื่อ! ตอนนี้เชื่อแล้วใช่หรือไม่! อย่างไรก็ตาม ตู้เหวินยวน สุนัขแก่ตัวนี้ ช่างไม่มีอนาคตเลยจริงๆ อดทนได้แค่ครึ่งวันเท่านั้น...”คำพูดเหล่านี้ ไม่ใช่คำพูดที่พูดไปเรื่อยของหลี่หลงหลิน แต่เป็นเรื่องจริงคนก
ในตอนแรก ตู้เหวินยวนยังร้องไห้โวยวายอยู่ในห้องมืดเล็กๆ นั่นต่อมา ตู้เหวินยวนเริ่มใช้สิ่งที่เรียนรู้มาตลอดชีวิต สาปแช่งหลี่หลงหลินจากนั้น ตู้เหวินยวนก็เริ่มขอร้องให้หลี่หลงหลินปล่อยเขาออกไปสุดท้าย ในห้องมืดเล็กๆ กลับไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่น้อย มันเงียบสงัดหากไม่ใช่ว่าได้ยินเสียงหายใจอันหนักอึ้งของตู้เหวินยวนจากภายนอก ก็คงคิดว่าเขาตายไปแล้ว!พระราชวังต้องห้ามภายในห้องหนังสือเจ้ากรมกรมอาญา เสนาบดีศาลต้าหลี่และผู้ตรวจการราชสำนักราวกับเด็กที่ทำผิดพลาด ยืนก้มหน้าอยู่หน้าฮ่องเต้หวู่เพลียะ!ฮ่องเต้หวู่ขว้างฎีกาใส่หน้าพวกเขา พร้อมตะคอก “พวกเจ้ามันเลี้ยงเสียข้าวสุก! ตู้เหวินยวนถูกลักพาตัวมาสามวันแล้ว แต่ก็เพิ่งมาบอกข้าเอาป่านนี้!”ฟรึ่บ!ขุนนางใหญ่ทั้งสามรีบคุกเข่าลง โขกศีรษะราวโขกกระเทียม “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เสนาบดีศาลต้าหลี่ก้มศีรษะลง พร้อมกับพูดเสียงแหบแห้ง “ฝ่าบาท กระหม่อมนึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายเก้าจะกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ ถึงขนาดลักพาตัวนักโทษไปจากหน้าประตูศาลต้าหลี่! นี่เป็นความประมาทเลินเล่อของกระหม่อม ฝ่าบาทโปรดลงโทษกระหม่อมด้วย!”ฮ่องเต้หวู่โกรธมาก อกของเ
“สหาย!”ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่เย็นชา สั่งเว่ยซวินว่า “รวบรวมทหารม้าหนึ่งร้อยนาย! ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเก้ากำลังเล่นอะไรอยู่!”เว่ยซวินตกใจจนเหงื่อแตกคราวนี้ฮ่องเต้หวู่โกรธมากจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาชัดๆ ก็ตามแต่ในใจของเขาคิดว่า องค์ชายเก้าทำผิด!ไม่อย่างนั้นเหตุใดฮ่องเต้หวู่ถึงอยากรวบรวมทหารม้า?ด้านหนึ่งเพื่อปิดข่าวอีกด้านหนึ่งเพื่อกดดันองค์ชายเก้า“กระหม่อมรับบัญชา!”เว่ยซวินโค้งตัวทำความเคารพ ไปรวบรวมทหารม้าหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามฮ่องเต้หวู่ขี่เกี้ยวมังกร มีทหารม้านับร้อยคุ้มกัน มุ่งหน้าไปทางเขาทิศประจิมอย่างยิ่งใหญ่ขุนนางใหญ่สามศาลนั่งเกี้ยวตามไปด้านหลังแม้ว่าเขาทิศประจิมจะเป็นพื้นที่ทางทหารที่สำคัญ ห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปแต่เมื่อฮ่องเต้เสด็จมาด้วยตนเองเช่นนี้ ใครจะกล้าหยุดเขา?ขบวนเสด็จมาถึงโรงเรียนทหารซีซาน ฮ่องเต้หวู่ลงจากรถ ตรัสด้วยความโกรธ “เจ้าเก้าล่ะ? ออกมาเดี๋ยวนี้!”เหล่านักเรียนในโรงเรียนทหารซีซานก็มองหน้ากันองค์ชายเก้าทำอะไร?ถึงได้ทำให้ฮ่องเต้พิโรธถึงเพียงนี้?ดูจากท่าทางของฮ่องเต้ เกรงว่าคงต้องการรื้อเขาทิศประจิม ถึงจะระงับความพิโร
ตราบใดที่หลี่หลงหลินคุกเข่ายอมรับผิดอย่างมากฮ่องเต้ก็ตำหนิเขาเท่านั้น หลังจากคิดไปได้สักพักหนึ่ง เรื่องใหญ่ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กพูดตามตรงสิ่งที่ฮ่องเต้ต้องการนั้น มีเพียงทัศนคติหนึ่งของหลี่หลงหลิน!หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เว่ยกงกง ข้าทำอะไรผิด เหตุใดต้องยอมรับผิดด้วย?”เว่ยซวินก็สำลักความโกรธครู่หนึ่งองค์ชายเก้า เจ้าฉลาดมาเป็นชาติ แต่กลับเลอะเลือนชั่วขณะหนึ่ง!เจ้าลักพาตัวตู้เหวินยวนไป ขังเอาไว้ในเขาทิศประจิมมาสามวัน หากไม่ลงโทษเองโดยพลการก็แปลกแล้ว!นี่เป็นความผิดอันร้ายแรง!เจ้ายังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?ก็ได้!คนรนหาที่ตายก็จะได้ตาย!ข้าอุตส่าห์มีความเมตตาต่อเจ้ามาก ก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว!เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นว่าหลี่หลงหลินไม่ยอมรับผิด สีหน้าก็มืดมนมาก “เจ้าเก้า เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?”หลี่หลงหลินโค้งคำนับ “เสด็จพ่อ ลูกผิดอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่มีใบหน้าเคร่งขรึม พูดกับขุนนางใหญ่ทั้งสามศาลว่า “พวกเจ้าสามคน ตอบเจ้าเก้า ให้เขายอมรับผิด!”ขุนนางใหญ่ทั้งสามจึงโค้งคำนับ “กระหม่อมรับบัญชา!”ขุนนางศาลต้าหลี่เป็นคนแรกที่เดินออกมาแล้วกล่าวว่า “
“ใต้เท้าตู้ เจ้า...”ฮ่องเต้หวู่มองหน้าตาของตู้เหวินยวน ในใจก็รู้สึกขนลุกอยู่บ้างบนร่างกายของเขา ไม่เห็นรอยแผลชัดเจนนักแต่หน้าเขียวและซีด แววตาฟุ้งซ่าน เห็นได้ชัดว่าต้องทนทุกข์ทรมานมากจึงได้กลายเป็นแบบนี้ชั่วขณะหนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ก็อดรนทนไม่ไหวอย่างไรตู้เหวินยวนก็เป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี แม้ไม่มีความสำเร็จ แต่ก็ทำงานหนักและที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกใจก็คือคำว่าปีศาจคำนี้เจ้าเก้าทำอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้ตู้เหวินยวนหวาดกลัวเพียงนี้?ฮ่องเต้กลืนน้ำลายลง “เจ้าพูดมาสิ เจ้าเก้าทำอะไรเจ้ากันแน่?”ตู้เหวินยวนกัดฟัน “เขา... เขาทารุณกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ถามว่า “ตีเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ถามอีกว่า “ด่าเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรือว่าไม่ให้เจ้ากินข้าวกินน้ำ?”ตู้เหวินยวนยังคงส่ายหัว “ก็ไม่ใช่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่สับสนแล้ว สีหน้าของเขาดูงุนงง “แล้วเขาทารุณเจ้าอย่างไร?”ตู้เหวินยวนคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า “เขาขังกระหม่อมไว้ในห้องมืดเล็กๆ ไม่คุยกับกระหม่อม...”คราวนี้ไม่ใช่เพียงฮ่องเต
ในตอนนั้นเอง หลี่หลงหลินก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า: “เสด็จพ่อ ลูกไม่เหมือนพวกไร้ค่าพวกนั้นหรอก!” ฮ่องเต้หวู่ถึงกับชะงัก มองหลี่หลงหลินพลางถาม: “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลี่หลงหลินยิ้มเย็นชา ก่อนกล่าวด้วยคำพูดที่ทำให้ทุกคนตะลึง: “คดีที่สามศาลไม่สามารถสืบได้ ข้าจะสืบเอง! เงินสกปรกที่สามศาลหาไม่เจอ ข้าจะหาเอง!” เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทำยังไง? ในเมื่อทุกคนช่วยกันสืบยังสืบไม่ได้ แล้วองค์ชายเก้าจะมาดูแคลนสามศาลได้ยังไง? เจ้ากรมอาญาเอ่ยด้วยความไม่พอใจ: “องค์ชายเก้า ท่านไม่กลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่พูดหรือ?” เจ้ากรมศาลต้าหลี่หัวเราะเยาะ: “ข้าจะให้เวลาท่านอีกเดือนหนึ่ง ถ้าท่านทำให้ตู้เหวินยวนยอมรับสารภาพได้ ข้าจะยอมลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับบ้านเกิดไปเลย!” ผู้ตรวจการราชสำนักเพียงแต่ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ: “องค์ชายเก้า ท่านยังอ่อนประสบการณ์เกินไป การสอบสวนมันคือศิลปะ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น...” ฮ่องเต้หวู่เองก็เอ่ยเช่นกัน: “เจ้าเก้า เจ้าเป็นดาบที่อายจนไม่กล้าคืนฝักหรือไง? ฟังคำเราเถิด ช่างมันเถอะ! ค่อย ๆ สืบไป สุดท้ายก็ต้องมีผลออกมาเอง!”
สีหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดมนจนถึงขีดสุด พระองค์รู้ดีว่าตู้เหวินยวน ชายชราผู้มากเล่ห์หลายกลซึ่งครองอำนาจในแผ่นดินมายาวนานนั้นได้กอบโกยเงินทองไว้ไม่น้อย แต่ไม่คาดคิดเลยว่า จะมากมายถึงเพียงนี้ ยี่สิบล้านตำลึง? นี่มันหมายความว่าอะไร! รายได้จากภาษีทั้งปีของแคว้นต้าเซี่ยยังไม่เท่านี้เลย และนี่ ยังไม่นับรวมเรือนตากอากาศที่เขาซื้อไว้บนเขาทิศประจิม และเงินอีกหนึ่งล้านตำลึงที่เคยอ้างว่าใช้ในการสร้างค่ายพักพิงสำหรับผู้อพยพ! ตู้เหวินยวนไม่ใช่แค่ข้าราชการที่ฉ้อโกงธรรมดา! เขาคือมหาโจรที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเหอเซินเลยทีเดียว! ฮ่องเต้หวู่โบกมือพร้อมรับสั่งด้วยเสียงเย็นชา: “ลากตัวไป!” “ตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง!” ฮ่องเต้หวู่ไม่อยากเห็นหน้าตู้เหวินยวน โบกมือพร้อมเอ่ยเสียงเย็นชา ตู้เหวินยวนที่หมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าเรียบเฉย ถูกองครักษ์เสื้อแพรลากตัวออกไปโดยไม่ปริปากขอร้องแม้แต่คำเดียว เพราะว่า ตู้เหวินยวนเขารู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่ยังเมตตาเขาอยู่ หนึ่งคือ การริบทรัพย์สิน แต่ไม่ได้ประหารล้างโคตร สองคือ การตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง หมายความว่าการประหารจะเกิดขึ้นหลังวันศารทวิษุวัตของปีนี้
หลี่หลงหลินหัวเราะ: “นี่เจ้าพูดเองนะ! เสด็จพ่อให้ข้าไปยึดจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็จะไปเองแล้วกัน!” เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีตื่นตัวขึ้นมาทันที: “ไม่ได้! ได้ยินว่ามีเงินอยู่ในจวนนั้นตั้งยี่สิบล้านตำลึง ถ้าท่านคิดฮุบไว้คนเดียวจะทำยังไง? ข้าจะไปด้วย!” ตามปกติแล้ว หากหลี่หลงหลินจะไปตรวจสอบจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ควรจะเรียกทหารไปด้วย แต่ตู้เหวินยวนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ ซื้อจวนธรรมดา ๆ ในย่านชุมชนคนทั่วไปเอาไว้ ถ้าหากนำกำลังทหารไปอย่างโจ่งแจ้ง เกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ดังนั้น หลี่หลงหลินจึงตัดสินใจพาซูเฟิ่งหลิงไปสำรวจก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่ที่ถูกต้อง แล้วค่อยเรียกทหารมาตรวจค้นอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลี่หลงหลินสั่งให้ซูเฟิ่งหลิงนั่งรถม้าตรงเข้าสู่เมืองหลวงทันที มุ่งหน้าไปยังจวนหลังแรก จวนหลังนี้เป็นจวนธรรมดาติดทะเลสาบ ดูจากภายนอกทรุดโทรมพอสมควร ซูเฟิ่งหลิงหรี่ตา มองจวนอย่างพินิจพิเคราะห์: “จิ้งจอกเฒ่าตู้เหวินยวนซ่อนเก่งจริง ๆ! ถ้าเขาไม่สารภาพเอง คงไม่มีทางหาเงินสกปรกนี่เจอแม้แต่ตำลึงเดียว!” หลี่หลงหลินพยักหน้า: “เร
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค