เพียะ!เสียงใสกังวานดังขึ้นฮองเฮาหลู่คล้ายถูกไฟฟ้าแล่นผ่านก็มิปาน ตัวสั่นไปทั่วทั้งสรรพางค์กายดวงตาคู่งามของนางจับจ้องหลี่หลงหลินอย่างตกตะลึง หน้าแดงก่ำขึ้นมา พูดอย่างโมโห “เจ้าขวัญกล้าหยามเกียรติข้า บังอาจนัก...”หลี่หลงหลินยิ้มกว้างมองฮองเฮาหลู่ ใบหน้าลำพองใจ “ใช่แล้ว! เสด็จพ่อสวรรคต ข้าแอบอ้างพระราชโองการ กลายเป็นรัชทายาทแล้ว! อีกไม่นานก็จะขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้! เป็นฮ่องเต้แล้ว ยังมีเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ นั่นมีความหมายอะไร?”สายตาฮองเฮาหลู่กลิ้งกลอก มุมปากคลี่ยิ้มเดิมทีนางก็ไม่เชื่อว่าฮ่องเต้หวู่สวรรคตทว่า หลี่หลงหลินกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ บนตัวยังสวมใส่ชุดของรัชทายาท อีกทั้งยังไร้มารยาทกับตนถึงเพียงนี้ดูท่าแล้วฮ่องเต้หวู่สวรรคตจริงๆ!เช่นนั้นก็จัดการง่ายแล้ว!ข้าต่อสู้กับเด็กอ่อนหัดอย่างเจ้าคนหนึ่ง มิใช่เรื่องง่ายมากหรือ?ฮ่องเต้หวู่หลบที่ด้านนอกประตู ได้ยินทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในหอนอน สีหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดปูดนูนขึ้นมาเจ้าเก้าเอ๋ย เจ้าเก้า!เราให้เจ้าใช้วาจาล่วงเกินฮองเฮาหลู่ใครให้เจ้าลงมือ?เจ้ากำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ ฮองเฮาเจ้าก็กล้าตี!หากแพร่ง
ฮองเฮาหลู่เสแสร้งแกล้งทำตัวน่าสงสาร น้ำตาคลอหน่วย “รัชทายาท เจ้าพูดถูกแล้ว! ล้วนเป็นความผิดของข้า! เจ้ามาลงโทษข้าเถอะ! เจ้าอยากทำเช่นไร ก็ทำเช่นนั้น...”หลี่หลงหลินกลืนน้ำลาย ทันใดนั้นหวั่นไหวขึ้นมานั่นคือฮองเฮาผู้เลอโฉมเชียวนะ!ตนเองสามารถทำลายและกลั่นแกล้งได้ตามใจ นั่นมีแรงเย้ายวนมากทีเดียวแต่หลี่หลงหลินกลับไม่มีความชอบพิเศษอะไร มิได้ขยับขึ้นมา แต่ขยับไปที่ฝั่งหนึ่งฮองเฮาหลู่แปลกใจมาก ใช้ทุกกลเม็ด เย้ายวนหลี่หลงหลิน “รัชทายาท นี่เจ้าทำอันใด? รีบมาเถอะ...”ปัง!ประตูใหญ่ถูกถีบเปิดออกด้วยขาข้างเดียวเงาร่างสวมชุดมังกรสายหนึ่งบุกเข้ามา!ก็คือฮ่องเต้หวู่!ดวงตาเขาแดงก่ำ โมโหดุดัน ท่าทางคุ้มคลั่ง คำรามในลำคอ “นางแพศยา!”ฮองเฮาหลู่ตกตะลึง ร่างอรชรสั่นเทา “ฝ่า...ฝ่าบาท...ท่านไม่ใช่สวรรคตไปแล้วหรือ?”ฮ่องเต้หวู่ตะโกนเสียงดัง “ใช่! เราเกือบถูกเจ้าวางยาพิษสารหนูตายไปแล้ว! โชคดีมีเจ้าเก้า ช่วยเรากลับจากประตูวิญญาณได้! เจ้านางหญิงชั่วคนนี้ ไม่เพียงจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ยิ่งไปกว่านั้นยังไร้ยางอาย!”“เจ้าเป็นฮองเฮานะ!”“เหตุใดถึง...เหตุใดถึง...”การกระทำเมื่อครู่ของฮองเฮาหลู่ ทำเล
ฮองเฮาหลู่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ตำหนักเฟิ่งซีกลับมาเงียบสงัดฮ่องเต้หวู่รู้สึกโศกเศร้าคล้ายสูญเสียบางสิ่งไป “เจ้าเก้า เรา...ใช่หรือไม่ว่าไร้เยื่อใยเกินไป!”หลี่หลงหลินเบ้ปากฮองเฮาหลู่ทำเรื่องเลยเถิดถึงเพียงนี้ ท่านไม่ฆ่านาง ทำเพียงปลดนางเท่านั้นนี่เรียกไร้เยื่อใย?นี่คือความใจอ่อนของสตรี!หากเปลี่ยนเป็นฮ่องเต้อุปนิสัยเด็ดขาดท่านอื่น ป่านนี้คงจัดการนางไปแล้ว!หลี่หลงหลินค้อมตัวลง “เสด็จพ่อ ท่านนี่มิใช่ไร้เยื่อใย แต่มีเมตตา! ฮองเฮาหลู่สมควรซาบซึ้งใจถึงจะถูก!”ฮ่องเต้หวู่สบมองหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง “หากคนทั่วหล้า ล้วนคิดเหมือนเจ้า นั่นคงจะดี! ยังไม่ต้องพูดถึงขุนนางราษฎร์ ต่อให้เป็นลูกชายของเรา ก็ล้วนโกรธแค้นเรา!”หลี่หลงหลินมิได้พูดตอบเขารู้ฮ่องเต้หวู่กำลังพูดถึงองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่มารดาแท้ๆ ของตน ถูกปลดตำแหน่งฮองเฮา เข้าไปใช้ชีวิตอย่างลำบากในตำหนักเย็นอีกครั้งหลี่เทียนฉี่ในฐานะลูกชาย ภายในใจมีความโกรธแค้น ก็เป็นเรื่องสมควรแล้วลองคิดดู หากหลินกุ้ยเฟยถูกส่งเข้าตำหนักเย็นหลี่หลงหลินจะต้องร้อนใจ กระทืบเท้าอย่างแน่นอนหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ก็พูดว่า “เ
เพียงแค่มีเหตุผลที่ชอบธรรมในการออกศึก ต่อให้ผู้ก่อกบฏไม่มีอะไรเลย ก็ยังสามารถได้รับการสนับสนุนจากผู้คนได้ สามารถปลุกระดมก่อคลื่นลูกใหญ่ได้ ขณะเดียวกัน ก็เปลี่ยนแปลงราชวงศ์ยุคสมัยได้ตรงข้ามกันหากการออกศึกไม่มีเหตุผลที่ชอบธรรม ต่อให้ขึ้นครองบัลลังก์แต่งตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ก็ยังนั่งบัลลังก์ได้ไม่มั่นคง จะถูกผู้อื่นๆ โค่นล้มอย่างว่องไว!องค์ชายใหญ่และองค์ชายสาม มีความคิดก่อการกบฏตั้งนานแล้ว แต่เพราะไม่มีสถานะ จึงไม่สามารถยกทัพได้พวกเขากำลังรอ!รอให้อีกฝ่ายทนไม่ไหว ยกทัพโจมตีเมืองหลวงก่อน พวกเขาจะได้อ้างชื่อในการช่วยฮ่องเต้ อ้างชื่อออกศึกปราบกบฏ!แต่ หากพวกเขาทุกคนต่างมีแผนซ่อนเร้น ล้วนสามารถยับยั้งอารมณ์ได้ดีจะทำอย่างไร?นั่นก็สามารถทำได้เพียงลอบสนับสนุนชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ หลอกล่อชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือให้เคลื่อนทัพมาทางใต้ โจมตีเมืองหลวง!พูดอีกนัยหนึ่งชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไม่โจมตีเมืองหลวงหนึ่งวันองค์ชายใหญ่และองค์ชายสาม ก็ไม่สามารถลงมืออย่างวู่วามได้!แม้ว่าต้าเซี่ยจะดูเหมือนเต็มไปด้วยวิกฤต แต่แท้จริงแล้วศัตรูที่แท้จริงมีเพียงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเท่านั
ณ ท้องพระโรงขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ยืนตรง ต่างก็สั่นสะท้าน สีหน้าไม่สบอารมณ์อาจารย์ของฮ่องเต้เสิ่นชิงโจว องค์ชายสี่หลี่จือ ต่างถูกส่งเข้าคุกนำหน้าตามหลังกันไปฮองเฮาหลู่ถูกส่งไปยังตำหนักเย็นในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่าหากฝ่าบาทสืบเรื่องนี้ต่อไปขุนนางในราชสำนักเกินกว่าครึ่ง ล้วนหนีไม่พ้นอย่างไรเสีย เสิ่นชิงโจวก็ดี องค์ชายสี่ก็ช่างเถอะ หนึ่งคนคืออาจารย์ของฮ่องเต้ หนึ่งคนคือองค์ชาย มีรากฐานมั่นคงภายในราชสำนัก มีอิทธิพลสูงมากใครกล้าพูดว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งสองคนนี้บ้าง?แม้แต่ชนชั้นสูงต่างก็กังวลใจพวกเขาส่วนใหญ่เป็นญาติที่ภายนอก มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับฮองเฮาหลู่ทันใดนั้นภายในราชสำนัก ทุกคนต่างก็หวาดกลัวขุนนางทั้งหลาย รู้สึกเหมือนภัยพิบัติกำลังจะมาถึง ไม่กล้าหายใจแรง“ฝ่าบาทเสด็จ!”เสียงแหลมคมของเว่ยซวินดังขึ้นฮ่องเต้หวู่เดินเนิบนาบเข้ามาโดยมีขันทีประคอง นั่งลงบนพระที่นั่งมังกรอย่างช้าๆ สีหน้าขาวซีด หายใจไม่สะดวกเดิมทีเขาก็มีอายุมากแล้ว ผมขาวโพลน เพิ่งได้รับพิษจากสารหนู จนเกือบสิ้นพระชนม์แม้ว่าหลี่หลง
ดวงตาขุนนางชนชั้นสูงญาติภายนอกต่างทอประกายระยับโดยเฉพาะเจ้าห้า เจ้าเจ็ด เจ้าแปด องค์ชายทั้งสามต่างกำหมัดแน่น ใบหน้ากระตือรือร้นเมื่อปลาใหญ่ตาย สรรพสิ่งจะฟื้นคืน!ฮองเฮาหลู่ถูกปลดตำแหน่ง สำหรับเหล่าญาติภายนอกนับเป็นโอกาสอันดี!ฝ่าบาทจะเลือกฮองเฮาคนใหม่ แท้จริงแล้วตัวเลือก มีไม่กี่คนฮ่องเต้หวู่ไม่สามารถ เลือกสนมต่ำศักดิ์เป็นฮองเฮาได้ไม่เพียงแต่ขุนนางในราชสำนักจะไม่ยอมรับไทฮองไทเฮาก็ไม่อาจยอมรับได้เช่นกัน!นั่นหมายความว่ามีเพียงเสด็จแม่ของเจ้าห้า เจ้าเจ็ด เจ้าแปด ไปจนถึงองค์ชายเก้าหลี่หลงหลิน ถึงจะมีโอกาส!ขุนนางชนชั้นสูงคนหนึ่งยืนขึ้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท เต๋อเฟยมีความดีและมีคุณธรรม ควรได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา!”เต๋อเฟยท่านนี้ก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายห้าหลี่ไท่ขุนนางอีกคนไม่ยอมแพ้กล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ซูเฟยมารดาขององค์ชายเจ็ด สามารถรับภาระนี้ได้!”เจ้ากรมธรรมการกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าเหลียงเฟย เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!”ภายในราชสำนัก ขุนนางไม่ยอมแพ้ ต่างเสนอชื่อออกมาบางคนแนะนำเต๋อเฟย บางคนแนะนำซูเฟย บางคนแนะนำเหลียงเฟยเมื่อองค์ชายสี่ล้มเหลว ขุน
หลี่หลงหลินในตอนนี้เป็นรัชทายาท แน่นอนว่าเขาก็อยู่ในราชสำนักด้วยแต่เพราะ ฮ่องเต้หวู่จะแต่งตั้งหลินกุ้ยเฟยเป็นฮองเฮา หลี่หลงหลินจึงตัดสินใจหลีกเลี่ยง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรเสียในฐานะรัชทายาท เขาคงไม่สามารถออกมาพูดด้วยตนเอง ว่าให้เสด็จแม่ของตนขึ้นเป็นฮองเฮานั่นไร้ยางอายเกินไปแต่ทว่า ขุนนางบุ๋นบู๊กลับโวยวายกันไปหมด พูดว่าหลินกุ้ยเฟยไม่มีความสามารถไม่มีคุณธรรม ไม่คู่ควรที่จะเป็นฮองเฮาชนิดที่ว่าบางคน พูดว่าหลินกุ้ยเฟยใช้รูปร่างหน้าตาเข้ารับตำแหน่ง เป็นสนมปีศาจที่นำภัยพิบัติมาสู่แผ่นดินหลี่หลงหลินทนไม่ไหวแล้ว!“หยุดพูด!”หลี่หลงหลินตะโกนเสียงเฉียบ ดังก้องไปทั่วราชสำนักฮ่องเต้หวู่นั่งอยู่บนพระที่นั่งมังกร เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลี่หลงหลินก็เปิดปากพูด รู้สึกดีใจภายในใจ กลับไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า “รัชทายาท เจ้าจะพูดอะไรหรือ?”หลี่หลงหลินตอบเสียงเครียดว่า “ลูกเห็นว่า ตำแหน่งฮองเฮา เหมาะสมกับเสด็จแม่ของกระหม่อมเท่านั้น!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ เหล่าขุนนางต่างกล่าวหาว่าหลินกุ้ยเฟยไม่มีความสามารถไม่มีคุณธรรม ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์...”หลี่หลงห
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ตอนนี้หลี่หลงหลินคือรัชทายาทพระมารดาของรัชทายาทได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมตามธรรมเนียมเหล่าขุนนางที่คัดค้านการแต่งตั้งหลินกุ้ยเฟยเป็นฮองเฮา ล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ไม่มีเหตุผลอันใดเลยฮ่องเต้หวู่ตบมือหัวเราะเสียงดัง “ในเมื่อไม่มีขุนนางคนใดคัดค้าน เช่นนั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้! ส่งราชโองการของข้าออกไป แต่งตั้งองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท พระมารดาหลินกุ้ยเฟยเป็นฮองเฮา! ประกาศให้ทั่วทั้งแผ่นดิน!”เหล่าขุนนางไม่มีทางเลือก ได้แต่คุกเข่าลงและกล่าวว่า “กระหม่อมน้อมรับราชโองการ!”หลังเลิกประชุมฮ่องเต้หวู่เบิกบานใจยิ่งนัก ตรงไปยังตำหนักฉางเล่อทันทีหลินกุ้ยเฟยรีบออกมาต้อนรับที่หน้าประตูตำหนัก“ฝ่าบาท!”“หม่อมฉันได้ยินว่าพระองค์ถูกวางยาพิษ เกือบเอาชีวิตไม่รอด!”“หากพระองค์เป็นอะไรไป หม่อมฉัน...หม่อมฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”หลินกุ้ยเฟยน้ำตาไหลพราก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลฮ่องเต้หวู่หัวเราะ “ข้าสบายดีมิใช่หรือ? เจ้าอย่าร้องไห้เลย! ต่อไปเจ้าต้องเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน ปกครองวังหลัง หากวันๆ เอาแต่ร้องไห้ จะดูไม่สง่างาม”
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค