อย่างไรเสีย ไปดูมหรสพที่หอนางโลม ไม่เพียงเสียเงิน ยังต้องถูกสหายร่วมสำนักหัวเราะเยาะอีกด้วยหากถูกบิดามารดารู้เข้า ถูกหักขายังนับว่าเบาภายใต้ความเบื่อหน่ายอย่างที่สุดของพวกเขา ได้อ่านนวนิยายวาทกรรม ‘ดอกเหมยในหอแดง’ ของหลิ่วหรูเยียนเป็นครั้งแรก ผ่านหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย เทียบกับหลักการสั่งสอนคน ยากอย่างยิ่งยวดของสำนักศึกษาแล้วช่างต่างกันนิยายเล่มนี้ ล้วนคือความสนุกเพลิดเพลินยิ่งไปกว่านั้นยังแตกต่างจากนิยายน้ำเน่าผู้มีพรสวรรค์และสาวงาม โดยอิงตามมุมมองของสตรี เขียนพรรณนาคนในสวนต้ากวน ได้อย่างสมจริงกอปรกับชื่อด้านความงามอันเลื่องชื่อลือไกลของหลิ่วหรูเยียน รวมถึงความรักระหว่างชายหญิงคราวนี้ บัณฑิตเหล่านี้ได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่แล้วใต้หล้ามีหนังสือสนุกถึงเพียงนี้ด้วยหรือ?‘ดอกเหมยในหอแดง’ โด่งดังขึ้นมา ได้รับเสียงชื่นชมจากบัณฑิต!หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยหนึ่งพันฉบับ กลายเป็นสิ่งที่คนต่างพากันแย่งชิงทว่า คนส่วนใหญ่ ล้วนมุ่งเป้าไปที่ ‘ดอกเหมยในหอแดง’ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของบ้านเมือง อย่างเรียงความของปราชย์ผู้ทรงคุณธรรมมนุษย์นั้นหนา ล้วนกินข้าวเหมือนกัน ใครบ้างมิใช่คน
“องค์ชาย”หลิ่วหรูเยียนน้ำตาเอ่อคลอเต็มหน้า คุกเข่าต่อหน้าหลี่หลงหลิน อ้อนวอนอย่างขมขื่น “ขอร้ององค์ชายออกหน้าแทนหม่อมฉันด้วย!”“ขอเพียงหม่อมฉันสามารถสังหารโจวซิงคนชั่วช้านี้เองกับมือ ล้างแค้นแทนชายหญิงคนแก่เด็กเจ็ดสิบสามคนของตระกูลหลิ่วได้”“หม่อมฉัน...ร่างกายของหม่อมฉัน ขอมอบให้องค์ชายได้เชยชมตามใจ...”หลิ่วหรูเยียนตกอยู่ในโลกีย์มาก่อน อย่างไรเสียก็เป็นคุณหนูใหญ่เกิดในตระกูลขุนนางนางได้ยินมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่าแวดวงขุนนางต้าเซี่ยดำมืดมากเพียงใดต่อให้ส่งมอบหลักฐานความผิดของโจวซิงให้ราชสำนัก แต่ขุนนางก็ปกป้องขุนนางด้วยกันเอง เรื่องใหญ่กลายเป็นเล็ก เรื่องเล็กสลายหายไปโจวซิงบ้างก็อาจติดคุกหลายปี บ้างก็ถูกยึดทรัพย์ลงท้าย เขาก็สามารถหลุดพ้นจากการจองจำ ได้รับอิสระคืนมา กลับไปอยู่บ้านเกิด ใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขชนิดที่ว่าสำหรับโจวซิงแล้ว ความทุกข์หลายปีนั้น กลับกลายเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง กลายเป็นช่วยสร้างชื่อเสียงตลอดชีวิตให้แก่เขา!หลิ่วหรูเยียนยิ่งคิด ภายในใจก็ยิ่งไม่อาจหักใจได้!ทว่านางเป็นสตรีคนหนึ่ง จะทำอันใดได้เล่า?ที่พึ่งเดียวของนาง ก็คือหลี
บางเรื่องหลี่หลงหลินไม่เคยชินที่จะลงมือทำเอง เพราะไม่อยากทำให้มือตัวเองเปื้อนแล้วจะนับประสาอะไรกับหญิงอ่อนแอคนหนึ่งอย่างหลิ่วหรูเยียน?แม้จะจับตัวโจวซิงมามัดไว้ต่อหน้าหลิ่วหรูเยียน จริงๆ นางจะมีความกล้าเพียงพอที่จะลงมือด้วยตัวเองหรือไม่?นอกจากความสงสัยแล้ว สิ่งที่หลี่หลงหลินมีมากกว่าก็คือความห่วงใยหลิ่วหรูเยียนมีมือเรียวเล็กดุจหยก ควรคู่กับการเขียนบทกวีหรือเล่นพิณ มิใช่ต้องมามัวหมองไปกับกลิ่นคาวเลือด…แต่แววตาของหลิ่วหรูเยียนเต็มไปด้วยความแน่วแน่ และเปล่งประกายไปด้วยความเกลียดชัง “หากข้าไม่ได้ลงมือสังหาร โจวซิง ขุนนางชั่วช้าด้วยมือของตัวเอง ข้า…คงยากที่จะลบล้างความแค้นในใจนี้ได้!”หลี่หลงหลินจ้องมองหลิ่วหรูเยียนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ได้! ข้าจะไปจัดการให้!”“แต่ก่อนหน้านั้น…”“คืนนี้เรามาจัดการหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย ฉบับต่อไปให้เสร็จกันก่อน!”หลิ่วหรูเยียนรีบพยักหน้ารับ “แน่นอนอยู่แล้ว!”ด้วยการช่วยเหลือจากหลี่หลงหลิน ทำให้งานของหลิ่วหรูเยียนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวท้ายที่สุด สำหรับหลิ่วหรูเยียน การทำหนังสือพิมพ์ยังเป็นสิ่งใหม่และแปลกไปส
หลี่หลงหลินไม่ได้หลับทั้งคืน จนร่างกายอ่อนล้าแทบหมดแรง เขามอบหมายให้ลั่วอวี้จู๋นำต้นฉบับของหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยไปส่งที่เขาทิศประจิม ส่วนตัวเขาเองกลับห้องไปพักผ่อนณ เขาทิศประจิม“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านพูดว่าอะไรนะ?”“หนึ่งแสนฉบับ?”กงซูหว่านหญิงงามผู้เยือกเย็นในชุดกระโปรงสีดำถึงกับตกใจอย่างมาก จนแทบไม่เชื่อหูตัวเองลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจด้วยความจนใจ “การกระทำขององค์รัชทายาทในครั้งนี้ อาจดูเหมือนเหลวไหลอยู่บ้าง! แต่เขายืนกรานหนักแน่นมาก ข้าก็ไม่อาจพูดให้เขาเปลี่ยนใจได้”กงซูหว่านพยักหน้าเล็กน้อย มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าหลี่หลงหลินกำลังจะแต่งงานกับลั่วอวี้จู๋ดังคำที่ว่า ไม่มีลมก็ไม่มีคลื่นความสัมพันธ์ระหว่างหลี่หลงหลินกับพี่สะใภ้ใหญ่ก็สนิทสนมกว่าใครอื่นจริงในเมื่อสะใภ้ใหญ่โน้มน้าวเขาไม่ได้ การที่ตนจะเปิดปากพูดก็คงเปล่าประโยชน์ถ้าจะให้พิมพ์หนึ่งแสนฉบับ ก็ให้พิมพ์ไปเถิดนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับช่างฝีมือที่จะได้สะสมประสบการณ์เพิ่มเติมในการใช้วิธีพิมพ์แบบหล่อแม่พิมพ์จากดินเหนียว ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ในระยะยาวลั่วอวี้จู๋มองไปที่กงซูหว่านก่อนเอ่ยถามว่า “การพิมพ์หนึ่งแส
แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับหลิ่วหรูเยียนกันเล่า?กงซูหว่านเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียวอย่างยิ่ง ทว่าในชั่วขณะหนึ่งกลับไม่อาจเข้าใจได้ ใบหน้างดงามเย็นชาของนางเต็มไปด้วยความสงสัยลั่วอวี้จู๋กดเสียงลงต่ำพลางกล่าวว่า “น้องรอง เจ้าคงไม่รู้! ข้าได้ยินข่าวลือมาว่า สะใภ้สี่เดิมทีเป็นคุณหนูตระกูลขุนนางชั้นสูง แต่เพราะบิดาของนางไปล่วงเกินผู้มีอำนาจบางคน ครอบครัวจึงต้องพบกับจุดจบที่เลวร้าย บ้านแตกสาแหรกขาด”กงซูหว่านคิดตามแล้วก็เข้าใจในทันที นางเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ “โจวซิง?”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า “ใช่! โจวซิง เป็นหนึ่งในคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง”กงซูหว่านตกตะลึง “นั่นหมายความว่า...รัชทายาทต้องการช่วยน้องสะใภ้สี่ล้างแค้นให้ครอบครัวของนาง!”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะความกระหายที่จะแก้แค้น หลิ่วหรูเยียนคงไม่อดหลับอดนอนทั้งคืน เพียงเพื่อจัดทำหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยออกมาให้เสร็จสำหรับหลิ่วหรูเยียน การที่โจวซิงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเพียงวันเดียว ก็ถือเป็นความทรมานสำหรับนาง“เข้าใจแล้ว!”กงซูหว่านสูดหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยด้วยความมุ่งมั่น “ข้าจะเร่งช่างฝีมือให้ทำงานล่วงเวลา!”“ในห้าวันน
“ขายหนังสือพิมพ์แล้ว!”“หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยฉบับล่าสุด!”ที่หน้าแผงหนังสือ คนงานใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาตะโกนประกาศเสียงดังลั่นสิ้นเสียงตะโกน ฝูงชนจำนวนมากก็หลั่งไหลมาจากทุกทิศทุกทาง ก่อนจะเข้าแถวต่อคิวกันยาวเหยียดจนกลายเป็นมังกรยาวหน้าแผงหนังสือบนชั้นสองของโรงน้ำชาบรรดาหญิงสาวตระกูลซูต่างเผยสีหน้าตกตะลึงขายดีขนาดนี้เลยหรือ?มีเพียงหลี่หลงหลินที่ถือถ้วยชาไว้ในมือ จิบชาใสบริสุทธิ์ที่หวานละมุนเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของฟรี ใครบ้างจะไม่อยากได้?อย่าว่าแต่หนึ่งแสนฉบับต่อให้เป็นล้านฉบับ ก็ยังต้องถูกแย่งกันจนหมดเกลี้ยง!เพียงแต่พวกที่มาด้วยความหวังจะได้ของฟรีเหล่านี้ต้องผิดหวัง!หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยจำนวนหนึ่งพันฉบับที่แจกฟรีก่อนหน้านั้น เป็นเพียงการทดลองตลาดครั้งนี้ หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยกลับต้องจ่ายเงินซื้อ!“อย่าเบียด!”“อย่าเบียด!”“ต่อแถวดีๆ หนึ่งฉบับหนึ่งร้อยเหวิน!”หลี่หลงหลินเตรียมการล่วงหน้า โดยส่งกองทหารจากเขาทิศประจิมมารักษาความสงบเรียบร้อยในสถานที่“อะไรนะ? ไม่ใช่ของฟรีหรือ?”“คิดเงินด้วย?”“แถมยังต้องจ่ายตั้งร้อยเห
“ข้าก็เอาด้วย!”เหล่าบัณฑิตต่างหยิบเหรียญทองแดงออกมา แย่งกันซื้อหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยกันยกใหญ่ไม่ใช่เพียงเพื่ออ่านนิยายของหลิ่วหรูเยียนเท่านั้นแต่เพื่อดูว่าโจวซิงได้ก่อความผิดมหันต์อะไรไว้!ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยบนแผงก็ถูกซื้อจนเกลี้ยง พนักงานและเจ้าของร้านต่างรีบไปเติมสินค้าแต่พอวางขายก็ถูกแย่งซื้อจนหมดอีกชั้นสองของโรงน้ำชาบรรดาสตรีตระกูลซูเห็นภาพนี้ต่างก็ตกตะลึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า!ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยหนึ่งแสนฉบับก็คงไม่พอขาย!จวนตระกูลโจววันนี้เป็นวันหยุด โจวซิงจึงไม่ได้เข้าเฝ้า เขาถือกรงนกไว้ในมือ กำลังหยอกล้อกับนกแก้วที่พูดตามนี่คือสิ่งของล้ำค่าของเขา เขาเลี้ยงมันไว้ราวกับบรรพบุรุษโดยปกติแล้ว โจวซิงจะสอนให้มันท่องบทกวี เพื่ออวดต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆโจวกว่างบุตรชายคนโตรีบร้อนเข้ามา ในมือถือหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยไว้ ใบหน้าซีดเผือดอย่างมาก “ท่านพ่อ... ท่านพ่อ... เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”เขาเพิ่งออกไปเดินเล่นข้างนอก บังเอิญเห็นผู้คนกำลังแย่งซื้อหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยกันอย่างบ้าคลั่งด้วยค
“ซื้อไม่หมด?”โจวซิงมองไปยังหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยที่กองเป็นภูเขาอยู่ในลานบ้านด้วยความตกตะลึง “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”“รัชทายาทพิมพ์ออกมาทั้งหมดกี่ฉบับกันแน่?”“ไม่ใช่หนึ่งพันฉบับหรอกหรือ?”นิสัยของคนเรา มักจะฝังรากลึกครั้งก่อน หลี่หลงหลินพิมพ์หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยหนึ่งพันฉบับ แจกจ่ายฟรีในตลาดดังนั้น โจวซิงจึงคิดไปเองว่า หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยฉบับใหม่ที่หลี่หลงหลินพิมพ์ออกมานั้น อย่างมากก็คงราวๆ พันฉบับต่อให้ฉบับละสิบตำลึง โจวซิงก็ใช้เงินเพียงไม่กี่หมื่นตำลึงก็ซื้อได้หมดแล้วโจวซิงไม่กลัวว่าหลักฐานการกระทำผิดของตนจะแพร่กระจายในราชสำนักขุนนางต่างปกป้องกันเอง เรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็กได้อย่างไรก็ตาม โจวซิงกลับไม่สามารถทนเห็นหลักฐานการกระทำผิดของตนแพร่กระจายไปทั่วในหมู่ประชาชน จนเป็นที่รู้กันไปทั่วได้อย่างที่เสิ่นชิงโจวพูดไว้เมื่อถึงตอนนั้น ประชาชนโกรธแค้น เทพเจ้าและมนุษย์ต่างรังเกียจไม่มีใครปกป้องเขาได้!โจวกว่างก้มหน้า พูดเสียงสั่น “ได้ยินมาว่า... องค์รัชทายาทพิมพ์หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยออกมาหนึ่งล้านฉบับขอรับ!”ซี๊ด...โจวซิงสูดหายใจลึก ดว
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค