แชร์

บทที่ 639

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
“ต่อให้กองทัพต้าเหยียนจะจงใจแสร้งทำทีเพื่อขู่ขวัญพวกเรา ท่านสามารถต้านทานระเบิดสายฟ้าและธนูทดกำลังได้หรือไม่เล่า? หากมิอาจทำได้ การยกทัพกลับในยามนี้ อีกทั้งการทูลรายงานเรื่องราวนี้ต่อจักรพรรดิแห่งหนานเยวี่ยของท่านย่อมเป็นหนทางที่ดีที่สุด

หากยังคงดึงดันอยู่ที่นี่ต่อแล้วต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีของกองทัพต้าเหยียนอีกครา เกรงว่ากำลังพลนับแสนในมือของท่านจะต้องสูญเสียไปอีกมิใช่น้อย ถึงเวลานั้นท่านจะชี้แจงต่อจักรพรรดิของท่านอย่างไร?”

ในที่สุดเติ้งหม่างก็พยักหน้าตามการโน้มน้าวอย่างมีหลักการของฉินซู

“ท่านผู้อาวุโสช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล หลังจากกลับถึงราชสำนัก ข้าจะทูลขอให้แต่งตั้งท่านผู้อาวุโสเป็นกุนซือให้จงได้ ถึงเวลานั้นเราทั้งสองจะร่วมมือกัน บดขยี้กองทัพต้าเหยียนให้สิ้นซาก และความแค้นอันใหญ่หลวงของท่านผู้อาวุโสก็จะได้รับการสะสางเสียที”

ในใจฉินซูพลันปลาบปลื้มใจ ทว่าสีหน้าภายนอกกลับสงบนิ่งราวกับผิวน้ำในทะเลสาบ

“ตราบใดที่ล้างแค้นได้ การเป็นกุนซือให้พวกท่านก็มิใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง”

เติ้งหม่างปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ดีเหลือเกินที่ท่านผู้อาวุโสตอบรับเช่นนั้น ขอท่านโปรดวางใจ ฝ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 640

    แม้แต่จ้าวควงบนบัลลังก์มังกร เมื่อมองฉินซู แววตายังทอประกายร้อนแรงขึ้นหลายส่วน!จอมยุทธ์ระดับสวรรค์ นับเป็นตัวช่วยที่หายากยิ่ง!เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับฉินซู “ท่านผู้อาวุโสช่วยเหลือแม่ทัพคนโปรดของข้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างงาม แต่ก่อนหน้านั้น ข้ายังอยากทราบชื่อแซ่ของท่านผู้อาวุโสสักหน่อย อีกทั้งมาจากแห่งหนใดหรือ?”ฉินซูประสานมือคารวะ “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยแซ่ตงฟาง นับแต่เยาว์วัยก็ติดตามผู้คนพเนจรไปทั่วทุกสารทิศ ด้วยเหตุนี้ชื่อแซ่และถิ่นกำเนิดของข้าน้อยเองก็จำมิได้ ภายหลังเมื่อก้าวเข้าสู่ยุทธภพจวบจนบัดนี้ยังมิเคยพานพบความปราชัย ด้วยเหตุนี้ผู้คนในยุทธภพจึงขนานนามข้าน้อยว่าปู้ป้ายพ่ะย่ะค่ะ”จ้าวควงมีสีหน้าประหลาดใจ “ตงฟางปู้ป้าย? นามของท่านผู้อาวุโสช่างทรงพลังเสียจริง!!”ฉินซูแย้มยิ้มอย่างกระดากอาย “ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงชื่อเสียงลมปากเท่านั้น ขออภัยที่ทำให้ฝ่าบาทต้องรับรู้เรื่องน่าขันเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้ ท่านผู้อาวุโสถ่อมตัวเกินไปแล้ว แม้จอมยุทธ์ระดับสวรรค์จะหายากดุจขนหงส์เขากิเลน หากแต่ท่านผู้อาวุโสท่องยุทธภพโดยมิเคยพานพบคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมได้ ย่อมเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าพละกำลังของท่าน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 641

    “กราบทูลฝ่าบาท อย่างเร็วที่สุดอ๋องฉู่น่าจะได้รับสาส์นในวันพรุ่ง ส่วนสาส์นตอบกลับของพระองค์ คาดการณ์ว่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะส่งกลับมาถึง ขอฝ่าบาทโปรดทรงอดทนรอ!”“เอาเถิด ช่วงสองสามวันนี้ให้เหล่าทหารได้พักผ่อนหย่อนใจให้เต็มที่เสียก่อนก็แล้วกัน”จ้าวควงพูดจบ ก็จ้องมองฉินซู “ท่านผู้อาวุโส หากอ๋องฉู่ทรงยินยอมที่จะพบปะหารือ อย่างไรคงต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสติดตามแม่ทัพเติ้งไปด้วยกัน และช่วยให้คำชี้แนะแก่เขาด้วย”ฉินซูรับคำอย่างยินดี “ข้าน้อยน้อมรับพระบัญชา!”ราวหนึ่งเค่อต่อมา ฉินซูก็เดินออกมาจากพระราชสถานหนานเยวี่ยเมื่อเขากลับมาถึงโรงพักม้า ตงฟางไป๋ก็กุลีกุจอเข้ามาสอบถาม“องค์… อะแฮ่ม หัวหน้าใหญ่ สถานการณ์คืบหน้าไปถึงขั้นใดแล้วขอรับ?”ฉินซูกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตอนนี้เราแค่ต้องรอคอยการตอบรับจากฉินอวี่!”“หากเป็นเช่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องดีเกินคาด แต่คาดมิถึงว่าอ๋องฉู่จะกล้าคิดก่อการกบฏ หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปง ใคร ๆ ย่อมรู้ว่าต้องหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่”เพียงคิด ตงฟางไป๋ก็รู้สึกขวัญผวาจนแทบตั้งสติมิอยู่ฉินซูหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย แล้วพึมพำว่า “หากเรื่อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 642

    เมืองหลงเฉิง ต้าเหยียนภายในจวนอ๋องฉู่ ฉินอวี่ก้มหน้าก้มตาอ่านสาส์นในมือ พลันตกอยู่ในภวังค์ความคิดผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของเขาก็พลันแน่วแน่ขึ้นมาทันใด เขาผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง ก้าวเท้าออกจากประตูจวนอย่างรวดเร็วมิช้า เขาก็เดินทางมาถึงหน้าจวนเสนาบดีกรมกลาโหมเมื่อบ่าวรับใช้เฝ้าประตูเห็นฉินอวี่ ก็ตกใจสะดุ้งโหยง รีบคุกเข่าลงคำนับฉินอวี่โบกมือ “มิต้องมากพิธี รีบเข้าไปแจ้งเถิด บอกว่าข้ามีธุระสำคัญจะพบเสนาบดีเหวิน”“เชิญเสด็จเข้าไปรอด้านในก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะรีบไปรายงานให้ทราบ”บ่าวรับใช้ค้อมกายคารวะก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปด้านในส่วนฉินอวี่ก็เดินทางไปยังห้องโถงเพื่อรอคอยผ่านไปชั่วครู่ เหวินเยวี่ยนซานก็กุลีกุจอเดินเข้ามา“โอ้ ท่านอ๋องฉู่ ช่างเป็นแขกที่พบได้ยากยิ่ง เชิญพ่ะย่ะค่ะ เชิญประทับด้านในก่อนพ่ะย่ะค่ะ”เขากล่าวเชื้อเชิญฉินอวี่ให้นั่งลง พร้อมกับตะโกนออกไปนอกประตู “ใครก็ได้ รีบรินชามาถวายเร็วเข้า!”รอจนกระทั่งบ่าวรับใช้นำชามารินให้ เหวินเยวี่ยนซานจึงเอ่ยถาม “วันนี้ท่านเสด็จมาถึงจวนของข้าน้อย มีสิ่งใดจะชี้แนะหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวี่จิบชาเล็กน้อย กล่าวเสียงเรียบ “มิบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 643

    โชคดีที่ฉินอู๋ต้าวเพียงยิ้มและกล่าว "รัชทายาทมิเคยออกรบมาก่อน ข้าเองก็รู้สึกมิสบายใจนัก แต่เมื่อเจ้ามีความตั้งใจเช่นนี้ ก็ไปเถิด"ฉินอวี่แสดงสีหน้ายินดี "ขอบพระทัยเสด็จพ่อ เช่นนั้นลูกขอทูลลากลับจวนไปเตรียมตัวสักเล็กน้อย แล้วจะออกเดินทางลงใต้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ!"ฉินอู๋ต้าวพยักหน้าเล็กน้อย มองตามหลังฉินอวี่ไป จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยกล่าวถึงฉินอวี่หลังจากออกจากพระราชวัง เขาก็มุ่งหน้ากลับจวนอ๋องฉู่โดยมิรีรอทันทีที่ก้าวเข้าประตูจวน เขาก็สั่งการคนสนิทผู้หนึ่ง "คังเหวย เจ้าพกป้ายหยกคาดเอวประจำตัวข้าไปตงไห่ด้วย"คังเหวยแสดงสีหน้าตกตะลึง เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา "ท่านอ๋องฉู่ ท่านจะลงมือแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?"ฉินอวี่พยักหน้าน้อย ๆคังเหวยมองไปรอบ ๆ อีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วกล่าวต่อ "อ๋องฉู่ เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เกรงว่าตอนนี้เวลามิเหมาะสม รออีกหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""รอมิได้แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้รับรายงานลับ กองทัพหนานเยวี่ยพ่ายแพ้แล้ว หลังจากที่ฉินซูกลับมา ตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขาก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็เหลือทางเลือกสุดท้ายเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น""แต่ท่านอ๋อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 644

    "ดินแดนหนานเยวี่ยมีภูเขาสูงและป่าทึบ ด่านปราการยิ่งกว่าปราการสวรรค์ ป้องกันง่ายโจมตียาก หากองค์รัชทายาททรงนำทัพรุกไล่ตีต้อน เกรงว่าจะต้องสูญเสียอย่างหนักหน่วง" เหลยเจิ้นแสดงสีหน้ากังวลฉินอู๋ต้าวยิ้มจาง ๆ "ถือเสียว่าให้เขาได้เรียนรู้ หากต้องสูญเสียอย่างหนักหน่วงจริง ๆ ความดีความชอบจะถูกหักล้างกันเอง ข้าก็มิต้องปวดหัวเรื่องนี้อีก"ความดีความชอบอันใหญ่หลวงที่ฉินซูสั่งสมไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพียงพอที่จะทำให้เขามีที่ยืนในราชสำนักในยามนี้ยังขับไล่กองทัพใหญ่หนานเยวี่ยให้ล่าถอยไปได้อีก กล่าวได้ว่ามีความดีความชอบยิ่งใหญ่เป็นที่สุดเมื่อถึงเวลาที่เขากลับมา ฉินอู๋ต้าวก็ยังมิรู้ว่าจะตกรางวัลแก่เขาอย่างไรดียามนี้ฉินซูนำทัพรุกไล่ตาม หลังจากพ่ายแพ้แล้ว ความดีความชอบก็จะหักล้างกัน มิต้องตกรางวัลและมิต้องลงโทษ ฉินอู๋ต้าวจึงโล่งใจขึ้นมิน้อยส่วนกำลังพลที่สูญเสียไป ต้าเหยียนมิได้ขาดแคลนกำลังคน เรียกเกณฑ์มาใหม่ก็สิ้นเรื่องความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจฉินอู๋ต้าวเหล่านี้ เหลยเจิ้นย่อมล่วงรู้กระจ่างแจ้ง เขาเพียงแต่แย้มยิ้มอย่างขมขื่น พลางส่ายหน้าโดยมิได้กล่าวอันใดฉินอู๋ต้าวดูเหมือนจะยังมิสาแก่ใจนั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 645

    "ท่านผู้อาวุโสคาดการณ์แม่นยำราวเทพพยากรณ์ อ๋องฉู่ทรงตอบรับคำเชิญ ตกลงที่จะพบปะหารือกับพวกเราที่หุบเขาเหล่าเถียวแล้ว!""เมื่อใด?""คืนนี้ขอรับ ข้าเดินทางมาครานี้ก็เพื่อที่จะให้ท่านผู้อาวุโสเตรียมตัวเล็กน้อย จากนั้นเราจะออกเดินทางไปพร้อมกัน!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้ามิได้มีสิ่งใดต้องเตรียมพร้อม สามารถออกเดินทางได้ตลอดเวลา"เติ้งหม่างแค่นเสียงหัวเราะ "ยอดเยี่ยม เช่นนั้นพวกเราก็รีบออกเดินทางกันเสียแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า มิฉะนั้นตกกลางคืนแล้วจะเดินทางไปมิถึงหุบเขาเหล่าเถียว"ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะติดตามเติ้งหม่างออกจากโรงพักม้าไปการเดินทางครั้งนี้ เขาตัดสินใจมิพาพี่น้องตงฟางไป๋ไปด้วย เนื่องจากอ๋องฉู่เคยพบเห็นหน้าค่าตาคนทั้งสองแล้วฉินอวี่มิได้หูเบาเชื่อคนง่ายเหมือนหูก่วงเซิง หากถึงเวลาเกิดความสงสัยขึ้นมา เช่นนั้นจะเป็นการอธิบายยากหลังจากออกจากโรงพักม้าหูก่วงเซิงก็เดินทางมาถึงเช่นเดียวกันจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ควบม้าอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังหุบเขาเหล่าเถียวเมื่อพวกเขาทั้งหมดออกจากเมืองไปได้มินาน ตงฟางไป๋ก็เดินทางออกจากเมืองถัวเฉิงอย่างเงียบเชียบ!ราตรีกาลมาเยือน ลมหนาวโชยมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 646

    บุรุษร่างกำยำกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง "ท่านแม่ทัพเติ้ง นี่เป็นโอกาสทองที่สวรรค์ประทานมาให้ หากปล่อยให้หลุดลอยไป หนานเยวี่ยของพวกท่านจะหาโอกาสที่ดีถึงเพียงนี้มิได้อีกแล้ว"อีกคนกล่าวเสริมว่า "ถูกต้องแล้ว อีกอย่างยังมีเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องเข้าใจ ท่านอ๋องฉู่ของพวกเรามิได้ทรงคาดหวังให้พวกท่านยกทัพไปฝ่ายเดียวจึงจะประสบความสำเร็จ แต่ให้คอยเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ก็เท่านั้น ท่านจะร่วมมือหรือไม่ จงตอบมาตามตรง เราจะได้นำความกลับไปทูลรายงาน!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เติ้งหม่างก็เหลือบมองฉินซูอย่างลังเล "ท่านผู้อาวุโส ท่านมีความเห็นเช่นไร?"เมื่อเห็นว่าเติ้งหม่างผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย ในยามนี้กลับหันมาไต่ถามความคิดเห็นจากบุรุษหน้าตาธรรมดามิสะดุดตาผู้หนึ่ง คนสนิททั้งสองของฉินอวี่อดมิได้ที่จะพินิจพิจารณาบุรุษซึ่งเป็นฉินซูปลอมตัวมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกหลายคราฉินซูลูบเคราบนคางพลางแสร้งทำทีครุ่นคิดผ่านไปอึดใจหนึ่ง เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย "สิ่งที่เขากล่าวมาเมื่อครู่ถูกต้องแล้ว ครานี้เป็นโอกาสทองที่สวรรค์ประทานมาให้ มิอาจปล่อยให้หลุดลอยไปได้ ท่านแม่ทัพเติ้งโปรดยินยอมให้ความร่วมมือกับพวกเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 647

    ”ได้ รีบเข้ามาเถอะ”หลังจากที่ฉงชูโม่เชื้อเชิญให้ตงฟางไป๋เข้าไปในกระโจมแล้ว นางก็สอดส่ายสายตามองข้างนอกอีกสองสามคราเมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้คนภายนอกล่วงรู้ นางจึงปิดม่านประตูลงนางเอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย "ตอนนี้องค์รัชทายาททรงเป็นเช่นไรบ้าง? ทรงตกอยู่ในอันตรายใด ๆ หรือไม่?""องค์รัชทายาททรงปลอดภัยดี อีกทั้งทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามที่พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้ ดังนั้นท่านแม่ทัพชูโม่โปรดวางใจ"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด ความกังวลในใจพลันคลายลงไปมิน้อยนางซักถามต่อไป "ไยองค์รัชทายาทต้องเสี่ยงภัยถึงเพียงนั้น พระองค์มิรู้หรือไรว่าดินแดนหนานเยวี่ยนั้นเป็นแดนอันตราย หากมีคนล่วงรู้สถานะที่แท้จริงของพระองค์ ผลลัพธ์ย่อมมิอาจคาดเดาได้!""ครานั้นข้าน้อยเองก็เคยทัดทานแล้ว หากแต่ทัดทานมิอยู่ องค์รัชทายาทตรัสว่า มิเข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไร โชคดีที่ในยามนี้ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามความคาดหมาย!""เช่นนั้นเจ้าเดินทางกลับมาในยามวิกาลเช่นนี้ เพราะพระองค์มีรับสั่งมาถึงข้าหรือ?"ตงฟางไป๋พยักหน้าเล็กน้อย ยื่นสาส์นฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ "นี่คือสาส์นที่องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งใ

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 713

    "บัดนี้องค์รัชทายาทยังได้แสดงวรยุทธ์อันน่าตื่นตะลึงออกมา ข้าน้อยเห็นว่าก็สามารถใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทได้ในด้านการประลองยุทธ์พ่ะย่ะค่ะหากมีองค์รัชทายาทเข้าร่วมโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ราชวงศ์ต้าเหยียนน่าจะสามารถก้าวเข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้และหากแสดงฝีมือได้ดี บางทีอันดับของต้าเหยียนในกลุ่มแคว้นลำดับรองอาจจะขยับขึ้นได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวโบกมือ กล่าวด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เรื่องอันดับนั้นมิสำคัญ จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นคือการเข้าสู่สามสิบอันดับแรก แล้วชิงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน”“เช่นนั้นก็ง่ายดาย ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกประการแล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ ย่อมต้องพบเทพศาสตราวุธในตำนานและเมล็ดพันธุ์พืชอันล้ำค่า ถึงยามนั้น การที่ต้าเหยียนจะก้าวขึ้นเป็นแคว้นผู้นำก็อยู่แค่เอื้อม”เหลยเจิ้นกล่าวแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้ดังที่เคยกล่าวไว้แต่ต้น เมื่อสองร้อยปีก่อน ในแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนนั้นเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดสนใจต่อมาหลังจากได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน ก็บังเอิญได้ครอบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status