Masukในยามค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดมิดและความเงียบสงัดครอบงำทุกสิ่ง ซุนฮ่าวถูกขังอยู่ในกรงประจานกลางตำหนักอสรพิษ ภาพของเขาที่ถูกแขวนอยู่ในกรงอย่างน่าสมเพชสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา ความภาคภูมิใจที่เคยมีกลับกลายเป็นเพียงแค่ความสูญเสียที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ทุกท่วงท่าของเขาเต็มไปด้วยความอับอายและความสิ้นหวัง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมา บางคนมองด้วยความเยาะเย้ย ขณะที่บางคนหัวเราะสะใจ ท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินต้องการให้ทุกคนเห็นถึงจุดจบของคนที่กล้าท้าทายเขา และซุนฮ่าวก็ต้องรับโทษที่เหมาะสมกับการกระทำของเขา
เสียงกระซิบและการพูดถึงการล่มสลายของตระกูลซุนดังกระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้นำของตระกูลซุนจะตกต่ำเช่นนี้ ทุกคนต่างพากันพูดถึงและสนทนาเกี่ยวกับการที่ซุนฮ่าวถูกลงโทษอย่างรุนแรง ซุนฮ่าวเองรู้ดีว่าเขาไม่เหลือทางเลือกแล้ว เมื่อท่านอ๋องออกคำสั่งให้เขาถูกประจานกลางเมืองเพียงเพื่อเป็นการเตือนผู้คนในเมืองเกี่ยวกับการท้าทายอำนาจของท่านอ๋อง
ท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินได้อธิบายแก่ผู้คนถึงเหตุผลที่ทำให้ซุนฮ่าวตกอยู่ในสภาพนี้ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "ซุนฮ่าวติดหนี้พนันจนไม่สามารถใช้หนี้ได้ ตระกูลของมันถูกยึดทรัพย์แล้วหนี้ก็ยังไม่หมด จึงต้องรับโทษตามที่เห็นสมควร" คำอธิบายของท่านอ๋องสะท้อนถึงการควบคุมอำนาจที่ไม่เพียงแค่ทำลายชีวิตของซุนฮ่าว แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าใครที่ท้าทายเขาจะไม่มีวันหลุดพ้นจากการลงโทษ
ในขณะนั้น ซุนฮ่าวเองทำได้แค่สั่นสะท้านอยู่ภายในกรงขังของตน ความหวาดกลัวที่ปกคลุมร่างกายทำให้เขาไม่อาจจะหลีกหนีจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เขารู้ดีว่าชีวิตของเขามาถึงจุดจบแล้ว ท่านอ๋องยังคงปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ในตอนนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากเขาให้มากที่สุดก่อนที่จะลงมือจัดการกับเขาในภายหลัง
ช่วงสายของวัน ท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินและลูกน้องเดินทางมาถึงร้านน้ำชาของเยี่ยจิงหลิน แม้จะมาท่องเที่ยวเหมือนผู้มาเยือนทั่วไป ท่านอ๋องก็ยังคงรักษาท่าทีระมัดระวัง เขาสังเกตเห็นคนดูแลร้าน แววตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยจิตสังหารที่คมกริบ และท่านอ๋องรู้ดีว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาน่าจะเคยผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก และหากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องปะทะกันขึ้นในร้านแห่งนี้ ท่านอ๋องก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ง่ายๆ
เมื่อเข้ามานั่งในร้านน้ำชา ท่านอ๋องและลูกน้องเลือกมุมเงียบๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ท่านอ๋องนั่งนิ่ง ดื่มชาด้วยความสงบ แต่สายตาของเขาไม่วางจากเยี่ยจิงหลิน ที่กำลังยิ้มและพูดทักทายเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริง "ข้าไม่คิดเลยว่าตัวท่านจะมาหาข้าถึงที่นี่"
ท่านอ๋องมองไปที่เยี่ยจิงหลินด้วยความเยือกเย็น ในเสียงที่แฝงไปด้วยความโกรธและความคาดหวัง "สาวน้อย เจ้าไม่รู้ตัวหรือว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร"
เยี่ยจิงหลินยังคงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน และตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเยาะเย้ย "ข้าได้ยินข่าวที่ดังสะท้านไปทั่วเมืองหลวง กองทหารของท่านมากมาย พวกมันล้วนถูกเฉือนความเป็นชาย ข้าเสียใจด้วยจริงๆ"
คำพูดของเยี่ยจิงหลินทำให้ท่านอ๋องรู้สึกถึงการเยาะเย้ยที่ไม่อาจทนได้ เขาจิกมือแน่นแต่พยายามเก็บอารมณ์ให้คงที่ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความโกรธก็ตาม
ท่านอ๋องยังคงพยายามตั้งคำถามเพื่อดูสีหน้าของนาง "เจ้าไม่คิดที่จะไปเยี่ยมพี่ชายของเจ้าหน่อยเหรอ?" น้ำเสียงของท่านอ๋องเต็มไปด้วยความเย็นชา "สภาพของมันน่าสมเพชไม่เลว"
แต่เยี่ยจิงหลินยังคงยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน "สวะเช่นนั้นข้าไม่นับว่ามันเป็นพี่หรอก แต่ถ้าท่านจะกรุณา หากมันสิ้นใจไปแล้ว ได้โปรดส่งซากร่างของเขามาด้วย ข้าจะทำหลุมฝังศพไว้ให้"
คำพูดนั้นทำให้ท่านอ๋องรู้สึกถึงความไร้ความปรานีและเยือกเย็นจากนาง เขาแทบจะระเบิดออกมา แต่ก็พยายามควบคุมตัวเองให้สงบ
"คนที่กล้าลองดีกับข้าจุดจบของพวกมันนั้นไม่ค่อยที่จะสู้ดีนัก" ท่านอ๋องพูดออกมาอย่างหนักแน่น ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ท่าทางของเขาสื่อถึงความมั่นคงในอำนาจและความพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
เยี่ยจิงหลินยังคงนั่งยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอยยิ้มของเธอไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
"แล้วท่านไม่รู้เหรอว่าจุดจบของคนที่กล้าลองดีกับข้าจุดจบของพวกมันก็ไม่สวยเช่นกัน ตัวท่านเองก็ระวังความเป็นชายของท่านไว้ให้ดี ไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกเฉือนทิ้งเหมือนกองทหารชั้นเลวของท่าน" คำพูดของเยี่ยจิงหลินทำให้ท่านอ๋องถึงกับสะท้านไปทั้งร่าง และเขาก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจปล่อยให้สิ่งนี้ผ่านไปได้
ท่านอ๋องจ้องมองไปที่เยี่ยจิงหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง "เจ้าจะไม่มีวันหนีจากสิ่งที่เจ้าทำลงไป" ท่านอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ก่อนที่จะหันหลังและเดินออกจากร้านน้ำชาไป
การพูดคุยครั้งนี้ทำให้ท่านอ๋องตระหนักถึงความร้ายกาจของเยี่ยจิงหลิน เขารู้ดีว่านางไม่ใช่คนที่สามารถมองข้ามได้ การท้าทายครั้งนี้จะต้องถูกจดจำ และเขาจะไม่ปล่อยให้นางรอดพ้นไปได้
การเผชิญหน้ากันครั้งนี้ไม่ต่างอะไรจากการประกาศสงครามครั้งใหญ่ ที่ทั้งสองฝ่ายไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การปะทะระหว่างท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินและเยี่ยจิงหลินในครั้งนี้ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของทั้งสองกลายเป็นการยืนยันว่าไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องถูกบดขยี้จนย่อยยับไปข้างท่านอ๋องมองเห็นในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง นางไม่เพียงแค่ท้าทายเขาด้วยคำพูดที่เยาะเย้ย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยอำนาจ
ทางด้านขององค์ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียนทรงประสบกับสภาพร่างกายที่ย่ำแย่และอ่อนแอลงเรื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบสงัดที่ครอบงำพระองค์ในทุกวัน ทุกขณะยามที่พระองค์ดื่มชาที่ได้รับมาจากซุนฮ่าว ร่างกายกลับยิ่งทรุดโทรมลงไปทีละน้อย ความเหนื่อยล้าและความอ่อนแรงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจควบคุมได้ ชาอันนั้นค่อยๆ ซึมเข้าสู่กระแสเลือดของพระองค์ ทำลายทุกส่วนของร่างกายไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งมันเป็นพิษที่มีความร้ายกาจซ่อนอยู่ภายใน โดยไม่ทิ้งร่องรอยหรืออาการที่สามารถตรวจจับได้
อ๋อง ฟู่หยางเซินยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบในห้องส่วนตัวของเขา สายตาของเขาจับจ้องไปที่สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในพระราชวัง ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่เขาได้วางไว้ เมื่อฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียนเริ่มอ่อนแอลงจากพิษที่ค่อยๆ ซึมเข้าสู่ร่างกาย การแย่งชิงอำนาจกำลังใกล้เข้ามา
เขารอคอยให้ร่างกายขององค์ฮ่องเต้ทรุดลงอย่างถึงขีดสุด โดยไม่ต้องทำอะไรให้มากความ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือผลจากการวางแผนอย่างรอบคอบ การที่ซุนฮ่าวผู้เป็นบุตรบุญธรรมของฮ่องเต้ได้วางยาพิษให้องค์ฮ่องเต้ดื่มนั้น เป็นเพียงแค่การเปิดทางให้เขาได้แทรกแซงเข้ามาครอบครองอำนาจทั้งหมด
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







