เข้าสู่ระบบเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับความเงียบสงัดที่แผ่ปกคลุมทั่วทั้งเมืองหลวง เมืองที่เคยเต็มไปด้วยความวุ่นวายและเสียงดัง วันนี้กลับคล้ายกับการสงบที่น่ากลัว เพราะข่าวการป่วยของฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียนแพร่กระจายไปทั่วทั้งพระราชวังและเมืองหลวง ฮ่องเต้ที่เคยเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และอำนาจ กลับกลายเป็นคนที่อ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง ความแข็งแกร่งในทุกการตัดสินใจหายไป เหลือเพียงแค่ร่างกายที่อ่อนแรงจนไม่สามารถขยับได้ และดวงตาที่เคยคมกริบกลับกลายเป็นเหม่อลอยอย่างไร้ชีวิตชีวา
ฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียนทรงนอนติดเตียงในห้องส่วนพระองค์ ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย ร่างกายที่เคยเต็มไปด้วยพลังกลับทรุดลงจนไม่สามารถรักษาตัวเองได้ สติของพระองค์ไม่สมบูรณ์และไม่สามารถประสานกับความเป็นจริงได้อย่างที่เคยทำ ท่ามกลางห้องที่เงียบสงัดนั้น เสียงตะโกนของท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินดังขึ้นท่ามกลางการแผ่ความเงียบไปทั่วห้อง
"ท่านพี่! ท่านพี่! ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?" ท่านอ๋องร้องเรียกด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยการแสดงออกถึงความตกใจและห่วงใย แม้ในความเป็นจริงท่านอ๋องและฮ่องเต้ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีมากนัก แต่ท่านอ๋องกลับแสดงความห่วงใยในลักษณะที่เกินจริง เพราะในใจของเขาแล้ว พระองค์ที่อ่อนแอลงเป็นโอกาสที่เขารอคอยมาอย่างยาวนาน
เสียงของท่านอ๋องที่แสดงความตกใจและห่วงใยแฝงไปด้วยความเสแสร้ง ท่านอ๋องต้องการสร้างภาพลวงตาให้ผู้คนเห็นว่าเขาห่วงใยพระองค์ และแม้แต่ขุนนางที่อยู่ในห้องต่างก็ถูกดึงดูดไปกับท่าทางที่แสดงออกถึงความกังวลเกินจริงนั้น ท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินยืนข้างเตียงของฮ่องเต้ ซึ่งพระองค์นอนแน่นิ่งโดยไม่ขยับเลย ท่านอ๋องรู้ดีว่านี่เป็นเวลาที่เขารอคอย เพื่อใช้โอกาสนี้ในการแสดงออกถึงความพร้อมที่จะแทนที่ฮ่องเต้
ท่านอ๋องหันไปมองขุนนางคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ และตะคอกออกมาอย่างดุดัน "พวกเจ้าช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกนัก! องค์ฮ่องเต้ป่วยขนาดนี้ ทำไมยังไม่ตามหมอหลวงมารักษาอีก!" ท่านอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโหและขุ่นเคือง ไม่เพียงแต่แสดงความโกรธ แต่ยังแฝงไปด้วยความเสแสร้งและความชั่วร้ายที่ยากจะปิดบัง
ขุนนางคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอบกลับเสียงสั่นเครือ "เอ่อ...คือว่า...หมอหลวงที่อยู่ภายในวังนั้นล้วนแล้วแต่ถูกสังหารจนหมดสิ้น ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของผู้ใด และหมอที่มีชื่อเสียงภายในเมืองหลวงพวกเขากลับกลายเป็นคนหายสาบสูญ" คำตอบที่ได้ทำให้ท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินหรี่ตามองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะตวาดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
"เหอะ! พวกเจ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ! เรื่องแค่นี้ก็จัดการกันไม่ได้! เดี๋ยวข้าจะเสาะหาหมอที่มีฝีมือดีที่สุดมารักษาพระองค์เอง!" น้ำเสียงของท่านอ๋องยังคงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง เขาทำทีเหมือนจะโมโห แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การสร้างภาพในสายตาผู้คน เพื่อทำให้เขาดูเหมือนผู้ที่เป็นห่วงพระองค์จริงๆ แต่อีกด้านหนึ่ง ท่านอ๋องกำลังยิ้มในใจ เพราะเขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการล่าสังหารหมอหลวงที่มีฝีมือทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขามาช่วยเหลือพระองค์
เสียงของท่านอ๋องดังก้องในห้องเงียบ "ห่ะ...อะไรนะ? องค์ฮ่องเต้มีเรื่องที่ต้องการจะพูดคุยกับข้าเป็นการส่วนตัว?" ท่านอ๋องหันไปมองที่ฮ่องเต้ที่นอนนิ่งอยู่ ร่างของพระองค์เหม่อลอยไปแล้ว ท่านอ๋องยิ้มในใจ เพราะเขารู้ว่าไม่มีใครในห้องนี้จะสามารถหยุดแผนการของเขาได้ แม้ว่าผู้คนจะเริ่มสงสัยถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ท่านอ๋องมั่นใจว่าเขาจะได้รับสิ่งที่ต้องการ
ขุนนางน้อยใหญ่ในห้องนั้นต่างทำได้เพียงแค่หลับตาและเดินออกจากห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกการเคลื่อนไหวของท่านอ๋องนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกถึงชัยชนะที่กำลังจะมาถึง เขารู้ว่าเวลาของเขากำลังจะมาถึง และการที่ฮ่องเต้ไม่สามารถควบคุมอำนาจได้อย่างที่เคยทำ ยิ่งทำให้ท่านอ๋องมองเห็นโอกาสที่เขาไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อขุนนางและผู้ที่อยู่ในห้องนั้นต่างเดินออกไป ท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินก็ยืนอยู่ข้างเตียงของฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน ที่ตอนนี้มีสภาพทรุดโทรมและไร้เรี่ยวแรง สายตาของพระองค์ที่เคยคมกริบกลายเป็นเหม่อลอย ไม่มีชีวิตชีวาและไม่สามารถตื่นตัวได้เหมือนก่อน ท่านอ๋องยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางที่เย็นชา ในที่สุดเขาก็ได้แสดงด้านที่แท้จริงของตัวเองออกมา
"ตอนนี้คงไม่มีใครในวังที่กล้าโต้แย้งข้าแล้ว" ท่านอ๋องคิดในใจ ขณะที่เขามองฮ่องเต้ที่เคยยิ่งใหญ่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแค่เงาของตัวเอง ท่านอ๋องรู้ดีว่าเวลานี้คือเวลาที่พระองค์กำลังหมดสิ้นบทบาทไปจากการเป็นผู้นำ
เวลาผ่านไปหลายชั่วอึดใจในที่สุดท่านอ๋องก็สั่งให้ขุนนางน้อยใหญ่กลับเข้ามาอีกครั้ง
"บัดซบที่สุด... ในที่สุดตอนนี้ข้าก็สามารถล่วงรู้แล้วว่าคนที่วางยาฮ่องเต้คือใคร"
เสียงของท่านอ๋องสะท้อนไปทั่วห้อง ขุนนางทุกคนต่างเงียบเสียงลง รอฟังคำตอบที่กำลังจะออกมาจากปากของท่านอ๋อง ใบหน้าของท่านอ๋องเผยแววความมั่นใจอย่างเต็มที่ เขาหยุดไปชั่วขณะเพื่อทำให้คำพูดของเขานั้นมีความหนักแน่นมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะพูดต่อ
“มันผู้นั้น...คือซุนฮ่าว...บุตรชายบุญธรรมของฮ่องเต้...และมันยังเป็นผู้นำตระกูลซุนคนปัจจุบัน ชายผู้นี้ช่างมักใหญ่ใฝ่สูงยิ่งนัก...” ท่านอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความดูถูกและเยาะเย้ย ซุนฮ่าว
กลายเป็นเพียงหมากที่ถูกใช้แล้วทิ้งในแผนการของเขา
ท่านอ๋องยิ้มเยาะในใจและพูดต่อไปว่า “โทษของมัน...มันจะได้รับการลงโทษอย่างสาสม...เพราะมันเป็นผู้ที่กล้าลอบวางยาฮ่องเต้ ผู้ที่เป็นพี่ชายของข้า...” น้ำเสียงของท่านอ๋องแฝงไปด้วยความเจ็บแค้นและความไม่พอใจ
“ซุนฮ่าว...” ท่านอ๋องคิดในใจ “มันยังคงมีประโยชน์กับข้าบ้าง...เพราะมันคือแพะรับบาปที่สมบูรณ์แบบ แต่เวลาของมันคงหมดแล้ว” ท่านอ๋องแอบยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่สุดแสนจะชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด
ณ ตำหนักอสรพิษที่แสนเงียบสงัด ซุนฮ่าวนั่งอยู่ภายในกรงขัง ร่างกายอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง เมื่อได้ยินคำตัดสินจากปากของท่านอ๋องว่า เขากำลังจะเป็นเพียงแพะรับบาปในแผนการทั้งหมด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง รู้สึกถึงความสิ้นหวังที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว ความรู้สึกของความโกรธและความเจ็บปวดฝังลึกในใจ
“ท่านพ่อบุญธรรม ท่านทำกับข้าแบบนี้ได้ไง ทั้งที่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นแผนการของท่าน...” ซุนฮ่าวพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเศร้าและบอบช้ำ น้ำตาของเขาหยดลงบนพื้น มันไม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดจากการถูกหักหลังครั้งใหญ่เช่นนี้ได้
ท่านอ๋อง ฟู่หยางเซินยืนอยู่ตรงหน้า ซ่อนยิ้มเย็นชาไว้บนใบหน้า “ข้าไม่ใช่พ่อเจ้า เพราะข้าไม่เคยมีลูกโง่ถึงขนาดนี้” ท่านอ๋องกล่าวอย่างเย็นชา
ซุนฮ่าวถึงกับสะอื้น น้ำตาไหลอย่างไม่อาย เขารู้ดีว่าเขาถูกท่านอ๋องใช้เป็นเพียงเครื่องมือในแผนการเพื่อขจัดอุปสรรคและขึ้นสู่จุดสูงสุดในการแย่งชิงอำนาจ ท่านอ๋องที่เคยรับเขาเป็นลูกบุญธรรมกลับไม่มีความลังเลในการหักหลังเขาอย่างไร้ความปรานี
ท่านอ๋องหันไปมองลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เย็นชาและสั่งการด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “จงตัดลิ้นของมันซะ มันจะได้ไม่พูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดอีก” คำสั่งของท่านอ๋องสะท้อนให้เห็นถึงความชั่วร้ายที่เขาแฝงไว้ในใจ
ลูกน้องของท่านอ๋องยิ้มเย้ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม เขาก้าวเข้าใกล้ซุนฮ่าวที่ยังคงนั่งอยู่ในกรงขัง ใบหน้าของซุนฮ่าวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวดที่กำลังจะมาถึง เขาพยายามขยับตัวหนีแต่ไม่สามารถทำได้ ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง และเมื่อรู้ว่าเขาจะไม่สามารถหลีกหนีจากชะตากรรมนี้ได้ ความหวังสุดท้ายก็พังทลายลงในใจ
แล้วลูกน้องของท่านอ๋องก็ก้าวเข้ามาใกล้ด้วยอุปกรณ์เฉือนคมที่แวววาว ลิ้นของซุนฮ่าวถูกเฉือนออกไปอย่างไร้ปรานี ลิ้นสองแฉกที่เคยใช้ในการพูดจาหว่านล้อม บิดเบือนความจริง และหลอกลวงผู้คนให้หลงใหลในคำพูดของเขา กลับถูกตัดขาดออกไปในทันที ขณะที่มันกระเด็นตกลงไปบนพื้นด้วยเสียงที่น่าขยะแขยง ซุนฮ่าวร้องอู้อี้จากในลำคอ เสียงที่ออกมานั้นบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เลือดไหลซึมออกจากปากของเขาและหยดลงบนพื้น ร่างกายของซุนฮ่าวสั่นกระตุกอย่างรุนแรง ทุกกล้ามเนื้อในร่างกายล้วนแสดงอาการของความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรเทาได้ เขาพยายามใช้มือยึดที่ปากเพื่อหยุดเลือด แต่ก็ไร้ประโยชน์ สภาพของเขาไม่ต่างอะไรจากคนที่สูญเสียไปแล้วทุกสิ่ง
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







