เข้าสู่ระบบยามเช้าที่แสงอาทิตย์แรกเริ่มสาดส่องไปทั่วทั้งผืนฟ้า เยี่ยจิงหลิน หญิงสาวผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ก้มหน้าก้มตาดูแลพืชผลสมุนไพรในสวนของตนด้วยความใส่ใจ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอดูราวกับหยดน้ำที่สะท้อนแสงแดดอ่อนโยน สงบ และบริสุทธิ์
แต่ใต้ใบหน้าไร้เดียงสานั้น คือจิตใจที่แข็งกร้าวและเปี่ยมด้วยความร้ายกาจ เธอเป็นมากกว่าหญิงสาวธรรมดาที่ผู้คนรอบข้างคิดว่าเธอเป็น อดีตนักฆ่าที่มากด้วยฝีมือและความเฉียบแหลมจากชาติที่แล้วของเธอ คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของเยี่ยจิงหลิน
"ฮูหยินใหญ่อันเหยาเหวิน..." เธอเอ่ยชื่อออกมาเบาๆ ราวกับกำลังลิ้มรสคำพูดของตัวเอง "เจ้ากล้ามายุ่งกับข้า เจ้าคงอยากลองดีนัก คืนนี้ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าเจ้าผิดมหันต์แค่ไหน"
เมื่อคืนที่ผ่านมา ชายชุดดำที่ถูกส่งมาลอบสังหารเธอนับสิบคน ล้วนจบชีวิตลงในสวนแห่งนี้ เยี่ยจิงหลินไม่ได้ปล่อยให้ใครรอดไป แม้แต่เสียงกรีดร้องของพวกมันก็ถูกปิดตาย ก่อนรุ่งสาง เธอจัดการกับศพเหล่านั้นอย่างไร้ซึ่งความลังเล ร่างที่ไร้ประโยชน์ของพวกมันถูกแปรเปลี่ยนเป็นปุ๋ย บำรุงดินในสวนสมุนไพร
แสงแดดที่สาดส่องลงมาทำให้หยดน้ำบนใบไม้ดูระยิบระยับ แต่มันก็ไม่อาจปกปิดความมืดมิดที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของเยี่ยจิงหลินได้ เธอไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาที่จะปล่อยให้ใครมารังแกหรือทำลายชีวิตของเธอ
ในค่ำคืนนี้ เธอได้วางแผนอย่างละเอียดเพื่อเอาคืนฮูหยินใหญ่อันเหยาเหวิน ผู้ที่ส่งคนมาทดสอบขอบเขตความอดทนของเธอ เยี่ยจิงหลินไม่ได้รีบร้อน แต่เธอค่อยๆ วางแผนอย่างพิถีพิถัน
ในขณะที่เยี่ยจิงหลินกำลังปล่อยใจไปกับความคิดอันลึกซึ้งและแผนการในค่ำคืนนี้ เสียงน้ำหยดกระทบใบไม้จากการรดน้ำสมุนไพรทำให้บรรยากาศยิ่งสงบและร่มเย็น แต่แล้ว น้ำเสียงที่อ่อนโยนและอบอุ่นก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
"พืชสมุนไพรของเจ้า...งดงามไม่เลวทีเดียว"
เยี่ยจิงหลินชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองที่มาของเสียงนั้น ทันทีที่เห็นใบหน้าคุ้นเคยของชายวัยกลางคนในชุดเรียบง่าย เธอจำได้ในทันทีว่าเขาคือ หลิวฉางหยาง ผู้นำหมู่บ้าน และเพื่อนสนิทของแม่ตั้งแต่วัยเด็ก
หลิวฉางหยางเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและจริงใจ ตั้งแต่เธอและแม่ย้ายกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้ เขาคือคนแรกที่ให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น ไม่เพียงแต่ช่วยจัดหาที่พักและช่วยเหลือในยามขาดเหลือ แต่ยังคอยดูแลและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ
"ขอบคุณค่ะ ท่านลุงหลิว" เยี่ยจิงหลินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ประดับบนใบหน้า
หลิวฉางหยางเดินเข้ามาใกล้ มองสวนสมุนไพรด้วยแววตาชื่นชม "แม่ของเจ้าต้องภูมิใจในตัวเจ้าแน่ๆ เจ้าดูแลสมุนไพรเหล่านี้ได้ดีมากมันค่อนข้างที่จะงดงามทีเดียว”
เยี่ยจิงหลินยิ้มรับ แม้จะดูเหมือนสงบเรียบร้อย แต่ในใจของเธอแอบระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เธอรู้ดีว่าการแสดงออกอย่างอ่อนโยนและนอบน้อมในที่นี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเองในสายตาของคนในหมู่บ้าน และโดยเฉพาะหลิวฉาง
หยาง ซึ่งมีอิทธิพลต่อชาวบ้านไม่น้อย
"ขอบคุณค่ะ ท่านลุงที่เอ็นดู ถ้าไม่มีคำแนะนำและความช่วยเหลือของท่าน ข้าคงทำได้ไม่ดีเท่านี้"
หลิวฉางหยางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ "เจ้ากับแม่เป็นคนดี ชาวบ้านที่นี่ทุกคนยินดีต้อนรับ ถ้ามีอะไรขาดเหลือหรือไม่สะดวกก็บอกข้าได้เสมอ"
เยี่ยจิงหลินพยักหน้า "ข้าจะไม่เกรงใจค่ะ ท่านลุงหลิว"
หลิวฉางหยางมองดูเด็กสาวที่เขาเห็นเติบโตขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะกล่าวลาแล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มอบอุ่นและความเงียบสงบที่กลับคืนมาในสวน
เยี่ยจิงหลินมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยแววตาครุ่นคิด ในใจเธอรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งกับการต้อนรับและความเอื้อเฟื้อของหลิวฉางหยางและชาวบ้านที่นี่ ชีวิตที่นี่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสถานที่ที่เธอจากมา ความสงบสุขและความเมตตาที่เธอได้รับทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย
แต่ทว่า ความสงบสุขนี้ไม่ได้หมายความว่าเธอจะลดการป้องกันตัวลง ชีวิตในอดีตสอนให้เธอรู้ว่าความไว้ใจเกินไปอาจนำมาซึ่งความเจ็บปวดและการทรยศ
"ที่นี่อบอุ่นกว่าที่ข้าเคยพบมา แต่ข้าจะไม่ประมาท" เยี่ยจิงหลินพึมพำเบาๆ ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง
เธอหันกลับมาสนใจพืชสมุนไพรตรงหน้า รดน้ำและจัดเรียงอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกัน ในใจของเธอก็เตรียมการสำหรับค่ำคืนนี้ต่อไป เธอจะไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงหรือคุกคามอีกต่อไป ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร
ความมืดมิดมาเยือน ความเงียบงันในค่ำคืนนี้ราวกับเป็นสัญญาณให้แผนการของเยี่ยจิงหลินเริ่มต้นขึ้น เธอยืนมองแสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า พลางกระชับถุงดอกไม้หอมในมือแน่น ใบหน้าของเธอนิ่งเฉย แต่ในดวงตากลับลุกโชนไปด้วยความมุ่งมั่น
"ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาเหยียบย่ำข้าและแม่อีกต่อไป..." เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ
เยี่ยจิงหลินไม่ใช่คนที่ยอมอดทนกับการถูกกลั่นแกล้งหรือกดขี่โดยปราศจากการตอบโต้ เธอเรียนรู้ว่าหากไม่ลงมือเสียเอง ชีวิตของเธอและแม่คงไม่มีวันปลอดภัย
ภายใต้แสงจันทร์ที่ลอยเด่น เยี่ยจิงหลินเคลื่อนไหวอย่างเงียบกริบ วิชาตัวเบาที่เธอฝึกฝนมาจากชีวิตในอดีตทำให้การเคลื่อนที่ของเธอรวดเร็วและไร้เสียง ทุกสิ่งรอบกายกลายเป็นเพียงเงาจางๆ ที่ผ่านไปในพริบตา ในที่สุดเธอก็มาหยุดอยู่หน้าประตูใหญ่ของ จวนแม่ทัพซุนเทา
จวนใหญ่แห่งนี้ยังคงปกคลุมไปด้วยบรรยากาศเย็นชาเหมือนเช่นเคย ความทรงจำในวัยเด็กผุดขึ้นในใจของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่เธอจำความได้ คนที่เรียกว่าพ่อไม่เคยมองเธอด้วยความรักเลยสักครั้ง แม่ทัพซุนเทามองเธอเหมือนไม่ใช่ลูก แต่เป็นเพียงเงาที่ไม่มีความสำคัญใดๆ เพราะแม่ของเธอเป็นเพียงสาวอุ่นเตียงยามค่ำคืน ความต้อยต่ำของแม่ถูกส่งต่อมายังตัวเธอโดยไม่ได้รับโอกาสให้พิสูจน์ตัวเอง
“ความเย็นชาและความเหยียดหยามที่เจ้าให้มา ข้าจะตอบแทนให้สาสม” เยี่ยจิงหลินคิดในใจ
ไม่รอช้า เธอเปิดถุงดอกไม้หอมแล้วโปรยกลีบดอกไม้ลงไปในสายลม กลิ่นหอมรัญจวนซึ่งถูกผสมด้วยสมุนไพรพิเศษทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นตกอยู่ในภวังค์แห่งการหลับใหล กลิ่นนั้นลอยไปทั่วทั้งจวน ทหารยามที่แข็งแกร่งร่างใหญ่เริ่มเซไปมาราวกับลมพัดแรง ก่อนจะล้มลงนอนหลับสนิทโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
จากนั้นผู้คนที่อยู่ภายในจวน ตั้งแต่สาวใช้ คนรับใช้ ไปจนถึงทหารเวรยาม ต่างก็ค่อยๆ ทยอยกันล้มตัวลงหลับใหลโดยไม่มีใครรู้ตัว เสียงหายใจสม่ำเสมอของพวกเขากลายเป็นเสียงเดียวที่ดังสะท้อนในค่ำคืนอันเงียบงัน
เยี่ยจิงหลินก้าวเท้าเข้าไปในจวนแม่ทัพอย่างเปิดเผย แววตามั่นคงและเยือกเย็น เธอรู้ว่าคืนนี้เป็นโอกาสที่เธอรอคอยมาแสนนาน จุดหมายปลายทางของเธอชัดเจน... เรือนของฮูหยินใหญ่อันเหยาเหวิน
ในความมืด เยี่ยจิงหลินเคลื่อนตัวผ่านทางเดินอันเงียบสงัดของจวน เธอไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกจับได้ เพราะทุกคนที่นี่ล้วนแล้วแต่หลับสนิท เธอก้าวผ่านบันไดไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดเล็กน้อยเมื่อเธอเหยียบ แต่ไม่มีใครได้ยิน เงาของเธอหายไปในม่านหมอกที่บางเบา สู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยความแค้นที่กำลังจะได้รับการชำระ
ค่ำคืนนี้คือคืนแห่งการชำระความแค้น และคืนที่เธอจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับตัวเธอเองและแม่...ในแบบของเธอ
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







