เข้าสู่ระบบทางด้านแม่ทัพซุนเทา ตั้งแต่คืนที่เขาสูญเสียสมบัติไปกว่าครึ่งตระกูล หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและหวาดระแวง ความพ่ายแพ้ที่ไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้เหมือนหนามที่ทิ่มแทงเกียรติยศของแม่ทัพผู้เคยยิ่งใหญ่ ความอับอายที่ต้องเผชิญหน้าเหล่าขุนนางและทหารใต้บัญชาทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับการแก้ไขความเสียหายนี้
แม่ทัพซุนเทากลายเป็นคนที่ไม่อาจหลับสนิทได้อีกต่อไป ทุกคืนเขาทำได้เพียงหลับตาเพื่อพักสายตาเท่านั้น แต่สติของเขายังคงตื่นตัว ไม่ยอมให้ตัวเองจมดิ่งเข้าสู่ความฝันที่อาจนำไปสู่การถูกโจมตีซ้ำ ความหวาดระแวงทำให้เขาสั่งเพิ่มเวรยามในจวน และเฝ้าสังเกตทุกความเคลื่อนไหวในเขตตระกูลของตัวเอง
เขาพลิกแผ่นดินหาเบาะแสคนร้าย ใบหน้าของพวกทหารและสายสืบที่กลับมามือเปล่าทำให้เขาหงุดหงิดจนแทบจะฆ่าคนทิ้งเสียให้หมด ความคับแค้นใจที่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ยิ่งทำให้เขากระวนกระวายเหมือนคนเสียสติ
แต่ใครจะคาดคิดได้ ว่าคนร้ายที่เขาตามล่าหาตัวแทบพลิกแผ่นดิน แท้จริงแล้วจะเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ ที่เขาไม่เคยนึกถึงเลยด้วยซ้ำ คนที่เป็นบุตรสาวของเขาเองจากสาวใช้ที่เขาหมางเมินและมองข้ามตั้งแต่วันที่เธอเกิดมา
เยี่ยจิงหลิน... ชื่อที่เขาแทบจะลืมไปแล้ว สตรีตัวเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะไร้พิษสง และไม่ควรมีตัวตนในสายตาของเขา แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนเร้นความสามารถและความกล้าหาญอย่างน่าเหลือเชื่อ เธอไม่เพียงแต่ลอบเข้าจวนของเขาอย่างไร้ร่องรอย แต่ยังสามารถลอบนำสมบัติของตระกูลไปได้โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
เธอ...บุตรสาวที่เขาไม่เคยใส่ใจและมองว่าไร้ค่า คือคนที่ทำให้เขาต้องพลิกชีวิตไปเช่นนี้
ความสามารถของเธอที่ไม่ธรรมดา ความเฉียบแหลมในการวางแผน และความเยือกเย็นในทุกการกระทำ ทำให้แม่ทัพผู้เคยหยิ่งทะนงอย่างเขาต้องตกตะลึง หากเขารู้ความจริงเมื่อสายไปแล้วว่า คนที่เขาควรระวังและให้ความสำคัญที่สุด...กลับเป็นคนที่เขาเหยียดหยามมาตลอดชีวิต
"กลิ่นหอมแบบนี้มัน..."
แม่ทัพซุนเทาลืมตาขึ้นทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่โชยมาในอากาศ มันเป็นกลิ่นหอมรัญจวนที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง และไม่ใช่กลิ่นที่เขาจะลืมลงได้ง่ายๆ เพราะมันคือกลิ่นเดียวกันกับในคืนนั้น...คืนที่เขาสูญเสียสมบัติของตระกูลไปกว่าครึ่ง
ดวงตาคมกริบของแม่ทัพเบิกโพลง หัวใจเต้นรัวด้วยความตกตะลึงและหวาดระแวง ร่างของเขากระตุกขึ้นจากการหลับตาเพียงเพื่อพักสายตา แม้จะไม่เคยหลับสนิท แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่ากลิ่นนี้จะกลับมาอีกครั้งในจวนของเขาเอง
"คนร้าย..." เขาพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะรีบรวบรวมพลังลมปรานขึ้นมาปกป้องตัวเองในทันที
แม่ทัพซุนเทาโคจรพลังลมปรานไหลเวียนไปทั่วร่าง ฝ่ามือกำแน่นขณะปิดกลั้นกลิ่นหอมที่ซึมลึกเข้าสู่ลมหายใจของเขา เขารู้ดีถึงอานุภาพของมันกลิ่นที่ดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติและบริสุทธิ์ แต่แฝงไปด้วยพิษสงร้ายแรงที่สามารถทำให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดหลับใหลในพริบตา
"ไม่ใช่ข้า..." เขาพูดกับตัวเองเสียงกร้าว แต่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่นั้นเหนือชั้นและชำนาญกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ในวันนั้น ก่อนที่เขาจะหมดสติและทุกสิ่งในจวนถูกลักลอบออกไป เขาเคยพยายามต้านทานกลิ่นนี้ด้วยพลังลมปรานมาแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ล้มลงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ในความมืดที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งจวน เสียงกรีดร้องของ ฮูหยินใหญ่ ยังคงดังขึ้นอย่างทุรนทุราย กลิ่นของความหวาดกลัวและความเจ็บปวดลอยไปในอากาศ ท่านแม่ทัพซุนเทาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขารู้ทันทีว่าแผนการของคนร้ายในคืนนี้ไม่ใช่เพียงแค่การขโมยสมบัติ แต่เป็นการ เล่นงาน ฮูหยินใหญ่ คนรัก ของเขา
การที่ฮูหยินใหญ่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ทำให้แม่ทัพซุนเทารู้สึกถึงความสิ้นหวังที่พัดผ่านเข้ามา เขาไม่สามารถทนเห็นผู้หญิงที่เขารักต้องเผชิญกับชะตากรรมนี้ได้ แม้ว่าจะมีทหารรับใช้และเวรยามมากมายในจวน แต่คนร้ายกลับสามารถทำให้ทุกคนหลับลึกได้จนไม่มีใครสามารถตอบสนองได้ทันเวลา
ในขณะที่เขาเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วแต่แฝงไปด้วยความแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ศัตรูรู้ตัว แม่ทัพซุนเทากลับต้องทบทวนในใจว่า โจร คนนี้ไม่เพียงแค่มีความสามารถในการฝ่าฝืนการป้องกันของเขา แต่ยังมีรสนิยมที่แปลกประหลาดและบิดเบี้ยว พวกเขาไม่ได้มีแค่เป้าหมายที่จะขโมยสมบัติหรือทรัพย์สิน แต่ยังหมายที่จะทำลายจิตใจของผู้คนในจวนอีกด้วย
ท่านแม่ทัพคิดถึงภาพของ ฮูหยินใหญ่ ที่ไม่ว่าจะตะโกนเสียงดังแค่ไหนก็ไม่สามารถเรียกร้องความช่วยเหลือได้ คนร้ายทำให้ผู้คนทั้งจวนหลับใหลราวกับเป็นหุ่นเชิด ไม่มีทหารหรือข้ารับใช้คนใดที่สามารถขัดขวางการกระทำของเขาได้ สิ่งที่เหลือเพียงแค่ ความสิ้นหวัง ในห้วงเวลาที่แย่ที่สุด
ฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน ยืนตัวสั่นสะท้านอยู่กลางห้อง ความหวาดกลัวท่วมท้นจนแทบไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ร่างกายของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นและขาอ่อนแรง นางรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายรอบตัวในขณะที่เสียง เยี่ยจิงหลิน ดังขึ้นอย่างเย็นชา ช่างเป็นเสียงที่ไม่เคยมีความเห็นใจแม้แต่น้อย
นางพยายามสะกดกลั้นความหวาดกลัว แต่ในที่สุดเสียงกรีดร้องของนางก็เงียบหายไปท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงหอบหายใจของ ฮูหยินใหญ่ ดังขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่สติของนางเริ่มหลุดลอยไปทีละนิด ความรู้สึกของความอับอายและความกลัวเข้ามาท่วมท้นในหัวใจ จนสุดท้าย ฮูหยินใหญ่ ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป
ในที่สุดร่างของนางก็เกิดการสูญเสียการควบคุม จนทำให้นางหลั่งของเหลวใส่ที่ตรงกลางระหว่างขาออกมาอย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้ นางรู้สึกถึงความต่ำต้อยและความพ่ายแพ้ที่ถาโถมเข้ามา ความสูงศักดิ์ที่นางเคยมีในฐานะภรรยาของท่านแม่ทัพซุนเทาเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าในชั่วข้ามคืน
ในช่วงเวลานั้น เยี่ยจิงหลิน ยังคงยืนเงียบอยู่ท่ามกลางความมืด สายตาของเธอจดจ้องไปที่ ฮูหยินใหญ่ ที่กำลังตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ร่างของนางไม่ต่างจากลูกนกที่ไร้ที่พึ่ง เธอไม่มีความรู้สึกใดๆ นอกจากความพอใจในผลลัพธ์ของแผนการที่เธอวางไว้อย่างรอบคอบ
"ได้โปรด… อย่าทำข้า…" ฮูหยินใหญ่พูดด้วยเสียงสั่นเครือ ขณะที่น้ำตาของนางยังคงไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะพูดขอความเมตตาแค่ไหนก็ไร้ความหมาย ความสิ้นหวังทำให้เธอไม่สามารถหาทางออกใดๆ ได้
เยี่ยจิงหลิน ยังคงยิ้มเย็นๆ ให้กับภาพตรงหน้า นางไม่สะทกสะท้านกับการทรมานและความอับอายที่ ฮูหยินใหญ่ ต้องเผชิญ นางต้องการเพียงแค่การแก้แค้นที่สมบูรณ์แบบ
ในขณะที่ เยี่ยจิงหลิน กำลังเตรียมการเพื่อจบชีวิตของ ฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวิน ด้วยความเยือกเย็นและมุ่งมั่น การแก้แค้นที่รอคอยมานานกำลังจะถึงจุดสุดท้าย แต่ในขณะนั้นเอง เสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่วทั้งห้องก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าเดรัจฉาน!" เสียงนั้นไม่ใช่เสียงที่นางคาดหวัง มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น มาพร้อมกับแรงปะทะที่รุนแรงและหนักหน่วง ราวกับสัตว์ร้ายที่ปะทุขึ้นจากความลึกสุดของป่า นั่นคือเสียงของ ท่านแม่ทัพซุนเทา ที่ปรากฏตัวออกมาจากความมืดมิด
เยี่ยจิงหลิน ไม่ทันตั้งตัว ร่างของเธอถูกพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจากแรงโจมตีที่รุนแรง ร่างเล็กของเธอลอยกระเด็นไปไกลจนกระทบกับกำแพงห้อง ทันทีที่กระแทกพื้น เธอก็ใช้มือยันพื้นเพื่อหยุดการล้มลงอย่างรุนแรง นี่คือการโจมตีที่มีพลังมหาศาลที่ส่งมาจากคนที่เธอไม่คาดคิดว่าจะมาถึงได้ในเวลานี้
ท่านแม่ทัพซุนเทา ยืนอยู่ตรงกลางห้อง ร่างสูงใหญ่ของเขายังคงมีท่าทีที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขามองไปที่ เยี่ยจิงหลิน ด้วยแววตาที่แข็งกร้าว พร้อมด้วยเสียงคำรามที่ยังคงดังก้องอยู่ในใจของเขา
"เจ้าคิดจะฆ่านางใช่ไหม?" ท่านแม่ทัพซุนเทาพูดเสียงต่ำ ราวกับคำพูดที่ออกมาจากลำคอเต็มไปด้วยแรงอัดอั้น
ในขณะที่ร่างของ เยี่ยจิงหลิน ฟื้นตัวจากการโจมตีและยืนขึ้นด้วยความรวดเร็ว ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายอย่างเต็มไปด้วยความเย็นชา
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







