เข้าสู่ระบบการโจมตีที่หนักหน่วงจาก แม่ทัพซุนเทา รุนแรงจนทำให้ เยี่ยจิงหลิน รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แทรกซึมไปทั่วร่างกาย เสียงของกระดูกและเนื้อที่กระทบกันอย่างรุนแรงแทบทำให้อวัยวะภายในของนางสั่นคลอน พลังปรานที่แม่ทัพแสดงออกมานั้นมีความร้ายกาจและน่ากลัวมากจนทำให้บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัดไปชั่วขณะ ความรุนแรงของการโจมตีนี้ไม่เพียงแต่ทำร่างกายของนางเจ็บปวด แต่ยังทำให้ใจของ เยี่ยจิงหลิน เองก็รู้สึกสะท้านไปด้วย นางไม่เคยรู้สึกถึงความอันตรายที่ขนาดนี้มาก่อน
แม้จะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของแม่ทัพเยี่ยจิงหลินก็ยังคงพยายามตั้งสติ เธอหันไปมอง ฮูหยินใหญ่ ด้วยความเคียดแค้นและยังคงมีเป้าหมายเดียวคือจัดการกับนางให้สำเร็จ ท่านแม่ทัพที่เข้ามาขัดขวางแผนของนางทำให้เธอรู้ว่าไม่สามารถทำการต่อสู้กับฮูหยินใหญ่ได้ในตอนนี้ การที่ท่านแม่ทัพมาถึงอย่างรวดเร็วทำให้การจัดการเป้าหมายของนางไม่สำเร็จ “หากเจ้ายังคงส่งมือสังหารมาทำร้ายข้าและแม่อีก ข้าสัญญาว่านั่นจะเป็นวันสุดท้ายที่เจ้ามีลมหายใจ” เยี่ยจิงหลินพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชังที่เจือปนอยู่ในนั้น คำพูดของนางสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางความต้องการของตน
พูดจบ เยี่ยจิงหลิน ก็พยายามใช้โอกาสนี้หลบหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยความรวดเร็ว ร่างของนางเคลื่อนไหวดั่งสายลม ฝีเท้าที่เร็วและชำนาญทำให้ ท่านแม่ทัพซุนเทา ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ แม้แต่ตัวเขาเองที่มีความเร็วในการเคลื่อนไหวไม่ธรรมดาก็ยังตามนางไปได้ลำบาก ท่านแม่ทัพซุนเทาที่เคยชินกับการไล่ล่าคู่ต่อสู้ในสนามรบกลับพบว่าตัวเองต้องวิ่งตามหญิงสาวคนนี้จนกระทั่งไปถึงลานกว้างของจวน
ในที่สุดเมื่อท่านแม่ทัพซุนเทาเข้าไปถึง เขาก็หยุดและถามอย่างโกรธแค้น “เจ้าเดรัจฉานตนนี้ เจ้าคือใครกัน ถึงกล้ามาขโมยทรัพย์สมบัติของข้า แล้วยังกล้ามาทำร้ายสตรีคนรักของข้าอีก?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดุดันและความโกรธแค้นไม่อาจซ่อนเร้น ความรุนแรงในคำพูดสะท้อนถึงการต่อสู้ที่ยังค้างคาอยู่ภายในใจของเขา ท่านแม่ทัพยังคงตระหนักว่าไม่เพียงแต่เป็นโจรที่แฝงตัวมา แต่ เยี่ยจิงหลิน เป็นหญิงสาวที่ท้าทายและมีความสามารถสูง
ในตอนนั้นเมื่อท่านแม่ทัพพูดจบ เขาก็ไม่รอช้า จึงเริ่มโจมตีนางอย่างรวดเร็ว ท่านแม่ทัพซุนเทาใช้ทุกท่วงท่าที่เต็มไปด้วยพลังปรานสูงส่ง หวังจะจบเกมการต่อสู้ครั้งนี้ให้เร็วที่สุด แต่เยี่ยจิงหลินกลับหลบหลีกได้ทุกการโจมตีที่เขาส่งมา การเคลื่อนไหวของนางนั้นรวดเร็วและเต็มไปด้วยความชำนาญเกินคาด ท่านแม่ทัพซุนเทาไม่เคยรู้สึกถึงความยากลำบากในการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน
สายตาของท่านแม่ทัพจ้องไปที่นางด้วยความตื่นตะลึง เขามองไปที่ เยี่ยจิงหลิน ด้วยความประหลาดใจ ในที่สุดเขาก็เริ่มตระหนักได้ว่า การโจมตีที่เขาส่งไปไม่สามารถทำลายจอมโจรสาวคนนี้ได้ง่ายๆ เพราะพลังปรานของเขาเริ่มอ่อนแรงลงจากความเครียดที่สะสมในใจของเขาเอง ความดุดันที่เคยมีในการโจมตีครั้งแรกเริ่มหดหายไป แต่สิ่งที่เขากังวลยิ่งกว่าคือการสบตาของเขากับนาง
การสบตาของเยี่ยจิงหลินเต็มไปด้วยความรังเกียจ แต่ในนั้นกลับมีบางสิ่งที่ท่านแม่ทัพซุนเทารู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้ แต่ท่านแม่ทัพไม่สามารถโจมตีนางได้อีกต่อไป จิตใจของเขาเริ่มอ่อนแรงลง และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมการโจมตีของเขาถึงไม่สามารถทำลายเยี่ยจิงหลินได้
ในตอนนั้นการโจมตีของเขาค่อยๆ อ่อนลงจากความรุนแรงที่เคยมี ท่านแม่ทัพซุนเทาเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถจัดการกับจอมโจรสาวผู้นี้ได้ แม้เขาจะพยายามมองเข้าไปในดวงตาของนางผ่านหน้ากาก ความสงสัยและความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำให้การโจมตีของเขายิ่งอ่อนแอลงไปทุกที
เยี่ยจิงหลินเคลื่อนไหวเร็วราวกับเงา ลัดเลาะหลบผ่านช่องว่างของท่านแม่ทัพซุนเทาไปอย่างเงียบเชียบ ท่านแม่ทัพเพียงแค่จ้องมองแผ่นหลังของนางที่หายไปในความมืด โดยไม่ทันได้ไล่ตาม หรือกระทำการใดๆ ตามแรงกระตุ้น เขาคิดเพียงแต่ความสงสัยที่เต็มไปในใจว่าใครกันที่กล้ามาท้าทายเขาในคืนนี้ และเหตุใดเขาจึงจัดการนางไม่ลง
ท่านแม่ทัพซุนเทายังคงยืนนิ่งอยู่ในที่เดิม ร่างสูงของเขายังคงตั้งตรง ฝ่ามือที่เคยซัดร่างของเยี่ยจิงหลินด้วยพลังมหาศาล กลับรู้สึกถึงความสั่นสะท้านที่แปลกประหลาด รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นปกติ ขณะที่เขาจ้องมองฝ่ามือของตัวเองที่เต็มไปด้วยความสั่นและความผิดปกติ ราวกับว่ามันมีบางอย่างที่ทำให้เขาสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น
พลังปรานที่ออกจากฝ่ามือนั้นย่อมต้องทำให้จอมโจรสาวคนนั้นได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกถึงความสั่นไหวในมือของตัวเองได้? ท่านแม่ทัพยังคงทบทวนเหตุการณ์ในหัวอย่างไม่รู้จบ ใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจ เหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกผิดเข้าครอบงำจนเขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในภาวะสับสน
ความสั่นสะท้านในมือของเขาไม่ใช่เพียงแค่ความเหนื่อยล้าจากการใช้พลัง แต่เป็นเหมือนสิ่งที่มาจากภายในร่างกายของเขาเอง ท่านแม่ทัพกำมือแน่น รู้สึกถึงความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถอธิบายได้
ท่านแม่ทัพยืนนิ่งอยู่ในที่เดิม ร่างสูงของเขาขยับเล็กน้อยในขณะที่คำพูดของเยี่ยจิงหลินยังคงดังก้องอยู่ในหู "ถ้ายังส่งคนมารังแกข้าและแม่อีก..." คำพูดนี้ทำให้ท่านแม่ทัพเริ่มคาดเดาได้อย่างชัดเจนว่าจอมโจรสาวคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับเขา
ท่านแม่ทัพมองฮูหยินใหญ่ อันเหยาเหวินด้วยความอ่อนโยนและกังวลใจ น้ำเสียงของนางที่สั่นเครือบ่งบอกถึงความกลัวที่ลึกซึ้งในใจของนาง แม่ทัพก้มลงโอบกอดนางอย่างแนบแน่น พยายามปลอบใจนางให้สงบลง แต่คำถามที่ติดค้างในใจของเขาไม่ได้ถูกคลี่คลายไปจากท่าทีของฮูหยินใหญ่
"อันเหยาเหวิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" เสียงของท่านแม่ทัพเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แม้ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเครียดเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะปฏิบัติต่อนางด้วยความรักและห่วงใย
ฮูหยินใหญ่ยังคงตกใจและสั่นเทา เมื่อได้ยินคำถามของท่านแม่ทัพ นางไม่สามารถหักห้ามความกลัวในใจได้ น้ำเสียงของนางตอบกลับมาเหมือนเสียงสะอื้นจากความกลัวที่สะสมอยู่ลึกในใจของนาง
"ท่านพี่...น้องกลัวเหลือเกิน...น้องกลัวว่ามันจะกลับมาทำร้ายน้องอีก..." นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความหวาดกลัวสุดขีด ใบหน้าของนางซีดเซียวและสายตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ท่าทีที่สูงส่งของนางในตอนนี้หายไปหมดสิ้น เหลือเพียงแค่ความหวาดกลัวที่ทำให้นางดูเหมือนคนเสียสติไป
ท่านแม่ทัพก้มลงใกล้ๆ นางและค่อยๆ ปลอบโยนนางด้วยเสียงที่อ่อนโยน
"เจ้าจะปลอดภัย...อย่าเพิ่งคิดมากไป" แต่แม้จะพูดเช่นนั้น ท่านแม่ทัพยังคงรู้สึกถึงความไม่สงบในใจตัวเอง เพราะสิ่งที่เขากำลังได้ยินและได้เห็นทำให้เกิดคำถามในใจของเขา
"แท้จริงแล้ว...เจ้าใช้คนของข้าไปจัดการใครกันแน่?" น้ำเสียงของท่านแม่ทัพแข็งขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ท่านพยายามหาคำตอบจากนาง นี่เป็นคำถามที่เขาต้องการคำตอบอย่างชัดเจน เขาไม่ต้องการคำโกหก
ฮูหยินใหญ่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาเสียงสั่นคลอน
"ข้าแค่...สั่งให้ทหารชั้นเลวไปจัดการซูหลินแล้วก็ลูกของมันเอง..." เสียงของนางยังคงสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว แต่ในนั้นยังมีความโกรธแค้นแฝงอยู่ด้วย ซูหลินคือสาวอุ่นเตียงของท่านแม่ทัพซุนเทา และเยี่ยจิงหลินคือผลผลิตของความสัมพันธ์นั้น สตรีที่นางมองเป็นศัตรูในหัวใจและต้องการจัดการให้หมดสิ้น
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







