เข้าสู่ระบบบรรยากาศของตลาดในเช้าวันนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้คนเดินไปมาอย่างเร่งรีบ แต่เมื่อแม่ทัพซุนเทาก้าวเข้าสู่ตลาด เขากลับดูสง่างามราวกับผู้ที่ไม่เหมาะจะอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยชุดที่เรียบง่ายแต่กลับดูแพงและสง่างาม ร่างกายที่แข็งแกร่งและท่าทางที่ดูมีอำนาจทำให้เขาดูโดดเด่นในทุกที่ที่เขาไป
เขายังคงเดินอย่างใจเย็น คอยสังเกตท้องตลาดและผู้คนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสียงชวนขบขันและการต่อรองราคาแทบจะไม่กระทบความสงบในท่าทางของเขา แม้แต่ใบหน้าที่แสดงความมั่นใจในตัวเอง ก็ยังคงความหล่อเหลาและเรียบง่ายอย่างมีเสน่ห์ แต่ในขณะที่เขากำลังเดินไปตามถนน เขาก็ชนเข้ากับสตรีคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนทางมา และนั่นนางก็คือเป้าหมายของเขาเอง
แม่ทัพซุนเทาทันทำทีรีบขอโทษด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ขออภัยข้าไม่ได้ตั้งใจ"
“ท่านแม่ทัพซุนเทา อย่างงั้นเหรอ ข้าคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอท่านในสถานที่แห่งนี้” ฮูหยินชิงซูหยา พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนอ่อนโยน คล้ายกับสายลมเย็นที่พัดผ่าน ท่ามกลางความคึกคักของตลาด ช่างดูอบอุ่นและสงบอย่างยิ่ง
แม่ทัพซุนเทาทำทีแสดงสีหน้าที่เศร้าหมองเล็กน้อย ดวงตาของเขาหม่นลงเหมือนสะท้อนถึงความอ่อนแอที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ภาพลักษณ์ของความแข็งแกร่ง "ตั้งแต่ที่คนรักข้าตายจากไป จิตใจของข้านั้นมันก็ไม่สงบเลย" เขาพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับผู้คนรอบตัวไม่อาจได้ยินความเจ็บปวดในเสียงนั้น "เห็นเขาว่าที่นี่มีร้านน้ำชาที่มีชื่อแห่งหนึ่ง ข้าหวังว่ามันจะเยียวยาจิตใจของข้าได้บ้าง..."
ฮูหยินชิงซูหยาเงียบไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มบางๆ ดวงตาของนางส่องประกายวาววับขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่ทัพ... ถ้าท่านไม่รังเกียจ ข้าขอเชิญท่านไปดื่มชาเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและไม่คิดอะไรนอกจากมิตรภาพในขณะนี้ ขณะที่มีคนรับใช้ติดตามมาด้วย
แม่ทัพซุนเทาทำท่าทางลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็พยักหน้า รับคำเชิญนั้น "อืม... ขอบคุณฮูหยิน ข้าจะไม่รังเกียจเลย" เสียงของเขาดูเศร้าและเต็มไปด้วยความอ่อนแอที่เขาพยายามจะซ่อนอยู่ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นในสายตาของฮูหยินชิงซูหยา
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปในบรรยากาศที่สงบ ความสงบในขณะที่ทั้งสองคนไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่มีผู้คนมากมายในตลาดที่ยังคงเดินผ่านไปมา
เมื่อทั้งสองถึงร้านน้ำชาแล้ว บรรยากาศภายในร้านเงียบสงบและอบอุ่น พร้อมด้วยกลิ่นหอมของใบชาและความเย็นสบายที่มาจากลมพัดผ่านหน้าต่าง ฮูหยินชิงซูหยา นั่งลงข้างท่านแม่ทัพซุนเทาอย่างอ่อนโยน และทันทีที่ท่านแม่ทัพหยิบถ้วยชาขึ้นดื่ม เขาก็ทำท่าทางลังเลเล็กน้อย ราวกับไม่คุ้นเคยกับการชิมชาเช่นนี้
ฮูหยินชิงซูหยา เห็นดังนั้นก็ยิ้มบางๆ ด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะยกมือขึ้นชี้แนะเขา "ท่านแม่ทัพ… ชาอันนี้ควรจะดื่มช้าๆ และสูดกลิ่นของชาให้เต็มที่ก่อน ท่านจะได้สัมผัสความหอมและรสชาติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
ท่านแม่ทัพซุนเทายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและยกถ้วยชาอีกครั้ง คราวนี้เขาดื่มชาด้วยวิธีที่นางแนะนำและเริ่มสัมผัสรสชาติที่แตกต่างออกไป รสชาตินั้นลึกซึ้งและสดชื่น ท่านแม่ทัพวางถ้วยชาลงแล้วพูดออกมาอย่างประทับใจ "ท่านฮูหยิน ชาข้อนี้ช่างหอมและมีรสชาติที่ลึกซึ้งจริงๆ ท่านเป็นผู้ที่มีความรอบรู้และอ่อนโยนมาก ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าชาแค่หนึ่งถ้วยจะสามารถให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งได้ขนาดนี้"
ฮูหยินชิงซูหยา ยิ้มอย่างนุ่มนวลและยกมือขึ้นค้ำถ้วยชาเบาๆ ท่าทางของนางแสดงออกถึงความอ่อนโยนที่ยากจะหาใครเทียบเคียง "ข้าเพียงแค่ชอบดื่มชาและเรียนรู้วิธีการชิมมันให้ดีขึ้นเท่านั้น ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ให้เกียรติข้าด้วยคำชม" นางกล่าวพร้อมยิ้มอีกครั้ง ท่านแม่ทัพซุนเทาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย รู้สึกถึงความพิเศษบางอย่างในตัวของฮูหยินชิงซูหยา ที่ทำให้เขารู้สึกดึงดูดใจมากขึ้นกว่าเดิม
"ข้าล่ะอิจฉาแม่ทัพไป่เฉิน ที่มีสตรีเช่นท่านอยู่ข้างกาย" เสียงของท่านแม่ทัพซุนเทาดังขึ้น แต่สำหรับฮูหยิน ชิงซูหยา เธอได้แสดงสีหน้าที่เศร้าสร้อยออกมาเพียงแค่ได้ยินคำพูดนั้น ราวกับโลกทั้งใบกำลังหมุนวนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีที่ยืนให้เธอ
"ถ้าหากข้าดีจริง... เขาคงมีข้าเพียงคนเดียว และไม่ปล่อยให้ข้ารู้สึกเปลี่ยวเหงาเช่นนี้" คำพูดนั้นเหมือนรอยแผลในใจที่ลึกเกินจะรักษา เธอรู้สึกเหมือนว่าความรักที่เคยมีทั้งหมดนั้นมันถูกแบ่งไปแล้ว และตอนนี้เธอเหลือเพียงความหวังที่กำลังจะมลายหายไปในอากาศ
แม่ทัพซุนเทาจึงถือโอกาสนี้จับมือของฮูหยินชิงซูหยาด้วยความอ่อนโยนราวกับว่าไม่มีอะไรที่สามารถขัดขวางเขาได้แล้วในตอนนี้
"ถ้าหากเป็นไปได้ ข้าอยากที่จะเป็นผู้เยียวยาหัวใจของท่านเหลือเกิน" เสียงของเขานุ่มนวลและแฝงไปด้วยความจริงใจที่ดูเหมือนจะท่วมท้นจากความเจ็บปวดในใจ "เราทั้งคู่มาเจอกันวันนี้เสมือนฟ้าดินลิขิต" คำพูดที่ออกมาอย่างตั้งใจราวกับจะเป็นบทเพลงแห่งโชคชะตาที่ถูกขับขานโดยไม่รู้ตัว
แม่ทัพซุนเทาหยอดคำหวานมากมาย เขาฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีก่อนที่จะมาพบนาง "ท่านเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ถึงเพียงนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องให้คำตอบกับข้าก็ได้... แต่ได้โปรด... ได้โปรดให้ชายผู้มีหัวใจสุดแสนจะบอบช้ำคนนี้ดูแลท่านสักครั้ง" คำพูดที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความทุ่มเท ทำให้หัวใจของนางเริ่มสั่นไหวอย่างไม่ทันตั้งตัว
"นี่คือของขวัญสำหรับมิตรภาพของเรา" แม่ทัพซุนเทากล่าว น้ำเสียงแฝงไปด้วยความอบอุ่น ขณะหยิบปิ่นปักผมชิ้นหนึ่งขึ้นมา แม่ทัพซุนเทากล่าวต่อว่า "ข้าเพิ่งซื้อมันมา" เขาพูดออกมาอย่างแผ่วเบา แต่ในขณะเดียวกันก็มองเห็นแววตาที่เคลือบแฝงอยู่ในนั้น ดวงตาของฮูหยิน ชิงซูหยา เหลือบมองไปที่ปิ่นปักผมในมือของเขาทันที นางเป็นสตรีผู้มีรสนิยมสูง จึงทราบดีว่าปิ่นปักผมที่แม่ทัพซุนเทาให้มานั้นทำจากหยกชั้นดีและมีคุณค่าเพียงใด นางจ้องมองไปที่หยกที่ถูกตัดแต่งให้สวยงามอย่างประณีต ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มอย่างมีความหมาย ก่อนที่จะยื่นมือรับมันไปจากมือของแม่ทัพซุนเทาด้วยความยินดี
"ขอบคุณท่านมาก" น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ลึกซึ้ง แม้ว่าท่าทางจะดูเรียบง่าย แต่ในหัวใจของนางนั้นกลับมีความซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่ แค่การได้เห็นปิ่นปักผมชิ้นนี้ก็ทำให้รู้สึกถึงความใส่ใจและความคิดถึงจากแม่ทัพซุนเทาอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
แม่ทัพซุนเทาแอบยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ขณะนั่งมองฮูหยิน ชิงซูหยา ที่กำลังรับปิ่นปักผมที่เขามอบให้ ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ ความรู้สึกที่ปรากฏบนใบหน้าของเขานั้นราวกับการซ่อนแผนการที่ลึกซึ้ง เขารู้ดีว่าสตรีในโลกนี้มักจะตกหลุมพรางของสิ่งที่ดูมีค่า และปิ่นปักผมนี้เองก็มีค่ามากเกินกว่าที่มันจะเป็นแค่ของขวัญ
แท้จริงแล้ว ปิ่นปักผมชิ้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาเพิ่งไปหามาให้กับฮูหยิน ชิงซูหยา แต่มันคือปิ่นปักผมของภรรยาสุดที่รักของเขาที่พึ่งตายจากไปถึงแม้ว่าตัวของนางนั้นจะเคยแอบทำเรื่องชั่วๆลับหลังเขาเอาไว้มากมายแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ารสนิยมของนางชั่วผู้นี้สูงเป็นอย่างมากตลอดที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเขาหมดเงินไปกับสิ่งของที่ไร้สาระของนางไม่ใช่น้อยๆเลย
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







