เข้าสู่ระบบแม่ทัพซุนเทาเป็นดั่งสายลมที่พัดพาความอบอุ่นเข้ามาในชีวิตของฮูหยินชิงซูหยา ความอ่อนโยนที่เขามอบให้ ความใส่ใจที่ไม่เคยได้รับจากแม่ทัพไป่เฉิน ทำให้นางเริ่มหลงใหลโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าตัวของนางต้องการสิ่งใด เพียงแค่เอ่ยปาก เขาก็จะหาให้โดยไม่รีรอ ของล้ำค่าจากแดนไกล อาภรณ์งดงาม หรือแม้แต่ถ้อยคำปลอบประโลมที่ทำให้นางรู้สึกเป็นที่รัก
ทุกครั้งที่พบเจอ แม่ทัพซุนเทามักจะทอดสายตามองนางด้วยความอ่อนโยน ราวกับว่านางเป็นสตรีเพียงผู้เดียวในโลก นางแทบไม่อยากเชื่อว่าบุรุษผู้แข็งแกร่งและเย็นชาในสายตาผู้อื่น กลับสามารถทำให้นางรู้สึกเสมือนเป็นหญิงสาวที่ถูกทะนุถนอมที่สุดในใต้หล้า ทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน หัวใจของนางเต้นแรงราวกับสาวแรกรุ่น
ไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้น นางเริ่มรู้สึกล่องลอยราวกับได้ขึ้นสวรรค์ ได้สัมผัสความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับมาก่อน แม้แต่แม่ทัพไป่เฉิน ชายที่นางเคยคิดว่ารักสุดหัวใจ ก็ยังไม่เคยเอาอกเอาใจนางถึงเพียงนี้
แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ... ทุกสัมผัสอ่อนโยน ทุกคำพูดแสนหวานที่แม่ทัพซุนเทามอบให้นั้น ไม่ได้เกิดจากความรัก หากแต่เป็นเพียงหมากหนึ่งในเกมอันโหดเหี้ยมของเขาเท่านั้นเอง…
แม่ทัพซุนเทายิ้มบาง ดวงตาลุ่มลึกฉายแววร้อนแรงและเจ้าเล่ห์ ราวกับนักล่าที่กำลังจะได้ขย้ำเหยื่อที่ติดกับดักโดยสมบูรณ์ มือแกร่งของเขากุมมือนางแน่นขึ้น ลูบไล้ปลายนิ้วอย่างแผ่วเบา แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง
"หยาเอ๋อร์ เจ้าช่างเป็นดั่งดวงจันทร์ที่ส่องสว่างกลางใจข้า หากไม่มีเจ้า ข้าคงหลงทางอยู่ในความมืดมิดไปตลอดกาล" น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยแรงดึงดูดที่ยากจะต้านทาน
ฮูหยินชิงซูหยา หน้าแดงซ่าน หัวใจเต้นแรงดุจเสียงกลองศึก คำพูดของแม่ทัพซุนเทาช่างอบอุ่นเสียจนหลอมละลายกำแพงในใจของนางจนหมดสิ้น นางสบตาเขาอย่างหวั่นไหว ก่อนจะพยักหน้าอย่างแผ่วเบา มือเรียวบางกำแน่นที่มือของเขา เสมือนจะบอกว่าหัวใจของนาง ได้ตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว
สายลมอ่อนโยนพัดผ่านศาลาริมน้ำแห่งนี้ แต่ภายใต้ความเงียบสงบกลับซ่อนเร้นแรงปรารถนาและกลอุบายอันแยบยลของบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้…
ริมฝีปากร้อนของแม่ทัพซุนเทาประกบลงบนริมฝีปากนุ่มของฮูหยินชิงซูหยาอย่างแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่สะสมมานาน นางตัวสั่นไหวในอ้อมแขนของเขา ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง น้อมรับจุมพิตนั้นด้วยความเต็มใจ
รสจูบของแม่ทัพซุนเทาทั้งลุ่มลึกและดุดัน ไม่ใช่เพียงเพราะความต้องการ หากแต่เป็นรสชาติของชัยชนะที่เขากำลังลิ้มลอง หญิงงามที่เคยอยู่เคียงข้างศัตรู บัดนี้กำลังหลอมละลายในอ้อมแขนของเขาอย่างหมดสิ้น
ฮูหยินชิงซูหยาไม่อาจต้านทานความรู้สึกที่ถูกปลุกเร้า นางปล่อยตัวเองให้จมดิ่งลงไปในความอบอุ่นที่เขามอบให้ ราวกับสตรีที่กำลังตกอยู่ในห้วงความฝัน หารู้ไม่ว่าฝันหวานนี้อาจกลายเป็นกับดักที่นางไม่อาจหลีกหนีได้อีกต่อไป…
แสงแดดอ่อน ๆ ของยามสายทอดผ่านม่านไม้ไผ่ ศาลาริมน้ำถูกปกคลุมด้วยไออุ่นจากแสงอาทิตย์ สายลมแผ่วเบาพัดเอากลิ่นหอมของดอกบัวจากสระน้ำมาแตะปลายจมูก บรรยากาศชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย หากแต่ภายในศาลา กลับอบอวลไปด้วยความร้อนแรงของบุรุษและสตรีคู่หนึ่ง
แม่ทัพซุนเทาค่อย ๆ เลื่อนฝ่ามือไปตามเรือนร่างของฮูหยินชิงซูหยา นางทอดกายอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเต็มใจ เปลือกตาของนางสั่นระริก ก่อนจะหลุบลงต่ำด้วยความเคลิบเคลิ้ม ดวงหน้าของนางแดงระเรื่อราวกับดอกเหมยต้องแสงอาทิตย์
เสียงหอบหายใจแผ่วเบาดังสอดประสานไปกับเสียงน้ำกระเพื่อมเบื้องล่าง สองร่างแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่าง สัมผัสของกันและกันกำลังจารึกเรื่องราวแห่งความลุ่มหลง ที่ไม่มีวันหวนกลับเป็นเช่นเดิม…
"ฮูหยินชิงซูหยา เจ้ารู้ไหมว่าข้านั้นรักเจ้ามาก ถ้าหากชีวิตของข้าไม่มีเจ้าอยู่ด้วย ข้าก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตได้ต่อไปอย่างใดดี" น้ำเสียงของแม่ทัพซุนเทาอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยแรงปรารถนา นางรับรู้ถึงอ้อมแขนอันแข็งแกร่งที่โอบรัดตนเองไว้แน่น ราวกับจะไม่ยอมให้นางหลุดพ้นไปจากเขา
"ข้าอยากให้เจ้ามาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับข้า ไม่ใช่แอบๆ ซ่อนๆ เช่นนี้" เสียงของเขาเงียบลง ก่อนที่ดวงตาคมปลาบจะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของนาง
ฮูหยินชิงซูหยาหลุบตาลง หัวใจของนางสั่นไหว นางรับรู้ได้ว่าตัวเองถลำลึกลงไปในความสัมพันธ์นี้จนยากจะถอนตัวเสียแล้ว นางสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ข้าเองก็หลงรักท่านมากเช่นกัน..." ดวงตาของนางสั่นระริก มือเรียวบางกำผ้าคลุมไหล่ของตนเองแน่น "แต่ตัวท่านก็รู้ว่าข้ามีเจ้าของแล้ว"
น้ำเสียงของนางสั่นเครือ นางอยากปลดปล่อยหัวใจ อยากตอบรับความรู้สึกของเขาอย่างหมดใจ ทว่ากำแพงของศีลธรรมยังคงตรึงนางไว้ไม่ให้ก้าวข้ามไป
แม่ทัพซุนเทายกมือขึ้นประคองใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน หัวใจของเขาพลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา แต่เบื้องหลังแววตาหวานซึ้งนั้นกลับมีเงามืดซ่อนอยู่
"ไม่ พวกเรายังมีโอกาส..." เสียงของเขาต่ำลึก ราวกับคำเชิญชวนจากปีศาจในร่างบุรุษรูปงาม "ของเพียงแค่เจ้ายินดีช่วยเหลือข้า พวกเราก็จะได้ใช้ชีวิตด้วยกันสมดั่งใจ"
มือหนาเลื่อนลงกุมมือนางแน่น ราวกับต้องการพันธนาการนางไว้ให้แนบแน่นขึ้น
ฮูหยินชิงซูหยาชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาของนางสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด นางรู้ว่าคำว่า ช่วยเหลือ ของเขานั้นหมายถึงสิ่งใด ทว่าหัวใจของนางกลับมิได้ต่อต้าน
แม่ทัพซุนเทาค่อยๆ โน้มตัวเข้าใกล้นาง กระซิบข้างหูนางด้วยน้ำเสียงแฝงเลศนัย
"เพียงแค่เจ้าตกลง ทุกอย่างจะเป็นของเรา"
แววตาของเขาฉายประกายเย็นเยียบ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาดูอ่อนโยน หากแต่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายที่แท้จริง
และดูเหมือนว่าทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว... เพราะนางหลงรักเขาเข้าจริงๆ
ฮูหยินชิงซูหยาลอบพบแม่ทัพซุนเทาอยู่บ่อยครั้ง จากที่เคยเป็นเพียงความลุ่มหลงชั่วครู่ บัดนี้มันได้แปรเปลี่ยนเป็นความผูกพันที่ยากจะตัดขาด ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา หัวใจของนางเต้นแรงราวกับหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักความรักเป็นครั้งแรก
จากที่เคยรู้สึกผิดที่นอกใจแม่ทัพไป่เฉิน เวลานี้กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกผิดนั้นจางหายไป นางค่อยๆ เอนเอียงไปหาแม่ทัพซุนเทาอย่างง่ายดาย ภายใต้การเอาอกเอาใจของบุรุษผู้มากไปด้วยเสน่ห์และคารมอันแสนหวาน นางแทบไม่เหลือความลังเลอีกต่อไป
ในค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่นางนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวที่เรือนพักของตนเอง นางลูบไล้ปิ่นปักผมหยกที่แม่ทัพซุนเทามอบให้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคิดคำนึง หากนางสามารถเป็นฮูหยินของตระกูลซุนได้ นางก็คงได้รับความรักและความใส่ใจที่นางโหยหามาตลอด
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







