เข้าสู่ระบบซุนฮ่าวนั่งอยู่ภายในรถม้าหรูหราที่ถูกล้อมรอบด้วยผู้ติดตามของเขา เมื่อล้อรถม้าหยุดลงเบื้องหน้าจวนแห่งหนึ่ง สายตาของเขาก็ทอดมองออกไป พลันดวงตาทั้งคู่ก็หรี่ลงพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
"นี่หรือ...จวนของเยี่ยจิงหลิน?"
ภาพเบื้องหน้าทำให้ซุนฮ่าวแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จวนหลังนี้ช่างโอ่อ่า หรูหรา และเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่เกินกว่าจวนของตระกูลซุนที่เขาอาศัยอยู่เสียอีก!
กำแพงสูงตระหง่านล้อมรอบ ตัวอาคารภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ศาลากลางน้ำเชื่อมถึงกันเป็นเส้นทางทอดยาว สวนหย่อมที่ถูกจัดไว้อย่างปราณีตส่งกลิ่นหอมจากดอกไม้นานาพันธุ์ เสียงน้ำจากน้ำตกจำลองทำให้บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความสงบแต่ก็แฝงไปด้วยความสง่างาม ซุนฮ่าวกำมือแน่น หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
"เป็นไปได้อย่างไร...ภายในเวลาเพียงเดือนเดียว สตรีผู้นี้กลับสามารถสร้างสถานที่เช่นนี้ขึ้นมาได้ นางมีทรัพย์สมบัติมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ?"
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหน้า
เยี่ยจิงหลินปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเหล่าผู้ติดตามของนาง นางอยู่ในอาภรณ์สีดำขลับปักดิ้นทอง ยิ่งทำให้ร่างของนางแลดูสูงส่งและน่าเกรงขามขึ้นไปอีก นางก้าวเดินอย่างสง่างามตรงมายังหน้าประตูโดยที่ไม่มีความหวั่นเกรงใดๆ
สายตาของซุนฮ่าวสบเข้ากับดวงตาเย็นเยียบของนาง หัวใจของเขาสะดุดไปชั่วขณะหนึ่ง นางไม่ใช่สตรีธรรมดาที่เคยอยู่ในตระกูลซุนอีกต่อไปแล้ว...
เยี่ยจิงหลินหยุดยืนตรงหน้าเขา นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนือกว่า
"พี่ชาย...เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด?" นางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเรียบเฉยแต่กลับแฝงไปด้วยอำนาจ
ซุนฮ่าวรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เขายิ้มบางๆ พยายามกลบเกลื่อนอารมณ์ของตัวเอง "ข้ามาเยี่ยมเยียนน้องสาวของข้า นานแล้วที่เราไม่ได้พบกัน... พี่ชายย่อมเป็นห่วงเจ้า"
เยี่ยจิงหลินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน "ห่วงข้า? หรือว่าเจ้ามาเพื่อสืบข่าวกันแน่?"
ซุนฮ่าวสะอึกไปชั่วขณะ แต่เขาก็รีบเก็บอาการ "น้องพี่ ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่าเจ้าสบายดีหรือไม่ เจ้าจากไปโดยไม่เหลียวแลตระกูลซุนอีกเลย เช่นนั้นข้าย่อมต้องสงสัยเป็นธรรมดา"
เยี่ยจิงหลินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ นางยกมือขึ้นชี้ไปรอบๆ "เป็นอย่างที่เจ้าเห็น ข้ามิได้ลำบาก และมิได้ขัดสน"
ซุนฮ่าวมองรอบตัวอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายนางล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาปรารถนา
"นางกำลังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ..."
ความอิจฉาริษยาผสมผสานกับความหวาดหวั่นในใจของซุนฮ่าว เขาพยายามควบคุมสีหน้าของตัวเอง ก่อนจะยิ้มให้กับนาง "หากเจ้าไม่ลำบาก เช่นนั้นพี่ก็คงวางใจได้แล้ว..."
เยี่ยจิงหลินมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเฉยชา "หากเจ้ามาเพียงเพื่อกล่าวคำเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้ากลับไปได้แล้ว ข้ามิได้ต้องการคำพูดจอมปลอมของเจ้า"
ซุนฮ่าวกัดฟันแน่น แต่สุดท้ายเขาก็เพียงแค่ยิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า "เช่นนั้นข้าจะไม่รบกวนเจ้าอีก"
เขาหันหลังกลับขึ้นรถม้าของตน ก่อนจะออกคำสั่งให้เคลื่อนตัวออกจากจวนของนาง ขณะที่รถม้าค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไป ความโกรธแค้นและอิจฉาริษยาก็เพิ่มมากขึ้นในหัวใจของเขา
"อ๊ากกกกก!! ไอ้บัดซบ! ไอ้บัดซบ!!"
มือของเขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด ความอิจฉาที่กัดกินหัวใจของเขานั้นปะทุออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
"ทำไม! ทำไมลูกของสาวใช้เช่นนางถึงดูยิ่งใหญ่และสูงส่งกว่าข้า?! ข้าที่เป็นบุตรสายตรง ข้าที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ ข้าที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลซุน! ทำไมนางถึงได้ทุกอย่างไปครอบครอง!?"
ภายในรถม้าเต็มไปด้วยความอึมครึม บ่าวรับใช้ที่อยู่รอบตัวต่างตัวสั่นงันงกไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย พวกเขารู้ดีว่าตอนนี้ซุนฮ่าวกำลังเดือดดาลเพียงใด หากเผลอไปขัดขวางแม้แต่นิดเดียว บางทีพวกเขาอาจไม่มีชีวิตรอดกลับออกไปจากรถม้านี้เลยก็ได้
ซุนฮ่าวหอบหายใจหนักหน่วง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านจากอารมณ์ที่พวยพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาที่แดงฉานเต็มไปด้วยความอาฆาต
"เยี่ยจิงหลิน...ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดต่อไป!"
แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายอย่างถึงขีดสุด ในสมองของเขาคิดหาหนทางกำจัดสตรีผู้นั้นให้หมดสิ้นไปจากโลกใบนี้
"ขอเพียงข้าดับลมหายใจของนางได้... ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตกเป็นของข้า! จวนหลังนั้น...ทรัพย์สมบัติของนาง...อำนาจของนาง...แม้แต่ลูกสมุนของนางก็ต้องเป็นของข้า!"รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา มือของเขากำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ฝ่ามือเต็มไปด้วยโลหิต แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งความกระหายเลือดของเขาได้
"ข้าจะต้องหาทางทำให้นางพินาศ! ข้าจะต้องหาทางฉีกกระชากศักดิ์ศรีของนางให้แหลกละเอียด!"เสียงหัวเราะของเขาดังลั่นไปทั่วทั้งรถม้า เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความวิปลาสและชั่วร้าย จนแม้แต่บ่าวรับใช้ที่อยู่รอบกายยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ซุนฮ่าวในยามนี้...มิใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นปีศาจที่ถูกครอบงำด้วยความโลภและความอิจฉาริษยาโดยสมบูรณ์!
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น อิจฉาริษยา และความไม่ยินยอมพร้อมใจ ความคับแค้นที่สุมอยู่ในอกของซุนฮ่าวพลุ่งพล่านราวกับเปลวเพลิงที่เผาผลาญจนแทบจะเผาทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ลูกน้องของเยี่ยจิงหลินที่ยืนอยู่ภายในลานกว้างของจวนต่างพากันปรายตามองไปทางต้นเสียงก่อนจะหัวเราะเยาะเบาๆ
"เหอะ! คงเป็นเพราะมันอิจฉารุนแรงไปหน่อย"
"ใช่สิ! คงรับไม่ได้ที่ตัวเองต้องตกเป็นรองนายหญิงของเรา!"
เสียงหัวเราะหยันดังขึ้นเป็นระยะจากเหล่าลูกสมุนของเยี่ยจิงหลิน บางคนเผยรอยยิ้มเย็นชา ในขณะที่บางคนเพียงแค่ส่ายหน้าอย่างสมเพช
"นายหญิง จะให้ข้าดับลมหายใจเจ้าลูกชู้นี่เลยหรือไม่?"
อดีตทหารเอกของแม่ทัพซุนเทาเอ่ยถามออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมและไร้ปรานี ดวงตาของเขาฉายแววกระหายเลือดเพียงแค่ได้รับคำสั่ง เขาก็พร้อมจะลงมือสังหารซุนฮ่าวโดยไม่รีรอแม้เพียงเสี้ยววินาที
แต่เยี่ยจิงหลินกลับเพียงแค่ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
"หืม..."
นางหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแววตาที่เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง นางคิดถึงคำสั่งเสียของแม่ทัพซุนเทาที่ขอให้นางช่วยดูแลซุนฮ่าว นางเองก็ไม่เข้าใจว่าชายผู้ไร้หัวใจเช่นซุนเทา เหตุใดจึงยังมีความปรารถนาให้พี่ชายนางอยู่รอดปลอดภัย
"ปล่อยมันไปก่อน"
คำพูดของนางทำให้เหล่าทหารเอกของนางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มศีรษะลงยอมรับคำสั่งโดยไม่โต้แย้ง พวกเขารู้ดีว่าหากนายหญิงของตนคิดจะลงมือจริงๆ แล้วละก็ ซุนฮ่าวไม่มีวันรอดพ้นเงื้อมมือของนางไปได้แน่
"ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าในอนาคตมันจะมีแผนชั่วอะไรอีก"
มุมปากของนางกระตุกยิ้มเย็นชา นัยน์ตาของนางฉายแววเหยียดหยาม นางรู้ดีว่าซุนฮ่าวเป็นคนประเภทไหน เขาไม่มีวันหยุดแค่เพียงความอิจฉา เขาจะต้องพยายามกำจัดนางไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่สิ่งที่ซุนฮ่าวไม่รู้ก็คือนางเองก็กำลังรอคอยเวลานั้นอยู่เช่นกัน
"หากไม่เห็นแก่พ่อที่ไร้หัวใจของข้า เกรงว่าซุนฮ่าวคงได้ไปเฝ้ารากมะม่วงนานแล้ว"
เยี่ยจิงหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ทุกคำพูดของนางกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา นางมิได้ละเว้นซุนฮ่าวเพราะความเมตตา แต่นางละเว้นเพราะต้องการให้เขาดิ้นรนไปเรื่อยๆ
"ถือว่านี่ข้าละเว้นมันเป็นกรณีพิเศษ" เหล่าทหารของนางต่างแค่นหัวเราะเบาๆ พวกเขารู้ดีว่าสำหรับคนอย่างซุนฮ่าวแล้ว การมีชีวิตอยู่ อาจเป็นบทลงโทษที่โหดร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







