เข้าสู่ระบบขบวนกองทัพของซุนฮ่าวเคลื่อนตัวไปยัง หมู่บ้านไท่ผิงชุน อย่างไม่รีบร้อนนัก เพราะพวกมันต่างมั่นใจว่าเป้าหมายของพวกมันเป็นเพียงแค่หมู่บ้านบ้านนอกแห่งหนึ่ง ที่มีเพียงแค่เด็กและคนชรา
"แค่พวกชาวบ้านกระจอกๆ จะไปสู้อะไรกับพวกเราได้?" เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นเป็นระยะจากกองทหารที่เต็มไปด้วยพวกเดนคน พวกมันไม่ได้แค่คิดจะสังหารเป้าหมายให้สิ้นซาก แต่ยังวาดฝันถึงค่าตอบแทนที่พวกมันจะได้รับ นอกจากรางวัลที่ซุนฮ่าวมอบให้แล้ว พวกมันยังหมายมั่นที่จะปล้นชิงทุกสิ่งที่มีค่า และที่สำคัญที่สุดย่ำยีหญิงสาวภายในหมู่บ้าน
"หึ! งานง่ายๆ แบบนี้ นอกจากจะได้ฆ่า ยังได้สนุกด้วย!"
เหล่าทหารชั้นเลวต่างส่งเสียงหยอกล้อกันอย่างเมามัน พวกมันไม่มีแม้แต่ความระแวงต่อสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เพราะในสายตาของพวกมัน หมู่บ้านแห่งนี้ช่างเปราะบางราวกับหมูในอวย
แต่หารู้ไม่ว่า... การเดินทางครั้งนี้จะเป็นฝันร้ายที่พวกมันจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!
ในที่สุด กองทัพของซุนฮ่าว ก็เดินทางมาได้ครึ่งทาง และสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอคือ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ ความร้อนที่แผดเผาทำให้ผู้คนเริ่มมองเห็น ภาพลวงตา บ้างก็เริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้นเป็นของจริงหรือเพียงแค่ เล่ห์ลวงของทะเลทราย
ทว่าท่ามกลางเปลวแดดร้อนระอุ เสียงบรรเลงดนตรีดังขึ้นอย่างอึกทึก ท่วงทำนองเย้ายวน ล่องลอยมากับสายลม กลางทะเลทรายที่ควรจะเงียบงันกลับเต็มไปด้วยเสียงขับร้องและเสียงเครื่องดนตรีอันน่าพิศวง
"นั่นมันอะไรกัน!?"
ซุนฮ่าวขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องไปข้างหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าคือ กระโจมสีสันสดใส ปักหลักอยู่กลางทะเลทรายมากมายราวกับงานเทศกาลหรูหรา
ทางด้านของแม่ทัพ หลี่ชางคุน ที่มีสัญชาตญาณของนักรบเหนือกว่าผู้อื่น เขาสังเกตสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความเฝ้าระวัง สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณ ทว่าเขาไม่พบ กองทหาร หรือ ม้าศึก มีเพียงกระโจมหรูหรา กับเสียงดนตรีที่บรรเลงก้องกังวาน
"หึ! ดูเหมือนจะเป็นกองคาราวานขนาดใหญ่"
น้ำเสียงของหลี่ชางคุนเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ "มีบ่อยครั้งที่เหล่าพ่อค้าผู้ร่ำรวยจะออกเดินทางไกลข้ามเมือง เพื่อทำการค้าขาย นี่คงเป็นหนึ่งในนั้น"
ซุนฮ่าวพยักหน้า ความระแวงที่มีในตอนแรกพลันจางหายไป หากเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวล...
แม่ทัพ หลี่ชางคุนและซุนฮ่าวมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของกองคาราวานในทันที ความอยากรู้และความสงสัยผลักดันให้ทั้งสองต้องไปเห็นด้วยตาของตัวเองว่ากองคาราวานแห่งนี้คืออะไร เมื่อพวกเขาไปถึง ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงและสั่นสะท้านไปทั้งตัว
"นี่มัน... สวรรค์ใช่ไหม!"
กองคาราวานแห่งนี้เต็มไปด้วยสาวงามมากมาย พวกนางนั้นมีหน้าตางดงามและท่วงท่าที่น่าหลงใหล เสียงดนตรีเบาๆ จากเครื่องดนตรีคลอไปตามลมเพิ่มเสน่ห์ให้บรรยากาศนั้นยิ่งดูหรูหราและดึงดูดสายตาทุกคน เหล่าบุรุษที่มายืนอยู่ไม่อาจละสายตาจากสาวงามเหล่านั้นได้ ขณะที่พวกเขายืนนิ่งอยู่ท่ามกลางภาพที่น่าประทับใจ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นจากชายร่างอ้วนผู้มีท่าทีสง่างามในชุดหรูหรา
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าในผืนทะเลทรายแห่งนี้ ข้าจะได้พบกับยอดคนเช่นพวกท่าน!" เสียงหัวเราะดังอย่างเป็นกันเองก่อนที่ชายผู้นั้นจะก้าวออกมาทักทาย
"พวกเจ้าคือใคร?" แม่ทัพ หลี่ชางคุนถามด้วยความสงสัย พร้อมสายตาที่ไม่อาจละจากร่างของสาวงามแม้แต่น้อย
ชายร่างอ้วนยิ้มตอบอย่างมีเสน่ห์ "ข้าคือ หลานซือหมิง เจ้าของกองคาราวานแห่งนี้ จุดหมายของพวกเราคือการเดินทางไปยังเมืองต่างๆ เพื่อนำสาวงามที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีไปส่งในย่านโคมแดงพวกนั้น สร้างความรื่นรมย์และความสุขให้แก่ผู้คนที่ต้องการ..."
"เจ้าคือ หลานซือหมิง จริงๆ หรือ?" แม่ทัพ หลี่ชางคุนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย พร้อมทั้งจ้องมองไปยังใบหน้าของหลานซือหมิงที่ดูคุ้นตาอย่างยิ่ง
หลานซือหมิงถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เม็ดไฝปลอมๆ บนใบหน้าของเขาสั่นกระตุกอย่างรุนแรงจนแทบที่จะหลุดกระเด็นออกมา แท้ที่จริงแล้ว หลานซือหมิงผู้นี้คือหมอเทวดาผู้มีฝีมือการรักษาที่สะท้านไปทั้งแผ่นดิน เคยเป็นที่ยอมรับและเคารพจากผู้คนทั่วหล้า หากกล่าวถึงเขาในวงการแพทย์ก็เปรียบเสมือนดั่งดาวเหนือที่ส่องแสงไปทั่วทั้งผืนฟ้า
ทว่า ชีวิตของหมอเทวดาผู้นี้กลับต้องพบกับการล่มสลายเมื่อเขากลายเป็นเป้าหมายในการตามล่าสังหารของอ๋อง ฟู่หยางเซิน เขาหนีเอาชีวิตรอดด้วยความยากลำบากถึงแม้ว่าจะมีพลังฝีมือในการรักษาที่น่าตื่นตะลึงแต่ความสามารถในการปกป้องชีวิตของตัวเองนั้นแทบที่จะเป็นศูนย์สุดท้ายแล้วหลบหนีมาได้จนมาขอให้อาศัยพึ่งใบบุญของเยี่ยจิงหลิน
หลานซือหมิง บ่นกับตัวเองภายในใจ “นางช่างน่าชังนัก… ข้าเป็นถึงหมอเทวดา ช่วยเหลือผู้คนมามากมาย แต่นางกลับให้ข้ามาปลอมตัวเป็นเจ้าพ่อโคมแดง เสียเกียรติยิ่งนัก…”
แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้นเขาก็ปั้นสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาได้อย่างรื่นไหลโดยไม่มีผู้ใดที่จะสามารถจับผิดได้
"ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านจะรู้สึกคุ้นเคยใบหน้าของข้าก็ไม่แปลก" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง "สาวงามมากมายที่ท่านเห็นในกองคาราวาน พวกนางล้วนเปรียบเสมือนเป็นลูกหลานของข้า ข้าต้องส่งพวกนางให้ถึงที่หมาย ไม่แน่พวกเราอาจจะเคยพบเจอกันที่ใดที่หนึ่งมาก่อนของย่านโคมแดง"
คำพูดของหลานซือหมิงพลิ้วไหวไปมาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ราวกับสายน้ำที่ไหลลื่นไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคำที่ออกจากปากเขานั้นมาพร้อมกับความมั่นใจและคำนึงถึงรายละเอียดทุกประการ จนทำให้ทุกคนที่ได้ยินไม่อาจจับผิดได้แม้แต่น้อย ใบหน้าอวบอิ่มและท่าทางที่เคยทำให้เขาสมกับเป็นเจ้าพ่อโคมแดง
ไม่มีใครจะคาดคิดได้ว่าเจ้าอ้วนผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นหมอเทวดาผู้มีฝีมือล้ำลึกปลอมตัวมา คำพูดคำจาของเขาในยามนี้นั้นราวกับว่าเป็นบิดาผู้ปลุกปั้นสาวงาม
แม่ทัพหลี่ชางคุนหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ คิ้วที่ขมวดอยู่ก่อนหน้านี้คลายลงเหมือนกับเมฆที่ผ่านพ้นไป มองไปที่หลานซือหมิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ต้องระมัดระวังตัวสูง แต่ท่าทางของ
หลานซือหมิงกลับทำให้เขารู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่น่าจะเป็นภัยร้ายแรงอย่างที่เขาเคยคิด
"ฮ่าฮ่า เห็นทีค่ำคืนนี้ข้าและคนของข้าคงต้องขอให้ท่านและสาวงามดูแลแล้ว" หลี่ชางคุนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา สายตาของเขายังคงเหลือบมองไปที่สาวงามรอบๆ
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







