เข้าสู่ระบบค่ำคืนนี้ ท้องฟ้าเหนือผืนทะเลทรายมืดสนิท ดวงจันทร์สีเงินลอยเด่น เปล่งแสงเรืองรองราวกับกำลังทอดมองดูเหล่ามวลมนุษย์ที่กำลังหลงระเริงอยู่กับความสำราญ ค่ายพักแรมของกองคาราวานส่องสว่างไปด้วยแสงคบเพลิงที่ถูกจุดขึ้นเพื่อขับไล่ความหนาวเหน็บของทะเลทรายในยามค่ำคืน เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงขับกล่อมผสานกับเสียงหัวเราะรื่นเริงของเหล่าทหารที่ต่างปลดเปลื้องความเหนื่อยล้าลงชั่วคราว พวกเขานั่งจับกลุ่มดื่มสุรา โอบกอดสาวงามที่เดินร่ายรำไปรอบๆ พร้อมทั้งรินสุราให้อย่างอ่อนช้อย
ซุนฮ่าวทอดสายตามองบรรยากาศโดยรอบ ดวงตาของเขาหยุดอยู่ที่เหล่าหญิงงามที่เดินผ่านไปมา แต่ละนางล้วนมีรูปลักษณ์อ่อนช้อย งดงามดุจภาพวาด สายตาแต่ละคู่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนและความเชื้อเชิญ ริมฝีปากที่แต้มสีแดงระเรื่อแย้มยิ้มยั่วยวน ร่างบางแสดงท่าทางอ่อนช้อยชวนมอง
"คืนนี้เห็นทีข้าจะต้องขอรับใช้นายท่านให้ถึงที่สุดแล้ว" เสียงหวานของหญิงงามนางหนึ่งเอ่ยขึ้น ขณะที่เธอเอนกายลงแนบชิดซุนฮ่าว มือเรียวของนางถือจอกสุรายื่นให้เขา ซุนฮ่าวมองใบหน้าที่งดงามราวบุปผาแย้มบาน ก่อนจะเผยรอยยิ้มพอใจ
"เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก" เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับจอกสุรานั้น ดื่มรวดเดียวจนหมด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ นางรีบเติมสุราให้อีกครั้งก่อนจะยื่นจอกให้ด้วยท่าทางอ่อนหวาน
ทางด้านแม่ทัพหลี่ชางคุนเองก็มิได้แตกต่างกันนัก หญิงงามนางหนึ่งนั่งแนบชิดอยู่ข้างกาย คอยปรนนิบัติรับใช้ด้วยท่าทางอ่อนช้อย รินสุราให้ไม่ขาด ดวงตากลมโตของนางเปล่งประกายระยับยามที่สบตาเขา
"แม่ทัพท่านช่างเคร่งขรึมยิ่งนัก ไยต้องทำหน้าจริงจังเช่นนั้นเล่า หรือว่าสุราและสตรีเหล่านี้ยังไม่พอจะทำให้ท่านพึงพอใจ?" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน มือเรียวลูบไล้แขนของเขาเบาๆ
แม่ทัพหลี่ชางคุนหัวเราะเสียงต่ำ เขาเอนกายไปด้านหลัง ก่อนจะยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดแล้วเอ่ยว่า
"ข้าเพียงแต่รู้สึกว่ายามนี้ข้ายังคงอยู่ในสนามรบ การผ่อนคลายมากเกินไปอาจทำให้เสียการ"
"เช่นนั้นคืนนี้ ข้าจะช่วยให้ท่านลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปเสีย" นางกระซิบเสียงแผ่วพลางเอนศีรษะลงซบอกเขา สายลมเย็นยะเยือกของทะเลทรายพัดผ่าน หากแต่ความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงงามข้างกายทำให้แม่ทัพหลี่ชางคุนไม่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บนั้นอีกต่อไป
สำหรับบุรุษทั่วทั้งแผ่นดินแล้ว สุราและสาวงามเปรียบเสมือนเวทมนตร์คาถาที่น่าหลงใหลและน่าสะพรึงกลัวในคราเดียวกัน พวกมันสามารถมอบความหฤหรรษ์จนลืมเลือนสรรพสิ่งรอบตัว แต่ขณะเดียวกันก็นำพาหายนะมาสู่ผู้ที่หลงระเริงเกินไปได้ หากผู้ใดอ้างตนว่าเป็นชายชาตรีแล้วกลับไม่หลงใหลในสุราและอ้อมแขนของหญิงงาม บุรุษผู้นั้นคงมิใช่ผู้ที่เข้าใจถึงรสชาติแห่งชีวิตอย่างแท้จริง
ค่ำคืนนี้เองก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่สุราไหลรินดั่งสายน้ำ สาวงามมากมายเดินเริงระบำอยู่กลางวงล้อมของเหล่าทหาร เสียงหัวเราะและเสียงพิณขับขานผสมผสานกันจนบรรยากาศเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ ใบหน้าของเหล่าทหารล้วนแดงก่ำจากฤทธิ์สุรา พวกเขาจิบดื่มไป โอบกอดหญิงงามไป ดวงตาของแต่ละคนฉายแววลุ่มหลงโดยไม่รู้ตัวว่า ณ เวลานี้เอง พวกเขาได้ตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ที่ยากจะถอนตัว
กลางดึกสงัด อำนาจของสุราทำงานอย่างเต็มที่ มันกัดกินสติสัมปชัญญะของเหล่าทหารจนเลือนราง ไม่อาจแยกแยะความจริงจากฝันได้อีกต่อไป ร่างของพวกมันเอนซบพิงกันไปมา บ้างก็หลับใหลโดยมีอ้อมแขนของหญิงงามเป็นหมอนหนุน เสียงหัวเราะเริงร่ายามค่ำคืนแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรนที่ดังระงมไปทั่วค่าย
ภายใต้เงามืด เยี่ยจิงหลินยืนเฝ้ามองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเย็นชา นางรับรู้ดีว่าภารกิจของตนลุล่วงแล้ว ห้วงนิทราไร้ตื่นพิษร้ายที่ไร้สี ไร้กลิ่น หากผู้ใดดื่มสุราเข้าไปพร้อมกับมัน ผู้นั้นจะจมดิ่งสู่ห้วงนิทราลึกเป็นเวลาถึงสามวันสามคืน ต่อให้ร่างของพวกมันถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้น ๆ ก็ไม่มีทางรู้สึกตัว
ฝุ่นละอองละเอียดลอยฟุ้งไปทั่วกองคาราวาน ราวกับสายลมแห่งโชคชะตาที่พัดพาหายนะมาสู่กองทัพของซุนฮ่าว เหล่าทหารทั้งสิ้นต่างหลับสนิท ไม่มีแม้แต่ผู้ใดขยับกาย
แต่ในความเงียบงันอันน่าสะพรึงนั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเคลื่อนไหวบรรดาสาวงามที่รายล้อมทั่วบริเวณ พวกนางลืมตาตื่นอย่างสงบ ไม่มีแม้ร่องรอยของความมึนเมา นั่นเพราะพวกนางได้รับยาต้านก่อนหน้านี้แล้ว
ในเงามืดของค่ำคืน เหล่าทหารในเงาของเยี่ยจิงหลินก้าวออกมาทีละคน พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างไร้สุ้มเสียง ราวกับภูติพรายที่หลบซ่อนในเงาแห่งความมืด เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นเบา ๆ จากกลุ่มนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่
"นายหญิง จะให้พวกข้าดับลมหายใจของพวกมันเลยหรือไม่?" หนึ่งในนั้นเอ่ยถาม พลางชักมีดคมกริบออกมา ดวงตาเปล่งประกายแห่งความกระหายเลือด
เยี่ยจิงหลินปรายตามองเหล่าทหารที่กำลังหลับใหล รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของนาง "ยังไม่ถึงเวลานั้น" นางตอบเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปทางชายร่างอวบที่ยืนอยู่ไม่ไกล
"ท่านหมอหลานซือหมิง ตอนนี้ท่านและคนของท่านมีกี่คน?"
หลานซือหมิงที่ยืนกอดอกอยู่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนตอบ "หากรวมข้าด้วยก็น่าจะราว ๆ ห้าสิบคน" เขาขมวดคิ้ว "แต่ข้ายังไม่เข้าใจ เจ้าให้พวกเรามาอยู่กลางสนามรบที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ไปเพื่ออะไร? พวกเราก็ไม่มีความสามารถในการต่อสู้!"
เสียงบ่นของหมอเทวดาดังขึ้นตามคาด เยี่ยจิงหลินเพียงยิ้มบาง ๆ นางหันกลับมามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล
"ท่านหมอ ท่านไม่จำเป็นต้องจับดาบหรือฟาดฟันใครให้เหนื่อยหรอก ข้าแค่ต้องการฝีมือของท่านในด้านอื่นเท่านั้น" นางหยุดเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อ "เฉือนความเป็นชายของพวกมันซะ หลังจากเฉือนแล้ว ก็รักษาแผลให้ดี อย่าให้พวกมันคนใดคนหนึ่งสิ้นใจเป็นอันขาด"
คำพูดของนางราบเรียบ ทว่ากลับเยียบเย็นเสียยิ่งกว่าสายลมแห่งรัตติกาล
หลานซือหมิงที่กำลังลูบเคราตนเองถึงกับสะบัดหน้าหันไปมองนางแทบไม่ทัน ก่อนที่มุมปากของเขาจะค่อย ๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความอำมหิต
"ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าหญิงแห่งตระกูลซุนช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!" เขาหัวเราะอย่างสะใจ "แต่เจ้าวางใจเถอะ มือของข้านั้นเบาและเรียบเนียนนัก พวกมันจะไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย..."
ในค่ำคืนที่เงียบงัน แผนการอันโหดเหี้ยมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ไม่มีผู้ใดในกองทัพของซุนฮ่าวรู้ตัวเลยว่า... พวกมันกำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไปตลอดกาล!
หลานซือหมิงยืนกอดอกพร้อมนึกถึงชื่อคนผู้หนึ่ง
อ๋องฟู่หยางเซิน...
เพียงแค่คิดถึงชื่อนี้ เลือดในกายของเขาก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที!
ชายผู้นั้นส่งคนมาตามล่าสังหารเขา ทำให้เขาต้องเร่ร่อน หลบหนีหัวซุกหัวซุน จากหมอเทวดาผู้ได้รับความเคารพจากทั่วทั้งแผ่นดิน กลับต้องมากลายเป็นนักโทษที่ต้องหลบซ่อนตัวราวกับหนูข้างถนน ช่างเป็นความอัปยศที่เขาไม่มีวันให้อภัย!
วันนี้... ถือเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้ชำระแค้น!
หลานซือหมิงแสยะยิ้ม ราวกับพญายมที่เตรียมจะลงทัณฑ์เหยื่อของตน เขาหันไปมองเหล่าทหารของซุนฮ่าวที่กำลังหลับใหล สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน
"เจ้าพวกโง่... ในเมื่อพวกเจ้ารับใช้มัน เช่นนั้นจงสูญเสียความเป็นชายของพวกเจ้าไปเสียเถอะ!"
เขาชักมีดเงินออกมา ปลายมีดคมกริบสะท้อนแสงไฟวูบไหว มือของเขาสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความลังเล แต่เป็นเพราะความตื่นเต้น!
"ข้าจะเฉือนมันออกมาให้หมด... ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ในค่ำคืนอันเย็นยะเยือก เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ของหลานซือหมิงดังแว่วไปในสายลม ขณะที่เงาของเขาโน้มตัวลงไปหาเหยื่อที่กำลังหลับใหล...
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







