เขาคือผู้กำโชคชะตาของเธอ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด แต่ท้ายที่สุดคนที่จะบีบจะคลายกลับหลงรักเชลยสาวจนหัวปักหัวปำ คลั่งรักจนแทบโงหัวไม่ขึ้น หาทุกวิถีทางเพื่อยึดสาวให้อยู่กับตัว แถมยังขี้หึงสุด ๆ อีกต่างหาก!
View Moreณ สนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณผู้โดยสารขาออก คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีทั้งผู้โดยสาร และคนที่มารอรับ –ส่ง ญาติของตน ตรงทางออก ต่างก็เดินไปมา ดูพลุกพล่านไปหมด หนึ่งในนั้น มีหญิงสาวรูปร่างบอบบางรวมอยู่ด้วย ดูรวม ๆ แล้วก็ไม่ได้มีความสวยเด่นพิเศษอะไรมากมายนัก ที่จะทำให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นในแวบแรก หากจะมีก็แต่ดวงตาหวานซึ้งที่ดูเศร้า แต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวอยู่ในตัว กอปรกับใบหน้าเนียนใส ไร้สิวเสี้ยนที่ทำให้ดูน่ามอง
น้ำริน ฤทธิ์รณชัย จะร่วมเดินทางไปกับสายการบินภายในประเทศ เพื่อไปพักผ่อน หลังจากหน้าที่การเป็นพยาบาลพิเศษให้กับผู้ป่วยรายหนึ่ง ที่หญิงสาวดูแลได้สิ้นสุดลง เมื่อท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว นับตั้งแต่หล่อนได้ลาออกจากการเป็นพยาบาลประจำในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อห้าปีก่อน
น้ำรินยังจำได้ดีท่านเคยพูดว่า รู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูหล่อนมาก อยากให้ไปดูแลท่านที่บ้าน โดยให้ค่าจ้างที่คุ้มค่าเลยทีเดียวล่ะ แถมเป็นค่าจ้างที่หาทั้งปีก็ไม่มีทางได้เท่านี้ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าจ้างแต่อย่างใด ที่ทำให้หญิงสาวตัดสินใจลาออกมาเป็นพยาบาลพิเศษให้กับท่าน เมื่อได้ดูแลอย่างใกล้ชิด คือความสนิทสนมที่ท่านมอบให้ ทำให้หล่อนรู้สึกรัก รู้สึกผูกพันและเทิดทูนท่าน เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนหนึ่งของตนเองก็ไม่ปาน ท่านเป็นหญิงชรา อายุประมาณแปดสิบต้น ๆ ป่วยด้วยโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หมอบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้น ที่เธอจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ น้ำรินรู้สึกสงสารเธอจับใจ ทำไมนะหญิงชราผู้นี้ถึงไม่มีใครมาดูแลไม่ว่าจะเป็นลูกหลาน เขาไปอยู่ไหนกัน ฐานะท่านก็จัดว่าร่ำรวยมหาศาลอยู่ คนที่จะมาสืบทอดมรดกหายไปไหนหมดนะ.. หญิงสาวมาทราบภายหลัง เมื่อได้เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดที่บ้าน ญาติมิตรของท่านต่างย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศ นาน ๆ จะกลับมาหาเสียทีหนึ่ง ทำให้น้ำรินอดคิดถึงตัวเองไม่ได้ว่า หล่อนก็ไม่มีญาติที่ไหน ที่สามารถพึ่งพาได้ จะมีก็แต่ญาติห่าง ๆ ที่ไม่ได้ติดต่อเลยหลังจากที่พ่อกับแม่แยกทางกัน ตั้งแต่หล่อนยังเด็ก น้ำรินอยู่กับมารดาตามลำพังสองแม่ลูก จนกระทั่งท่านได้จากไปด้วยอุบัติเหตุ ตอนนั้นหล่อนกำลังเรียนพยาบาลอยู่ปีสอง ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อส่งเสียตัวเอง กว่าจะจบมาได้ เลือดตาก็แทบกระเด็น น้ำรินรู้ดีว่าความเหงา ความโดดเดี่ยว การไร้ที่พึ่งพิงไม่ว่าจะทางกาย หรือทางใจนั้น เป็นเช่นไร แม่จากไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณเลยด้วยซ้ำ หล่อนจึงอยากทดแทน และเป็นส่วนเติมเต็มให้กับคนที่ขาดสิ่งนี้เช่นเดียวกับหล่อน น้ำรินปรนนิบัติต่อท่านดุจดังญาติมิตรของตน ผู้สูงวัยก็เช่นกัน ท่านเองก็ไม่ถือตัว ซ้ำยังดูแลหล่อน ประหนึ่งว่าเป็นยายกับหลาน กันจริง ๆ เลยทีเดียว ทั้งสองจึงจูนเข้าหากัน ได้อย่างง่ายดาย แต่แล้ว..วันเวลาแห่งความสุขก็สิ้นสุดลง เมื่อสิ่งที่หล่อนกลัวอยู่ในใจลึก ๆ มานานเป็นเวลาห้าปีกว่าก็พรากท่านไปจากหล่อนจนได้ และอย่างไม่มีวันหวนกลับ โรคร้ายที่คอยเกาะกินอยู่ในตัวหญิงชราผู้มีจิตใจดี อ่อนโยน โอบอ้อมอารี มันค่อย ๆ แทรกผ่านเข้ามาจนทำให้ร่างกายทนไม่ไหวอีกต่อไปแต่ก่อนจาก ท่านได้มอบของสิ่งหนึ่ง ซึ่งมีราคาค่างวดเท่าใดนั้น หล่อนมิอาจทราบได้ นั่นก็คือแหวนเพชรวงเล็ก ๆ วงหนึ่ง ตรงกลางเป็นรูปหัวใจ
ล้อมกรอบด้วยเพชรขาวเม็ดเล็ก สวยน่ารักมาก ‘เก็บของสิ่งนี้ไว้ให้ดีนะ สักวันหนึ่ง แหวนวงนี้ จะทำให้หนูพบกับความสุข ความสบายในอนาคต ภายภาคหน้าอย่างแน่นอน’ วันเวลาแห่งความโศกเศร้าผันผ่านไปแล้วประมาณสองอาทิตย์กว่า น้ำรินอยู่ช่วยงานศพให้ท่านจนเสร็จสิ้น ซึ่งก็มีญาติมิตรไม่กี่คนมาร่วมงาน ผู้จัดการมรดกได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับมูลนิธิต่าง ๆ น้ำรินเห็นด้วยที่ท่านทำอย่างนั้น หล่อนไม่อยากเศร้า ไม่อยากทำอะไรเลยหลังจากนั้น อยากพักผ่อนลำพังสักระยะแล้วค่อยว่ากันใหม่กับอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป แหวนวงนี้จะนำพาความสงบสุขมาให้หล่อนจริงดังที่ท่านว่าไว้หรือเปล่านะน้ำรินหวนคิดถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านเข้ามาและเมื่อนึกถึงท่าน หล่อนก็เผลอเอามือ คลำหาแหวนที่คล้องไว้ด้วยสร้อยราคาถูก พลางกุมสิ่งนั้นไว้ในกำมือ อธิษฐานในใจว่า ขอให้แหวนวงนี้เป็นเครื่องนำโชค นำพาสิ่งดี ๆ มาให้หล่อนด้วยเถิด หญิงสาวยืนมองกระเป๋าเดินทาง ที่กำลังเลื่อนเข้าไปยังเครื่องสำรวจอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเดินเข้าไปสู่ห้องผู้โดยสารขาออก เมื่อได้ยินเสียงประกาศจากทางสนามบินดังขึ้น พร้อมกับส่งภาษาทั้งไทย จีน ฝรั่งจนครบถ้วน หล่อนได้ที่นั่งริมหน้าต่าง พลางอมยิ้มอย่างพึงพอใจที่จะได้มองภาพวิว ทิวทัศน์ภายนอกเครื่อง อย่างสบายอารมณ์ หลังจากเก็บสัมภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียบร้อยแล้ว
น้ำรินนั่งลงรอเวลาเครื่องจะออก ในระหว่างที่รอ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ที่หล่อนเพิ่งไปซื้อมาได้ไม่นานนัก ก่อนที่ท่านของหล่อนจะเสีย หญิงสาวเลือกฟังก์ชันฟังเพลง เวลาอย่างนี้ สมควรฟังเพลงสินะถึงจะถูก น้ำรินยังคงดื่มด่ำอยู่กับการฟังเพลง พร้อมกับมองทัศนียภาพภายนอกเครื่องในบริเวณสนามบินอยู่อย่างเพลิน ๆ เอียงศีรษะไปพิงกับกระจกริมหน้าต่าง มือกอดอก ฮำเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี
“ขอโทษนะคุณ..ขอดูเลขที่นั่งหน่อย” น้ำเสียงทุ้ม ๆ ค่อนข้างวางอำนาจในตัว ดังอยู่เหนือหัว เยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อย ปลุกให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง จากที่กำลังเพลินอยู่กับมือถือคู่ใจ ก็เงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นเสียง ที่บังอาจมาขัดจังหวะเวลาส่วนตัว พลางขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างขัดใจ แต่ก็ต้องชะงักงันไปชั่วขณะ เมื่อได้สบตากับสายตาคมกริบของอีกฝ่าย ที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว
โอ..พระเจ้า! หญิงสาวรำพึงในใจ คนอะไรหล่อบาดตา แค่ใบหน้าที่ไม่ได้ตกแต่งใด ๆ เลยก็กินขาดพวกนายแบบบนปกนิตยสาร หรืออาจจะหล่อกว่าพระเอกหนังหลาย ๆ คนด้วยซ้ำ ช่างเป็นความสมดุลที่ลงตัวเสียเหลือเกิน เพอร์เฟกต์สุด ๆ ! ผู้ชายอะไรขนตาช่างยาวงอนสวยกว่าผู้หญิงอย่างหล่อน จนน่าอิจฉา แม้แต่รอยย่นบริเวณหางตา ยังเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ส่งให้ผู้ชายคนนี้ ดูเป็นคนที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ และดูเป็นคนจริงจังไปในตัว จมูกก็โด๊ง..โด่ง คมสันราวกับรูปปั้น แล้วไหนจะริมฝีปากที่บางได้รูปนั่นอีกล่ะ ช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน บวกกับรูปร่างที่สูงโปร่ง ผิวที่ขาวสะอาดราวกับไม่เคยโดนแดดเลยสักครั้ง ดูรวม ๆ แล้วเหมือนเป็นชาวต่างชาติด้วยซ้ำ ไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน แต่ เอ.. เมื่อกี้เขาพูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋วเลยนี่นา โอ๊ะ..เพิ่งรู้ตัว ว่าตัวเองอ่านกินผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ เราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ
“ขอโทษนะคะคุณผู้หญิงรบกวนขอดูเลขที่นั่งของคุณอีกครั้งได้ไหมคะ? ” น้ำรินตื่นจากภวังค์แทบจะทันที เมื่อได้ยินเสียงหวานใส จากแอร์โฮสเตสสาว พลางละสายตาจากชายหนุ่มร่างสูง ไปยังเจ้าของเสียงหวานแทน มือก็คลำหาเลขที่นั่ง เมื่อเจอแล้วก็ยื่นส่งให้แอร์สาวสวยแบบงง ๆ หญิงสาวสังเกตเห็นแอร์โฮสเตสมองดูเลขที่นั่งสองใบในมือ ก่อนจะพูดออกมาว่า
“ประทานโทษนะคะดิฉันขอนำเลขที่นั่งสองใบนี้ไปตรวจสอบสักประเดี๋ยวนะคะ” สักพัก พี่นางฟ้าคนเดิมก็เดินกลับมาด้วยหน้าตาตื่นปนหอบนิด ๆ คงเพราะรีบวิ่งมากระมัง ก่อนจะมาหยุดยืนหอบแฮ่ก ๆ ข้างชายหนุ่มรูปงามคนนั้น“ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องเสียเวลา คุณ.. เอ่อ มิสเตอร์ คือคงเกิดความผิดพลาดจากพนักงานขายตั๋วน่ะค่ะ ทำให้ บุ๊คที่นั่งซ้ำกัน เดี๋ยวทางเราจะจัดที่นั่งให้คุณใหม่ทางด้านหลังสองที่นั่งเลยนะคะ” แอร์สาวผู้น่าสงสาร พูดตะกุกตะกัก เป็นภาษาอังกฤษ ทั้งก้ม ทั้งโค้ง กล่าวขอโทษชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด แต่ดูเหมือนว่าประโยคเมื่อสักครู่ของหล่อน จะไปกระทบระบบประสาทส่วนไหนของชายหนุ่มก็ไม่อาจทราบได้ เมื่อเขาแสดงท่าทางหัวเสียส่ายหัวไปมาอย่างระอา หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างโกรธจัด ก่อนจะสบถออกมาแบบไม่ไว้หน้าใคร
“อะไรนะ! จัดที่นั่งซ้ำกันอย่างนั้นเรอะ! เป็นไปได้ยังไง! ชุ่ยที่สุด พวกคุณทำงานกันยังไง ผมอุตส่าห์ลดตัวลงมา เพื่อลองนั่งชั้นธรรมดา ๆ ดู บ้าง แต่กลับมีปัญหาเข้าจนได้ โลว์คลาสสมชื่อจริง ๆ”
การกระทำของทั้งสองได้เรียกน้ำตาให้กับคนที่พบเห็น บริเวณห้องฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ชั่ววินาทีนั้นราวกับว่าได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดอยู่กับที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยที่ร้องโอดโอย เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณหน้าขา เพิ่งถูกเข็นผ่านเข้ามาภายใน ต้องหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ เหลือบมองมายังคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปเลยทีเดียว ทางด้านผู้สูงอายุทั้งสาม ถึงกับอึ้งไปกับการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาว ความรู้สึกตื้นตัน และเห็นความตั้งใจจริงของทั้งสอง แสดงให้รู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ฝ่ายชายถึงกับสามารถตัดขาดจากสมบัติและวงศ์ตระกูลได้เลย เพื่อแลกกับการได้ครองรักกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางข้างกาย ลี ฮาซันถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หางตา มองไปทางด้านผู้เป็นสามีคล้องวงแขนเข้ากับลำแขนของอีกฝ่ายซุกหน้ากับอกของสามี ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทางด้านลี จางชีก็มีอาการไม่ต่างจากกันนัก จึงแตะที่แขนของภรรยาอย่างปลอบประโลม ชายชราหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก ร่างที่ค่อนข้างค้อมเล็กน้อย ไขว้มือที่เหี่ยวย่นไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บน
น้ำรินพยายามลืมตาตื่น รู้สึกมึนงงไปหมด อาการคลื่นไส้ จะเป็นลม หายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ให้น้ำเกลือ และนอนพักเต็มอิ่มแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ถูกเช็ดออกจากดวงหน้าด้วยนิ้วเรียวใหญ่อย่างเบามือของผู้เป็นสามี“ตื่นแล้วหรือ? เป็นไงบ้าง? ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า?” คำถามรัวถี่ติด ๆ กันจนคนถูกถามแทบตอบไม่ทัน จึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หล่อนไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากนัก“ไอ้หมอหัวล้านกับเจ้ายูมันให้เธอกลับบ้านได้ แต่ฉันว่าเธอยังไม่แข็งแรงดีเลย ยังไงนอนพักดูอาการที่นี่สักคืนดีไหม” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวดิกเมื่อ ได้ยินผู้เป็นสามีบอกให้นอนพักที่นี่สักคืน“ไม่เอาค่ะ หายดีแล้ว ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันหายดีแล้วจริง ๆ นะคะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอหน้าเขา มาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้อาการต่าง ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยล่ะ“จริงนะ ห้ามโกหก เป็นพยาบาลอะไรไม่ชอบโรงพยาบาลเฮ้อ!” ชายหนุ่มชะโงกหน้า มองเสี้ยวหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว มือใหญ่วางแปะที่ศีรษะเล็กนั้น เขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู“กลับบ้านกันเถอะนะคะ” คนไข้ตัว
“ดี..แล้วก็เอาหัวล้าน ๆ ของไอ้หมอคนเมื่อกี้ออกไปห่างเมียกันหน่อยได้ไหม กันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยว่ะ” ฮิโรยูกิหันมากระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีที่หันไปเห็นแพทย์คนเมื่อสักครู่ เดินเลี่ยงออกไปทางด้านซ้ายของเตียงคนไข้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้ยูอิจิได้เป็นอย่างดี ขี้หึงจริง ๆ นะเพื่อนเรา แม้แต่หมอแก่ร่างท้วม กับหัวที่มีผมทางตอนหน้าเหลือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปหาว่าเขาหัวล้านซะนี่ ร้ายจริง ๆ“ออกไปก่อนเถอะเพื่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ กันจะช่วยดูให้อีกแรงหนึ่ง” คำยืนยันของยูอิจิ บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างสูงจึงยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงปักหลักยืนอยู่ห่าง ๆ ในมุมห้องแคบนั้น พลางกอดอกมองแพทย์และพยาบาลตรวจร่างกายหล่อนเงียบ ๆ“ฮีโร่..ฮีโร่..ตื่นเถอะ”“อ๊ะ! ฮ๊ะ! ยู..เมียฉันล่ะเมียฉันเป็นไงบ้าง!” ร่างสูงผวาตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงยูอิจิปลุกให้ตื่น เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“หึ..ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยนะ คุณน้ำรินปลอดภัยแล้ว หมอให้น้ำเกลือ แล้วย้ายเธอไปนอนพักดูอาการที่ห้องข้าง ๆ โน่นแล้ว”“เหรอ? แล้วอยู่ไหนล่ะ?”“เดี๋ยวสิเพื่อน นี่นายไม่อ
“อือ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” แล้วก็มีเสียงงึมงำจากคนรอบข้าง ที่บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นของเขา และนั่นก็ให้คุณคิม เซยอนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจให้สามีทันที“เอาอย่างนี้สิ อะไรที่เป็นฝีมือของเธอ เราก็ชิมอันนั้นก็แล้วกัน..เรามาวัดกันที่รสชาติเป็นไง” และก็เป็นท่านปู่อีกตามเคยที่เอื้อมมือมาช่วยหล่อนไว้ ทำให้น้ำรินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การทดสอบเรื่องอาหารผ่านไปด้วยดี ผลที่ออกมาหล่อนได้คะแนนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว และสุดท้ายก็คือการชงชาที่ถูกต้อง ขณะที่กำลังนำถาดน้ำชาไปเสิร์ฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั้นเอง วูบหนึ่งหล่อนรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนจนแทบล้ม แต่ก็พยายามข่มใจไว้ พลางยืดอกขึ้นสูดลมหายใจเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดเรื่องที่หญิงสาวไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“อุ๊บ! อ๊ะ!” เพล้ง! จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลิ่นของชาชั้นดีโชยมาแตะเข้าที่จมูก กลิ่นของมันทำให้แก๊สในกระเพาะอาหารปั่นป่วนจนวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ แทบอ้วกออกมา เท่านั้นเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำให้น้ำหนักถูกเทไปที่มืออีก
สามวันแล้วสินะที่หล่อนโดนการทดสอบแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอาหญิง วันแรกเธอให้หล่อนขัดถูเครื่องใช้โบราณที่อยู่ในครัว ทำอยู่เป็นวันกว่าจะเสร็จก็เล่นเอามือถลอกไปเลยทีเดียว ถัดมาอีกวันหนึ่งหล่อนถูกทดสอบการทำอาหารซึ่งหล่อนถนัดนักล่ะ ไม่ว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้คุณลี ฮาซัน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อนดีขึ้น วันนี้เธอช่วยสอนวิธีชงชาที่ถูกวิธีให้กับหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮีจินมาเยี่ยมหล่อนเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะกลับหล่อนได้ยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้ นั่นก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในแต่ละยุคสมัย คุณลีบอกว่าอีกสองวันจะมีการประชุมผู้อาวุโสของตระกูล ให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงวันนั้นเธอบอกว่าจะคอยช่วยหล่อนอีกแรงหนึ่ง น้ำรินรู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่สามารถเอาชนะใจคุณลี ฮาซันได้ เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ ต่างก็ให้ความเป็นกันเองกับหล่อนมากขึ้นผิดกับวันแรก ๆ ที่หล่อนมาถึงที่นี่ลิบลับ หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในช่วงเย็น หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก้าวเข้าไป
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่เกาหลีแลดูสดชื่นนัก ความสวยงามของดอกไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ผลิดอกบานสะพรั่งก่อนที่จะมีใบสีเขียวชอุ่มตามมา ไกด์จำเป็นอธิบายให้หล่อนฟังว่า ริมทางที่รถวิ่งผ่านมาส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิลต้นอึนแฮง ( ต้นแป๊ะก๊วย) ต้นบอทือ ( ต้นหลิว) ต้นบอช ( ต้นซากุระ) ต้นชัน (คล้ายต้นสน) ส่วนที่อยู่บนเนินเขาจะมีดอกจิลดัลแล สีชมพูอมม่วง ดอกแคนารีสีเหลือง และดอกซากุระ หรือดอกชนามู สีขาวอมชมพู ต่างผลิดอกออกมาประชัน เปรียบเสมือนสีผ้าต่าง ๆ พืด ปูประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ยืนเรียงรายริมถนนเริ่มผลิใบอ่อนบ้างแล้ว ตามกิ่งก้านจะมีนกเจบีตัวเล็ก ๆ สีดำส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง รถคันจิ๋ววิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาที่ดูคดเคี้ยว จากกรุงโซลออกมาแถวชานเมือง ได้สักพักใหญ่ ๆ คนขับกิตติมศักดิ์ของหล่อนก็หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนินสูงเบื้องหน้า วิ่งผ่านรั้วกำแพงสูงใหญ่เข้าไปด้านใน ก่อนจะจอดนิ่งสนิทหน้าลานกว้าง น้ำรินก้าวลงจากรถพลางเหม่อ
“อืมม์ เก่งขึ้นทุกวันนะเราใครสอนกันนะ โอ๊ะ! หึ ๆ” พูดออกไปแล้วก็ต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บ เมื่อถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอกทีหนึ่งจากคนตัวเล็กตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อทำให้เขาอดใจไม่ไหว ช้อนร่างหล่อนอุ้มขึ้นมากระชับไว้ในวงแขนอันอบอุ่น ก่อนจะพามาวางลงบนที่นอนโดยมีร่างสูงหนาตามมาติด ๆ ลมหายใจรินรดกันจนแทบจะสัมผัสได้ ตาต่อตาประสานกันนิ่ง ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ามาใกล้เกลือกจมูกโด่งสวยเป็นสัน กับแก้มเนียนอมชมพูสูดดมความหอมอย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากมุมปากประกบไว้แนบแน่น มือหนึ่งช้อนไว้ที่ท้ายทอยของหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็ทำการสำรวจร่างกาย ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะสอดหายเข้าไปใต้เนื้อผ้า.. สักพักชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาก็ถูกปลดออกจากร่าง เหลือไว้เพียงร่างขาวนวลเนียนกระจ่างตา“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ” หญิงสาวจำต้องยกมือขึ้นแตะที่แขนของสามีเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น“ไม่เห็นเป็นไรเลยเช้า ๆ นั่นแหละดี”“แต่ว่า..คุณต้องไปทำงาน”“อื้อ..อย่าดื้อน่า เมื่อกี้ยังเชื้อเชิญอยู่เลย นะ..ขอหน่อยนะที่รัก หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย อีกหน่อยเธอก็ต้องไปที่โซลแล้ว เมื่อถึ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงใช้ส้นเท้ากระทืบลงที่หลังเท้าของมันเต็มแรง ก่อนจะก้มลงไปกัดที่มือหยาบหนาบริเวณที่มันโอบเหนือเอวหล่อนขึ้นมา เมื่อถูกฟันคม ๆ ของหล่อนกดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจนมันรู้สึกเจ็บ ร้องจ๊ากออกมา จนสะบัดมือ สะบัดเท้าเร่า ๆ หญิงสาวมองเห็นความหวังที่จะรอดไปได้ขึ้นมารำไร จึงรีบสลัดตัวออกจากแขนใหญ่ล่ำ ที่พันธนาการหล่อนอยู่ทันที ก่อนจะก้มลงไปหยิบปืนที่หล่นอยู่แทบเท้าเมื่อครู่ด้วยมืออันสั่นเทา นิ้วชี้กระชับพร้อมที่จะเหนี่ยวไกเพื่อกระชากวิญญาณของพวกมันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างที่ร่ำเรียนมา ปลายกระบอกปืนส่ายสลับไปมา ระหว่างชายฉกรรจ์ที่ยึดตัวหล่อนและสามีไว้เมื่อครู่อย่างหมายมาด สถานการณ์กลับกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่งทันที ฮิโรยูกิย่างสามขุมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของโทรุ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนไอ้สองคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการพันธนาการฮีจินอยู่ ชะงักงัน หนึ่งในนั้นพยายามที่จะงัดปืนออกมาจากเอวของมันแต่ถูกเสียงเข้มดุดัน ตะโกนสั่งออกมาเสียก่อน“ทิ้งปืนซะ! ถ้าไม่อยากให้เจ้านายของแกตาย แล้วก็แก้มัดเพื่อนฉัน
“ทำได้ดีมาก..ที่รัก” ฮิโรยูกิยังมีอารมณ์หันมาเอ่ยปากชมหล่อนทันทีที่ร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังเขา ความขุ่นมัว กรุ่นโกรธก่อนหน้านี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนแก้เผ็ดไอ้คนที่กระทำการอันน่ารังเกียจกับหล่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่เสียแรงเลยที่เขาอุตส่าห์ให้หล่อนหัดเรียนรู้วิธีป้องกันตัว เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่กลัวเหลือเกินว่าเนื้อตัวของหล่อนจะบอบช้ำจากการฝึกฝน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดใจการฝึกหัดทุกรูปแบบเสียจนบางครั้ง ไม่สนใจเขาไปเลยในช่วงนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอฝึกยิงปืนกับครูหนุ่ม การเอาใจใส่จนออกนอกหน้าของครูฝึกคนนั้น ทำให้เขาต้องย้ายหล่อนให้มาฝึกกับครูผู้หญิงแทน ส่วนครูฝึกคนแรกนั้น ถูกย้ายทันทีในวันถัดมา นี่ล่ะ..ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลคัทซึฮิโกะตัวจริง“หึ ๆ แกแน่มาก ฮิโรยูกิแต่ดูเหมือนว่าแกจะประเมินฉันต่ำไปแล้ว” ฮิโรยูกิกับน้ำรินรู้สึกแปลกใจในคำพูดของโทรุ ที่จู่ ๆ มันก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน“ฮ
Comments