LOGIN“มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องเลือกคุณ!” หากจำไม่ผิด เด็กคนนี้ไม่ได้มีเชื้อสายเจ้า หล่อนเป็นเพียงหลานสาวของนายปราบลูกหนี้ของเขาเท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับสิตาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เขาอยากจะได้ไปเป็นแม่ของลูก
View More“ให้เอมไปแทนได้ไหมคะ ตาไม่อยากไป! ตากับแดนเรารักกันคุณแม่ก็รู้!” เป็นเสียงของสิตา บุตรสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว รุจินันท์ ที่เอ่ยขึ้นหลังจากได้ทราบเรื่องบางอย่างจากปากมารดาผู้ให้กำเนิด ที่ในวันนี้นางจนปัญญาจะปิดเรื่อง ‘บางอย่าง’ กับลูกแล้วจริงๆ ถึงได้ตัดสินใจสภาพทุกอย่างออกมา
“รักแล้วมันกินเข้าไปได้ไหมห๊ะ! แกอย่าทำเสียเรื่องจะได้ไหมยัยตา ตอนนี้ครอบครัวของเรากำลังแย่ ดูหนี้สินที่พ่อแกทิ้งเอาไว้เสียก่อน อีกอย่างทางนั้นเองก็เขาบอกชัดเจนว่าต้องการแก ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้!” ลองหาก ‘ทางนั้น’ ไม่ชี้ชัด ว่าคนที่ต้องการตัวคือบุตรสาวแท้ๆ ของนางแล้วล่ะก็ คุณบัวบุษยาคงยกหลานสาวของสามีผู้ลาลับให้ไปนานแล้ว
ใครเลยจะอยากเห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองไปเป็นนางบำเรอขัดหนี้ หนี้ที่นางกับลูกไม่ได้เป็นคนก่อ แต่ต้องเป็นฝ่ายชดใช้ เพราะสามีผู้ซึ่งเป็นเจ้าของหนี้ตัวจริงมาด่วนชิงตายไปเสียก่อนด้วยภาวะโรคหัวใจล้มเหลว
ซึ่งหลังจากที่ไอ้แก่นั่นตายไปได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าหนี้ก็ส่งคนบุกมาถึงบ้าน พร้อมเอกสารสำคัญหลายฉบับ นั่นเองที่มันทำให้นางได้รู้ความจริง ว่าที่ผ่านมารายได้จากการประกอบธุรกิจส่งออกผ้าไหมของครอบครัวนั้นตกต่ำลงเป็นอย่างมาก เพราะค่านิยมของผู้คนที่มีต่อผ้าไหมนับวันยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ และเพื่อต้องการพยุงฐานะทางสังคมเอาไว้ สามีของนางจึงตัดสินใจไปกู้เงินมาก้อนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ก่อเกิดกลายมาเป็นหนี้สินขึ้นมาอย่างที่เห็น!
คราแรกนางปฏิเสธเสียงแข็ง ว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับหนี้ก้อนนั้น เพราะสามีไม่เคยพูดหรือเอ่ยถึงมันให้ได้ยินเลยสักครั้ง แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันมาว่าจะดำเนินเรื่องทางกฎหมายหากทางนางยังคงยืนยันที่จะปัดความรับผิดชอบ นางจึงจำใจต้องแบกรับหนี้ก้อนนั้นเอาไว้ ด้วยไม่อยากให้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ที่เป็นถึงหม่อมเจ้าต้องเสื่อมเสีย เพียงเพราะความเลือกผัวผิดของตัวเอง!
“เห็นแก่ความปองดองครั้งเก่าครั้งที่คุณแม่ของผมยังมีชีวิตอยู่ ผมยินดีล้างหนี้ให้ถ้าเพียงแต่คุณหญิงยอมยกสิตาให้ผม”
แม้ฝ่ายนั้นจะไม่ได้บอกชัดถึงสถานะที่จะมอบให้ แต่นางก็พอรู้มาว่า ‘กานต์’ ผู้เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของครอบครัวนั้นใช้ผู้หญิงเปลืองแค่ไหน จึงค่อนข้างลำบากใจที่จะพูดเรื่องนี้กับลูกจนกระทั่งเมื่อสามวันก่อน ที่ฝ่ายนั้นส่งคนมาสอบถามถึงคำตอบ
”นายให้ผมเรียนคุณหญิงว่า หากยังไม่ได้รับคำตอบในเร็ววันนี้ ข้อเสนอที่เคยคุยกันไว้ คงต้องขอยกเลิกทั้งหมดครับ” คำพูดนั้นทำให้รู้ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดือดร้อนเลยสักนิด หากทางนางจะปฏิเสธ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกมืดแปดด้าน จนสุดท้ายจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้ลูกได้ฟัง เผื่อว่าบางทีสิตาจะยอมรับข้อเสนอ เพื่อช่วยครอบครัวให้หลุดพ้นจากสถานการณ์บ้าๆ เหล่านี้
“ตาไม่อยากทำนี่คะ! ทำไมคุณแม่ต้องบังคับตาด้วย” สิตายังคงยืนยันเสียงแข็ง แม้จะเข้าใจถึงความจำเป็นของผู้เป็นแม่ ว่าท่านคงหมดหนทางแล้วจริงๆ ถึงได้ยอมสารภาพความจริงให้เธอได้รู้ หลังจากปิดมานานหลายเดือน แต่ถึงรู้ เธอก็ไม่อยากทำอยู่ดี
หนึ่งเลยก็คือเธอมีคนที่เธอรักอยู่แล้ว และเหตุผลที่สำคัญไปมากกว่าอะไรทั้งหมดนั้น คือตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่ แล้วแบบนี้จะให้เธอตอบตกลงทางนั้นไปได้อย่างไรกัน!
ในเมื่อเธอกำลังจะมีลูกกับผู้ชายที่เธอรัก! ชีวิตคู่ของเธอกับคนรักกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เธอไม่อยากทำลายทุกอย่างลงเพียงเพราะเรื่องหนี้สินของครอบครัว อีกทั้งยังเป็นหนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ แล้วทำไมเธอจะต้องเป็นคนชดใช้ด้วย มันไม่ยุติธรรมเลย!
“ไม่อยากทำแกก็ต้องทำ! ไม่อย่างนั้นทั้งแกแล้วก็ฉัน เตรียมตัวย้ายไปอยู่ในสลัมได้เลย! หรือถ้าคิดว่าไอ้แฟนกระจอกๆ ของแกมันจะช่วยอะไรได้ก็ลองดูสิ ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าน้ำหน้าอย่างมันจะมีปัญญาช่วยแกได้สักกี่น้ำ!” คำประชดนั้นทำใจคนฟังเจ็บปวดไม่น้อย ด้วยพอจะรู้ดีว่าคนรักของเธอนั้นไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินมาจากที่ไหน เขาเป็นแค่พนักงานบริษัทกินเงินเดือนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเธอเอง...ที่ตกหลุมรักในความธรรมดานี้ของเขา และก็เป็นเธอเองอีกเช่นเคย ที่จะไม่ยอมให้หนี้สินของผู้เป็นพ่อ มาทำลายความรักดีๆ ของเธอกับคนรัก!
ไม่มีวัน!
“คุณโสก็สวยค่ะ เหมาะสมกับพี่คีมากด้วย งานแต่งของพวกคุณเอมอาจไม่ได้ไป ถ้ายังไงขออวยพรล่วงหน้าเลยก็แล้วกันนะคะ” เจ้าของเสียงหวานขานรับ ก่อนจะหันไปมองรักแรกของตัวเองนานร่วมนาที…”เอมขอให้พี่คีมีความสุขมากๆ นะคะ เอมเชื่อว่าคุณโสจะทำให้พี่คีมีความสุขค่ะ” ถ้าเพียงแต่เขายอมเปิดใจสักนิด บางทีอาจได้เห็นบางสิ่งจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น ที่จนกระทั่งตอนนี้มันก็ยังจดจ้องอยู่ที่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งหมดนี้ทำให้เธอเหมือนได้ย้อนกลับไปมองดูตัวเองอีกครั้ง ตัวเองที่เคยตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ ก่อนที่ความเป็นจริงจะผลักให้เธอตื่นจากฝัน ตื่นขึ้นมาพบว่าเธอกับเขานั้นแตกต่างกันแค่ไหน แต่กับผู้หญิงตรงหน้านี้โชคดีกว่าเธอมากที่เกิดมามีพร้อมทุกสิ่ง จะเหลือก็แค่ต้องพยายามอีกสักนิด ทำให้พี่คีรักให้ได้ก็เท่านั้น! “ช่างเรื่องของพี่เถอะ ว่าแต่เอมเถอะ มั่นใจแล้วจริงๆ ใช่ไหม ว่าทั้งหมดนี้คือความรัก” เรื่องราวระหว่างเอมมิกากับผู้ชายคนนั้นเกิดขึ้นเร็วเกินไป นั่นเลยทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นความรักอย่างที่เธอบอกจริงๆ เพราะหากไม่ใช่ความรัก เอมมิกาก็ยังพอมีโอกาสจบทุกสิ่ง และถ้าหากเธอเลือกแบบนั้น
หลังจากได้เมียกลับคืนมา กานต์ก็แทบไม่ยอมให้อีกฝ่ายคลาดสายตาไปไหน การกระทำนั้นเองที่มันทำให้เอมมิการู้สึกอึดอัดไม่น้อยสุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวถึงได้ตัดสินใจเปิดอกพูดคุยกับเขาตรงๆ “เอมไปแค่ร้านกาแฟเอง พี่กานต์ไม่ต้องไปด้วยก็ได้” ทะเบียนสมรสก็ยอมจดด้วยแล้วแท้ๆ ไม่รู้จะกลัวเธอหนีไปไหนอีก “ก็พี่อยากไปด้วย” “เอมไม่หนีไปไหนแล้วค่ะ นี่พี่กานต์ไม่เชื่อใจเอมเหรอคะ” “ก็ได้ครับ แต่ห้าโมงต้องถึงบ้านนะ ไม่อย่างงั้นพี่จะออกไปรับด้วยตัวเองจริงๆ” หญิงสาวรับคำพร้อมรอยยิ้ม และไม่ลืมขยับไปจูบเบาๆ ที่แก้มสาก แทนคำขอบคุณที่เขาทำตัวน่ารักมากขึ้นไปทุกวัน แม้จะจดทะเบียนกันแล้ว หากแต่สิ่งที่กานต์หวังจะทำให้ภรรยานั้นกลับเป็นสิ่งที่สร้างความปวดหัวให้กับเขาไม่น้อย และถ้าไม่ใช่เพราะอยากเห็นเมียรักมีความสุขที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ ให้ตายเขาก็คงไม่มานั่งอยู่ที่นี่ตรงนี้ ต่อหน้าผู้เป็นป้าของเธอแน่! “แค่รักอย่างเดียวมันไม่ได้หรอกนะคะ ถึงยัยเอมจะเป็นหลาน แต่ดิฉันกับสามีก็เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีไม่ต่างอะไรกับลูกแท้ๆ ของตัวเองเลยสักนิด แล้วอยู
“นี่เมลต้องหางานใหม่อีกแล้วเหรอคะ เสียดายจัง!” อีกฝ่ายบ่นอุบอิบ ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเพื่อนสนิทยืนยันบางสิ่งกลับมาเบาๆ “ไว้ผมจะหางานที่เหมาะสมกับคุณให้ ต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ” เพราะเมียไม่ปลื้ม เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอร้องให้เพื่อยุติการทำหน้าที่พี่เลี้ยงของลูกเป็นการถาวรนับตั้งแต่วันนั้นที่เอมมิกาหนีไป ซึ่งอีกฝ่ายก็พร้อมที่จะเข้าใจถึงความจำเป็นของเขา “เมลจะยกโทษให้ ถ้าคุณตามหาน้องเอมให้เจอ ถ้าไม่เจอก็อย่าฝันเลย ว่าเมลจะยอมให้อภัย!” นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้สนทนากับอีกฝ่ายตามลำพัง ก่อนที่จะส่งเธอไปทำงานในสำนักงานของไร่ ซึ่งก็เหมือนว่าเมลจะชอบงานนั้นมากกว่างานพี่เลี้ยงเสียอีก! “นายครับ”เสียงเรียกจากคนสนิททำให้คนที่กำลังคิดอะไรเงียบๆ ตามลำพังเงยหน้าขึ้น ทันทีที่ได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก็รู้ได้ทันทีว่างานที่เขาสั่งให้ไปทำนั้น คงจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเหมือนทุกที “จ้างนักสืบเพิ่มอีก แพงแค่ไหนฉันก็พร้อมจ่าย!” ขอแค่ให้เขาได้เจอเมียอีกครั้ง ต่อให้ต้องเสียมากกว่านี้เขาก็พร้อมจ่ายอย่างไม่ลังเล ให้มันรู้กันไปเลยว่านักสืบพวกนั้นจะไร้ประสิทธิภาพถึ
ร่องรอยของคราบน้ำตาหยดแล้วหยดเล่ายังหลงเหลือให้ได้เห็น มันทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่ากว่าจะข่มใจเขียนไอ้จดหมายบ้าๆ ฉบับนี้เสร็จ เมียเขาต้องเสียน้ำตาไปมากสักแค่ไหนกัน! แล้วเรื่องอะไรต้องมาบอกให้เขากับลูกแบ่งพื้นที่ว่างให้คนอื่น ในเมื่อที่ตรงนั้นมันเป็นของเธอ เธอเท่านั้นไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้! กานต์ใช้เวลาตลอดทั้งวันที่เหลือหมดไปกับการตามหาแม่ของลูกในสถานที่ที่คิดเอาเองว่าเธอน่าจะไป นี่ถ้าไม่ติดว่าเคยเห็นการปะทะคารมของเมียกับคุณหญิงนั่นในงานเลี้ยงมาก่อนเขาอาจจะบุกไปที่บ้านของหมอนั่นแล้ว สุดท้ายที่ทำได้ก็มีแค่ขอให้พี่สาวเมียช่วยสืบให้ ก่อนจะพบว่าเอมมิกาไม่ได้ไปอยู่กับหมอนั่น ‘เอมเขาก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ เวลารู้สึกอะไรมักจะไม่ค่อยพูดออกมา แม้แต่สิเองก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องต้องเจอกับอะไรบ้าง รบกวนคุณช่วยตามหายัยเอมให้เจอทีนะคะ ถึงตอนนั้นถ้าพวกคุณไม่รักน้องสาวของสิแล้วก็ไม่เป็นไร น้องแค่คนเดียวสิดูแลเองได้’ เป็นสิตาที่ตัดสินใจเอ่ยขึ้น หลังจากได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของตัวเองจนจบ แน่นอนว่าพอได้รู้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด ที่ปล่อย











