Home / LGBTQ+ / อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน / บทที่1 จุดเริ่มต้นของเรื่องราว (1/3)

Share

อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน
อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน
Author: มังกรพ่นไฟ

บทที่1 จุดเริ่มต้นของเรื่องราว (1/3)

last update Last Updated: 2025-07-03 22:46:17

ผมชื่อ เทียน(อัครพัลลภ) ผมกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งคณะที่ผมเรียนก็คือสถาปัตยกรรมศาสตร์และผมมีความลับที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ ผมสามารถรับรู้สิ่งลี้ลับ นั่นคือการมองเห็นผี จุดเริ่มต้นมันเริ่มตั้งแต่ผมอายุ 8 ขวบ

10ปีที่แล้ว

ในช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม พ่อและแม่ของผมต้องไปทำงานอยู่จังหวัดในภาคใต้เป็นระยะเวลา 2 เดือน พ่อกับแม่เป็นห่วงผมเพราะกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลผม ทันใดนั้นเองพ่อกับแม่ได้ตกลงกันว่าจะให้ผมไปอยู่กับตายายที่ต่างจังหวัดก่อนชั่วคราว หลังจากที่พ่อกับแม่ทำงานเสร็จแล้วจะมารับผมทันที โดยปกติแล้วผมก็ไปเยี่ยมตาทุกช่วงปิดเทอมอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าในตอนนั้นอยู่เพียง1สัปดาห์ แต่ผมก็สนิทกับทั้งคู่มาก ยายของผมชื่อยายจันทร์ ยายเป็นคนอารมณ์ดี สนิทกับทุกคนในหมู่บ้าน ไปวัดทำบุญอยู่ตลอด แถมคุยสนุก ส่วนตาของผมชื่อตาเรือง ตาเป็นคนใจดี นิ่งเงียบ และตาของผมเป็นหมอธรรม คอยช่วยเหลือชาวบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือโดยเฉพาะสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสได้ จังหวัดที่ตากับยายผมอยู่นั้น เป็นจังหวัดอยู่ในภาคอีสานซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดที่พวกผมอยู่ ครอบครัวของผมอาศัยอยู่จังหวัดหนึ่งในภาคกลาง ที่นี่ค่อนข้างมีความเจริญพอสมควร

พวกผมเริ่มออกเดินทางตั้งเเต่ 6 โมงเช้า แม่ของผมบอกว่าต้องไปให้ถึงก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน พ่อของผมเป็นคนขับรถเก๋งคันสีขาวนั่งอยู่ทางคนขับ แม่ของผมนั่งอยู่เบาะคนนั่งข้างคนขับอยู่ข้างหน้า ส่วนผมนั่งอยู่เบาะทางด้านหลังคนเดียว ในขณะที่พ่อกำลังสตาร์ทรถอยู่นั้น จู่ๆก็สตาร์ทไม่ติด พ่อรีบโทรเรียกช่างซ่อมรถเพื่อมาเช็กดูรถ

หลังจาก30นาทีผ่านไป ช่างก็มาถึง ผมยืนอยู่ข้างแม่ส่วนพ่อก็ยืนคุยกับช่างอยู่ ช่างได้ลองสตาร์ทรถดูอีกครั้ง ปรากฏว่ารถกลับสตาร์ทติด พ่อกับแม่ของผมมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง หลังจากที่ทุกอย่างจบลงช่างก็ได้กลับไป จู่ๆแม่ผมก็พูดขึ้นว่า

"หรือวันนี้จะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมา"

"มันไม่มีอะไรหรอกคุณ คุณอย่าคิดมากเรื่องแบบนี้มันเกิดได้ตลอดนั่นแหละ"

พ่อของผมพูดตอบกลับแม่พลางตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ บรรยากาศโดยรอบในช่วงเช้านี้พระอาทิตย์เริ่มขึ้นทางทิศตะวันออก บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยตึกสูงที่ตั้งเรียงรายหนาแน่น ทั้งสองฝั่งถนนมีสิ่งปลูกสร้างหลากหลายรูปแบบ มีทั้งตึกที่กำลังสร้าง ตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จและตึกที่กำลังประกาศขาย เมื่อมองไปรอบตัว มีแต่ตึกอาคารสูงปกคลุมท้องฟ้า ทำให้รู้สึกแออัดและอึดอัดเหมือนถูกโอบล้อมด้วยความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ถนนหนทางคึกคักไปด้วยผู้คนที่เร่งรีบ ต่างมุ่งหน้าไปยังที่ทำงาน โรงเรียน หรือธุระของตน รถเมล์ มอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถยนต์ส่วนตัวไหลเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงแตรรถและเครื่องยนต์ที่ดังระงม ผู้คนบนฟุตบาทเดินสวนกันไม่ขาดสาย

หลังจากผ่านไป2ชั่วโมง

ข้างหน้าทางถนน จู่ๆเกิดรถติดจำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัด สาเหตุที่เกิดขึ้นคือมีการเกิดอุบัติเหตุ คนขับรถกระบะชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเสียชีวิตคาที่ ส่วนอีกคันหนึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไปชนท้ายกระบะคันนั้นจนร่างกระเด็นไปถึงกลางถนน มีรถบรรทุกไปเหยียบร่างซ้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้สองคน คนแรกที่ชนเสาไฟเป็นชายวัยกลางคน คนที่สองที่ขับรถมอเตอร์ไซค์เป็นชายวัยรุ่นที่มีรถท่อเสียงดัง ศพของเขาเละ เครื่องในอวัยวะต่างๆถูกกระจัดกระจายตามพื้น สมองไหล เลือดของเขาไหลเต็มพื้นถนน ส่วนเจ้าของรถบรรทุกมีสีหน้าตกใจอย่างหนัก

หลังจากที่ผ่านพ้นจากช่วงสถานการณ์จราจรติดขัดมาได้นั้นใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง พ่อผมได้ให้ทุกคนแยกย้ายลงไปทำธุระของตัวเองและกินข้าวก่อนที่จะขับรถเพื่อออกเดินทางกันต่อ ตอนนี้พวกผมอยู่ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง บรรยากาศโดยรอบมีผู้คนจำนวนมากนั่งอยู่ภายในร้านมีอาหารหลากหลายวางอยู่บนโต๊ะของแต่ละโต๊ะ อากาศในช่วงนี้ค่อนข้างจะร้อน แม่ของผมได้สั่งข้าวผัดทะเลให้ผมกิน พ่อกับแม่ของผมเลือกสั่งกระเพราหมูสับกินกันคนละจาน พออาหารที่สั่งมาถึง ทุกคนต่างเงียบลงตั้งหน้าตั้งตากินไม่มีเสียงคุยกัน ผ่านไปสักพักพ่อของผมก็พูดขึ้นว่า

"เราต้องใช้เวลาเดินทางกันต่ออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย"

"คุณคิดว่าพวกเราจะถึงเวลากี่โมง"

"ผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็ประมาณ1-2ทุ่มได้"

"ถ้างั้นก็ดีเลย"

แม่เอ่ยบอกพ่อ จากสีหน้าที่เคยกังวลก่อนหน้านี้ กลับแปรเปลี่ยนจากเดิมด้วยสีหน้าสบายใจ บทสนทนาต่อจากนั้นก็สร้างเสียงหัวเราะ ครึกครื้นขึ้น ก่อนจะออกเดินทางกันต่อแม่ก็ได้สั่งอาหารใส่กล่องไว้ 3 ชุดและน้ำอีก 3 ขวด เผื่อหิวกันระหว่างทาง ทุกคนต่างพากันแยกย้ายกันขึ้นรถนั่งประจำตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นไม่นานผมเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา ผมนอนอยู่ตรงเบาะเอาขาขึ้นไว้บนเบาะเตรียมที่จะนอนหลับ

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้างัวเงีย เสียงพ่อปลุกผมให้ตื่นเพราะว่าตอนนี้รถที่ขับมาเกิดเสียพ่อบอกว่าจู่ๆรถก็ติดๆดับๆทั้งที่พ่อได้เติมน้ำมันไว้แล้วเต็มถังในช่วงที่ผมนอนหลับอยู่ ตอนนี้พวกผมจอดรถไว้ข้างทาง บริเวณโดยรอบมีแต่ป่าเต็มไปหมดมีเพียงบ้านร้างเป็นไม้ทั้งหลัง ลักษณะของบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวไม้เริ่มผุมีปลวกขึ้นตามบ้านส่วนทางทิศตะวันออกของบ้านมีศาลพระภูมิเก่าอยู่ตรงบริเวณนั้นมีผ้าเจ็ดสีเก่าผูกไว้ยังเสาไม้ของศาลพระภูมิแต่มันน่าสงสัยตรงที่ศาลพระภูมิสร้างจากไม้ทั้งหมดซึ่งแตกต่างจากที่ผมเคยเจอมา มีถ้วยจานที่แตกแล้วอยู่บนพื้นหน้าศาลแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรต่อคิดเพียงแค่ว่าเป็นเพียงแค่บ้านร้าง ก่อนหน้านี้พ่อผมบอกแม่ว่าจะใช้ทางลัดกันเพื่อให้ถึงเร็วขึ้น เนื่องจากในตัวเมืองมีรถติดซึ่งทำให้ระยะเวลาในการเดินทางช้าลง ตอนนี้ที่พวกเราทั้งสามคนอยู่นั้นแทบจะไม่ค่อยมีรถผ่านเลยสักคัน แม่เริ่มกังวลอีกครั้งส่วนพ่อก็พยายามหาเบอร์ติดต่อช่างเพื่อได้เอารถไปซ่อม

ผ่านไป1ชั่วโมง

มีกระบะคันหนึ่งขับมาทางถนนเส้นนี้ เจ้าของรถกระบะจอดรถแล้วลดกระจกรถลง

"รถเป็นอะไรครับ"

"รถเสียสตาร์ทไม่ติดครับ"

"ได้เติมน้ำมันไหมครับ"

"เติมเรียบร้อยแล้วครับเต็มถัง"

"โทรเรียกช่างมารึยังครับ"

"ยังเลย ไม่มีเบอร์เลยครับพอดีพวกผมมาจากต่างจังหวัดน่ะครับ"

"เดี๋ยวถ้างั้นผมโทรเรียกให้ ผมพอจะรู้จักช่างแถวนี้อยู่"

"ขอบคุณมากๆเลยครับ"

เจ้าของรถกระบะได้โทรเรียกช่างให้มายังที่พวกผมอยู่ เพื่อมาเช็กรถให้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร

"ถ้าภายในอีก20นาทียังไม่มาให้โทรตามอีกรอบนะครับ 0XXXXXXXX4"

"ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือ"

"ถ้าเป็นไปได้ให้รีบผ่านถนนเส้นนี้ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้จะดีมาก"

"ทำไมหรอครับ"

"เปล่าหรอกครับ แต่ให้จำคำที่ผมพูดไว้ดีๆ"

"ได้เลยครับ"

ทันทีที่เจ้าของรถกระบะพูดจบนั้นก็ได้รีบขับรถออกไป หลังจากนั้นไม่นานมากนัก ช่างซ่อมรถก็ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ามายังทางพวกผม มีช่างซ่อมรถ 2 คนที่มาด้วยกัน ทั้งคู่เริ่มมีสีหน้าดูกังวลมองดูรอบๆ ช่างทั้งสองคนลองไปเช็กรถเริ่มจากสตาร์ทรถดูอีกครั้ง ปรากฏว่าสตาร์ทติดจึงได้ลองเช็กทุกอย่างกลับพบว่าไม่มีปัญหาอะไร ช่างทั้งคู่จึงมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายอย่างทุลักทุเล

"มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าครับช่าง"

"ไม่มีเลยนะครับ ทุกอย่างปกติดีผมเช็กระบบหมดแล้ว"

"ขอบคุณนะครับ แต่ผมเองก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมวันนี้รถจู่ๆก็สตาร์ทไม่ติดตั้ง2ครั้งของวันนี้ ทั้งที่ผมพยายามสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที"

"แล้วพวกคุณจะไปไหนกันหรอครับ"

"ว่าจะไปเยี่ยมพ่อตากับแม่ยายน่ะครับ"

"ยังไงก็ระวังตัวกันด้วยนะครับ ผมอยากให้ระวังตัวกันให้ดีถ้าเป็นไปได้ให้รีบผ่านเส้นทางนี้ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน" ช่างพูดเสียงเบาด้วยน้ำเสียงสั่นๆกล้าๆกลัวพลางมองบรรกาศโดยรอบ

"ทำไมหรอครับ ก่อนหน้านี้ก็มีคนบอกพวกผมแบบนี้"

"ปะ..ป่าวหรอกครับ"

"ค่าบริการเท่าไหร่ครับ"

"30 บาท"

"นี่ครับ"

"ขอบคุณครับ"

หลังจากที่พ่อคุยกับช่างเสร็จ ช่างทั้งสองคนก็ได้ขับรถออกไป จู่ๆผมก็เห็นยายแก่คนนึงนั่งอยู่ข้างหลังรถมอเตอร์ไซค์ของช่าง ยายคนนั้นก้มหน้าก้มตาใส่ชุดลูกไม้เก่าสีเขียวอ่อน ท่อนล่างใส่ผ้าถุงสีดำ เท้าเปล่า ผมของยายเป็นทรงผมบ๊อบสั้นดัดลอนฟูแบบผู้ใหญ่ผมมีสีขาวทั้งหัว อายุราว 70 ปีรูปร่างผอมแห้งเกือบเห็นกระดูก ยายคนนั้นค่อยๆหันหน้ามาทางผมคอของยายเริ่มหมุนมายังทางผม ผมรีบเปิดประตูรถเข้าไปอยู่ในรถไม่พูดจากับใคร พ่อกับแม่ของผมต่างพากันเข้ามาในรถ ทางของพ่อก็กำลังจะเตรียมขับรถต่อ ส่วนแม่ก็เงียบไม่พูดไม่จา ผมตกใจกลัวกับสิ่งที่ผมเห็นก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นเองสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ยังศาลพระภูมิเก่าทางบ้านร้าง สิ่งที่ปรากฏคือยายแก่คนนั้น ที่ตอนนี้มองมาทางผมแล้วแลบลิ้นยาว ไม่มีลูกตาทั้งสองข้าง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน   บทที่35 ใจสั่นเพราะแก

    แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได

  • อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน   บทที่34 วันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำ

    "เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด

  • อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน   บทที่33 เฝ้าไข้ 1 คืน 2000 บาท

    ชายส่งอาหารในเสื้อแจ็กเก็ต ยื่นถุงพลาสติกที่มีคราบไอน้ำเกาะอยู่ให้เขา"ขอบคุณครับ" ขุนรับถุงอาหารมาด้วยสองมือ ชายคนนั้นยิ้มสุภาพ ก่อนหมุนตัวกลับ ขุนปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา..."มึงสั่งอะไรเยอะแยะวะ?! กินกันแค่สองคน" เทียนมองของกินตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ทั้งข้าวต้มกุ้ง ผัดผงกะหรี่ทะเล ปีกไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และผัดผักบุ้ง วางเรียงกันบนโต๊ะอาหารขุนนั่งเงียบพลางกินข้าวต้มกุ้งอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนเทียนเมื่อเห็นว่าขุนไม่ตอบอะไร ก็ไม่ได้เซ้าซี้ซักไซ้อีก แล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าเวลาผ่านไปหลายนาที ขุนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเทียนที่ยังนั่งกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย "ใส่กำไลด้วยเหรอ?" ขุนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังข้อมือซ้ายของเทียน เทียนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เหมือนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ"เพิ่งใส่วันนี้...ช่วงนี้เจออะไรแปลกๆบ่อย เลยคิดว่าเผื่อช่วยได้""มีใครทำอะไร?!"หน้าขุนนิ่งกว่าเดิม สายตาไม่ไหวติง จ้องตรงมาที่เทียนอย่างจริงจังเทียนเงียบไปชั่วอึดใจ ช้อนในมือหยุดเคลื่อนไหว กลายเป็นคนที่ไม่กล้าสบตากลับ สายตาเขาหลุบลงมองจานข้าวที่กินไปได้ครึ่งเดียว"มันไม่มีใครกล้าทำอะไรกูหรอก" เ

  • อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน   บทที่32 แสร้ง

    เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "มึงตอบพี่แตงไทยหน่อย"อ่านแล้ว "ตอบยัง"Khun_2k"ไม่" เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "เพื่อ?""ทำไมมึงไม่ไปมอวันนี้"Khun_2k"ทำไมรู้?"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"กูเก่ง สรุปเป็นไร""แดกยายัง"Khun_2k"มีแผลนิดหน่อย""กินแล้ว เหลือแต่ทำแผล"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว "แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ มึงรอไรอยู่"อ่านแล้ว "อ่านแล้วไม่ตอบ คือ..?""ทำไมไม่ทำแผลล่ะ"Khun_2k"เป็นห่วง?""อยู่หลัง แต่กินยาฆ่าเชื้อแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"มึงก็โทรเรียกแฟนมาทำให้ดิ"Khun_2k"ไม่มี อยู่คนเดียว""เหมือนมันเริ่มจะอักเสบ"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว"มึงไม่ไปให้หมอล้างให้"Khun_2k"เลือดออกอีกแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"ตายขึ้นมาก็ลำบากคนในคอนโดอีก""มึงต้องเป็นผีที่เฮี้ยนแน่นอน""บอกพิกัดมา เรื่องมากฉิบหาย"Khun_2k"คอนโดX ห้อง463"เทียนกดปิดหน้าจอ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง "พวกมึง คืนนี้เล่นเกมกันปะ?" ปอพูดขึ้น"กูไม่ว่างว่ะคืนนี้" "โธ่! อะไรวะต้นกล้า?! มึงล่ะไอ้เทียน?""ไม่ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ววว แค่บอกเหงาเทียนก็พร้อมเสมอ""ให้มันได้อย่างงี้ดิวะ!!!!" ปอตะโกนลั่นพลางตบไหล่เทียนเบาๆ

  • อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน   บทที่31 ตัวข้านั้นมีชื่อว่า "โก้"

    "เมื่อคืนเรื่องมันเป็นงี้..."เกือบสิบคนภายในห้อง ต่างพากันเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาทุกคู่ จ้องไปยังคนที่นั่งอยู่บนเตียง เขานั่งนิ่ง สบตากับทุกคนทีละคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทรกกลางความเงียบทุกคนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันขวับไปตามต้นเสียง เป็นของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังรีบล้วงกระเป๋ากางเกงรายชื่อที่ไม่รู้จักแสงหน้าจอสว่างวาบ เขากดปัดสายทิ้งทันที"โทษๆๆ เบอร์คอลเซ็นเตอร์โทรมา"สายตาหลายคู่ที่หันกลับไปจับจ้องที่คนอยู่บนเตียงอีกครั้ง"ระหว่างที่กูกำลั..."เสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหันก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ทุกคนสะดุ้งเฮือก เบนสายตาไปที่ประตูพร้อมกัน ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันด้วยท่าทีลังเล แววตาหลายคู่ฉายแววระแวงเล็กน้อย"มึงไปเปิดดิ ไอ้ปอ""มึงเป็นใครมาสั่งกู ไอ้เบียร์""เป็นพี่มึง""Xวย"หลังจากสิ้นเสียง ปอตัดสินใจลุกขึ้น เดินช้าๆไปยังประตูโดยมีสายตาทุกคู่ติดตามเขาไปอย่างเงียบงัน เขาหยุดอยู่ตรงหน้า มือจับลูกบิดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเปิดออกอย่างระมัดระวังสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือชายหนุ่มในชุดแจ็คเก็ตสีเขียว ถือถุงอาหารพลาสติกไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มเก้อ

  • อาถรรพ์เงาวิญญาณเฮี้ยน   บทที่30 เพื่อนรักสมัยเด็ก...?

    เทียนค่อยๆลืมตาขึ้นกลางดึก ความเงียบงันอบอวลทั่วห้อง เขาค่อยๆหันไปยังปลายเตียงภายในห้องนอน มุมกลางห้อง ปรากฏเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ ไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก ร่างเล็กในเสื้อยืดสีดำ ยืนนิ่งจ้องมาทางเขา ด้วยแววตาว่างเปล่าแต่กลับทำให้รู้สึกสบายใจแปลกๆเทียนขยับตัวขึ้นเล็กน้อย เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเทียนจ้องเด็กคนนั้นกลับโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบผ่านหัวใจ 'ธร'ชื่อผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนสมัยเด็กของเขา คนที่เคยสัญญาจะมาส่งเขาในวันนั้น แต่ก็หายไปตลอดกาล แม้แต่ในงานศพตาของเทียนก็ไม่เห็นแม้เงาเด็กคนนั้นยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้น ชี้ไปยังลิ้นชักโต๊ะทำงาน โดยไม่เปล่งเสียงใดๆไม่พูดสักคำเขามองตามปลายนิ้วนั้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนภาพทั้งหมดจะค่อยๆเลือนหายไป"ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายเดะ...จุกสิอยู่นำไผ..ฮือออ..อออ" (ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายนะ..จุกจะอยู่กับใคร..ฮือออ..อออ) เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้องเทียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีจุกนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มกลมๆอย่างไม่อาจกลั้น มือเล็กๆเอื้อมไปแตะปลายแขนของเทียนแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status