Mag-log inรถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ เมื่อขับรถเลยบ้านหลังนั้นไปโดยหันกลับมามองแต่กลับไม่เห็นยายแก่คนนั้นอีก ผมได้ร้องเรียกแม่
"แม่ๆ เมื่อกี้แม่เห็นยายแก่ที่อยู่บ้านร้างเมื่อกี้มั้ย" ผมถามแม่ขณะที่ผมกำลังนั่งหันไปทางด้านหลังภายในรถ "คนไหนหรอจ๊ะลูก" น้ำเสียงต่ำแหบแต่มันกลับเย็นเยียบจนขนลุกซู่ เหมือนเสียงนั้นไม่ได้ออกมาจากลำคอของมนุษย์ ผมรีบหันขวับกลับมาทางแม่ทันที สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าผมคือยายแก่ที่นั่งตรงเบาะที่แม่นั่งอยู่ หน้าหันมาทางผม ใบหน้าของยายมีใบหน้าแห้งเหี่ยว กำลังยิ้มให้ผม รอยยิ้มของยายกว้างจนน่าขนลุก ผมฟูยุ่งเหยิง ตาสองข้างไม่มี ผมตกใจกลัวอย่างสุดขีดจนผมร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น ผมรีบเอามือสองข้างปิดหน้าปิดตาไว้ ทันใดนั้นเองเสียงของแม่ก็ร้องเรียกชื่อผมดังขึ้นมา "เทียน เทียน เกิดอะไรขึ้นลูก พ่อกับแม่อยู่นี่ไงลูก" แม่ถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง แม่เอามือมาจับมือผมออกเพื่อไม่ให้ผมปิดหน้าปิดตาไว้ "แม่เทียนกลัว เทียนอยากกลับบ้านแล้วฮื้อ..ฮื้ออ..ฮือ..ออ.." ผมพูดพลางร้องไห้โฮเสียงดัง "ลูกบอกแม่ได้มั้ยว่าทำไม" "ผมไม่เอาแล้วแม่ ผมอยากกลับบ้านฮื้อ..ออ..ฮืออ.." ผมร้องไห้จนแทบพูดไม่รู้เรื่อง "ลูกฟังแม่นะ มันไม่มีอะไรต้องกลัวพ่อกับแม่อยู่นี่แล้ว" แม่ผมพยายามพูดปลอบผมด้วยน้ำเสียงอย่างอ่อนโยน พ่อผมตอนนี้เงียบไม่พูดไม่จามาสักพักนึงแล้ว พอผ่านไปสักพักพ่อเริ่มปริปากพูดหลังจากที่เงียบไปนาน "ผมว่ามันแปลกๆนะ ปกติแล้วเราต้องออกไปทางถนนใหญ่ได้แล้ว แต่นี่เราวนกันอยู่ที่เดิมมาหลายรอบแล้ว" แม่และผมเริ่มสังเกตดูบรรยากาศข้างนอกรถ ซึ่งรถของพวกเราวนมายังบ้านร้างที่ผมเจอยายแก่คนนั้นมาหลายรอบแล้ว ส่วนตอนนี้พระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกดินแล้วด้วย แม่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนใบหน้าจะถอดสีอย่างเห็นได้ชัด แม่รีบหยิบพระเครื่องที่ตาเคยให้แม่ไว้จากในกระเป๋าของแม่ แม่นำพระเครื่องใส่วางในมือแล้วพนมมือขึ้นหลับตา พอผ่านไปไม่นานนักแม่ก็ได้นำพระเครื่องห้อยไว้ตรงกระจกรถตรงกลางด้านหน้า ผ่านไปไม่ถึง 20 นาที รถพวกผมก็สามารถออกมายังถนนใหญ่ได้สำเร็จ ทุกคนในรถต่างพากันเงียบตั้งแต่ที่รู้ว่าขับรถไปนานแค่ไหนก็วนกลับมาอยู่ที่บ้านร้างหลังนั้น ผมเองก็ไม่ได้ปริปากบอกทุกคนว่าผมเห็นอะไร "เทียนฟังแม่นะ ไม่ว่าลูกจะเห็นหรือได้ยินอะไร ลูกห้ามทักท้วงเด็ดขาด เข้าใจมั้ย" แม่หันหน้ามาทางผม สีหน้าของแม่จริงจังมากกว่าปกติ ผมไม่เคยเห็นแม่เป็นแบบนี้มาก่อน "ครับ" ผมตอบกลับแม่ทันที เวลา 20:13น. หลังจากผ่านเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นมาได้ก่อนหน้านั้น ทุกอย่างก็ดูกลับมาเป็นปกติดี ไม่มีอะไรติดขัดระหว่างทางเหมือนทั้งวันมานี้ จนในที่สุดพวกผมก็ขับรถมาถึงจังหวัดที่ตากับยายของผมอาศัยอยู่ ผมเริ่มรู้สึกง่วงอีกครั้ง ในขณะที่ผมกำลังจะหลับนั้น จู่ๆก็ยินคนเรียกชื่อผม "เทียน เทียน" น้ำเสียงก้องกังวานเย็นยะเยียบ ผมสะดุ้งตื่นทันที ความรู้สึกง่วงที่มีก่อนหน้าได้หายไป ผมมองออกไปยังนอกกระจกรถ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของผมคือผู้หญิงผมยาวผมปิดหน้าทางซีกหน้าขวา ใส่ชุดกระโปรงยาวจนถึงเข่าสีขาวไม่มีลาย ยืนอยู่ข้างถนนทางด้านฝั่งทางซ้ายของตำแหน่งคนนั่งข้างหน้า บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้มีป่าไม้ใหญ่กอไผ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นไม่มีแม้แต่บ้านคนอาศัยอยู่ มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่ฉายฝ่าความมืด ถนนยามค่ำเต็มไปด้วยรถที่แล่นไปมาไม่ขาดสาย ผมแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นผู้หญิงคนนั้น ผมนั่งนิ่งอยู่นาน รู้ตัวอีกทีมือทั้งสองก็เย็นเฉียบ แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทั้งที่อุณหภูมิภายในรถไม่ได้สูงมากนัก ส่วนร่างกายของผมไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ผมนั่งฟังเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นผิดจังหวะ ในสมองผมตอนนี้มีแต่คำว่ากลัว เต็มไปหมด "เทียน เทียน ตอบกลับเราหน่อยสิ" น้ำเสียงก้องกังวานเย็นยะเยียบดังขึ้นอีกครั้ง ผมนิ่งเงียบทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร แต่ร่างกายของผมกลับต่อต้าน ผมกลัวจนแทบจะฉี่แตกอยู่แล้ว ผมมองด้วยหางตามองออกไปข้างนอกกระจก ผมเห็นผีตัวนั้นยืนอยู่ทางข้างถนน ถึงแม้ว่าพ่อของผมจะขับรถผ่านกี่ครั้งต่อกี่ครั้งผีผู้หญิงชุดขาวนั่นก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม "จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอเชือกสีแดงมาแขวนคอเจ้า ขอให้เลือดของเจ้าหยดลงราวน้ำอบในพิธี ขอให้เจ้าร้องขอชีวี แต่ไม่มีใครได้ยินเสียง ขอให้เจ้าไม่มีศพให้ฝัง ไม่มีเถ้าถ่านให้โปรย ขอให้ถูกทอดทิ้งไม่หลงเหลือแม้แต่เงา ทุกภพชาติของเจ้าจะกลายเป็นฝันร้ายที่ข้านำพาไป ตราบใดที่ยังมีการเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะตามล่าเจ้าไม่มีสิ้นสุด" น้ำเสียงของเธอเบาแผ่วคำพูดแต่ละคำค่อยๆหลุดรอดออกมาจากลำคอแห้งเหือด ฟังคล้ายเสียงลมปะทะใบไม้แห้ง แต่กลับทำให้หัวใจเย็นวาบไปทั้งตัว *ฟังเพลงเพื่อเพิ่มคำอรรถรส หลังจากที่ผีตนนั้นพูดจบ จู่ๆเสียงเพลงจากเครื่องเล่นเพลงภายในรถดังขึ้น "สาปแช่งให้บรรลัย ขอเทพไทโปรดช่วยฟัง ข้าปวดร้าวฤดี ใจสลายตรงนี้ถึงชีพดับพลัน ข้าจะตามล้าง ให้มันมอดม้วย ตายตกตามกัน ไม่สิ้นวงศ์วาน ไม่หมดเวรกรรม จะอยู่ตรงนี้ เคียดแค้นชิงชัง เพราะข้าจะตาม คอยเอาชีวิต ดำดิ่งลงไป" แม่รีบเอื้อมมือไปปิดเครื่องเล่นเพลงในรถ แต่ปิดเท่าไหร่เพลงก็ยังคงเล่นอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นผมร้องไห้โฮพลางพนมมือยกมือขึ้นไว้ก้มหน้าก้มตา นึกถึงตาของผมและพระเครื่องที่แม่ห้อยไว้อยู่หน้ากระจกรถข้างหน้า ผมกลัวผมรู้สึกกลัวมาก ผมได้แต่ภาวนาขอให้ถึงบ้านตาให้โดยเร็วที่สุด ส่วนพ่อกับแม่ของผมพยายามพูดปลอบผมไม่ให้ผมกลัว แม่พยายามปิดเสียงเพลง จนในที่สุดเครื่องเล่นเพลงในรถก็ถูกปิดลงไป ทุกอย่างกลับเงียบสงบเหลือเพียงเสียงร้องสะอื้นของผม แม่ของผมหันหน้ามาทางผมแล้วจับมือผมไว้แน่นจนถึงบ้านของตา พ่อผมขับรถเข้าจอดไว้หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านไม้ทั้งหลังและมี 2 ชั้น บนชั้น 2 จะมีทั้งหมด 3 ห้อง ห้องแรกเป็นห้องพระอยู่ทางทิศตะวันออก ห้องที่สองเป็นห้องนอนของตากับยายอยู่ตรงกลางบ้าน บางครั้งตาก็ไปนอนในห้องพระ ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องไว้สำหรับพวกผม ทุกครั้งที่พวกผมมาบ้านตาก็จะพากันนอนห้องนี้เสมอซึ่งห้องนี้จะอยู่ทางทิศตะวันตก บันไดจะอยู่ตรงข้ามด้านหน้าของห้องที่พวกผมอยู่ ส่วนด้านล่างใต้ถุนบ้านก็จะมีกองฟืนไว้สำหรับทำอาหาร ส่วนตรงหน้าบ้านที่อยู่ทางขวามือจะมีแคร่ไม้ไผ่ไว้สำหรับนั่งเล่น หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อย ผมเปิดประตูรถพร้อมกับพ่อแม่ออกมา บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้เงียบสงบ มีเพียงเสียงของแมลงที่ขับกล่อมอยู่ท่ามกลางความมืด เสียงจิ้งหรีดและเรไรดังประสานกันราวกับเป็นบทเพลงของธรรมชาติ สายลมพัดเบาๆ ทำให้ใบไม้ไหวซ่า เพิ่มความรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อถึงบ้านของตากับยายได้อย่างปลอดภัย "ต๋อง แก้ว เทียน กูให่เฉพาะลูกหลานกูเข้าได้ทอนั่น ไผที่กูบ่ได้เอิ้นห้ามเข้ามาเหยียบหน้าเฮือนกูเด็ดขาด" (ต๋อง แก้ว เทียน กูให้เฉพาะลูกหลานกูเข้าได้เท่านั้น ใครที่กูไม่ได้เรียกห้ามเข้ามาเหยียบแม้แต่หน้าบ้านของกูเด็ดขาด)ขุนผลักบานประตูให้เปิดออก เทียนก้าวเข้ามาในห้องก่อนโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เสียงฝีเท้าดังแผ่วเบาก้องท่ามกลางความเงียบ ไม่นานนักไฟในห้องก็ค่อยๆสว่างขึ้น เขาปิดประตูตามหลัง ก่อนจะยืนอยู่ไม่ไกลจากเทียน ทั้งสองยังคงนิ่ง ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้น ราวกับต่างฝ่ายต่างกำลังรอให้ใครสักคนเริ่มพูดก่อน ในที่สุด ขุนก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น พลางเอ่ยเสียงเรียบ " อยากกินอะไรไหม?" "หื่อ ตอนนี้ยังไม่หิว" "แน่ใจ?" "ก็เออดิ ถามอยู่ได้" ขุนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงของเทียน "..." "...โกรธอะไร จะได้ขอโทษ" "แล้วทำไมกูต้องโกรธมึงด้วยมิทราบครับ" เทียนมองด้วยสีหน้าไม่พอใจปนหงุดหงิดเล็กน้อย บรรยากาศในห้องยังเงียบ ขุนจ้องเทียนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยช้าๆ "รู้ไหม ว่าตัวเองเป็นคนโกหกไม่เก่ง" เทียนนิ่งไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินขุนพูดแบบนั้น เขาเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ "อะไรของนายอีกเนี่ย ก็กูไม่หิว! มึงเซ้าซี้กูอยู่ได้" เทียนตอบสั้นๆ น้ำเสียงหงุดหงิดยังไม่ลดลง ขุนมองหน้าเทียนตรงๆไม่หลบสายตา เทียนยังทำหน้าดุใส่ขุนอยู่ แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปากเถียงต่อ เสียงท้องของเขาดันร้องดังขึ้นมากอย่
"สวัสดีค่าา ยินดีตอนรับเข้าสู่ช่วงQ&A ถามปุ๊บตอบปั๊บ ถามปั๊บปั๊บตอบปุ๊บปุ๊บEP.4แล้วนะคะ~""แขกรับเชิญของเราก็คือออออ..เดือนมหาลัยปีนี้ น้องขุนค่าาาาาาาาา!!"ทั้งพิธีกรกับน้องขุนยกมือไหว้พร้อมกัน"ทุกคนคะ! ตัวจริงน้องขุนหล่อม้ากกกกกกก ทำเอาพิธีกรเกร็งเลยค่ะ5555555""ขอบคุณครับ" น้ำเสียงของขุนเรียบนิ่ง ไม่มีวี่แววตื่นเต้น หรือเคอะเขินรุ่นพี่พิธีกรกลับหัวเราะกลบความเงียบได้อย่างมืออาชีพ เธอกำลังนั่งไขว่ห้างอย่างเป็นกันเองบนเก้าอี้ทรงสูง ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา สวมชุดนักศึกษาแบบเรียบร้อย"เอาล่ะค่าาา วันนี้เราจะมาถามคำถามสั้นๆ สนุกๆ ให้แฟนๆ ได้รู้จักตัวตนของขุนมากขึ้น! ทั้งหมดมี 10 คำถามค่ะ พร้อมยังคะ?""ครับ""คำถามแรก ทำไมถึงได้ชื่อเล่นว่า ขุน คะ?""...""ตาเป็นคนตั้งให้...ผมเองก็ไม่ทราบครับ"พิธีกรถึงกับชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบส่งยิ้มกลบอึดอัด"เราไปกันต่อที่คำถามต่อไปดีกว่าค่าาาา~""คำถามที่สอง ชอบสีอะไรคะ?""ดำครับ""คำถามที่สาม งานอดิเรกที่ชอบทำค่ะ""แกะเพลงเล่นเปียโนครับ"รุ่นพี่พิธีกรพลิกกระดาษคำถามในมืออีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย"แล้ววว~ น้องขุนมีแพลนจ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได
"เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด
ชายส่งอาหารในเสื้อแจ็กเก็ต ยื่นถุงพลาสติกที่มีคราบไอน้ำเกาะอยู่ให้เขา"ขอบคุณครับ" ขุนรับถุงอาหารมาด้วยสองมือ ชายคนนั้นยิ้มสุภาพ ก่อนหมุนตัวกลับ ขุนปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา..."มึงสั่งอะไรเยอะแยะวะ?! กินกันแค่สองคน" เทียนมองของกินตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ทั้งข้าวต้มกุ้ง ผัดผงกะหรี่ทะเล ปีกไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และผัดผักบุ้ง วางเรียงกันบนโต๊ะอาหารขุนนั่งเงียบพลางกินข้าวต้มกุ้งอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนเทียนเมื่อเห็นว่าขุนไม่ตอบอะไร ก็ไม่ได้เซ้าซี้ซักไซ้อีก แล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าเวลาผ่านไปหลายนาที ขุนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเทียนที่ยังนั่งกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย "ใส่กำไลด้วยเหรอ?" ขุนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังข้อมือซ้ายของเทียน เทียนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เหมือนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ"เพิ่งใส่วันนี้...ช่วงนี้เจออะไรแปลกๆบ่อย เลยคิดว่าเผื่อช่วยได้""มีใครทำอะไร?!"หน้าขุนนิ่งกว่าเดิม สายตาไม่ไหวติง จ้องตรงมาที่เทียนอย่างจริงจังเทียนเงียบไปชั่วอึดใจ ช้อนในมือหยุดเคลื่อนไหว กลายเป็นคนที่ไม่กล้าสบตากลับ สายตาเขาหลุบลงมองจานข้าวที่กินไปได้ครึ่งเดียว"มันไม่มีใครกล้าทำอะไรกูหรอก" เ
เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "มึงตอบพี่แตงไทยหน่อย"อ่านแล้ว "ตอบยัง"Khun_2k"ไม่" เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "เพื่อ?""ทำไมมึงไม่ไปมอวันนี้"Khun_2k"ทำไมรู้?"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"กูเก่ง สรุปเป็นไร""แดกยายัง"Khun_2k"มีแผลนิดหน่อย""กินแล้ว เหลือแต่ทำแผล"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว "แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ มึงรอไรอยู่"อ่านแล้ว "อ่านแล้วไม่ตอบ คือ..?""ทำไมไม่ทำแผลล่ะ"Khun_2k"เป็นห่วง?""อยู่หลัง แต่กินยาฆ่าเชื้อแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"มึงก็โทรเรียกแฟนมาทำให้ดิ"Khun_2k"ไม่มี อยู่คนเดียว""เหมือนมันเริ่มจะอักเสบ"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว"มึงไม่ไปให้หมอล้างให้"Khun_2k"เลือดออกอีกแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"ตายขึ้นมาก็ลำบากคนในคอนโดอีก""มึงต้องเป็นผีที่เฮี้ยนแน่นอน""บอกพิกัดมา เรื่องมากฉิบหาย"Khun_2k"คอนโดX ห้อง463"เทียนกดปิดหน้าจอ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง "พวกมึง คืนนี้เล่นเกมกันปะ?" ปอพูดขึ้น"กูไม่ว่างว่ะคืนนี้" "โธ่! อะไรวะต้นกล้า?! มึงล่ะไอ้เทียน?""ไม่ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ววว แค่บอกเหงาเทียนก็พร้อมเสมอ""ให้มันได้อย่างงี้ดิวะ!!!!" ปอตะโกนลั่นพลางตบไหล่เทียนเบาๆ







