รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ เมื่อขับรถเลยบ้านหลังนั้นไปโดยหันกลับมามองแต่กลับไม่เห็นยายแก่คนนั้นอีก ผมได้ร้องเรียกแม่
"แม่ๆ เมื่อกี้แม่เห็นยายแก่ที่อยู่บ้านร้างเมื่อกี้มั้ย" ผมถามแม่ขณะที่ผมกำลังนั่งหันไปทางด้านหลังภายในรถ "คนไหนหรอจ๊ะลูก" น้ำเสียงต่ำแหบแต่มันกลับเย็นเยียบจนขนลุกซู่ เหมือนเสียงนั้นไม่ได้ออกมาจากลำคอของมนุษย์ ผมรีบหันขวับกลับมาทางแม่ทันที สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าผมคือยายแก่ที่นั่งตรงเบาะที่แม่นั่งอยู่ หน้าหันมาทางผม ใบหน้าของยายมีใบหน้าแห้งเหี่ยว กำลังยิ้มให้ผม รอยยิ้มของยายกว้างจนน่าขนลุก ผมฟูยุ่งเหยิง ตาสองข้างไม่มี ผมตกใจกลัวอย่างสุดขีดจนผมร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น ผมรีบเอามือสองข้างปิดหน้าปิดตาไว้ ทันใดนั้นเองเสียงของแม่ก็ร้องเรียกชื่อผมดังขึ้นมา "เทียน เทียน เกิดอะไรขึ้นลูก พ่อกับแม่อยู่นี่ไงลูก" แม่ถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง แม่เอามือมาจับมือผมออกเพื่อไม่ให้ผมปิดหน้าปิดตาไว้ "แม่เทียนกลัว เทียนอยากกลับบ้านแล้วฮื้อ..ฮื้ออ..ฮือ..ออ.." ผมพูดพลางร้องไห้โฮเสียงดัง "ลูกบอกแม่ได้มั้ยว่าทำไม" "ผมไม่เอาแล้วแม่ ผมอยากกลับบ้านฮื้อ..ออ..ฮืออ.." ผมร้องไห้จนแทบพูดไม่รู้เรื่อง "ลูกฟังแม่นะ มันไม่มีอะไรต้องกลัวพ่อกับแม่อยู่นี่แล้ว" แม่ผมพยายามพูดปลอบผมด้วยน้ำเสียงอย่างอ่อนโยน พ่อผมตอนนี้เงียบไม่พูดไม่จามาสักพักนึงแล้ว พอผ่านไปสักพักพ่อเริ่มปริปากพูดหลังจากที่เงียบไปนาน "ผมว่ามันแปลกๆนะ ปกติแล้วเราต้องออกไปทางถนนใหญ่ได้แล้ว แต่นี่เราวนกันอยู่ที่เดิมมาหลายรอบแล้ว" แม่และผมเริ่มสังเกตดูบรรยากาศข้างนอกรถ ซึ่งรถของพวกเราวนมายังบ้านร้างที่ผมเจอยายแก่คนนั้นมาหลายรอบแล้ว ส่วนตอนนี้พระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกดินแล้วด้วย แม่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนใบหน้าจะถอดสีอย่างเห็นได้ชัด แม่รีบหยิบพระเครื่องที่ตาเคยให้แม่ไว้จากในกระเป๋าของแม่ แม่นำพระเครื่องใส่วางในมือแล้วพนมมือขึ้นหลับตา พอผ่านไปไม่นานนักแม่ก็ได้นำพระเครื่องห้อยไว้ตรงกระจกรถตรงกลางด้านหน้า ผ่านไปไม่ถึง 20 นาที รถพวกผมก็สามารถออกมายังถนนใหญ่ได้สำเร็จ ทุกคนในรถต่างพากันเงียบตั้งแต่ที่รู้ว่าขับรถไปนานแค่ไหนก็วนกลับมาอยู่ที่บ้านร้างหลังนั้น ผมเองก็ไม่ได้ปริปากบอกทุกคนว่าผมเห็นอะไร "เทียนฟังแม่นะ ไม่ว่าลูกจะเห็นหรือได้ยินอะไร ลูกห้ามทักท้วงเด็ดขาด เข้าใจมั้ย" แม่หันหน้ามาทางผม สีหน้าของแม่จริงจังมากกว่าปกติ ผมไม่เคยเห็นแม่เป็นแบบนี้มาก่อน "ครับ" ผมตอบกลับแม่ทันที เวลา 20:13น. หลังจากผ่านเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นมาได้ก่อนหน้านั้น ทุกอย่างก็ดูกลับมาเป็นปกติดี ไม่มีอะไรติดขัดระหว่างทางเหมือนทั้งวันมานี้ จนในที่สุดพวกผมก็ขับรถมาถึงจังหวัดที่ตากับยายของผมอาศัยอยู่ ผมเริ่มรู้สึกง่วงอีกครั้ง ในขณะที่ผมกำลังจะหลับนั้น จู่ๆก็ยินคนเรียกชื่อผม "เทียน เทียน" น้ำเสียงก้องกังวานเย็นยะเยียบ ผมสะดุ้งตื่นทันที ความรู้สึกง่วงที่มีก่อนหน้าได้หายไป ผมมองออกไปยังนอกกระจกรถ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของผมคือผู้หญิงผมยาวผมปิดหน้าทางซีกหน้าขวา ใส่ชุดกระโปรงยาวจนถึงเข่าสีขาวไม่มีลาย ยืนอยู่ข้างถนนทางด้านฝั่งทางซ้ายของตำแหน่งคนนั่งข้างหน้า บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้มีป่าไม้ใหญ่กอไผ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นไม่มีแม้แต่บ้านคนอาศัยอยู่ มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่ฉายฝ่าความมืด ถนนยามค่ำเต็มไปด้วยรถที่แล่นไปมาไม่ขาดสาย ผมแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นผู้หญิงคนนั้น ผมนั่งนิ่งอยู่นาน รู้ตัวอีกทีมือทั้งสองก็เย็นเฉียบ แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทั้งที่อุณหภูมิภายในรถไม่ได้สูงมากนัก ส่วนร่างกายของผมไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ผมนั่งฟังเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นผิดจังหวะ ในสมองผมตอนนี้มีแต่คำว่ากลัว เต็มไปหมด "เทียน เทียน ตอบกลับเราหน่อยสิ" น้ำเสียงก้องกังวานเย็นยะเยียบดังขึ้นอีกครั้ง ผมนิ่งเงียบทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร แต่ร่างกายของผมกลับต่อต้าน ผมกลัวจนแทบจะฉี่แตกอยู่แล้ว ผมมองด้วยหางตามองออกไปข้างนอกกระจก ผมเห็นผีตัวนั้นยืนอยู่ทางข้างถนน ถึงแม้ว่าพ่อของผมจะขับรถผ่านกี่ครั้งต่อกี่ครั้งผีผู้หญิงชุดขาวนั่นก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม "จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอเชือกสีแดงมาแขวนคอเจ้า ขอให้เลือดของเจ้าหยดลงราวน้ำอบในพิธี ขอให้เจ้าร้องขอชีวี แต่ไม่มีใครได้ยินเสียง ขอให้เจ้าไม่มีศพให้ฝัง ไม่มีเถ้าถ่านให้โปรย ขอให้ถูกทอดทิ้งไม่หลงเหลือแม้แต่เงา ทุกภพชาติของเจ้าจะกลายเป็นฝันร้ายที่ข้านำพาไป ตราบใดที่ยังมีการเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะตามล่าเจ้าไม่มีสิ้นสุด" น้ำเสียงของเธอเบาแผ่วคำพูดแต่ละคำค่อยๆหลุดรอดออกมาจากลำคอแห้งเหือด ฟังคล้ายเสียงลมปะทะใบไม้แห้ง แต่กลับทำให้หัวใจเย็นวาบไปทั้งตัว *ฟังเพลงเพื่อเพิ่มคำอรรถรส หลังจากที่ผีตนนั้นพูดจบ จู่ๆเสียงเพลงจากเครื่องเล่นเพลงภายในรถดังขึ้น "สาปแช่งให้บรรลัย ขอเทพไทโปรดช่วยฟัง ข้าปวดร้าวฤดี ใจสลายตรงนี้ถึงชีพดับพลัน ข้าจะตามล้าง ให้มันมอดม้วย ตายตกตามกัน ไม่สิ้นวงศ์วาน ไม่หมดเวรกรรม จะอยู่ตรงนี้ เคียดแค้นชิงชัง เพราะข้าจะตาม คอยเอาชีวิต ดำดิ่งลงไป" แม่รีบเอื้อมมือไปปิดเครื่องเล่นเพลงในรถ แต่ปิดเท่าไหร่เพลงก็ยังคงเล่นอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นผมร้องไห้โฮพลางพนมมือยกมือขึ้นไว้ก้มหน้าก้มตา นึกถึงตาของผมและพระเครื่องที่แม่ห้อยไว้อยู่หน้ากระจกรถข้างหน้า ผมกลัวผมรู้สึกกลัวมาก ผมได้แต่ภาวนาขอให้ถึงบ้านตาให้โดยเร็วที่สุด ส่วนพ่อกับแม่ของผมพยายามพูดปลอบผมไม่ให้ผมกลัว แม่พยายามปิดเสียงเพลง จนในที่สุดเครื่องเล่นเพลงในรถก็ถูกปิดลงไป ทุกอย่างกลับเงียบสงบเหลือเพียงเสียงร้องสะอื้นของผม แม่ของผมหันหน้ามาทางผมแล้วจับมือผมไว้แน่นจนถึงบ้านของตา พ่อผมขับรถเข้าจอดไว้หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านไม้ทั้งหลังและมี 2 ชั้น บนชั้น 2 จะมีทั้งหมด 3 ห้อง ห้องแรกเป็นห้องพระอยู่ทางทิศตะวันออก ห้องที่สองเป็นห้องนอนของตากับยายอยู่ตรงกลางบ้าน บางครั้งตาก็ไปนอนในห้องพระ ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องไว้สำหรับพวกผม ทุกครั้งที่พวกผมมาบ้านตาก็จะพากันนอนห้องนี้เสมอซึ่งห้องนี้จะอยู่ทางทิศตะวันตก บันไดจะอยู่ตรงข้ามด้านหน้าของห้องที่พวกผมอยู่ ส่วนด้านล่างใต้ถุนบ้านก็จะมีกองฟืนไว้สำหรับทำอาหาร ส่วนตรงหน้าบ้านที่อยู่ทางขวามือจะมีแคร่ไม้ไผ่ไว้สำหรับนั่งเล่น หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อย ผมเปิดประตูรถพร้อมกับพ่อแม่ออกมา บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้เงียบสงบ มีเพียงเสียงของแมลงที่ขับกล่อมอยู่ท่ามกลางความมืด เสียงจิ้งหรีดและเรไรดังประสานกันราวกับเป็นบทเพลงของธรรมชาติ สายลมพัดเบาๆ ทำให้ใบไม้ไหวซ่า เพิ่มความรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อถึงบ้านของตากับยายได้อย่างปลอดภัย "ต๋อง แก้ว เทียน กูให่เฉพาะลูกหลานกูเข้าได้ทอนั่น ไผที่กูบ่ได้เอิ้นห้ามเข้ามาเหยียบหน้าเฮือนกูเด็ดขาด" (ต๋อง แก้ว เทียน กูให้เฉพาะลูกหลานกูเข้าได้เท่านั้น ใครที่กูไม่ได้เรียกห้ามเข้ามาเหยียบแม้แต่หน้าบ้านของกูเด็ดขาด)แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได
"เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด
ชายส่งอาหารในเสื้อแจ็กเก็ต ยื่นถุงพลาสติกที่มีคราบไอน้ำเกาะอยู่ให้เขา"ขอบคุณครับ" ขุนรับถุงอาหารมาด้วยสองมือ ชายคนนั้นยิ้มสุภาพ ก่อนหมุนตัวกลับ ขุนปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา..."มึงสั่งอะไรเยอะแยะวะ?! กินกันแค่สองคน" เทียนมองของกินตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ทั้งข้าวต้มกุ้ง ผัดผงกะหรี่ทะเล ปีกไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และผัดผักบุ้ง วางเรียงกันบนโต๊ะอาหารขุนนั่งเงียบพลางกินข้าวต้มกุ้งอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนเทียนเมื่อเห็นว่าขุนไม่ตอบอะไร ก็ไม่ได้เซ้าซี้ซักไซ้อีก แล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าเวลาผ่านไปหลายนาที ขุนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเทียนที่ยังนั่งกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย "ใส่กำไลด้วยเหรอ?" ขุนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังข้อมือซ้ายของเทียน เทียนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เหมือนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ"เพิ่งใส่วันนี้...ช่วงนี้เจออะไรแปลกๆบ่อย เลยคิดว่าเผื่อช่วยได้""มีใครทำอะไร?!"หน้าขุนนิ่งกว่าเดิม สายตาไม่ไหวติง จ้องตรงมาที่เทียนอย่างจริงจังเทียนเงียบไปชั่วอึดใจ ช้อนในมือหยุดเคลื่อนไหว กลายเป็นคนที่ไม่กล้าสบตากลับ สายตาเขาหลุบลงมองจานข้าวที่กินไปได้ครึ่งเดียว"มันไม่มีใครกล้าทำอะไรกูหรอก" เ
เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "มึงตอบพี่แตงไทยหน่อย"อ่านแล้ว "ตอบยัง"Khun_2k"ไม่" เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "เพื่อ?""ทำไมมึงไม่ไปมอวันนี้"Khun_2k"ทำไมรู้?"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"กูเก่ง สรุปเป็นไร""แดกยายัง"Khun_2k"มีแผลนิดหน่อย""กินแล้ว เหลือแต่ทำแผล"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว "แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ มึงรอไรอยู่"อ่านแล้ว "อ่านแล้วไม่ตอบ คือ..?""ทำไมไม่ทำแผลล่ะ"Khun_2k"เป็นห่วง?""อยู่หลัง แต่กินยาฆ่าเชื้อแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"มึงก็โทรเรียกแฟนมาทำให้ดิ"Khun_2k"ไม่มี อยู่คนเดียว""เหมือนมันเริ่มจะอักเสบ"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว"มึงไม่ไปให้หมอล้างให้"Khun_2k"เลือดออกอีกแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"ตายขึ้นมาก็ลำบากคนในคอนโดอีก""มึงต้องเป็นผีที่เฮี้ยนแน่นอน""บอกพิกัดมา เรื่องมากฉิบหาย"Khun_2k"คอนโดX ห้อง463"เทียนกดปิดหน้าจอ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง "พวกมึง คืนนี้เล่นเกมกันปะ?" ปอพูดขึ้น"กูไม่ว่างว่ะคืนนี้" "โธ่! อะไรวะต้นกล้า?! มึงล่ะไอ้เทียน?""ไม่ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ววว แค่บอกเหงาเทียนก็พร้อมเสมอ""ให้มันได้อย่างงี้ดิวะ!!!!" ปอตะโกนลั่นพลางตบไหล่เทียนเบาๆ
"เมื่อคืนเรื่องมันเป็นงี้..."เกือบสิบคนภายในห้อง ต่างพากันเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาทุกคู่ จ้องไปยังคนที่นั่งอยู่บนเตียง เขานั่งนิ่ง สบตากับทุกคนทีละคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทรกกลางความเงียบทุกคนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันขวับไปตามต้นเสียง เป็นของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังรีบล้วงกระเป๋ากางเกงรายชื่อที่ไม่รู้จักแสงหน้าจอสว่างวาบ เขากดปัดสายทิ้งทันที"โทษๆๆ เบอร์คอลเซ็นเตอร์โทรมา"สายตาหลายคู่ที่หันกลับไปจับจ้องที่คนอยู่บนเตียงอีกครั้ง"ระหว่างที่กูกำลั..."เสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหันก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ทุกคนสะดุ้งเฮือก เบนสายตาไปที่ประตูพร้อมกัน ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันด้วยท่าทีลังเล แววตาหลายคู่ฉายแววระแวงเล็กน้อย"มึงไปเปิดดิ ไอ้ปอ""มึงเป็นใครมาสั่งกู ไอ้เบียร์""เป็นพี่มึง""Xวย"หลังจากสิ้นเสียง ปอตัดสินใจลุกขึ้น เดินช้าๆไปยังประตูโดยมีสายตาทุกคู่ติดตามเขาไปอย่างเงียบงัน เขาหยุดอยู่ตรงหน้า มือจับลูกบิดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเปิดออกอย่างระมัดระวังสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือชายหนุ่มในชุดแจ็คเก็ตสีเขียว ถือถุงอาหารพลาสติกไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มเก้อ
เทียนค่อยๆลืมตาขึ้นกลางดึก ความเงียบงันอบอวลทั่วห้อง เขาค่อยๆหันไปยังปลายเตียงภายในห้องนอน มุมกลางห้อง ปรากฏเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ ไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก ร่างเล็กในเสื้อยืดสีดำ ยืนนิ่งจ้องมาทางเขา ด้วยแววตาว่างเปล่าแต่กลับทำให้รู้สึกสบายใจแปลกๆเทียนขยับตัวขึ้นเล็กน้อย เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเทียนจ้องเด็กคนนั้นกลับโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบผ่านหัวใจ 'ธร'ชื่อผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนสมัยเด็กของเขา คนที่เคยสัญญาจะมาส่งเขาในวันนั้น แต่ก็หายไปตลอดกาล แม้แต่ในงานศพตาของเทียนก็ไม่เห็นแม้เงาเด็กคนนั้นยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้น ชี้ไปยังลิ้นชักโต๊ะทำงาน โดยไม่เปล่งเสียงใดๆไม่พูดสักคำเขามองตามปลายนิ้วนั้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนภาพทั้งหมดจะค่อยๆเลือนหายไป"ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายเดะ...จุกสิอยู่นำไผ..ฮือออ..อออ" (ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายนะ..จุกจะอยู่กับใคร..ฮือออ..อออ) เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้องเทียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีจุกนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มกลมๆอย่างไม่อาจกลั้น มือเล็กๆเอื้อมไปแตะปลายแขนของเทียนแ