น้ำเสียงที่หนักแน่นของชายชราที่กำลังเดินลงจากบันไดชั้น 2 ของบ้านไม้ ทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบเงียบงันลงอย่างฉับพลัน ราวกับว่าโลกทั้งใบหยุดหายใจ เสียงลมที่เคยพัดผ่านก็เงียบไป ไม่มีแม้แต่เสียงแมลง ความเงียบนั้นหนาวเย็นและหนักอึ้ง แผ่ซ่านเข้ามาในทุกอณูของอากาศ ทุกคนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ บางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ กำลังเข้ามาใกล้ พวกผมทั้ง 3 คนหันหลังไปยังบริเวณหน้าบ้าน มีเงาร่างลางเลือนของผู้หญิงผมยาวชุดขาวปรากฏขึ้น ซึ่งผมเห็นเธอก่อนหน้านี้ที่เธอทำให้ผมกลัวมาก ในตอนนี้เธอยืนอยู่ท่ามกลางความมืด ผมยาวสีดำสนิทสยายปิดใบหน้า แต่แววตาที่โผล่พ้นออกมานั้นเต็มไปด้วยไฟแค้นลุกโชน ราวกับจะเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางทาง ริมฝีปากซีดคล้ำขยับพึมพำคำสาปซ้ำไปซ้ำมา เสียงนั้นเบาราวลมหายใจ แต่แฝงด้วยแรงอาฆาตแรงกล้า คอของเธอมีเลือดสีแดงคล้ำซึมออกจากรอยบาดเป็นเส้นยาว ไหลซึมลงมาตามลำคอเปรอะเสื้อจนกลายเป็นคราบดำ ผิวรอบบาดแผลบวมช้ำเป็นสีม่วงคล้ำ ราวกับเชือกนั้นไม่ได้แค่รัด แต่ตั้งใจจะปลิดลมหายใจอย่างโหดเหี้ยม ทันใดนั้นสายตาของผมไปสะดุดเข้าที่ขาสองข้างของเธอ ขาข้างซ้ายของเธอได้หายไป เหลือเพียงขาข้างขวาเท่านั้น พ่อแม่และผมต่างพากันวิ่งไปยังทางที่ตายืนอยู่ พวกผมทั้ง 3 คนวิ่งไปยืนหลบอยู่ข้างหลังตา ส่วนผมนั้นกำลังยืนกอดขาแม่เอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว แม่ยืนกอดผมเอาไว้ถึงแม้ว่าแม่เองก็มีท่าทีไม่ต่างจากผม พ่อของผมได้โอบกอดแม่ของผมเอาไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งผีตนนั้นก็กำลังกระโดดเข้ามายังบริเวณที่พวกผมยืนอยู่ แต่เธอก็ไม่สามารถเข้ามาได้
"กูบ่ให้มึงเข้า มึงอย่าหวังว่าสิเข้าเฮือนกูได้"(กูไม่ให้มึงเข้าบ้านกู มึงเองก็อย่าหวังว่าจะเข้าบ้านกูได้) น้ำเสียงของตาหนักแน่นแข็งกร้าวราวกับว่าคนที่กำลังพูดอยู่นั้นไม่ใช่ตาของผม ตาของผมจ้องตาเขม็งไปยังผีตนนั้น "บักเฒ่า มึงเฒ่ามึงกะอยู่ส่วนมึง มึงอย่าสิเสือกเรื่องของกู" (ไอ้แก่ มึงแก่มึงก็อยู่ส่วนของมึง อย่ามายุ่งกับเรื่องของกู) เธอตะโกนเสียงสูงเย็นเยียบมาจากที่ไกลๆแต่คนฟังกลับได้ฟังแล้วขนลุกซู่ "พวกกูสิเฮ็ดบุญไปหามึงดอก อย่าสิได้จองเวรจองกรรมกันเถาะ" (พวกกูจะทำบุญไปหามึงหรอก อย่าได้จองเวรจองกรรมกันเลย) "บ่ กูบ่เอากูสิตามฆ่ามันทุกซาติไป กูสิเฮ็ดให้ซีวิตมันxิบหายคือที่มันเคยเฮ็ดไว้กับกู" (ไม่ กูไม่เอากูจะตามฆ่ามันทุกชาติไป กูจะทำให้ชีวิตมันxิบหายเหมือนที่มันเคยทำไว้กับกู) เธอชี้มาที่ผมจ้องตาเขม็ง ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยโทสะ ดวงตาดำสนิทไร้ตาขาว แววตาแหลมคมจ้องทะลุทะลวงเหมือนจะแช่แข็งหัวใจคนมองได้ในเสี้ยววินาที พร้อมกับน้ำเสียงที่ตะโกนด้วยความโกรธแค้น เธอพยายามกระโดดเข้ามาอีกครั้งด้วยขาข้างเดียวของเธอ ส่วนทางด้านของตาผมก็ได้สวดแผ่เมตตาให้กับเธอ ทันใดนั้นเองรอบตัวของเธอค่อยๆมีแสงสีขาวโอบล้อมเธอไว้ "กูบ่เอา!!!!!!!กูสิฆ่ามึง" (กูไม่ต้องการ กูจะฆ่ามึง) เสียงเธอตะโกนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง แสงสีขาวอ่อนโยนที่โอบล้อมเธอไว้ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยแสงสีดำสนิทเย็นเยียบ เสียงตะโกนของเธอสะท้อนก้องไปทั่ว รุนแรงจนใบไม้สั่นไหวแม้ไร้สายลม ดวงจันทร์ถูกเมฆดำบดบังจนมืดมิด เงาต้นไม้ยาวเหยียดบิดเบี้ยวเหมือนมีชีวิต พื้นดินเริ่มสั่นเบาๆ ใบไม้แห้งปลิวว่อนขึ้นมาจากพื้นโดยไม่มีแรงผลัก กลิ่นอับชื้นของดินปนกลิ่นเน่าเหม็นโชยมาแตะจมูก เหลือเพียงเสียงบิดเบี้ยวและหลายเสียงซ้อนกันไปทั่วทุกสารทิศ "มึงตาย มึงตาย มึงตาย มึงตาย ตาย ตาย ตาย ฮ่า ฮ่ะๆๆๆๆ ฮ่าาาาาา มึงต้องตายตามกู" เสียงแหลมสูงฉีกอากาศกลางดึก กรีดผ่านแก้วหูจนเหมือนจะทำให้หัวใจหยุดเต้น มันไม่ใช่เสียงของมนุษย์ แต่เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้น *แนะนำให้ข้ามบทสวดมนต์ไปนะคะ "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ) ข้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขออำนาจแห่งแสงสว่างอันบริสุทธิ์ จงปกป้องสถานแห่งนี้ ด้วยพลังเมตตาแห่งธรรม ด้วยพลังแห่งพระโพธิสัตว์ ด้วยฤทธิ์แห่งพระอรหันต์ ด้วยความจริงแท้แห่งธรรมะ ขอจิตวิญญาณที่ยังยึดติด…จงสงบ ขอวิญญาณที่เคียดแค้น…จงปล่อยวาง ขอผู้หลงผิด…จงไปสู่แสงสว่าง จงออกไปจากที่แห่งนี้ จงปล่อยผู้คนที่นี่ให้เป็นอิสระ ด้วยเมตตา ด้วยสันติ ด้วยพลังแห่งความดี" ตากำลังพนมมือหลับตากล่าวบทสวดมนต์เพื่อไล่ให้ผีสาวตนนี้ออกไป แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังไปทั่วทุกสารทิศด้วยความเจ็บปวด "ครอบครัวของพวกมึงสิต้องพ้อแต่ความพินาศย่อยยับ บ่มีความสุขมีแต่เรื่องให้ต้องxิบหาย โดยเฉพาะมึงบักเทียน ถ้ามึงอายุครบซาวปียามได๋ มึงต้องตาย กูสิฆ่ามึงโดยโตของกูเอง"(ครอบครัวของพวกมึงจะต้องเจอแต่ความพินาศย่อยยับ ไม่มีความสุขมีแต่เรื่องให้ต้องxิบหาย โดยเฉพาะมึงไอ้เทียน ถ้ามึงอายุครบ20ปีตอนไหน มึงต้องตาย กูจะฆ่ามึงด้วยตัวของกูเอง) หลังจากที่เธอพูดจบ เสียงของเธอก็ค่อยๆหายไป จนเหลือเพียงความเงียบสงบราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย ผมมองไปยังตาของผม ใบหน้าของชายชราที่มีรอยย่นลึกตามหน้าผากและรอบดวงตา ดวงตาแฝงความกังวลลึกอยู่ภายใน ชายชราขมวดคิ้วแน่น มุมปากตกลงเล็กน้อยเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา แววตาเขามองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย คล้ายกำลังแบกรับบางสิ่งที่หนักหนาไว้ในใจ โดยไม่อาจระบายออกมาเป็นคำพูดได้ ตาหันหลังกลับมามองที่พวกผมทั้ง 3 คนซึ่งต่างคนต่างโอบกอดกันไว้แน่นด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่พบเจอก่อนหน้านี้ ตาบอกให้พวกผมขึ้นบ้าน หลังจากนั้นแม่ได้เล่าให้ตาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในระหว่างที่เดินทางมาถึงที่นี่ พอแม่เล่าจบแม่ได้ถามหายายเพราะไม่เห็นยายอยู่ในบ้าน ตาของผมได้บอกพวกผมว่ายายไปเวียนเทียนที่วัด สักพักเดี๋ยวยายก็กลับ บรรยากาศในตอนนี้เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เสียงพูดคุยค่อยๆ กลับมาอีกครั้ง ทุกคนเริ่มแลกเปลี่ยนเรื่องราวถามไถ่ชีวิตกัน รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้า เสียงหัวเราะเบาๆ แทรกเข้ามาเป็นระยะ ความตึงเครียดที่เคยปกคลุมค่อยๆจางหาย ราวกับลมเย็นที่พัดพาความกังวลออกไป เหลือเพียงความอบอุ่นที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นใหม่ในวงสนทนา ผ่านไปสักพักทุกคนก็แยกย้ายกันไป ตาของผมเดินไปยังห้องพระที่อยู่ทางทิศตะวันออก พ่อแม่ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวเข้านอนเนื่องจากความเหนื่อยล้าที่พบเจอกันในวันนี้ ส่วนผมได้เดินตามตาไปอย่างเงียบๆ ตานั่งหันหลังให้กับผม ผมค่อยๆนั่งลงเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวน ภายในห้องพระ เงียบสงบและอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปจางๆ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนหิ้งไม้สักขนาดใหญ่ เงาทองอร่ามสะท้อนแสงดูศักดิ์สิทธิ์และสงบนิ่ง ผนังห้องประดับด้วยผ้าขาวด้านล่างมีพรมผืนเล็กสำหรับนั่งสวดมนต์ มีแจกันดอกไม้ ธูป เทียน และพานน้ำเปล่าวางอย่างเป็นระเบียบ "เทียน ยามเอ็งใหย่ขึ้นเอ็งอยากสิเป็นหมอธรรมคึตาบ่" (เทียน ตอนเอ็งโตขึ้นเอ็งอยากเป็นหมอธรรมเหมือนตาไหม)แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได
"เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด
ชายส่งอาหารในเสื้อแจ็กเก็ต ยื่นถุงพลาสติกที่มีคราบไอน้ำเกาะอยู่ให้เขา"ขอบคุณครับ" ขุนรับถุงอาหารมาด้วยสองมือ ชายคนนั้นยิ้มสุภาพ ก่อนหมุนตัวกลับ ขุนปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา..."มึงสั่งอะไรเยอะแยะวะ?! กินกันแค่สองคน" เทียนมองของกินตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ทั้งข้าวต้มกุ้ง ผัดผงกะหรี่ทะเล ปีกไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และผัดผักบุ้ง วางเรียงกันบนโต๊ะอาหารขุนนั่งเงียบพลางกินข้าวต้มกุ้งอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนเทียนเมื่อเห็นว่าขุนไม่ตอบอะไร ก็ไม่ได้เซ้าซี้ซักไซ้อีก แล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าเวลาผ่านไปหลายนาที ขุนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเทียนที่ยังนั่งกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย "ใส่กำไลด้วยเหรอ?" ขุนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังข้อมือซ้ายของเทียน เทียนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เหมือนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ"เพิ่งใส่วันนี้...ช่วงนี้เจออะไรแปลกๆบ่อย เลยคิดว่าเผื่อช่วยได้""มีใครทำอะไร?!"หน้าขุนนิ่งกว่าเดิม สายตาไม่ไหวติง จ้องตรงมาที่เทียนอย่างจริงจังเทียนเงียบไปชั่วอึดใจ ช้อนในมือหยุดเคลื่อนไหว กลายเป็นคนที่ไม่กล้าสบตากลับ สายตาเขาหลุบลงมองจานข้าวที่กินไปได้ครึ่งเดียว"มันไม่มีใครกล้าทำอะไรกูหรอก" เ
เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "มึงตอบพี่แตงไทยหน่อย"อ่านแล้ว "ตอบยัง"Khun_2k"ไม่" เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "เพื่อ?""ทำไมมึงไม่ไปมอวันนี้"Khun_2k"ทำไมรู้?"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"กูเก่ง สรุปเป็นไร""แดกยายัง"Khun_2k"มีแผลนิดหน่อย""กินแล้ว เหลือแต่ทำแผล"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว "แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ มึงรอไรอยู่"อ่านแล้ว "อ่านแล้วไม่ตอบ คือ..?""ทำไมไม่ทำแผลล่ะ"Khun_2k"เป็นห่วง?""อยู่หลัง แต่กินยาฆ่าเชื้อแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"มึงก็โทรเรียกแฟนมาทำให้ดิ"Khun_2k"ไม่มี อยู่คนเดียว""เหมือนมันเริ่มจะอักเสบ"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว"มึงไม่ไปให้หมอล้างให้"Khun_2k"เลือดออกอีกแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"ตายขึ้นมาก็ลำบากคนในคอนโดอีก""มึงต้องเป็นผีที่เฮี้ยนแน่นอน""บอกพิกัดมา เรื่องมากฉิบหาย"Khun_2k"คอนโดX ห้อง463"เทียนกดปิดหน้าจอ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง "พวกมึง คืนนี้เล่นเกมกันปะ?" ปอพูดขึ้น"กูไม่ว่างว่ะคืนนี้" "โธ่! อะไรวะต้นกล้า?! มึงล่ะไอ้เทียน?""ไม่ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ววว แค่บอกเหงาเทียนก็พร้อมเสมอ""ให้มันได้อย่างงี้ดิวะ!!!!" ปอตะโกนลั่นพลางตบไหล่เทียนเบาๆ
"เมื่อคืนเรื่องมันเป็นงี้..."เกือบสิบคนภายในห้อง ต่างพากันเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาทุกคู่ จ้องไปยังคนที่นั่งอยู่บนเตียง เขานั่งนิ่ง สบตากับทุกคนทีละคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทรกกลางความเงียบทุกคนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันขวับไปตามต้นเสียง เป็นของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังรีบล้วงกระเป๋ากางเกงรายชื่อที่ไม่รู้จักแสงหน้าจอสว่างวาบ เขากดปัดสายทิ้งทันที"โทษๆๆ เบอร์คอลเซ็นเตอร์โทรมา"สายตาหลายคู่ที่หันกลับไปจับจ้องที่คนอยู่บนเตียงอีกครั้ง"ระหว่างที่กูกำลั..."เสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหันก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ทุกคนสะดุ้งเฮือก เบนสายตาไปที่ประตูพร้อมกัน ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันด้วยท่าทีลังเล แววตาหลายคู่ฉายแววระแวงเล็กน้อย"มึงไปเปิดดิ ไอ้ปอ""มึงเป็นใครมาสั่งกู ไอ้เบียร์""เป็นพี่มึง""Xวย"หลังจากสิ้นเสียง ปอตัดสินใจลุกขึ้น เดินช้าๆไปยังประตูโดยมีสายตาทุกคู่ติดตามเขาไปอย่างเงียบงัน เขาหยุดอยู่ตรงหน้า มือจับลูกบิดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเปิดออกอย่างระมัดระวังสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือชายหนุ่มในชุดแจ็คเก็ตสีเขียว ถือถุงอาหารพลาสติกไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มเก้อ
เทียนค่อยๆลืมตาขึ้นกลางดึก ความเงียบงันอบอวลทั่วห้อง เขาค่อยๆหันไปยังปลายเตียงภายในห้องนอน มุมกลางห้อง ปรากฏเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ ไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก ร่างเล็กในเสื้อยืดสีดำ ยืนนิ่งจ้องมาทางเขา ด้วยแววตาว่างเปล่าแต่กลับทำให้รู้สึกสบายใจแปลกๆเทียนขยับตัวขึ้นเล็กน้อย เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเทียนจ้องเด็กคนนั้นกลับโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบผ่านหัวใจ 'ธร'ชื่อผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนสมัยเด็กของเขา คนที่เคยสัญญาจะมาส่งเขาในวันนั้น แต่ก็หายไปตลอดกาล แม้แต่ในงานศพตาของเทียนก็ไม่เห็นแม้เงาเด็กคนนั้นยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้น ชี้ไปยังลิ้นชักโต๊ะทำงาน โดยไม่เปล่งเสียงใดๆไม่พูดสักคำเขามองตามปลายนิ้วนั้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนภาพทั้งหมดจะค่อยๆเลือนหายไป"ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายเดะ...จุกสิอยู่นำไผ..ฮือออ..อออ" (ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายนะ..จุกจะอยู่กับใคร..ฮือออ..อออ) เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้องเทียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีจุกนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มกลมๆอย่างไม่อาจกลั้น มือเล็กๆเอื้อมไปแตะปลายแขนของเทียนแ