ログインน้ำเสียงที่หนักแน่นของชายชราที่กำลังเดินลงจากบันไดชั้น 2 ของบ้านไม้ ทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบเงียบงันลงอย่างฉับพลัน ราวกับว่าโลกทั้งใบหยุดหายใจ เสียงลมที่เคยพัดผ่านก็เงียบไป ไม่มีแม้แต่เสียงแมลง ความเงียบนั้นหนาวเย็นและหนักอึ้ง แผ่ซ่านเข้ามาในทุกอณูของอากาศ ทุกคนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ บางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ กำลังเข้ามาใกล้ พวกผมทั้ง 3 คนหันหลังไปยังบริเวณหน้าบ้าน มีเงาร่างลางเลือนของผู้หญิงผมยาวชุดขาวปรากฏขึ้น ซึ่งผมเห็นเธอก่อนหน้านี้ที่เธอทำให้ผมกลัวมาก ในตอนนี้เธอยืนอยู่ท่ามกลางความมืด ผมยาวสีดำสนิทสยายปิดใบหน้า แต่แววตาที่โผล่พ้นออกมานั้นเต็มไปด้วยไฟแค้นลุกโชน ราวกับจะเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางทาง ริมฝีปากซีดคล้ำขยับพึมพำคำสาปซ้ำไปซ้ำมา เสียงนั้นเบาราวลมหายใจ แต่แฝงด้วยแรงอาฆาตแรงกล้า คอของเธอมีเลือดสีแดงคล้ำซึมออกจากรอยบาดเป็นเส้นยาว ไหลซึมลงมาตามลำคอเปรอะเสื้อจนกลายเป็นคราบดำ ผิวรอบบาดแผลบวมช้ำเป็นสีม่วงคล้ำ ราวกับเชือกนั้นไม่ได้แค่รัด แต่ตั้งใจจะปลิดลมหายใจอย่างโหดเหี้ยม ทันใดนั้นสายตาของผมไปสะดุดเข้าที่ขาสองข้างของเธอ ขาข้างซ้ายของเธอได้หายไป เหลือเพียงขาข้างขวาเท่านั้น พ่อแม่และผมต่างพากันวิ่งไปยังทางที่ตายืนอยู่ พวกผมทั้ง 3 คนวิ่งไปยืนหลบอยู่ข้างหลังตา ส่วนผมนั้นกำลังยืนกอดขาแม่เอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว แม่ยืนกอดผมเอาไว้ถึงแม้ว่าแม่เองก็มีท่าทีไม่ต่างจากผม พ่อของผมได้โอบกอดแม่ของผมเอาไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งผีตนนั้นก็กำลังกระโดดเข้ามายังบริเวณที่พวกผมยืนอยู่ แต่เธอก็ไม่สามารถเข้ามาได้
"กูบ่ให้มึงเข้า มึงอย่าหวังว่าสิเข้าเฮือนกูได้"(กูไม่ให้มึงเข้าบ้านกู มึงเองก็อย่าหวังว่าจะเข้าบ้านกูได้) น้ำเสียงของตาหนักแน่นแข็งกร้าวราวกับว่าคนที่กำลังพูดอยู่นั้นไม่ใช่ตาของผม ตาของผมจ้องตาเขม็งไปยังผีตนนั้น "บักเฒ่า มึงเฒ่ามึงกะอยู่ส่วนมึง มึงอย่าสิเสือกเรื่องของกู" (ไอ้แก่ มึงแก่มึงก็อยู่ส่วนของมึง อย่ามายุ่งกับเรื่องของกู) เธอตะโกนเสียงสูงเย็นเยียบมาจากที่ไกลๆแต่คนฟังกลับได้ฟังแล้วขนลุกซู่ "พวกกูสิเฮ็ดบุญไปหามึงดอก อย่าสิได้จองเวรจองกรรมกันเถาะ" (พวกกูจะทำบุญไปหามึงหรอก อย่าได้จองเวรจองกรรมกันเลย) "บ่ กูบ่เอากูสิตามฆ่ามันทุกซาติไป กูสิเฮ็ดให้ซีวิตมันxิบหายคือที่มันเคยเฮ็ดไว้กับกู" (ไม่ กูไม่เอากูจะตามฆ่ามันทุกชาติไป กูจะทำให้ชีวิตมันxิบหายเหมือนที่มันเคยทำไว้กับกู) เธอชี้มาที่ผมจ้องตาเขม็ง ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยโทสะ ดวงตาดำสนิทไร้ตาขาว แววตาแหลมคมจ้องทะลุทะลวงเหมือนจะแช่แข็งหัวใจคนมองได้ในเสี้ยววินาที พร้อมกับน้ำเสียงที่ตะโกนด้วยความโกรธแค้น เธอพยายามกระโดดเข้ามาอีกครั้งด้วยขาข้างเดียวของเธอ ส่วนทางด้านของตาผมก็ได้สวดแผ่เมตตาให้กับเธอ ทันใดนั้นเองรอบตัวของเธอค่อยๆมีแสงสีขาวโอบล้อมเธอไว้ "กูบ่เอา!!!!!!!กูสิฆ่ามึง" (กูไม่ต้องการ กูจะฆ่ามึง) เสียงเธอตะโกนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง แสงสีขาวอ่อนโยนที่โอบล้อมเธอไว้ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยแสงสีดำสนิทเย็นเยียบ เสียงตะโกนของเธอสะท้อนก้องไปทั่ว รุนแรงจนใบไม้สั่นไหวแม้ไร้สายลม ดวงจันทร์ถูกเมฆดำบดบังจนมืดมิด เงาต้นไม้ยาวเหยียดบิดเบี้ยวเหมือนมีชีวิต พื้นดินเริ่มสั่นเบาๆ ใบไม้แห้งปลิวว่อนขึ้นมาจากพื้นโดยไม่มีแรงผลัก กลิ่นอับชื้นของดินปนกลิ่นเน่าเหม็นโชยมาแตะจมูก เหลือเพียงเสียงบิดเบี้ยวและหลายเสียงซ้อนกันไปทั่วทุกสารทิศ "มึงตาย มึงตาย มึงตาย มึงตาย ตาย ตาย ตาย ฮ่า ฮ่ะๆๆๆๆ ฮ่าาาาาา มึงต้องตายตามกู" เสียงแหลมสูงฉีกอากาศกลางดึก กรีดผ่านแก้วหูจนเหมือนจะทำให้หัวใจหยุดเต้น มันไม่ใช่เสียงของมนุษย์ แต่เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้น *แนะนำให้ข้ามบทสวดมนต์ไปนะคะ "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ) ข้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขออำนาจแห่งแสงสว่างอันบริสุทธิ์ จงปกป้องสถานแห่งนี้ ด้วยพลังเมตตาแห่งธรรม ด้วยพลังแห่งพระโพธิสัตว์ ด้วยฤทธิ์แห่งพระอรหันต์ ด้วยความจริงแท้แห่งธรรมะ ขอจิตวิญญาณที่ยังยึดติด…จงสงบ ขอวิญญาณที่เคียดแค้น…จงปล่อยวาง ขอผู้หลงผิด…จงไปสู่แสงสว่าง จงออกไปจากที่แห่งนี้ จงปล่อยผู้คนที่นี่ให้เป็นอิสระ ด้วยเมตตา ด้วยสันติ ด้วยพลังแห่งความดี" ตากำลังพนมมือหลับตากล่าวบทสวดมนต์เพื่อไล่ให้ผีสาวตนนี้ออกไป แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังไปทั่วทุกสารทิศด้วยความเจ็บปวด "ครอบครัวของพวกมึงสิต้องพ้อแต่ความพินาศย่อยยับ บ่มีความสุขมีแต่เรื่องให้ต้องxิบหาย โดยเฉพาะมึงบักเทียน ถ้ามึงอายุครบซาวปียามได๋ มึงต้องตาย กูสิฆ่ามึงโดยโตของกูเอง"(ครอบครัวของพวกมึงจะต้องเจอแต่ความพินาศย่อยยับ ไม่มีความสุขมีแต่เรื่องให้ต้องxิบหาย โดยเฉพาะมึงไอ้เทียน ถ้ามึงอายุครบ20ปีตอนไหน มึงต้องตาย กูจะฆ่ามึงด้วยตัวของกูเอง) หลังจากที่เธอพูดจบ เสียงของเธอก็ค่อยๆหายไป จนเหลือเพียงความเงียบสงบราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย ผมมองไปยังตาของผม ใบหน้าของชายชราที่มีรอยย่นลึกตามหน้าผากและรอบดวงตา ดวงตาแฝงความกังวลลึกอยู่ภายใน ชายชราขมวดคิ้วแน่น มุมปากตกลงเล็กน้อยเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา แววตาเขามองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย คล้ายกำลังแบกรับบางสิ่งที่หนักหนาไว้ในใจ โดยไม่อาจระบายออกมาเป็นคำพูดได้ ตาหันหลังกลับมามองที่พวกผมทั้ง 3 คนซึ่งต่างคนต่างโอบกอดกันไว้แน่นด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่พบเจอก่อนหน้านี้ ตาบอกให้พวกผมขึ้นบ้าน หลังจากนั้นแม่ได้เล่าให้ตาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในระหว่างที่เดินทางมาถึงที่นี่ พอแม่เล่าจบแม่ได้ถามหายายเพราะไม่เห็นยายอยู่ในบ้าน ตาของผมได้บอกพวกผมว่ายายไปเวียนเทียนที่วัด สักพักเดี๋ยวยายก็กลับ บรรยากาศในตอนนี้เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เสียงพูดคุยค่อยๆ กลับมาอีกครั้ง ทุกคนเริ่มแลกเปลี่ยนเรื่องราวถามไถ่ชีวิตกัน รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้า เสียงหัวเราะเบาๆ แทรกเข้ามาเป็นระยะ ความตึงเครียดที่เคยปกคลุมค่อยๆจางหาย ราวกับลมเย็นที่พัดพาความกังวลออกไป เหลือเพียงความอบอุ่นที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นใหม่ในวงสนทนา ผ่านไปสักพักทุกคนก็แยกย้ายกันไป ตาของผมเดินไปยังห้องพระที่อยู่ทางทิศตะวันออก พ่อแม่ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวเข้านอนเนื่องจากความเหนื่อยล้าที่พบเจอกันในวันนี้ ส่วนผมได้เดินตามตาไปอย่างเงียบๆ ตานั่งหันหลังให้กับผม ผมค่อยๆนั่งลงเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวน ภายในห้องพระ เงียบสงบและอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปจางๆ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนหิ้งไม้สักขนาดใหญ่ เงาทองอร่ามสะท้อนแสงดูศักดิ์สิทธิ์และสงบนิ่ง ผนังห้องประดับด้วยผ้าขาวด้านล่างมีพรมผืนเล็กสำหรับนั่งสวดมนต์ มีแจกันดอกไม้ ธูป เทียน และพานน้ำเปล่าวางอย่างเป็นระเบียบ "เทียน ยามเอ็งใหย่ขึ้นเอ็งอยากสิเป็นหมอธรรมคึตาบ่" (เทียน ตอนเอ็งโตขึ้นเอ็งอยากเป็นหมอธรรมเหมือนตาไหม)ขุนผลักบานประตูให้เปิดออก เทียนก้าวเข้ามาในห้องก่อนโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เสียงฝีเท้าดังแผ่วเบาก้องท่ามกลางความเงียบ ไม่นานนักไฟในห้องก็ค่อยๆสว่างขึ้น เขาปิดประตูตามหลัง ก่อนจะยืนอยู่ไม่ไกลจากเทียน ทั้งสองยังคงนิ่ง ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้น ราวกับต่างฝ่ายต่างกำลังรอให้ใครสักคนเริ่มพูดก่อน ในที่สุด ขุนก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น พลางเอ่ยเสียงเรียบ " อยากกินอะไรไหม?" "หื่อ ตอนนี้ยังไม่หิว" "แน่ใจ?" "ก็เออดิ ถามอยู่ได้" ขุนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงของเทียน "..." "...โกรธอะไร จะได้ขอโทษ" "แล้วทำไมกูต้องโกรธมึงด้วยมิทราบครับ" เทียนมองด้วยสีหน้าไม่พอใจปนหงุดหงิดเล็กน้อย บรรยากาศในห้องยังเงียบ ขุนจ้องเทียนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยช้าๆ "รู้ไหม ว่าตัวเองเป็นคนโกหกไม่เก่ง" เทียนนิ่งไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินขุนพูดแบบนั้น เขาเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ "อะไรของนายอีกเนี่ย ก็กูไม่หิว! มึงเซ้าซี้กูอยู่ได้" เทียนตอบสั้นๆ น้ำเสียงหงุดหงิดยังไม่ลดลง ขุนมองหน้าเทียนตรงๆไม่หลบสายตา เทียนยังทำหน้าดุใส่ขุนอยู่ แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปากเถียงต่อ เสียงท้องของเขาดันร้องดังขึ้นมากอย่
"สวัสดีค่าา ยินดีตอนรับเข้าสู่ช่วงQ&A ถามปุ๊บตอบปั๊บ ถามปั๊บปั๊บตอบปุ๊บปุ๊บEP.4แล้วนะคะ~""แขกรับเชิญของเราก็คือออออ..เดือนมหาลัยปีนี้ น้องขุนค่าาาาาาาาา!!"ทั้งพิธีกรกับน้องขุนยกมือไหว้พร้อมกัน"ทุกคนคะ! ตัวจริงน้องขุนหล่อม้ากกกกกกก ทำเอาพิธีกรเกร็งเลยค่ะ5555555""ขอบคุณครับ" น้ำเสียงของขุนเรียบนิ่ง ไม่มีวี่แววตื่นเต้น หรือเคอะเขินรุ่นพี่พิธีกรกลับหัวเราะกลบความเงียบได้อย่างมืออาชีพ เธอกำลังนั่งไขว่ห้างอย่างเป็นกันเองบนเก้าอี้ทรงสูง ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา สวมชุดนักศึกษาแบบเรียบร้อย"เอาล่ะค่าาา วันนี้เราจะมาถามคำถามสั้นๆ สนุกๆ ให้แฟนๆ ได้รู้จักตัวตนของขุนมากขึ้น! ทั้งหมดมี 10 คำถามค่ะ พร้อมยังคะ?""ครับ""คำถามแรก ทำไมถึงได้ชื่อเล่นว่า ขุน คะ?""...""ตาเป็นคนตั้งให้...ผมเองก็ไม่ทราบครับ"พิธีกรถึงกับชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบส่งยิ้มกลบอึดอัด"เราไปกันต่อที่คำถามต่อไปดีกว่าค่าาาา~""คำถามที่สอง ชอบสีอะไรคะ?""ดำครับ""คำถามที่สาม งานอดิเรกที่ชอบทำค่ะ""แกะเพลงเล่นเปียโนครับ"รุ่นพี่พิธีกรพลิกกระดาษคำถามในมืออีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย"แล้ววว~ น้องขุนมีแพลนจ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได
"เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด
ชายส่งอาหารในเสื้อแจ็กเก็ต ยื่นถุงพลาสติกที่มีคราบไอน้ำเกาะอยู่ให้เขา"ขอบคุณครับ" ขุนรับถุงอาหารมาด้วยสองมือ ชายคนนั้นยิ้มสุภาพ ก่อนหมุนตัวกลับ ขุนปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา..."มึงสั่งอะไรเยอะแยะวะ?! กินกันแค่สองคน" เทียนมองของกินตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ทั้งข้าวต้มกุ้ง ผัดผงกะหรี่ทะเล ปีกไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และผัดผักบุ้ง วางเรียงกันบนโต๊ะอาหารขุนนั่งเงียบพลางกินข้าวต้มกุ้งอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนเทียนเมื่อเห็นว่าขุนไม่ตอบอะไร ก็ไม่ได้เซ้าซี้ซักไซ้อีก แล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าเวลาผ่านไปหลายนาที ขุนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเทียนที่ยังนั่งกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย "ใส่กำไลด้วยเหรอ?" ขุนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังข้อมือซ้ายของเทียน เทียนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เหมือนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ"เพิ่งใส่วันนี้...ช่วงนี้เจออะไรแปลกๆบ่อย เลยคิดว่าเผื่อช่วยได้""มีใครทำอะไร?!"หน้าขุนนิ่งกว่าเดิม สายตาไม่ไหวติง จ้องตรงมาที่เทียนอย่างจริงจังเทียนเงียบไปชั่วอึดใจ ช้อนในมือหยุดเคลื่อนไหว กลายเป็นคนที่ไม่กล้าสบตากลับ สายตาเขาหลุบลงมองจานข้าวที่กินไปได้ครึ่งเดียว"มันไม่มีใครกล้าทำอะไรกูหรอก" เ
เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "มึงตอบพี่แตงไทยหน่อย"อ่านแล้ว "ตอบยัง"Khun_2k"ไม่" เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "เพื่อ?""ทำไมมึงไม่ไปมอวันนี้"Khun_2k"ทำไมรู้?"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"กูเก่ง สรุปเป็นไร""แดกยายัง"Khun_2k"มีแผลนิดหน่อย""กินแล้ว เหลือแต่ทำแผล"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว "แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ มึงรอไรอยู่"อ่านแล้ว "อ่านแล้วไม่ตอบ คือ..?""ทำไมไม่ทำแผลล่ะ"Khun_2k"เป็นห่วง?""อยู่หลัง แต่กินยาฆ่าเชื้อแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"มึงก็โทรเรียกแฟนมาทำให้ดิ"Khun_2k"ไม่มี อยู่คนเดียว""เหมือนมันเริ่มจะอักเสบ"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว"มึงไม่ไปให้หมอล้างให้"Khun_2k"เลือดออกอีกแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"ตายขึ้นมาก็ลำบากคนในคอนโดอีก""มึงต้องเป็นผีที่เฮี้ยนแน่นอน""บอกพิกัดมา เรื่องมากฉิบหาย"Khun_2k"คอนโดX ห้อง463"เทียนกดปิดหน้าจอ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง "พวกมึง คืนนี้เล่นเกมกันปะ?" ปอพูดขึ้น"กูไม่ว่างว่ะคืนนี้" "โธ่! อะไรวะต้นกล้า?! มึงล่ะไอ้เทียน?""ไม่ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ววว แค่บอกเหงาเทียนก็พร้อมเสมอ""ให้มันได้อย่างงี้ดิวะ!!!!" ปอตะโกนลั่นพลางตบไหล่เทียนเบาๆ







