로그인
ตอนที่ 1
ความทรงจำที่เลวร้าย........
“ภพ”
เทวนาถเรียกชื่อลูกชายที่กำลังทำเป็นมองไม่เห็นเขาที่นั่งรออยู่ที่โซฟากลางบ้าน
“คุณพ่อ...มานั่งทำไมตรงนี้ ดึกแล้วยังไม่เข้านอนพรุ่งนี้จะความดันสูงได้นะครับ”
ธีภพเมื่อหลีกไม่ได้ก็เปลี่ยนใจกลับมานั่งคุยกับบิดาแทนทั้งที่รู้ว่าพ่อของเขากำลังจะพูดเรื่องที่เขาไม่อยากฟัง
“ลูกจำอาพชรเพื่อนของพ่อที่เคยมาที่บ้านเราบ่อย ๆ จำได้ไหม วันนี้ลูกสาวเขาโทรศัพท์มาบอกพ่อว่าพชรมีอาการ หัวใจล้มเหลวเฉีบพลัน พ่อตามไปที่โรงพยาบาลแต่ไม่ทัน ทุกอย่างมันเร็วมากเมื่อวานตอนบ่ายยังไปดื่มกาแฟด้วยกันอยู่เลย ”
“ผมเสียใจด้วยนะครับคุณพ่อ ”
ธีภพไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อเพราะตอนนี้บิดาของเขาอยู่ในห้วงอารมณ์ที่เศร้าจนเขาไม่กล้าพูดอะไรมาก
“ชีวิตพ่อก็ยังไม่รู้ว่าจะมีพรุ่งนี้ได้อีกสักกี่วัน ธีภพลูกก็รู้ว่าพ่อมีห่วงอยู่เพียงเรื่องเดียวมันยากนักหรือที่ลูกจะทำให้พ่อสบายใจหรือจะรอให้พ่อต้องไปอย่างพชรลูกถึงจะทำให้พ่อได้”
เทวนาถพูดจบก็ลุกจากโซฟาและเดินขึ้นไปยังห้องนอนด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังสิ้นหวัง
ธีภพเติบโตมากับความเกลียดชังคำว่าครอบครัวเพราะมารดาของเขาทิ้งครอบครัวไปกับผู้ชายคนใหม่ตั้งแต่ชายหนุ่มอายุได้แค่เพียงสิบปี
วิกานดาแต่งงานกับธีภพเพราะถูกครอบครัวของเธอบังคับและตอนนั้นวิกานดาเองก็มีคนรักอยู่แล้ว ชีวิตแต่งงานของทั้งคู่แทบไม่มีความสุข เทวนาถเอาแต่หวาดระแวงว่าภรรยาของเขาจะกลับไปหาคนรักเก่าทั้งที่วิกานดาเองไม่เคยทำอะไรที่เป็นการนอกใจเลยสักครั้ง
ธีภพเกิดและเติบโตมากับครอบครัวที่มีแต่การทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกันแทบไม่เว้นแต่ละวันจนในที่สุดวันหนึ่งมารดาของเขาก็ตัดสินใจเดินออกไปจากบ้านและไม่กลับมาอีกเลย ชายหนุ่มจึงตั้งใจมาตลอดว่าเขาจะไม่มีทางมีครอบครัวเขาจะอยู่คนเดียวและนี่คือสิ่งเดียวที่ทำให้ธีภพทุกข์ใจเพราะเขาอยากเห็นลูกชายมีครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างน้อยมันก็จะทำให้เขาหมดห่วงถ้าวันหนึ่งต้องจากโลกนี้ไป
ชายหนุ่มที่กำลังนั่งคิดถึงภาพครอบครัวของเขาเมื่อในอดีตกลับมามีสติอยู่กับปัจจุบันอีกครั้งเมื่อมีคนโทรศัพท์มา
“คุณธีภพใช่ไหมคะ ธิชาเองนะคะที่เช่าคอนโดมิเนียมของคุณ”
คนโทรศัพท์มารีบแนะนำตัวเองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะจำเสียงเธอไม่ได้แน่
“ผมจำได้แล้วครับว่าแต่มีอะไรโทรมาดึกแบบนี้”
“เมื่อสักครู่มีคนมาเคาะประตูที่ห้องค่ะแต่ธิชาไม่รู้จักเลยไม่ยอมเปิดให้ เขาบอกว่าชื่อณภัทร ธิชาเลยคิดว่าคุณน่าจะรู้จัก”
ธีภพนึกขึ้นมาได้ว่าเขาลืมบอกเพื่อนสนิทว่าตอนนี้คอนโดมิเนียมของเขามีคนมาเช่าแล้วเพราะปกติแล้วห้องที่ธิชาเช่า ธีภพจะเก็บไว้พักเองแต่ด้วยความสงสารหญิงสาวที่เป็นคนต่างจังหวัดเงินเดือนก็น้อยมีพนักงงานที่บริษัทแนะนำมาชายหนุ่มเลยใจอ่อนยอมให้เช่าในราคาที่ถูกมาก
“เขาเป็นเพื่อนของผมเอง ขอโทษด้วยนะพอดีผมลืมบอกเขาไปว่าคุณมาเช่าแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะตอนแรกที่ธิชากลัวเพราะคิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ เอ่อ..คุณธีภพเรียกธิชาเฉย ๆ ก็ได้นะได้ยินคุณเรียกว่าคุณที่ไรไม่คุ้นหูเลย”
ธิชาสาวน้อยจากต่างจังหวัดเธอเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยจึงตัดสินใจเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพและตอนนี้เธอก็ได้งานที่บริษัทของธีภพแต่อยู่ในแผนกที่อยู่คนละที่กับชายหนุ่มทั้งคู่จึงไม่เคยเจอกันได้มารู้จักกันครั้งนี้เพราะเลขาของชายหนุ่มแนะนำให้ธิชามาขอเช่าคอนโดมิเนียมจากเจ้านายเผื่อจะได้ราคาถูก
“ผมเรียกคุณว่าธิชาก็ได้แต่ช่วยเรียกผมว่าคุณธีก็พอไม่ต้องมาเต็มยศแต่ก็ดีนะไม่เรียกนามสกุลด้วย”
ทั้งสองต่างพากันหัวเราะด้วยความสนุกสนานเมื่อยิ่งคุยกันก็ยิ่งรู้สึกถูกคอจนต่างพากันลืมเวลาไปจากที่ตอนแรกหญิงสาวตั้งใจจะแค่โทรศัพท์มาถามเรื่องที่มีคนมาเคาะประตูตอนนี้กลายเป็นคุยกันจนถึงตอนเด็ก ๆ ไปแล้ว ส่วนใหญ่ธีภพจะเป็นฝ่ายฟังเพราะอีกฝ่ายพูดเก่งมากจนชายหนุ่มหาโอกาสพูดตอบแทบไม่ทัน
“คุณธีเราคุยกันเกือบสองชั่วโมงแล้วธิชาขอตัวไปนอนก่อนนะคะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ารถติดกว่าจะถึงที่บริษัทจะสายเอา นอนหลับฝันดีนะคะ”
ธีภพนั่งยิ้มอยู่คนเดียวหลังจากที่ปลายสายวางสายไปแล้ว นานมากที่ธีภพรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คุยกับใครสนุกแบบนี้มาก่อนเพราะชีวิตของเขามีแค่เพียงพนักงานที่บริษัทแต่ที่จะคุยกันมากก็เลขาหน้าห้องเท่านั้น เพื่อนตอนนี้ก็มีแค่ณภัทรคนเดียวซึ่งก็หาโอกาสคุยกันได้ไม่บ่อยเพราะอีกฝ่ายมีสาวให้ไปเดทไม่เว้นแต่ละวัน
ห้องนอนที่ตอนนี้มันดูอ้างว้างให้ความรู้สึกเหงามากขึ้นเมื่อภาพความทรงจำเก่า ๆ ย้อนคืนมา เสียงของพ่อกับแม่ที่ทะเลาะกันยังดังอยู่ในความคิดถึง คำพูดด่าทอที่ชายหนุ่มฟังจนคุ้นหูถึงแม้มันจะผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วแต่เขาไม่เคยลืมมันได้สักวัน
ธีภพเคยพยายามที่จะหาผู้หญิงสักคนมาเป็นแฟนและแต่งงานตามที่บิดาต้องการแต่สุดท้ายเขาก็ไม่เคยทำสำเร็จบางคนเขาก็เป็นฝ่ายทิ้งหรือไม่ก็ฝ่ายหญิงทนความเฉยชาของเขาไม่ได้ทิ้งไปเองก็มี
เรื่องราวของอาพชรที่บิดาของเขาพูดถึงวันนี้ทำให้ธีภพตัดสินใจที่จะลองเริ่มต้นมองหาใครสักคนที่จะเข้ามาทำให้เขาอยากมีครอบครัวแต่ตอนนี้ชายหนุ่มยังคิดไม่ออกเพราะผู้หญิงในชีวิตเขานอกจากพนักงานก็ไม่มีใครเลย
ค่ำคืนนี้คงเหมือนคืนอื่น ๆ คือลงท้ายด้วยการนอนไม่หลับเพราะเรื่องราวในอดีตที่วนเวียนอยู่ในความคิดไม่ยอมหายไปจากความคิดสักทีแต่นอกเหนือจากฝันร้ายคืนนี้ธีภพมีหญิงสาวที่เขาเพิ่งจะรู้จักเข้ามาอยู่ในความฝันด้วย รอยยิ้มของธิชาลอยมาแทนที่ใบหน้าที่อาบน้ำตาของมารดาที่ชายหนุ่มเคยฝันเห็นทุกวัน
“ยายพูดเก่ง....ตามมาพูดถึงในฝันเลย”
ธีภพสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เขาส่ายหัวอมยิ้มเมื่อคิดถึงความฝันที่อยู่ดี ๆ ก็มีหน้าของหญิงสาวพูดเก่งเข้าไปอยู่ในความฝันด้วย
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb