LOGINตอนที่9
หลงลืม
การเริ่มต้นกิจการขายเสื้อผ้าออนไลน์ของก้ามปูกำลังไปได้ดี จากเสื้อผ้าตอนนี้เธอนำเข้าสินค้าหลายชิ้นจากประเทศจีนเข้ามาขายเป็นจำนวนมาก โดยมีชลธีผู้เป็นพ่อคอยให้ความช่วยเหลทอเรื่องการสั่งของและส่งของให้กับลูกค้า
จากการขายปลีกเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ก็พัฒนาจนเป็นการขายส่ง มีบางวันที่ก้ามปูกลับไปนอนที่บ้านเพื่อจัดาการเรื่องการซื้อสินค้า เพราะชลธีจะเดินทางไปซื้อให้ลูกสาวด้วยตัวเองพร้อมกับเด็กรับใช้ที่บ้านอีกหนึ่งคน
กรณ์รู้สึกว่าตัวเองตัดสินในไม่ผิดที่เลือกก้ามปูมาเป็นสะใภ้ จากเด็กสาวที่ดูเรียบร้อยเมื่อสมัยเรียน แต่พอโตขึ้นมีครอบครัวกลับมีหัวการค้าสมกับที่เป็นสะใภ้นักธุรกิจ แต่ความคิดของพ่อสามีตรงข้ามกับภรรยาเพราะมณีกำลังมองว่า ลูกสะใภ้กับลูกชายกำลังเหินห่างกัน
“มัวแต่ชื่นชมในความเก่งของลูกสะใภ้ ระวังเถอะลูกชายเราจะโดนทิ้งไม่รู้ตัว”
มณีหันมาต่อว่าสามี ที่ชอบพูดชมก้ามปูเรื่องความเก่งในด้านของการค้าขาย
“ถ้ากวินมันจะโดนทิ้งก็สมควรแล้ว แต่งงานกันมาได้จะครึ่งปีแล้ว เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายของเธอยังไม่เลิกยุ่งกับคนรักเก่า ในเมื่อแยกไม่ออกว่าสิ่งไหนเพชรสิ่งไหนกรวด ก็คงสมควรจะโดนทิ้ง”
กรณ์ไม่เข้าข้างลูกชาย เพราะเขามองว่า ถึงแม้กวินกับขวัญวิภาจะไม่ได้กลับมามีความสัมพันธ์กัน แต่การให้ความช่วยเหลือดูแล กวินก็ทำเกินหน้าที่เจ้านายไป
“คุณก็ไม่เข้าข้างลูกเลย สงสัยฉันคงต้องจัดการคุยกับลูกให้รู้เรื่องแล้ว ยิ่งตอนนี้หนูก้ามปูก็กลับไปนอนบ้านเธออยู่บ่อยๆ ลูกค้าก็มีหน้าตาดีฐานะดีเข้ามาติดต่ออยู่เรื่อยๆ ฉันกลัวประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยเอา”
เมื่อครั้งที่กวินกับขวัญวิภาต้องเลิกกัน ก็เพราะชายหนุ่มเอาแต่สนใจเรื่องงานและไปให้ควาสนิทสนมกับลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งจนขวัญต้องประชดโดยการไปคบหากับลูกค้าชาวเกาหลี แต่ความสัมพันธ์มันดันเกินเลย จึงทำให้ทั้งคู่ต้องเลิกกัน มณีกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
“กวินแม่มีเรื่องขอคุยด้วยหน่อย”
มณีนั่งรอลูกชายอยู่ที่ห้องรับแขก เพราะเธอทนไม่ไหวอีกแล้ว และวันนี้ก็เหมาะที่จะคุยมากที่สุด เพราะก้ามปูกลับไปนอนที่บ้านของเธอ
“วันนี้ก้ามปูกลับไปนอนที่บ้านเธออีกแล้วนะ” มณีเริ่มเข้าเรื่อง
“ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ก้ามปูเขาบอกต้องไปจัดการเรื่องสินค้าก่อนพ่อจะไปเอาของที่จีนให้ แต่เธอก็ไปนอนแค่เดือนละครั้ง”
“แต่ถ้าลูกยังทำแบบนี้ ก้ามปูจะกลับไปอยู่บ้านของเธอตลอดชีวิตแน่นอน”
“คุณแม่พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกันครับ”
กวินไม่ได้แกล้งไม่รู้แต่เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาทำอะไรผิด ภรรยาของเขาจึงจะกลับไปอยู่บ้านเลยตามที่มารดาพูด
“ลูกคิดว่าที่ลูกคอยไปดูแลแม่ขวัญวิภาคนรักเก่าคือสิ่งที่สมควรแล้วใช่ไหม แม่จะไม่ว่าถ้าวันนี้ลูกไม่มีครอครัว ดูพี่กวีครอบครัวเขามีความสุขแค่ไหน ไปไหนเขาก็ไปกับกุ้งนาง ไม่ใช่ว่าพี่เขาไม่มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิต แต่เขารู้จักว่าควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร”
“ผมกับขวัญวิภาเราแค่เป็นเพื่อนกัน ผมสงสารเธอ ก็แค่นั้น” กวินอธิบาย
“แต่สำหรับก้ามปู เขาคงไม่คิดแบบลูก และการที่ลูกเอาเวลาครอบครัวไปสงสารคนอื่น อีกหน่อยคนที่น่าสงสารคือตัวลูกเอง เป็นสามีภรรยากันลูกดูไม่ออกเหรอ ว่าเมียของลูกเขาไม่เคยถามหรือก้าวก่ายเลย ว่าลูกไปไหน ทำไมกลับมืด เพราะนั่นเขากำลังนับถอยหลังแล้ว แม่เตือนได้แค่นี้ ถ้าเลือกจะรักษาผู้หญิงอย่างขวัญวิภา ลูกก็ต้องยอมเสียผู้หญิงอย่างก้ามปูไป ”
กวินเดินกลับขึ้นไปอาบน้ำ เขามองเตียงที่เคยมีภรรยาให้เขานอนกอดทุกคืน เขาคิดแต่เพียงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่ได้นอกใจ แต่คำพูดของมารดาทำให้เขาคิดได้ว่า ก้ามปูไม่ใช่ของตาย แล้วเวลาที่เขากลับมาไม่เจอเธอในห้องมันเหงาแค่ไหน เธอก็คงเหงามากเหมือนกัน ที่ถูกเขาทิ้งให้นอนรอจนดึกอยู่บ่อยๆ
ชายหนุ่มคิดตามภาษาผู้ชายว่าการที่ผู้หญิงไม่พูด ไม่ว่า ไม่ถาม แปลว่าเธอไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกใจคอไม่ดี เหมือนทุกอย่างที่เธอเจ็บเธอเก็บมันไว้และรอวันที่จะไปจากเขา
คืนนี้กวินตัดสินใจขับรถไปที่บ้านของพ่อตา เขาถามหัวใจตัวเองแล้ว ว่าเขาจะเลือกที่จะสงสารคนรักเก่าและยอมเสียภรรยาไปไหม เมื่อหัวใจมันได้คำตอบ เขาก็ตอบตัวเองได้ทันทีว่าเขารักก้ามปูมาก มากจนลืมคิดว่าความรักไม่ใช่แค่ความรู้สึกแต่มันต้องแสดงออก
นอกจากนี้กวินตั้งใจที่จะพาก้ามปูไปเห็นไปรับรู้ว่าที่เขากลับบ้านดึกเพราะอะไร เขาไม่เคยบอกเธอเพราะคิดว่าเธอคงไม่ได้อยากรู้ แต่ตอนนี้กวินคิดว่าก้ามปูคงคิดไปแล้วว่าเขานอกใจเธอ
กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ดึกแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะลางานเพราะกว่าจะขับรถไปถึงบ้านก้ามปูก็คงดึกมากแล้วเขาตั้งใจว่าพรุ่งนี้เขาจะพาเธอไปที่บ้านของขวัญวิภาและเล่าความจริงทุกอย่างให้เธอฟัง
ชายหนุ่มไม่ผัดเวลาอีกแล้ว เพราะเขาเคยสูญเสียคนรักไปเพียงเพราะคิดว่าแค่รักก็เพียงพอ แต่ตอนนี้เขามีภรรยาเขามีคอบครัว เขาจะไม่ยอมเสียคนที่รักไปอีก
“มาทำไมคะดึกแล้ว พรุ่งนี้พี่กวินก็ต้องไปทำงานอีก”
ก้ามปูตกใจ เมื่อชายหนุ่มโทรศัพท์ให้เธอลงไปเปิดประตูบ้านให้
“คิดถึง”
กวินตอบเพียงสั้นเพราะคิดว่าพรุ่งนี้เขาคงต้องคุยยาวๆกับภรรยา คืนนี้ขอให้ได้นอนกอดได้ทวงความเป็นสามีที่ว่างเว้นมาหลายคืนก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
ก้ามปูเองทั้งตกใจ สงสัย เพราะเธอมานอนที่นี่ทุกเดือนไม่เห็นสามีของเธอจะตามมา หญิงสาวอดคิดมากไม่ได้ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับสามีของเธอ
“ปิดไฟนอนดีกว่า ไม่ได้ชื่นใจเมียมาหลายวัน คืนนี้ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียหน่อย”
กวินประทับรอยความรัก เพราะกลัวจะสูญเสียเจ้าสาวตัวแสบของเขาไป แต่งานมาครึ่งปีแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีตัวเล็กกับเขาเสียที คงเป็นเพราะตัวเขาเองที่มัวแต่ให้ความสำคัญคนอื่นจนลืมให้ความสำคัญกับหัวใจของตัวเอง
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







