共有

ตอนที่ 2 ลอยคอในทะเล

last update 最終更新日: 2025-02-20 16:42:41

คนป่าที่ 2

ลอยคอในทะเล

              เรือเดินสมุทรลำใหญ่มุ่งสู่ตะวันออก จากนั้นลงใต้ไปเรื่อย อ้อมผ่านเกาะน้อยใหญ่มากมาย แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรือลำนี้ เพราะดินแดนที่หยินว่านลุ่ยต้องการไปคืออินตูนั่นเอง

              นับตั้งแต่ราชสำนักต้าเว่ยมีคำสั่งเปิดประเทศเมื่อแปดสิบกว่าปีก่อน พ่อค้าได้รับอนุญาตให้ทำการค้าทางทะเลได้ จึงทำให้เกิดสมาคมการค้า โดยตระกูลของนางเป็นเจ้าแรกๆที่ตกลงกับราชสำนัก จ่ายเงินเข้าคลังหลวงหนึ่งส่วน เพื่อเดินทางได้ถูกต้องตามกฎหมาย

              หนึ่งส่วนที่ว่าคือราคาสินค้าบนเรือ ไม่ว่าขาไปหรือกลับ ทำกำไลน้อยหรือมาก ขาดทุนหรือไม่ราชสำนักไม่สน เจ้าหน้าที่จัดเก็บภาษีจะตีราคาเรือทุกลำ ผู้เป็นเจ้าของต้องจ่ายเงินก่อนถึงจะนำเรือออกหรือเข้าฝั่งได้ แต่ละปีเงินตรงส่วนนี้นำมาจุนเจือท้องพระคลังหลวงได้ไม่น้อย มากกว่าภาษีที่เก็บได้จากภาคตะวันตกทั้งหมดเสียอีก

              ว่านลุ่ยมีหัวด้านการค้าแต่เล็ก นางได้เงินก้อนแรกจากบิดาก็นำมาซื้อแพรพับเนื้อหยาบทั้งหมด ฝากไปกับเรือสินค้าท่านลุง ขอให้เค้านำไปแลกกับเครื่องเทศในราคาหนึ่งพับต่อน้ำหนักสิบชั่ง เมื่อเรือท่านลุงกลับในฤดูหนาวปีถัดมา นางก็มีเครื่องเทศปรุงรสกว่าสองหมื่นชั่งอยู่ในโกดังสินค้าของตนเองแล้ว

   

              การค้าเช่นนี้ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่ที่แปลกคือว่านลุ่ยเลือกซื้อเครื่องเทศ ตอนนั้นกระแสอัญมณีอินตูกำลังมาแรง พ่อค้าส่วนมากที่มีเรือออกทะเลมักจะนำเครื่องประดับเหล่านั้นกลับมา ดังนั้นสิ่งที่ว่านลุ่ยคิดจึงทำให้ท่านลุงของตนถึงกับงุนงง

              หากแต่เค้าก็งงงวยได้ไม่นาน เพราะปีต่อมาว่านลุ่ยขายเครื่องเทศเหล่านั้นในราคา หนึ่งชั่งต่อสี่ตำลึง มาถึงต้อนนี้คนในครอบครัวต่างเข้าใจทุกอย่างแล้ว

               ขาไปขนแพรพรรณราคาพับละแปดตำลึงไปสองพันพับ เสียภาษีเพียงแค่หนึ่งพันหกร้อยตำลึง ขากลับขนเครื่องเทศสองหมื่นชั่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตีราคาพบว่าเพียงเป็นเครื่องเทศก็ใช้หลักการตลาดทั่วไปคิด โดยนำราคากลางของต้าเว่ยมาคำนวณ อย่างมากเครื่องปรุงก็มีค่าเพียงชั่งละไม่กี่ร้อยเหวินเท่านั้นเอง

              พันเหวินเท่ากับหนึ่งตำลึงเงิน เครื่องเทศอินตูของว่านลุยถูกตีราคาแค่สามร้อยเหวิน เมื่อคำนวณทั้งหมดสองหมื่นชั่งก็มีค่าเพียงหกพันตำลึง ดังนั้นนางจ่ายภาษีแค่หกร้อย รวมไปกลับเสียภาษีไปทั้งสิ้นสองพันสองร้อยตำลึง

              ตระกูลหยินสายหลักสายรองเมื่อรับทราบความร้ายกาจของว่านลุ่ย ทุกคนต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป พวกบุรุษในตระกูลรู้สึกอับอายไม่น้อย ไฉนพวกตนคิดไม่ถึงการค้าจุดนี้ กับเลือกทำกำไลจากสินค้าที่มีราคาสูง ออกเรือไปสองเที่ยวยังไม่ได้เงินเท่าผู้หลานส่งไปเที่ยวเดียว

              ว่านลุ่ยใช้เวลาสามปีขายเครื่องเทศที่ได้มาจนหมด นี่เป็นสิ่งของจากอินตู ผู้อื่นไม่สามารถตั้งราคาตัดหน้านางได้ จึงค่อยๆค้าขายสร้างกำไลได้ในเวลาไม่นาน

              พืชหลายชนิดให้รสชาติที่แตกต่าง ว่านลุ่ยแลกเปลี่ยนมาแต่ชนิดที่ไม่มีในต้าเว่ย ระหว่างขายนางก็เปิดเหลาอาหารอีกหลายแห่งไปด้วย คัดเลือกเมนูต่างแดนแปลกใหม่ จนเป็นที่ชื่นชอบของคหบดีผู้มีอันจะกิน ที่นิยมรสชาติแต่ไม่เสียดายเงินทอง

***

              อดีตอันหอมหวานของหยินว่านลุ่ยไหนเลยปล่อยให้ผู้อื่นทำลายได้ เพราะเหตุนี้เองตนจึงไม่ต้องการแต่งเข้าตระกูลขุนนาง สุดท้ายจึงลงเอยด้วยการลอยอยู่ในทะเล คาดว่าคงใช้เวลาไปกลับเกือบปี ถึงตอนนั้นนางยังจะพาสามีพ่อค้าต่างแดนกลับไปอีกด้วย ดูซิว่าบิดาและคู่หมั้นยังจะทำอะไรนางได้อีก “…”

              ชายในฝันว่านลุ่ยต้องเป็นบุรุษกำยำ มีหัวด้านการค้า ทั้งไม่ห้ามและควบคุมไม่ให้นางประกอบกิจการต่างๆ สรุปก็คือ เค้าต้องไม่ใช่พวกบัณฑิตหน้าใส ที่ดีแต่สั่งสอนอวดความรู้ และเจ้าบงการชีวิตของนางนั่นเอง

              ว่านลุ่ยเคยเห็นพ่อค้าชาวโฝหลางจี คนกลุ่มนั้นเดินเรือมาจากทางตะวันตก พวกเค้าเบ้าตาลึกจมูกก็โด่งรูปร่างสูงใหญ่ ทั้งยังมีสีผมแดงบ้างทองบ้าง ทุกคนล้วนเป็นพ่อค้าที่ร้ายกาจ นางเห็นแล้วก็นึกชอบ หากได้สามีเช่นนั้นยามหลับก็คงนอนฝันหวานทุกคืน “…”

              เพียงแต่ความฝันของหยินว่านลุ่ยต้องพังทลาย เมื่อเรือออกสู้ทะเลผ่านไปหนึ่งเดือน จู่ๆท้องฟ้าปลอดโปร่งก็มืดครึ้ม ตามมาด้วยลมพายุและห่าฝนที่สาดซัดกระหน่ำลงมา

              กระแสคลื่นรุนแรงมาก ยามนี้ว่านลุ่ยที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเริ่มหวาดกลัวแล้ว หวังอี้เหอสั่งลูกเรือให้ชักใบเก็บสุดชีวิต ตัวเค้าก็ปล่อยหางเสือให้เป็นอิสระ จากนั้นวิ่งลงไปยังห้องท้องเรือ เมื่อพบเห็นคุณหนูใหญ่ของตนจึงสั่งให้นางหาที่ยึดจับให้มั่น อาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่พายุลูกนี้จะผ่านพ้นไป

              จริงดังคาด เรือขนสินค้าลำใหญ่ถูกพายุฝนโจมตีหนึ่งวันเต็มๆ รุ้งเช้าพอท้องฟ้าสงบหมอกก็ลงจัด นางจึงตั้งใจจะเดินออกไปสอบถามลุงหวังว่าตัวเรือเสียหายหรือไม่ ลุงหวังตอบนางว่าไม่เสียหายซักนิด เพียงแต่ตำแหน่งเดินเรือตอนนี้คลาดเคลื่อนไปบ้าง คงต้องรอถึงยามค่ำคืนที่ฟ้าเปิด มองเห็นหมู่ดาวแน่ชัด จึงจะสามารถระบุตำแหน่งของเรือในแผนที่ได้

              เพราะหมอกหนาลงจัดมาก หยินว่านลุ่ยจึงตั้งใจเดินกลับลงไปยังห้องท้องเรือ หากแต่ขณะที่นางอยู่ตรงกาบเรือด้านซ้าย สิ่งที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น จู่ๆเรือลำใหญ่ก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง แรงสั่นสะเทือนของมันรุนแรงมาก ว่านลุ่ยไม่ทันได้รู้เรื่องราวว่าเกินอะไรขึ้น นางก็หงายท้องกระเด็นพลัดตกเรือไปเสียแล้ว

              “โอ้ย! จ๋อม!”

               เสียงตกน้ำของหญิงสาวน่าเวทนามาก เบาเสียยิ่งกว่าเสียงผายลม คนบนเรือหาได้ยินนางตกลงไปแม้แต่น้อย เพราะทุกคนต่างก็วิ่งวุ่นวายมองหาว่าเมื่อครู่ชนกับอะไร บวกกับการที่หมอกหนาจัด เลยไม่มีผู้ใดมองเห็นว่านายสาวของตนยามนี้ลอยคอตุ๊บป่องอยู่ที่ท้ายเรือแล้ว “…”

              หยินว่านลุ่ยมองเรือที่ค่อยๆลอยจากไป นางตะโกนขอความช่วยเหลือสุดเสียง แต่กับไม่มีผู้ได้ยินแม้แต่น้อย หญิงสาวร่ำร้องจนเรือทั้งลำหายลับ จึงร้องไห้ออกมาด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่สองขากำลังจะหมดแรงตีน้ำ แผ่นไม้ที่แตกออกจากกาบเรือก็ลอยเข้ามาใส่มือนางพอดิบพอดี

              ความหวาดกลัวแล่นเข้าสู่หัวใจจนถึงขีดสุด แต่เล็กจนโตนางไม่เคยพบเจอเหตุอันตรายเช่นนี้ ยามท้อแท้จึงได้รู้ว่าตนเองกลัวตายมาก นางยังมีสิ่งที่อยากทำอีกตั้งเยอะ อยากกลับไปหาพี่ชายและบิดา อยากเป็นหญิงแกร่งที่ร่ำรวยที่สุดในต้าเว่ย ทั้งยังอยากมีลูกชายลูกสาวตัวเล็กน่ารักเป็นของตนเอง...

***

หลายวันผ่านไป

              วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หยินว่านลุ่ยลอยคออยู่ในทะเลนับสิบวันแล้ว นางรู้สึกราวกับขาสองข้างของตนกลายเป็นหาง เพราะแช่อยู่ในน้ำจนเท้าทั้งสองด้านชา

              ว่านลุ่ยร่ำไห้จนน้ำตาสองสายเหือดแห้ง ยามนี้นางไม่หวาดกลัวแล้ว พอตั้งสติได้ก็คิดว่าต่อให้โชคร้ายกว่านี้ ก็ยังดีกว่าแต่งให้เจ้าบัณฑิตแซ่ซ่งนั่น นางจึงเริ่มทำใจและยอมรับชะตากรรมของตนเอง

              “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้พวกสวรรค์บัดซบ! เจ้ารังแกข้าได้เท่านี้หรือ! มีอีกหรือไม่ เจ้ารังแกข้ามากกว่านี้อีกสิ เจ้ารังแกข้าให้มากกว่านี้! ฮือ ฮือ

             

              หญิงสาวราวกับเสียสติ นางแหงนหน้าด่าพ่อล่อแม่สวรรค์ไปทั่ว บัดเดี๋ยวหัวเราะเยาะสะใจ บัดเดี๋ยวร่ำไห้ไม่มีน้ำตา รู้สึกสมเพชโชคชะตาตนเองจนถึงขีดสุด คิดในใจว่าตนทำกรรมไว้แต่ชาติไหนหนอ ทำไมถึงได้ลงโทษให้นางพบเจอกับเรื่องแย่ๆเช่นนี้ด้วย

              “เปรี้ยง!” ราวกับสวรรค์ได้ยินคำด่าทอ จู่ๆท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งพลันปรากฏเสียงสายฟ้า จากนั้นตามมาด้วยลมพายุและห่าฝน พัดเอาคลื่นลูกใหญ่ซัดใส่หยินว่านลุ่ยครั้งแล้วครั้งเล่า โจมตีใส่นางราวกับจะตอบรับคำขอว่า ข้ายังสามารถรังแกเจ้าได้อีกนาน

              “ฮือ ฮือ กลัวแล้วเจ้าคะ! กลัวแล้ว! ท่านอย่าได้เกรี้ยวกราดอีกเลยสวรรค์!

              ว่านลุ่ยกอดแผ่นไม้ไว้แน่น ร่ำร้องอ้อนวอนต่อโชคชะตาอย่าได้รังแกนางอีกเลย หากแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล เพราะลมพายุยังคงพัดพาอย่างต่อเนื่อง กระหน่ำซ้ำเติมหญิงสาวจนนางหวาดกลัวแล้วสิ้นสติไป…

***

              ไม่ทราบว่านลุ่ยสลบไปนานเท่าใด หากแต่พอนางลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนอยู่ที่ชายหาด ยามนั้นนางดีใจมาก ลืมกระทั่งความหิวและอ่อนแรง วิ่งกระโดดโลดเต้นไปยังป่าไม้เบื้องหน้า หวังว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านบริเวณที่อยู่ใกล้เคียง

              หากแต่หญิงสาวก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อนางได้ยินเสียงร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่า

              “อ๊ากกก!!!!!”

              “อูก่า อูก่า อูก้า”

              เสียงร้องและเสียงกุลีกุลูที่นางไม่รู้จัก หญิงสาวตกใจมากจึงหยุดอยู่กับที่ แต่ความอยากรู้สามารถฆ่าแมวให้ตายได้ ว่านลุ่ยก็เช่นกัน นางจึงค่อยๆย่องเขาไปยังทิศทางของเสียง เมื่อเห็นชัด ภาพตรงหน้าก็ทำให้นางแทบจะเป็นลม

              ตรงนั้น มีคนล่อนจ้อนผู้หนึ่งถูกตรึงไว้กับต้นไม้ แขนกำลังถูกชายเปลือยกายหลายคนช่วยกันแล่ ตัดให้ขาดออกจากลำตัว โดยที่อีกฝ่ายยังดิ้นทุรนทุราย

              “ตุบ! โอ้ย!”

              ในชีวิตว่านลุ่ยคิดว่าตอนอยู่ในทะเลน่ากลัวที่สุดแล้ว แต่นางคิดผิด! เมื่อจู่ๆก็มีท่อนไม้ฟาดใส่นางจากด้านหลัง จากนั้นรู้สึกตัวอีกทีก็ถูกจับใส่กรงขังอยู่ในหมู่บ้านชาวป่าแห่งหนึ่งแล้ว “…”

              อาจเพราะนางตัวเล็กและผอมมาก เจ้าพวกนั้นจึงขังนางเอาไว้ ทุกวันว่านลุ่ยเห็นพวกป่าเถื่อนจับคนที่อยู่ในกรงข้างๆออกไปแล่ ทำราวกับชีวิตของนางและคนอื่นๆเป็นเพียงหมูตัวหนึ่ง นึกอยากจะกินก็ลากตัวออกไปเชือด ไม่มีคำว่าสงสารเห็นใจแม้แต่น้อย

              ภายใต้ความสิ้นหวัง ว่านลุ่ยรู้แล้วว่าตนเจอเข้ากับอะไร ชนเผ่ากินคนที่นักเดินเรือพูดถึง นี่ไม่ได้เป็นเพียงตำนานจริงๆ เรื่องนี้หากนางสามารถรอดกลับไปได้ นางจะใช้ชีวิตที่เหลือยืนยันสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง

              ในขณะสิ้นหวัง หญิงสาวหน้าตามอมแมมเต็มไปด้วยดินโคลน คราบน้ำตาไม่มีอีกแล้ว มีก็แต่ความเหม็นเน่าของเสื้อผ้าหน้าผม ชุดรัดกุมขาดวิ่น รองเท้าหายไปนานแล้ว ผิวพรรณขาวเนียนของนางโสโครกยิ่งนัก แต่นางหาได้ใส่ใจซักนิด ทำได้เพียงพิงกรงขังนึกถึงใบหน้ามารดาที่ตายจากไปนาน

              “โครม! ปึง! โอ้ย! อ๊ากก!”

              “อูก้า อูก้า อู อู!

              เสียงต่อสู้ทุบตีสับสนวุ่นวาย ว่านลุ่ยสะดุ้งตัวออกจากภวังค์ เหมือนหางตานางจะมองเห็นหมี! เป็นหมีตัวหนึ่งกำลังไล่ทุบตีผู้คน! “…”

***

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • อูก้า อูก้า เมียคนป่า สู้ชีวิต!   ตอนที่ 26.2 เผ่ากินคน

    ในสายตาแมงมุมหิน นางนอนอยู่ที่พื้น มิทราบเกินเรื่องราวใดขึ้น เพียงไม่กี่อึดใจ พวกศัตรูก็ล้มลงเจ็ดแปดคน จึงอาศัยจึงหวะปลดเครื่องพันธนาการที่ขา คว้ามีดหินจากศพคนที่ตายข้างๆ จากนั้นคลานคืบคลานศอกมุ่งไปทางชายสูงใหญ่ผู้หนึ่ง ที่กำลังหลบซ่อนอยู่ข้างตอไม้ หันหลังให้กับตนเอง พี่หมีอยู่บนที่สูง เค้าย่อมเห็นการกระทำของเด็กหญิง ในใจก็นึกชื่นชมในความกล้า แต่ตอนนี้คนป่าที่เหลืออยู่หกคนซ่อนตัวดีมาก ไม่ยอมโผล่ออกมาให้ยิงอีกเลย “…”*** “อูก้า!อูก้า!อูก้า!” จู่ๆเกิดเสียงคำรามบนเนินสูงดังลั่น ก็เป็นจังกวะเดียวกับเด็กน้อยเชือดคอหอยพอดี! พี่หมีช่วยเหลือเด็กสาวอีกครั้ง แม้นางจะกล้าแต่ว่าโง่มาก การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย หากเค้าไม่ดึงความสนใจคนที่เหลือไว้ นางคงถูกเจ้าพวกนั้นสังหารไปแล้ว จริงอย่างที่คิด ทั้งห้าหารู้ไม่ว่าสหายผู้หนึ่งถูกเหยื่อของตนย่องไปเชือดคอจากด้านหลัง แม้จะมีเสียงดิ้นรนสุดท้ายก่อนขาดใจ แต่พวกเค้าก็มิได้ยินเสียง เพราะมัวแต่เพ่งมองไปตามเสียง ชมมองหมีดำยืนตีอกชกหัวอยู่บนขอนไม้ ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว “กา

  • อูก้า อูก้า เมียคนป่า สู้ชีวิต!   ตอนที่ 26.1 เผ่ากินคน

    คนป่าที่ 26เผ่ากินคน สถานที่ตั้งกระโจมกลายเป็นทุ่งหญ้าขึ้นสูง พี่หมีแม้มิได้ผูกพันแต่ก็รู้สึกใจหาย ถึงไม่สืบต่อเค้าก็ทราบได้ทันที่ว่าเกิดสิ่งใด นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ชนเผ่าที่เคยรุ่งเรืองสมัยก่อนก็มักเป็นเช่นนี้เอง ชายหนุ่มเดินเข้าไปสำรวจร่องรอย โครงกระดูกจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่ว เศษเนื้อเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว บางโครงก็ชิ้นส่วนไม่ครบ ถูกสัตว์ป่าคาบไปกินตามที่ต่างๆ ห่างไปไม่ไกลพี่หมีพบตุ้มหินสองลูก ผูกโยงเข้าด้วยกันกับเถาวัลย์ไม้ รัดพันเข้ากับขาทั้งสองของซากกระดูกโครงหนึ่ง เมื่อเห็นอาวุธพันธนาการ พี่หมีก็ทราบได้ทันที่ว่าชนเผ่าใดเป็นผู้บุกโจมตี นี่เป็นพวกป่าเถื่อนแดนเหนือ! กลุ่มที่ชื่นชอบการกินเนื้อมนุษย์ พวกมันมักจะกระจัดกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ คอยซุ่มโจมตีชนเผ่าเล็กๆ ทั้งยังเชี่ยวชาญการขี่ม้า เลี้ยงสุนัขป่าตัวโตร้ายกาจอีกด้วย เพราะพื้นที่แถบนี้เป็นขุนเขามากมาย ต่างจากแดนเหนือที่เป็นทุ่งหญ้าพื้นเรียบ ชนเผ่าละแวกใกล้เคียงจึงไม่นิยมขี่ม้า ต่างกับพวกกินคนแดนเหนือ ที่ใช้ชีวิตบนหลังม้าเป็นปกติ เล

  • อูก้า อูก้า เมียคนป่า สู้ชีวิต!   ตอนที่ 25.2 ถูกซุ่มโจมตี

    ไม่ไกลจากลำธาร หัวหน้าเผ่าคุโมโม่มาทันเห็นนักรบทั้งสี่ถูกสอยร่วง เค้าร่ำร้องตะโกนสุดเสียงด้วยความแค้น จังหวะนั้นไม่มีผู้ใดกลัวตายซักนิด คนป่ากว่าครึ่งร้อยที่ตามมาก็มุ่งตรงกระโดดข้างแม่น้ำตามเค้าไป คนแล้วคนเล่า ทั้งหมดข้ามได้อย่างปลอดภัย พี่หมีเห็นศัตรูมามากก็เผ่นแนบไปก่อนแล้ว คนหัวเสือยามนี้พบว่าหนึ่งในผู้ตายที่นอนอยู่บนโขดหิน เป็นบุตรชายตนเองก็ยิ่งแค้น ก้มลงไปกอดศพเด็กหนุ่มร่ำไห้ สาบานว่าต่อให้แลกด้วยชีวิต เค้าก็ต้องสังหารเจ้าหมีดำให้ได้ด้วยมือตนเอง การไล่ล่ายังคงดำเนินต่อไป นักรบคุโมโม่เกือบสองร้อย แบ่งกันอ้อมไปดักตามเส้นทางต่างๆ พี่เสือกลืนความแค้นลงท้อง นำกำลังสามสิบคนไล่ตามรอยเท้า พี่หมีก็ไม่ยอมให้ตามทันง่ายๆ ระหว่างทางเค้าพบรังต่อรังแตนก็ใช้กิ่งไม้ขว้างปาไปทั่ว ยั่วยุให้สัตว์มีพิษเหล่านี้บินว่อน เพื่อสร้างความลำบากให้ผู้ที่ติดตามมาด้านหลัง จะได้ไม่ตามตนเองได้ง่ายเกินไป จนกระทั่งมืดค่ำ ต่อให้เชี่ยวชาญการแกะรอยแค่ไหน เมื่อไร้แสงอาทิตย์ พี่หมีก็สลัดหลุดจากศัตรู หากแต่ชายหนุ่มยังคงมุ่งขึ้นเหนือเป็นเส้นตรง เพราะคาดว่าฝ่ายตรงข้างคงวางกำลังโอบล

  • อูก้า อูก้า เมียคนป่า สู้ชีวิต!   ตอนที่ 25.1 ถูกซุ่มโจมตี

    คนป่าที่ 25ถูกซุ่มโจมตี ตะวันคล้อยบ่าย หากแต่ใบไม้หนาทึบบดบังแสงแดดยิ่ง คนป่าบนเนินห้าเสือเพียงรอให้ศัตรูโผล่ออกมา พวกเค้าก็จะระดมยิงเกาทัณฑ์ใส่จากทุกทิศทาง ต่อให้หัวหน้าเผ่าอูก้าร้ายกาจแค่ไหน สภาพต้องไม่ต่างจากตัวเม่นแน่นอน แต่สิ่งที่ทุกคนมิทันคาดคิดพลันเกิดขึ้น ขณะที่ทั้งหมดยังไม่เห็นศัตรูเผยตัวออกจากที่ซ่อน ลูกเกาทัณฑ์อีกฝ่ายกับพุ่งเข้าใส่ฝั่งตนก่อนแล้ว! เสียงฉึกเมื่อหัวศรปักจมลงเนื้อไม้ นักรบคุโมโม่ที่ซุ่มอยู่ข้างๆถึงกับสะดุ้ง เค้าไม่ทราบเจ้านี่ถูกยิงมาจากตรงไหน แต่เสียงสวบสาบของฝีเท้าใกล้ๆ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนหัวหมีกำลังหลบหนี พริบตาเดียวเสียงเป่าเขาสัตว์ดังลั่น จากนั้นเป็นเสียงเฮโลของคนป่าไล่กวดตามไป ในเสี้ยวอึดใจ พี่หมียิงเกาทัณฑ์มั่วๆออกไปสองลูก ดอกหนึ่งปักเข้ากับต้นไม้ อีกดอกปักใส่คอหอยนักรบคุโมโม่ผู้หนึ่งพอดี…*** ด้วยจำนวนคนที่แตกต่าง คนหัวเสือแค้นใจนัก เค้าไล่ตามเสียงแหวกกิ่งไม้เบื้องหน้า ด้านหลังยังมีสมุนหลายสิบคนวิ่งติดตามมา เมื่อครู่เห็นนักรบของตนผู้หนึ่งล่วงจากต้นไม้กับตา เจ้าหมีสร้า

  • อูก้า อูก้า เมียคนป่า สู้ชีวิต!   ตอนที่ 24.2 ต้มเกลือ

    ชายชราแม้สูงวัยแต่แข็งแรงยิ่ง สิบกว่าปีก่อนตอนเข้าร่วมกับพี่หมี เค้าช่วยเหลือหัวหน้าเผ่าไม่น้อย ทำหน้าที่แฝงตัวสืบขาวสารพัด แต่ละครั้งมิเคยถูกจับได้ สมกับชื่อหมอกดำของตนที่บิดาตั้งให้โดยแท้ ลงใต้เป็นหน่วยของเจ้าเม่นหิน ชายผู้นี้จัดอยู่ในอันดับสี่ของนักรบในชนเผ่า เค้าเชี่ยวชาญการซัดเข็มหนามยิ่ง ระยะเจ็ดแปดวาขว้างปาไม่มีพลาด ทั้งยังเป็นบุตรชายของหมอกดำเอง เม่นหินได้รับคำสั่งก็พานักรบรุ่นใหม่ห้าคนลงใต้ทันที เค้าได้รับมอบหมายให้สืบข่าวเผ่าอากู หนึ่งในคนที่ติดตามยังเป็นบุตรชายหัวหน้าเผ่า ไก่หินผู้เป็นน้องชายไข่หินอีกด้วย “ใช่แล้ว” ควรรู้เอาไว้ว่า ชนชาวป่ามักจะตั้งชื่อบุตรประหลาดเช่นนี้ ส่วนมากมักจะเรียกต่อท้ายว่าหิน แม้แต่ กวางหิน หรือนกหินงูหินก็มี “…”*** ไม่นานหลังจากสามหน่วยแยกทาง พี่หมีไม่รู้ตัวซักนิด ทันทีที่ตนเหยียบเข้าเขตคุโมโม่ สายสอดแนมของศัตรูก็ตรวจพบแล้ว! ปกติมิค่อยมีชนเผ่าใดวางกำลังชายแดน พี่หมีจึงชะล่าใจ กับเป็นพี่เสือที่คิดเตลิดในตอนนั้น ตื่นตัวอยู่ก่อน นำคนเผ้าสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆมาหลายเดือนแล้ว ยามนี้ร

  • อูก้า อูก้า เมียคนป่า สู้ชีวิต!   ตอนที่ 24.1 ต้มเกลือ

    คนป่าที่ 24ต้มเกลือ ท่อนซุงถูกขูดจนกลายเป็นเรือเล็ก ว่านลุ่ยนำหัวท้ายวางบนก้อนหินใหญ่ ตรงกลางเจาะรูไม่ใหญ่มาก ต่อท่อให้น้ำไหล เมื่อนำเดินเค็มใส่เข้าเรือไม้จนเต็ม เหยียบอัดให้แน่น จากนั้นตักน้ำจากลำธารมาหมักไว้ รอจนหยดลงเต็มถังไม้ นำมาต้นไม่นานก็ได้เกลือแล้ว ความยากลำบากผ่านพ้นไป ว่านลุ่ยสอนอยู่นานจนน้องสาวทั้งสองจำได้ นางถึงขั้นลงทุนสร้างกระท่อมน้อยเป็นเพิงพักให้คนทั้งคู่ วันทั้งวันจะได้มิต้องไปไหน ทำหน้าที่ต้มเกลือให้กับตนก็พอ ที่ต้าเว่ย การค้าเกลือถือเป็นสิ่งที่ทำกำไลมากที่สุด หากไม่มีใบอนุญาตควบคุมจากราชสำนัก ชาวบ้านทั่วไปมิสามารถขนส่งค้าขายได้ ดังนั้นว่านลุ่ยจึงเห็นว่าเจ้าสิ่งนี้สำคัญยิ่ง หน้าที่นี้จึงตกเป็นของน้องสาวทั้งสองที่ตนไว้ใจ ผ่านไปอีกหลายวัน ท้องของว่านลุ่ยโตมาก นางคิดว่าลูกในท้องคงจะเกิดในหน้าหนาว ดังนั้นจึงรีบทำสิ่งสำคัญหลายอย่าง เพื่อให้ทันก่อนที่หิมะจะตกมา อย่างเช่นวันนี้ ว่านลุ่ยยืนคุมคนงานสองคนขุดหน้าดิน พอเห็นดินเหนียวที่ต้องการนางก็ร้องบอกว่าพอแล้ว แสดงท่วงท่าบ้าใบ้ว่าข้าต้องการสิ่งนี้ ให้ขุดข

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status