LOGINกองทัพของแม่ทัพหยางเจี้ยนมาถึงแดนเหนือพร้อมเสียงกลองศึกที่ดังกึกก้อง สภาพแวดล้อมรอบด้านช่างโหดร้ายยิ่งนัก ลมหนาวพัดกระหน่ำจนเหมือนจะทะลุผ่านผิวหนังเข้าไปถึงกระดูก หิมะสีขาวโพลนปกคลุมทุกสิ่ง ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆครึ้มไร้แสงตะวัน พื้นที่รอบค่ายทหารดูทรุดโทรมเหมือนผ่านศึกมาอย่างหนัก ทั้งกำแพงค่ายที่พังยับ ต้นไม้ที่ถูกไฟสงครามเผาไหม้ เหล่าทหารต่างดูอิดโรยและเหนื่อยล้า แต่ในดวงตายังเต็มไปด้วยความหวังเมื่อเห็นกองทัพของแม่ทัพหยางเจี้ยน
ทหารทุกนายต่างตั้งแถวเพื่อรอต้อนรับการมาถึงของแม่ทัพ พวกเขาตะโกนร้องคำสรรเสริญและแสดงความนับถืออย่างจริงใจ การมาถึงของแม่ทัพหยางเจี้ยนเปรียบเสมือนประกายแห่งแสงสว่างที่พวกเขารอคอย ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนในชุดเกราะหนักสง่างามก้าวลงจากม้าศึกด้วยท่าทีที่มั่นคง เขามองไปรอบค่ายด้วยสายตาที่แข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว ท่ามกลางเสียงทักทายที่ดังก้องและสายตาชื่นชมจากเหล่าทหาร
แม่ทัพหยางเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ข้าจะนำพวกเราผ่านสงครามนี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดก็ตาม" คำพูดของเขาช่างทรงพลัง ดึงเอาความมุ่งมั่นและศรัทธาจากเหล่าทหารให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
ท่ามกลางความหนาวเหน็บและสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้ กำลังใจของเหล่าทหารก็กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ทุกคนต่างเชื่อมั่นว่า เมื่อมีแม่ทัพหยางเจี้ยนอยู่เคียงข้าง ความหวังในการเอาชนะศึกที่แดนเหนือครั้งนี้จะไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
แม่ทัพหยางเจี้ยนที่มาพร้อมกองทัพนับหมื่นนำพาความแข็งแกร่งและความหวังมาสู่ค่ายทหารแดนเหนืออย่างแท้จริง การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ทหารกล้าเท่านั้น แต่ยังมีเหล่าช่างฝีมือผู้ชำนาญการที่ติดตามมาเพื่อสนับสนุนในการซ่อมแซมและปรับปรุงค่ายทหารให้พร้อมรับศึก
ทันทีที่มาถึง หยางเจี้ยนสั่งการอย่างเฉียบขาดให้เหล่าทหารและช่างฝีมือเริ่มงานซ่อมแซมค่ายทหารทันที ช่างไม้เริ่มตั้งเสาและสร้างกำแพงขึ้นใหม่แทนของเดิมที่พังทลายจากศึกสงคราม ช่างเหล็กเร่งหลอมเหล็กสำหรับซ่อมแซมอาวุธและเสริมกำลังประตูทางเข้าของค่าย ช่างฝีมืออื่นๆ ต่างก็ร่วมแรงกันปรับปรุงค่ายให้แข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งขึ้น บรรดาทหารเองก็ร่วมมือขนย้ายวัสดุ และคอยระวังภัยรอบนอก
ค่ายที่เคยทรุดโทรมค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทีละน้อย กำแพงใหม่ถูกเสริมความแข็งแกร่งให้สูงชันและมั่นคง กองทหารต่างปลื้มใจและรู้สึกถึงความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น พื้นที่สำหรับเก็บเสบียงและอาวุธก็ถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็นระเบียบเพื่อรองรับการรบในยามวิกฤต นอกจากนั้น พื้นที่สำหรับการฝึกซ้อมก็ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อให้ทหารทุกนายได้ฝึกฝนและเตรียมพร้อมสำหรับศึกที่จะมาถึง
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการทำงานอย่างขยันขันแข็ง หยางเจี้ยนยืนมองค่ายทหารที่ค่อยๆ เปลี่ยนโฉมไปด้วยความพอใจ เขารู้ดีว่าการเตรียมพร้อมที่มั่นคงจะทำให้พวกเขามีโอกาสเอาชนะศึกในแดนเหนือได้มากขึ้น ขณะที่ลมหนาวพัดผ่าน กองทัพของเขาก็ได้รับกำลังใจจากความเป็นระเบียบและความแข็งแกร่งของค่ายที่ฟื้นฟูกลับมา
แม่ทัพหยางเจี้ยนเป็นบุรุษที่มีหลายมิติ ในยามที่อยู่ใกล้สตรี รูปโฉมและท่าทางอันแข็งแกร่งแต่แฝงไว้ด้วยความหื่นกระหายทำให้เขามักเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั้งหลาย ความเย้ายวนและเสน่ห์ในตัวเขาช่างน่าหลงใหล แต่นั่นก็เป็นเพียงด้านหนึ่งของเขาเท่านั้น
ในยามศึกสงครามหรือเมื่ออยู่ท่ามกลางกองทัพ หยางเจี้ยนกลายเป็นบุคคลที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขาทิ้งความปรารถนาทางโลกีย์ไว้เบื้องหลัง และแปลงกายเป็นยอดนักรบที่เฉียบแหลมและเด็ดเดี่ยว สายตาของเขาแข็งกร้าว เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความกระหายที่จะเอาชนะทุกศึก ด้วยประสบการณ์และความสามารถในการรบที่เหนือชั้น ทำให้เขาสามารถนำทัพเข้าสู่สนามรบด้วยท่าทีที่ทรงอำนาจและเป็นที่ยำเกรงของทั้งฝ่ายตนและศัตรู
ทุกการเคลื่อนไหวของเขาในสนามรบแม่นยำและเฉียบขาด จนทหารทุกนายรู้สึกถึงความปลอดภัยและมั่นใจในการนำทัพของเขา หยางเจี้ยนจะกลายเป็นชายที่ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย คำสั่งของเขาหนักแน่นและชัดเจน ทุกการวางแผนล้วนผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ เขาเข้าใจสถานการณ์รบเป็นอย่างดีและมีความสามารถในการปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
ยามค่ำคืนเงียบสงัด แม่ทัพหยางเจี้ยนเดินกลับมาที่กระโจมของตนด้วยสีหน้าอ่อนล้า ความเหน็ดเหนื่อยจากการวางแผนและสั่งการรบตลอดทั้งวันทำให้เขารู้สึกอยากพักผ่อน แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในกระโจม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และเสียงหวานของฮูหยินเหม่ยฟางก็ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
เหม่ยฟางยืนอยู่ที่มุมกระโจมพร้อมกับน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ นางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและอ่อนหวาน “ท่านพี่ ท่านคงเหนื่อยไม่น้อย...ชำระล้างร่างกายก่อนเถอะ” แววตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยน ชุดบางเบาที่นางสวมใส่เผยให้เห็นเส้นสายเรือนร่างอันงดงามเล็กน้อย แสงเทียนในกระโจมสะท้อนกับผิวของนาง ทำให้ภาพที่ปรากฏตรงหน้าชวนให้หยางเจี้ยนต้องหยุดมองด้วยความหลงใหลชั่วครู่
เขามองนางด้วยความรู้สึกอบอุ่นและยิ้มออกมาเล็กน้อย ความเหนื่อยล้าที่แบกมาทั้งวันเริ่มจางหายไปเมื่อได้พบกับใบหน้าที่เขารู้จักดี เหม่ยฟางเดินเข้าไปใกล้ ค่อยๆ ช่วยถอดชุดเกราะและผ้าคลุมหนักที่เขาสวมอยู่ มืออ่อนโยนของนางทำให้แม่ทัพรู้สึกผ่อนคลายลงทุกครั้งที่นางสัมผัส ราวกับความเครียดและความกังวลทั้งหมดถูกปลดปล่อยไปทีละน้อย
แม่ทัพหยางเจี้ยนทอดสายตามองฮูหยินเหม่ยฟางด้วยแววตาเต็มไปด้วยความปรารถนา “เจ้าลงแช่น้ำเป็นเพื่อนข้า” นั้นแฝงความนุ่มนวลและเร่าร้อนในคราวเดียวกัน
ฮูหยินเหม่ยฟางยิ้มรับอย่างมีเสน่ห์ นางค่อยๆ ปลดเปลื้องชุดคลุมบางเบาออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่งดงามประหนึ่งอิสตรีในเทพนิยาย ผิวพรรณของนางเปล่งประกายท่ามกลางแสงเทียนนวลผ่อง ความเย้ายวนของนางทำให้แม่ทัพหยางเจี้ยนไม่อาจละสายตาไปได้
ทั้งสองลงแช่น้ำด้วยกัน เหม่ยฟางขยับเข้าใกล้ ค่อยๆ ใช้ผ้าเนื้อนุ่มถูไล้เนื้อตัวของท่านแม่ทัพด้วยท่วงท่าอันอ่อนโยน ละเอียดอ่อน ราวกับทุกสัมผัสเป็นการบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยที่เก็บกดมาตลอดทั้งวัน แม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกถึงความผ่อนคลาย ความอบอุ่นจากมือของนางที่สัมผัสถูกผิวเขาส่งผ่านความรู้สึกอันอ่อนหวานจนหัวใจเขาเต้นแรง
ท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืน ไฟแห่งความปรารถนาภายในใจของแม่ทัพหยางเจี้ยนค่อยๆ ลุกโชนขึ้น เขาจ้องมองฮูหยินเหม่ยฟางที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ แววตานั้นบ่งบอกถึงความหลงใหลและอ่อนโยนที่มีต่อนาง
แม่ทัพหยางเจี้ยนยื่นมือไปประคองใบหน้านวลของนางอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขามอบจุมพิตให้กับนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ ทวีความลึกซึ้งขึ้น กลายเป็นสัมผัสที่เร่าร้อนและรุนแรง ราวกับต้องการถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจไปสู่ฮูหยินเหม่ยฟาง นางตอบรับจุมพิตของเขาด้วยความอบอุ่นและนุ่มนวล ร่างกายของทั้งคู่คล้ายจะถูกดึงดูดเข้าหากันอย่างไม่อาจหักห้าม
ท่ามกลางแสงเทียนสลัวและไออุ่นของน้ำ เสียงหัวใจของทั้งสองเต้นระรัว พวกเขาปล่อยให้ไฟแห่งความปรารถนานำพาไป สายใยที่เชื่อมโยงทั้งสองไว้นั้นทำให้ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความทรงจำอันหอมหวาน
ยิ่งตัวของแม่ทัพ หยางเจี้ยน เล่นสนุกกับเรือนร่างของฮองเฮาซ่งหลิงหรู มากขึ้นเท่าไหร่มันยังทำให้ความหื่นกระหายในกายสูบฉีดรุนแรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้นท่านเนื้อของท่านแม่ทัพการเกิดแข็งตัวอย่างหน้าเหลือเชื่อจนมันแข็งผงาดชี้อยู่ที่เบื้องหน้าของนาง ฮองเฮาซ่งหลิงหรู จ้องมองท่อนเนื้อของท่านแม่ทัพที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางด้วยความหลงใหลความใหญ่ยาวของมันนั้นล้วนเหนือกว่าฮ่องเต้ หลงเซวียน เป็นเท่าตัวนางถึงกับลอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคอไปอึกใหญ่ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานี้นั้นตัวของนางนั้นจะเป็นนางร่านจริงๆ เพียงแค่เห็นท่อนเนื้อที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางก็ทำให้ตัวของนางนั้นขุนลุกขนชันไปทั้งร่างฉวบ...นางดูดเลียท่อนเนื้อชิ้นนี้อย่างเร่าร้อนลิ้นของนางพลิ้วไหวไปมาอย่างนิ่มนวล แม่ทัพ หยางเจี้ยน ถึงกับเสียวสะท้านจนตัวเกร็งนางไม่ได้มีดีแต่เพียงความงดงามเท่านั้นแต่นางยังมีความเร่าร้อนอย่างสุดโต่งเพียงแค่โดนลิ้นสัมผัสของนางมันก็แทบที่จะทำให้ตัวของเขานั้นน้ำแตกทะลักออกมา นางทั้งชักทั้งดูดทั้งเลียราวกับว่านี่คือของเล่นชิ้นใหม่ที่นางพึ่งได้ลิ้มลองในขณะที่มือของนางลูบไล้ไปที่ผิวกายของท่านแม่ทัพอย่างเร่าร
แม้ว่าฮองเฮาซ่งหลิงหรูจะมีอายุถึง 48 ปีในช่วงเวลานี้ แต่ความงดงามและความเย้ายวนของนางนั้นยากที่จะหาคำอธิบายได้ นางมีเสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลายตามกาลเวลา เรือนร่างของนางที่อวดโฉมผ่านเสื้อผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นทุกรายละเอียดนั้นยิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนและดึงดูดทุกสายตา เสน่ห์ของนางนั้นยากจะต้านทาน แม้แต่สาวแรกรุ่นก็ยังต้องยอมแพ้ให้กับความงามของนางแม่ทัพหยางเจี้ยนไม่สามารถจะหักห้ามตัวเองได้เมื่อสายตาของเขายังคงจดจ้องไปที่ฮองเฮาซ่งหลิงหรู ทุกการเคลื่อนไหวของนางทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่ไม่สามารถควบคุมได้ นางดึงดูดทุกความรู้สึกของเขา แม้แต่ความคิดก็ล้วนแต่หมุนวนไปที่ร่างกายและท่าทางอันเย้ายวนของนางยิ่งตอนนี้ที่นางใกล้เข้ามานั่งข้างเขาและเคลื่อนไหวรอบ ๆ ด้วยท่าทางสง่างามนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มตอบสนองด้วยการร้อนรุ่มขึ้นมาทุกส่วน มันเป็นเหมือนกับเวทมนตร์ที่เขาไม่อาจหลีกหนีได้ ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไร สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่นางไม่ยอมละสายตาฮองเฮาซ่งหลิงหรู นั่งอยู่ด้านข้างแม่ทัพหยางเจี้ยนอย่างสง่างาม มือของนางถือขันสุราหรูหราที่บรรจุเหล้าจากแดนไกล ซึ่งนางกำลังจะรินให้ท่านแม่ทัพ หยางเจ
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง แม่ทัพหยางเจี้ยน ผู้ซึ่งเพิ่งได้รับชัยชนะในสงครามที่แดนเหนือ ก็ได้เตรียมตัวอย่างเรียบร้อยและออกเดินทางสู่ท้องพระโรงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้หลงเซวียน ท่ามกลางบรรยากาศเช้าที่เงียบสงบและงดงาม เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง ภูมิใจในชัยชนะที่สามารถนำมาสู่แผ่นดินและประชาชนเมื่อเข้ามาถึงท้องพระโรง แม่ทัพหยางเจี้ยนก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อมต่อหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้หลงเซวียนทรงทอดพระเนตรมองแม่ทัพผู้กล้าแกร่งด้วยความพึงพอใจ สายพระเนตรเต็มไปด้วยความภูมิใจในขุนนางผู้ภักดีที่สามารถนำชัยชนะกลับมาอย่างเด็ดขาดแม่ทัพหยางเจี้ยนเริ่มรายงานถึงการรบที่แดนเหนืออย่างละเอียด ทั้งการวางแผน การต่อสู้ที่กล้าหาญของเหล่าทหาร และวิธีการที่พวกเขาเอาชนะศัตรูได้อย่างสง่างาม นอกจากนี้ เขายังได้เสนอแนวทางในการฟื้นฟูบ้านเมืองในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ทั้งการบูรณะหมู่บ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง"สมแล้วที่ตัวเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้วางใจมากที่สุด" ฮ่องเต้หลงเซวียนตรัสด้วยความพึงพอใจ ผู้ซึ่งไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในสนามรบได้อย่างไร้ที่ติ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ ห่างออกไปเล็กน้อยจากที่ที่แม่ทัพหยางเจี้ยนและสาวใช้เสี่ยวเอ๋อร์อยู่ สายตาของนางจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจโดยไม่ทันรู้ตัว นางรู้สึกถึงแรงปรารถนาที่พลุ่งพล่านและเข้มข้นที่ซ่อนอยู่ภายใน แผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างช้า ๆ ความรู้สึกที่เธอไม่อาจหักห้ามใจได้แสงแดดที่สะท้อนลงบนผืนน้ำ ส่องผ่านศาลามายังตัวนาง ขับเน้นให้ใบหน้าของเหม่ยฟางดูอ่อนหวานและมีเสน่ห์อย่างเงียบ ๆ ขณะที่นางจิบชา ความรู้สึกอันแรงกล้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้นทุกขณะ เสียงหัวใจของนางเต้นรัวจนแทบจะได้ยินชัดเจน นางรู้สึกถึงความปรารถนาที่ลุกโชนอยู่ภายใน เป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นจนทำให้นางเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมาหัวใจของเหม่ยฟางเริ่มสั่นไหว ขณะที่นางนั่งมองจากมุมไกล ดื่มด่ำกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า แม้จะมีความสงบแผ่รอบตัว แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาอันเงียบงัน ราวกับเป็นไฟลุกโชนที่ยากจะดับ“ท่านพี่...” ฮูหยินเหม่ยฟางขับขานเรียกด้วยเสียงอันแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและกระเส่า น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกต่อไป แม่ทัพหยางเจี้ยนหยุดชะงักเมื่อไ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งเอนกายอยู่ในศาลาริมน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบและเสียงน้ำกระทบฝั่งเบา ๆ นางจิบชาอย่างละเมียดละไม รสชาติเข้มข้นของชาอุ่น ๆ เติมเต็มความรู้สึกสบายใจให้แก่เธอ ในขณะที่มองฉากเร่าร้อนระหว่างแม่ทัพหยางเจี้ยนและหญิงสาวรับใช้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่เผยถึงความพึงพอใจมือของนางหยิบอาหารว่างที่จัดไว้อย่างประณีตบนจาน งามเรียบง่ายและประณีตเหมือนตัวนางเอง นางมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและผ่อนคลาย ราวกับเป็นผู้เฝ้ามองทุกอย่างจากระยะไกล พลางใช้ช่วงเวลาสงบนี้ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้เห็นคนรักของตนมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการฮูหยินเหม่ยฟางยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาที่มองไปยังฉากตรงหน้ามีแววเอ็นดูปนขบขันในความเป็นชายของท่านพี่ หยางเจี้ยน สำหรับนางแล้ว เขาคือชายผู้เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและไฟรักที่ไม่มีวันมอดดับ แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดเขาก็ยังคงมีเสน่ห์และความดิบเถื่อนในแบบที่นางรักและชื่นชม"ท่านพี่ช่างเป็นชายที่หื่นกระหายยิ่งนัก" นางพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงไปด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ขณะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง นางไม่รู้สึกหึงหวงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กล
เมื่อขบวนกองทัพของแม่ทัพหยางเจี้ยนเข้ามาถึงเมืองหลวง ความตื่นเต้นและความยินดีของประชาชนก็เกิดขึ้นอย่างล้นหลาม เสียงตะโกนร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วท้องถนน ผู้คนมากมายออกมารอรับเขา ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในความสำเร็จที่เขาได้ยุติสงครามในแดนเหนือแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกถึงความรักและการสนับสนุนจากประชาชนที่เขาได้ต่อสู้และปกป้อง เขาเดินหน้าไปพร้อมกับรอยยิ้มและการทักทายผู้คนรอบข้าง รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้ พร้อมทั้งมีเชลยศึกตามกลับมามากมาย ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของเขาในการนำกองทัพผ่านสงครามเมื่อถึงพระราชวัง แม่ทัพได้รับการต้อนรับจากฮ่องเต้หลงเซวียน พระองค์มีพระเมตตาและความเข้าใจในความเหน็ดเหนื่อยของแม่ทัพ จากการเดินทางที่ยาวนานและเต็มไปด้วยอันตราย พระองค์จึงให้แม่ทัพได้กลับไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรายงานตัวในทันทีแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของฮ่องเต้ และได้ขอบพระคุณพระองค์อย่างจริงใจ ก่อนที่จะออกจากพระราชวังและเดินทางกลับไปยังที่พักของตนเมื่อเสี่ยวเอ๋อร์เดินทางกลับมาถึงจวนของแม่ทัพหยางเจี้ยน ความตื่นตะลึงในดวงตาของนางไม่สามา







