แม้ในป่าจะมืดไปทั้งผืน มีแค่แสงจันทร์ลอดผ่านร่องไม้เข้ามาแต่ในสิ่งแวดล้อมสำหรับคนทั่วไปมืดจนมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้าแบบนี้ ในสายตาเซียวหลันยวน อย่างน้อยยังพอมองเห็นได้คร่าวๆเขาเดินทีละก้าวตรงไปยังต้นไม้ใหญ่นี่เป็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงใหญ่ที่สุดในป่านี้ ห่างไปหน่อยเขายังเห็นไม่ชัดว่าบนกิ่งไม้คนแขวนห้อยอยู่ แต่สัมผัสได้ถึงลมหายใจรางๆ สายหนึ่งแต่ลมหายใจนั้นอ่อนแรงมากแล้ว แทบจะอยู่ในระดับที่มองข้ามไปได้เลยถ้าเป็นคนอื่น คงจะมองข้ามไปแล้วแน่ๆ แต่กำลังภายในเซียวหลันยวนลึกล้ำ และละเอียดถี่ถ้วนมาก ดังนั้นเขาจึงยังจับลมหายใจที่อ่อนแอนั้นได้เดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย เขาจึงมองเห็นเงาคนที่แขวนอยู่ด้านบนกลิ่นคาวเลือดรุ่นแรงขึ้นแล้วระดับนี้ ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเสียเลือดไปแค่ไหนดังนั้นยังไม่เห็นหน้าคนชัดเจน แต่เซียวหลันยวนก็ยืนยันได้อย่างประหลาด ว่านั่นคือไป๋หู่แน่เขากุมด้ามกระบี่ กระโจนร่างขึ้นไป เตรียมจะตัดเชือกที่ห้อยคนอยู่นั่นออกแต่ตอนนี้ เงายาวสายหนึ่งก็รวดเร็วราวสายอัสนี โจมตีมาที่คออย่างรุนแรง"รนหาที่ตาย"เซียวหลันยวนหมุนกระบี่ มุมนี้เฉือนเงายาวนั่นไม่ทัน แต่ปกติเขาก็ไม่ได้ใช้แค่
เซียวหลันยวนพุ่งตรงไปทิศทางนั้นทันทีเขาสำแดงวิชาตัวเบาออกมาขีดสุด เร็วกว่าที่คนทั่วไปจะรับรู้ได้ ราวกับเป็นเงาไหล พริบตาเดียวก็ไกลออกไปลิบลับ"ชิงอี เจ้าพาสองสามคนรีบตามขึ้นไปหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็เป็นห่วงเซียวหลันยวน เขาไปคนเดียวอันตรายมาก คนเหล่านั้นดูแล้วล้วนเป็นยอดฝีมือกันหมด"พระชายา แล้วท่านล่ะ?""ข้าถามเขาสักสองสามคำ วางใจเถอะ แถวนี้ยังไม่มีใครชั่วคราว ไม่เช่นนั้นอายวนคงจะพบแล้วเมื่อครู่นี้"ชิงอีพอได้ยินก็รู้สึกว่าใช่ เขาเองก็เป็นห่วงท่านอ๋อง จึงรีบพาองครักษ์อีกสองสามคนตามไป"พวกเจ้าคอยระวังรอบๆ ไว้"ฟู่จาวหนิงบอกกับพวกเสี่ยวเยว่ พวกเขาเองก็เข้าใจ กระจายตัวไปรอบๆ ทันที หันหลังให้ฟู่จาวหนิง มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังฟู่จาวหนิงหยิบกระบอกฉีดยาออกมา ฉีดยากระตุ้นหัวใจเข็มหนึ่งให้องครักษ์การช่วยฉุกเฉินเมื่อครู่ยังไม่เพียงพอ นางพวยามช่วยเขา ไม่ใช่แค่เพื่อข่าวของไป๋หู่ แต่ยังเพราะไม่อยากเห็นเขาตายไปจริงๆยากระตุ้นหัวใจนี้พอฉีดเข้าไป หัวใจขององครักษ์ก็เต้นแรงขึ้นมาพอควรสติสัมปชัญญะของเขาก็ตื่นขึ้นมาแล้ว"พระชายา...""พวกเจ้าเจอกับใครมากัน?""ไม่ทราบ ไม่ทราบตัวตนขอรับ"
ฟู่จาวหนิงก็กระโดดลงจากรถม้าด้วย สืออีกับเสี่ยวเยว่รีบตามไปอยู่ข้างกายนาง"คุณหนู ท่านอ่องให้ท่านอยู่ที่นี่""รู้แล้ว ข้าไม่ออกไปหรอก" ฟู่จาวหนิงก็ไม่ได้ตามไป แต่นางนั่งรอบนรถม้าไม่ไหว ต้องลงมารอข้างล่างไม่นานนัก ทางนั้นก็มีเสียงเซียวหลันยวนดังขึ้น"หนิงหนิงรีบมาเร็ว!"ฟู่จาวหนิงใจสั่นกึก รีบพุ่งออกไป ขณะเดียวกันก็ยังไม่ลืมเรียกเสี่ยวเยว่ "เสี่ยวเยว่เอากล่องยามาด้วย!"นางรู้สึกว่าเซียวหลันยวนเมื่อครู่น่าจะได้ยินเสียงอะไร แล้วตอนนี้ก็น่าจะพบตัวคนแล้วแล้วก็ตามคาด ตอนที่นางพุ่งออกไป ก็เห็นว่าตรงนั้นมีเนินลาดเอียงอยู่ เซียวหลันยวนมาถึงข้างกายนาง ดึงแขนนางแล้วพากระโจนลงไปพวกองครักษ์อย่างชิงอีก็หยิบคบเพลิงเข้ามาแล้วตอนที่เห็นสภาพตรงหน้า ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีบนพื้นที่ศพมากมายระเกะระกะอยู่นอกจากคนชุดดำหลายคนแล้ว ยังมีสามคนที่เป็นองครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยน!และองครักษ์สามคนนี้ ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ด้วยกันกับไป๋หู่ในวัดเก่า เพื่อรอสายลับตระกูลเสิ่นพื้นขึ้นมาตอนนี้พวกเขาเกิดเรื่องแล้ว!แล้วพวกไป๋หู่ล่ะ?"คนนี้ยังมีลมหายใจ" เซียวหลันยวนพานางไปข้าง "ศพ" ร่างหนึ่ง นี่เป็ฯทหารจากจวน
เดิมทีระยะห่างแค่นี้เป็นผลดีต่อห้องพักทั้งสองฝั่ง สงบเงียบ แต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังรู้สึกว่าห่างไปหน่อย ก่อนจะปิดประตู นางยังหันไปมองเจ้าอารามอย่างอดไม่อยู่เจ้าอารามเห็นว่านางกลัวจริงๆ จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "มีเรื่องอะไรก็เรียกข้า ข้าได้ยินอยู่""ได้"พอได้รับการสัญญาจากเขา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็วางใจได้หน่อย ปิดประตูห้องเจ้าอารามส่ายหัวถอนใจ ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องเพียงไม่นาน ซางจื่อก็หิ้วยาน้ำเข้ามา เข้าๆ ออกๆหลายครั้งก็เติมถังไม้จนเต็ม"เจ้าอาราม ก่อนหน้านี้พระชายากำชับว่า อาบน้ำยาต้องหนึ่งชั่วก้านธูป ระหว่างทางห้ามออกมาขอรรับ""รู้แล้ว"เจ้าอารามถอดเสื้อคลุมลงไปแช่ในถังไม้ซางจื่อถอยออกมา ปิดประตู บาดแผลในมือยังมีเลือดซึม เพมื่อครู่ตอนหิ้วน้ำก็ยังไม่ทันสังเกต ว่าแผลตึงจนเปิดเขาจึงต้องลงไปในห้องตัวเองทายาพันแผลอีกครั้งและองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเข้าห้อง ก็ล้มลงบนเตียง รู้สึกแค่ว่าเหนื่อยทั้งกายใจนางเตือนตนเอง ว่าจะหลับไม่ได้ ต้องคอยฟังการเคลื่อนไหวฝั่งตรงข้าม รอให้เจ้าอารามอาบน้ำยาเสร็จ นางจะเข้าไปรออยู่ในห้องเขาทันที รู้สึกปลอดภัยหน่อยแต่ว่า นางก็ยังหลับตาแล
เจ้าอารามอยู่บนรถม้าด้านหน้า องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็อยู่ด้วยรถม้าของนางที่เดิมทีพาสาวใช้วังกับองครักษ์ออกไปก่อน ระหว่างทางก็ยังไม่พบเซียวหลันยวนส่งคนออกไปหา แต่เพราะยังทิ้งรถม้าคันหนึ่งไว้ให้พวกไป๋หู่ ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงมีรถม้าเพียงสองคัน องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงทำได้แค่ติดไปกับรถของม้าของเจ้าอารามเพียงแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอาแต่ร้องไห้มาตลอดทาง แม้ร้องไห้ก็ยังดีูดี เหมือนดอกสาลี่ที่ต้องฝน แต่ดูแล้วก็เหนื่อยน่าดูเพราะนางเอาแต่ร้องไห้กังวลเรื่องต่างๆ สาวใช้วังพวกนั้นเกิดเรื่องหรือไม่ หลังจากกลับถึงเมืองหลวงจักรพรรดิเจาจะย้ายความโกรธมาลงที่นางไหม แล้วไม่คิดจะให้นางอยู่ในแคว้นเจาอีกกังวลว่าหลังจากไปถึงเมืองหลวง พวกเขาจะไม่สนใจนางอีก ถึงตอนนั้นนางก็ไม่รู้จะไปที่ไหนแล้วยังกังวลเรื่องครั้งนี้ที่ทำให้อ๋องเจวี้ยนโมโหหลังจากวัดคะเนดาราก่อนหน้า นางก็ตัดสินใจให้เขารับนางไว้แท้ๆ ตอนนี้เริ่มลังเลอีกแล้วเจ้าอารามเหลือบมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจหรือก็คือ เด็กที่โลเลไม่เด็ดขาดมักต้องทุกข์มากกว่าคนอื่น ไม่มีความสามารถที่จะเลือกเส้นทางอย่างแน่วแน่ คนอื่นพอเห็นก็เหนื่อยใจ"เอาล
เขาคิดจะหนี แต่ความเร็วของอีกฝ่ายสูงมาก ท่ามกลางเสียงร้องตกใจขององครักษ์จวนอ๋อง ไป๋หู่ก็ถูกฟาดหนักๆ ที่ด้านหลัง ปลิวลอยออกไปทั้งตัวคนผู้นั้นก็ไล่ประชิดขึ้นมาในพริบตา"เร็ว!"องครักษ์จวนอ๋องตาแดงเถือก กระบี่ในมือแทงอย่างดุดันไปทางคนชุดดำเหล่านั้น พวกเขาต้องรีบจัดการพวกนี้ก่อน จึงจะตามไปช่วยไป๋หู่ได้แม้พวกเขาจะเข้าใจกัน ว่าต่อให้เป็นไป๋หู่ก็ยังไม่ใช่คู่มือคนคนนั้น พวกเขาถึงจะไล่ตามไปทันก็คงขวางไว้ไม่ไหวไป๋หู่ถูกฟาดจนปลิว ร่วงลงไปบนพงหญ้ารกผืนหนึ่ง กระอักเลือดออกมาโฮกใหญ่เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในขยับตำแหน่งไปหมด เลือดลมปั่นป่วน ตรงหน้าเริ่มมืดบอดอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป ฝ่ามือนี้แทบจะฟาดเขาจนตายอยู่แล้วเขาฝืนทนความเจ็บ หยิบขวดใบหนึ่งในออกออกมาเปิดฝาแล้วเทยากรอกเข้าปากนี่คือยาช่วยชีวิตที่ฟู่จาวหนิงให้พวกเขาไว้พอยาเข้าไปในคอก็จะละลาย และนำความร้อนกลืนลงไปในพริบตา ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นในทันทียานี้...ไป๋หู่ตอนนี้จึงเพิ่งรู้ว่ายาเม็ดนี้ที่ฟู่จาวหนิงให้เขาไว้ล้ำค่าแค่ไหน แค่ประสิทธิภาพของยา เม็ดเดียวก็มูลค่าหมื่นตำลึงได้แล้วเขาไม่กล้าชักช้า ไม่มีเวลาจะปีนลุกขึ้นมาแล้ว จึงกลั้
ไป๋หู่พาคนคุ้มกันอยู่สามชั่วยามพอพลบค่ำ เขาก็เห็นนิ้วมือสายลับคนนั้นขยับ"เจ้าฟื้นแล้วหรือ?" เขาเดินไปทันทีคุ้มกันอยู่ที่นี่พวกเขาก็ไม่ได้ผ่อนคลายเลย ต้องคอยระวังคนตามมาไล่ฆ่า ก่อนที่ฟู่จาวหนิงจะไปก็บอกเขามาสองคำ บอกว่านางรู้สึกว่าสายลับคนนี้มีข่าวบางอย่างที่สำคัญอยู่ เขาต้องคุ้มกันให้ดียิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่นางออกไปก็ให้ไป๋หู่คอยดูคนอื่นไว้อย่าเข้าใกล้ จากนั้นจึงฉีดยาให้เขาเข็มหนึ่งฟู่จาวหนิงสังหรณ์ว่าต้องช่วยชายหนุ่มคนนี้ไว้ให้ได้เขาสลบไปหนึ่งวัน ใจของไป๋หู่ก็ตึงอยู่ตลอด กลัวว่าเขาจะทนไม่ไหว แล้วทำให้ฟู่จาวหนิงผิดหวังชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก สายตายังดูเลือนรางอยู่ ไป๋หู่คาดไว้ว่าพอเขาตื่นขึ้นมาแล้วยังเห็นอะไรไม่ชัดก็จะทำการเคลื่อนไหว จึงเข้าไปกดเขาเอาไว้ก่อน "ข้าคือไป๋หู่"แล้วก็ตามาด ตอนที่ชายหนุ่มยังมองอะไรไม่ชัดก็เตรียมจะเข้าโจมตีสุดกำลังก่อนทันที แต่พอได้ยินว่าคือไป๋หู่ เขาก็ผ่อนคลายลงมา"ไป๋หู่ รีบไป..."เขาพูดขาดๆ หายๆ มาคำหนึ่ง ให้ไป๋หู่ไปสถานที่หนึ่งเพื่อเอาของมาไป๋หู่เห็นเขาพอตื่นขึ้นก็พูดเรื่องนี้ทันที จึงรู้ว่าของชิ้นนั้นต้องสำคัญมาก จึงทิ้งคนไว้
เซียวหลันยวนจูงฟู่จาวหนิงเข้าไป จึงเห็นว่าริมฝีปากเจ้าอารามซีดไปหน่อย ยิ่งไปกว่นั้น ซางจื่อใช้มืออีกข้างที่ไม่บาดเจ็บประคองเขาอยู่ดูแบบนี้ กลายเป็นเจ้าอารามที่บาดเจ็บหรือ?"พระชายาตรวจเจ้าอารามก่อนเถิด เขาถูกซัดมาหนึ่งฝ่ามือ แล้วคนนั้นยังใช้พิษอีก เมื่อครู่เจ้าอารามกระอักเลือดออกมา" ซางจื่อบอกกับฟู่จาวหนิงเซียวหลันยวนคลายมือที่จูงฟู่จาวหนิงอยู่ ไปประคองเจ้าอาราม"เกิดอะไรขึ้น?" เขาถามเสียงขรึม จากนั้นจึงประคองเจ้าอารามไปนั่งลงบนหินข้างๆเจ้าอารามโบกไม้โบกมือ "ไม่มีอะไร แค่เลือดลมปั่นป่วน กระอักเลือดออกมาเท่านั้น พักสักสองวันก็ดีขึ้น""หนิงหนิง"เซียวหลันยวนไม่สนเขา จับมือของเขาขึ้น จับแขนเสื้อเขาไว้ มืออีกข้างคอยประคอง แล้วให้ฟู่จาวหนิงจับชีพจรให้เขาฟู่จาวหนิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยื่นมือมาทาบที่ชีพจรเจ้าอารามเจ้าอารามมองนิ้วของนางที่ทาบลงมาบนแขนเสื้อตนเอง จากนั้นก็มองเซียวหลันยวนเด็กคนนี้ตอนเด็กๆ ก็พอดูออกว่าเป็นพวกนิสัยสันโดษกับขี้เหนียว ไม่คิดว่าพอโตขึ้นมาจะหนักกว่าเดิม ขนาดฟู่จาวหนิงจับชีพจร ยังต้องดึงแขนเสื้อมากั้นไว้ ไม่ยอมให้นางมาแตกตัวเขาเลยสินะ?นี่เกินไปหน่อยจริงๆฟ
ฟู่จาวหนิงเป็นห่วงมาก"คนหนีไปแล้ว เช่นนั้นตอนที่ข่าวส่งกลับไปต้าชื่อ ฝ่าบาททางนั้นก็จะรู้ว่าท่านเป็นคนฆ่าน่ะสิ?"ถ้าเพราะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคนเดียว ทำให้เซียวหลันยวนต้องถูกฝ่าบาทต้าชื่อมาคิดแค้นจับตา นั่นมันก็น่าคับข้องใจจริงๆเซียวหลันยวนโกรธองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ตอนนี้พอเห็นฟู่จาวหนิงเป็นห่วงเขา อารมณ์เขาก็ดีขึ้นมาอีกครั้ง"วางใจเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น แน่นอนว่าวางแผนให้อีกฝ่ายลงมือมาก่อน"ต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเขาไม่ได้พูดถึงจุดนี้"ให้อีกฝ่ายลงมือก่อนหรือ?""อืม" สายตาเซียวหลันยวนเย็นลง "พวกเขาลงมือมาตรงๆ ดังนั้นข้าเลยคิดว่าเรื่องที่ต้าชื่อจะจับตัวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะไม่ใช่ง่ายๆ แบบนั้น"ถ้าแค่คิดจะพาคนกลับไป ไม่จำเป็นต้องมาต่อสู้เอาเป็นเอาตายในแคว้นเจาหรอก"แบบนี้ต่อให้ต่อให้ฝ่าบาทต้าชื่อตอนนั้นจะมาหาเรื่อง ก็สามารถบอกว่าเป็นการป้องกันตัวโดยชอบธรรมได้สินะ?""ป้องกันตัวโดยชอบธรรม? คำนี้เหมาะสมดีจริงๆ" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จาวหนิงมองไปด้านนอก แต่ก็ยังไม่เห็นเจ้าอารามกับซางจื่อกลับมา"ท่านบอกอย่างไรกับเจ้าอาราม? คนอีกลุ่มรู้ไหมว่าใครส่งมา?""ให้เขาอยู