หลังจากพายุร้ายผ่านพ้นไป ความสงบสุขก็กลับคืนสู่ "ภาคินัย กรุ๊ป" และชีวิตของทุกคนอีกครั้ง ภาคินัยได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าจากวิกฤตที่ผ่านมา เขาไม่ได้เติบโตเป็นเพียงนักธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ชายที่เข้าใจชีวิตและเห็นคุณค่าของความรักและมิตรภาพมากยิ่งขึ้น คุณปู่ของภาคินัย ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง "ภาคินัย กรุ๊ป" และวางมือจากการบริหารไปแล้ว ได้ติดตามข่าวคราวและพัฒนาการของบริษัทมาโดยตลอด ท่านรู้สึกภูมิใจในตัวหลานชายที่สามารถกอบกู้วิกฤตครั้งใหญ่มาได้อย่างงดงาม และเห็นถึงการเติบโตที่สำคัญของเขา ในช่วงเวลาที่ภาคินัยได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมั่นคง คุณปู่จึงตัดสินใจที่จะเรียกภาคินัยเข้าพบ เพื่อมอบ คำแนะนำ และ บทเรียนชีวิต ที่สำคัญยิ่งกว่าเรื่องธุรกิจให้กับเขา และทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ในบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยได้รับโทรศัพท์จากคุณปู่ ให้เข้าไปหาที่บ้าน คุณปู่ของภาคินัยเป็นชายชราผู้เปี่ยมด้วยบารมีและสติปัญญา แม้จะวางมือจากงานแล้ว แต่สายตาของท่านยังคงเฉียบคม และคำพูดของท่านยังคงมีน้ำหนักเสมอ ภาคินัยรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่จะได้พบคุณปู่ เพราะนานแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว
เมื่อไปถึงบ้านคุณปู่ ภาคินัยเดินเข้าไปในห้องทำงานที่คุ้นเคย กลิ่นอายของหนังสือเก่าและไม้สักลอยอบอวลไปทั่วห้อง คุณปู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด สายตาท่านมองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นสวนอันร่มรื่น
"มาแล้วเหรอตาภีม" คุณปู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ "นั่งก่อนสิ"
ภาคินัยนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณปู่ "คุณปู่มีอะไรจะสอนผมหรือเปล่าครับ" เขาถามอย่างนอบน้อม
คุณปู่ยิ้มบางๆ "แกนี่รู้ใจข้าเสมอเลยนะ" ท่านจิบชาที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ "ข้าเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวแกเยอะเลยนะตาภีม วิกฤตครั้งนี้ทำให้แกโตขึ้นมากจริงๆ"
คุณปู่เริ่มต้นด้วยการพูดถึงเรื่องราวของวิกฤตที่ผ่านมา ท่านเน้นย้ำถึงบทบาทของความไว้วางใจที่มากเกินไป และความประมาทเลินเล่อที่อาจนำมาซึ่งความเสียหาย
"จำไว้นะตาภีม การทำธุรกิจนั้นต้องมีสติรอบคอบเสมอ อย่าไว้วางใจใครมากเกินไป โดยเฉพาะคนที่เข้ามาหาเราด้วยผลประโยชน์" คุณปู่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "แต่ในขณะเดียวกัน ก็อย่าระแวงทุกคนจนเกินไป จนมองไม่เห็นคนที่ดีที่อยู่รอบข้าง"
ภาคินัยพยักหน้าอย่างเข้าใจ "ผมเข้าใจครับคุณปู่ ผมประมาทไปเองที่หลงเชื่อทิชามากเกินไป"
"ใช่... ทิชานางเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับแกนะตาภีม" คุณปู่กล่าว "แต่วิกฤตครั้งนี้ก็ทำให้แกได้เห็นว่า ใครคือคนที่รักและหวังดีกับแกอย่างแท้จริง" ท่านมองหน้าภาคินัยด้วยแววตาอ่อนโยน "ข้ารู้ว่าปลายฝันกับธามช่วยแกไว้เยอะมาก"
ภาคินัยยิ้มอย่างอบอุ่นเมื่อคุณปู่เอ่ยถึงปลายฝันและธาม "ใช่ครับคุณปู่ ถ้าไม่มีปายกับธาม ผมคงไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้จริงๆ"
คุณปู่พยักหน้า "คนเก่งน่ะมีเยอะแยะไปหมด แต่คนดีและจริงใจน่ะหายากนักนะตาภีม จงรักษาคนดีๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี พวกเขาคือสมบัติที่มีค่ากว่าเงินทองมากมายนัก"
จากเรื่องธุรกิจ คุณปู่ก็หันมาพูดถึงเรื่องความรักและความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญที่ภาคินัยได้เรียนรู้จากวิกฤตครั้งนี้
"ปลายฝันน่ะ... เป็นผู้หญิงที่ดีนะตาภีม" คุณปู่เอ่ยขึ้น "นางอยู่เคียงข้างแกในยามที่แกไม่มีอะไรเลย ยามที่แกตกต่ำที่สุด นางไม่เคยทอดทิ้งแกไปไหน"
ภาคินัยมองคุณปู่ด้วยความรู้สึกตื้นตัน "ผมรักปายมากครับคุณปู่ ผมเห็นคุณค่าของเธอแล้วจริงๆ ครับ"
"ความรักที่แท้จริงน่ะ ไม่ได้วัดกันที่ความสวยงามภายนอก หรือความร่ำรวยหรอกนะตาภีม" คุณปู่กล่าว "แต่มันวัดกันที่ใจที่มั่นคงยามเจอพายุ ใจที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันในทุกสถานการณ์ต่างหาก" ท่านยิ้ม "แกโชคดีมากนะที่มีปลายฝันอยู่เคียงข้าง"
คุณปู่ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ของธามและน้ำหวานด้วยความชื่นชม "ส่วนธามกับน้ำหวานน่ะ ก็เป็นเรื่องราวที่ดีนะตาภีม ข้าเห็นว่าทั้งคู่ต่างก็ผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดมาเหมือนกัน การที่พวกเขาได้มาเจอและปลอบใจกันน่ะ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง"
"ใช่ครับคุณปู่ ธามกับน้ำหวานมีความสุขกันมากครับ" ภาคินัยเล่าถึงเรื่องราวของธามและน้ำหวานให้คุณปู่ฟังอย่างละเอียด คุณปู่รับฟังด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
บทเรียนสุดท้ายที่คุณปู่มอบให้ภาคินัย คือเรื่องของความสุขที่แท้จริง และการใช้ชีวิตอย่างสมดุล
"ความสุขที่แท้จริงนีน่ะ ไม่ได้อยู่ที่การมีเงินทองมากมาย หรือการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเพียงอย่างเดียวหรอกนะตาภีม" คุณปู่กล่าว "แต่มันอยู่ที่การที่เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับคนที่เรารัก ได้ทำในสิ่งที่เรารัก และได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น"
ท่านชี้ไปที่สวนสวยที่มองเห็นจากหน้าต่าง "ดูนั่นสิ ตาภีม... ธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งสวยงามมากมายไว้ให้เราได้ชื่นชม เราไม่ควรเอาแต่ทำงานจนลืมที่จะใช้ชีวิต"
"จงหาความสมดุลให้ชีวิตนะตาภีม" คุณปู่แนะนำ "ทำงานให้เต็มที่ แต่ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกายและใจ อย่าลืมใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารัก อย่าลืมที่จะพักผ่อน และอย่าลืมที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม"
ภาคินัยรับฟังทุกถ้อยคำของคุณปู่อย่างตั้งใจ คำพูดของคุณปู่เป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องนำทางให้เขาเห็นภาพชีวิตที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
"ผมจะจำคำสอนของคุณปู่ไว้นะครับ" ภาคินัยกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
หลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณปู่แล้ว ภาคินัยก็นำคำแนะนำและบทเรียนเหล่านี้มาปรับใช้กับชีวิตของตัวเอง และยังได้แบ่งปันให้กับปลายฝัน ธาม และน้ำหวานด้วย
ในวันหนึ่ง ภาคินัย ปลายฝัน ธาม และน้ำหวาน นั่งคุยกันที่ห้องทำงานของภาคินัย ภาคินัยเล่าถึงบทสนทนากับคุณปู่ให้ทุกคนฟัง
"คุณปู่สอนผมว่า ความสำเร็จที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของชีวิตที่สมดุล และการมีคนดีๆ อยู่รอบตัวเรา" ภาคินัยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ "และท่านยังย้ำว่า ให้รักษาความรัก ความไว้วางใจ และมิตรภาพที่แท้จริงไว้ให้ดี"
ปลายฝัน ธาม และน้ำหวาน ต่างรับฟังด้วยความตั้งใจ พวกเขาทุกคนต่างก็เคยผ่านเรื่องราวที่ยากลำบากมาเหมือนกัน และต่างก็ได้รับบทเรียนจากประสบการณ์เหล่านั้น
"คุณปู่พูดถูกค่ะคุณภีม" ปลายฝันกล่าว "ปายเองก็รู้สึกว่าวิกฤตครั้งนี้ทำให้ปายเห็นว่าใครคือคนที่ปายควรค่าแก่การเชื่อใจ"
ธามพยักหน้า "ผมก็เหมือนกันครับ สิ่งที่ผมเรียนรู้จากเรื่องที่ผ่านมา คือการไม่ตัดสินคนจากภายนอก และการเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง"
น้ำหวานยิ้ม "สำหรับฉันแล้ว การได้รู้จักคุณธาม และได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกคุณ ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปค่ะ"
บทเรียนที่ได้รับจากคุณปู่ภาคินัย และจากประสบการณ์ตรงที่ทุกคนได้เผชิญ ทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างแท้จริง "ภาคินัย กรุ๊ป" ไม่ได้เป็นเพียงแค่บริษัทที่มุ่งมั่นทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์ และการสร้างประโยชน์ให้กับสังคม
ภาคินัยและปลายฝันยังคงเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่พนักงานและสังคม พวกเขาสานต่อโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัว
ธามและน้ำหวานยังคงดำเนินชีวิตคู่ด้วยความรักและความเข้าใจ พวกเขาเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านการงานและความสัมพันธ์ พวกเขากลายเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตและเอาชนะอุปสรรคต่างๆ
ชีวิตของทุกคนดำเนินไปอย่างมีความสุขและมั่นคง พวกเขาไม่ได้มองว่าความสำเร็จคือจุดสิ้นสุด แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้และเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างมีสติ และมองเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว ความรัก มิตรภาพ และบทเรียนจากอดีต ได้หล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่ดีขึ้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอนาคตที่รออยู่เบื้องหน้าอย่างเข้มแข็งและมีความสุขตลอดไป
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ