หญิงสาวลืมตาขึ้น แล้วหันมายิ้มให้เขา ชายหนุ่มรีบละสายตาหวานเชื่อม แล้วหันไปมองอ่าวสวยเบื้องหน้าแก้เก้อ
“อธิษฐานนานจัง”
“ฉันขอให้ได้กลับมาที่นี่อีก และก็ขอให้ตัวเองรอดปลอดภัยจากคนคิดร้ายด้วย”
เขาอ้าปากค้าง คำภาวนาของเขาถูกเธอแก้เสียแล้วเรียบร้อย “อืม ขอให้สมหวังล่ะกัน ว่าแต่คืนนี้คุณนอนที่ไหน”
“สนามบิน ฉันเล็งที่เอาไว้แล้ว น่าจะนอนหลับสบายอยู่ พรุ่งนี้เช้า ฉันถึงจะบิน”
เธอกลับเมืองไทยเวลาเดียวกับเขาเลย ต่างกันแค่เธอกลับเครื่องบินพานิชย์โดยสาร ส่วนเขาเช่าเครื่องบินส่วนตัวสุดทันสมัยจากบริษัทของเพื่อนสนิท
“คุณไปนอนที่ห้องผมก็ได้นะ” เธอหันขวับมองเขา ชายหนุ่มรีบแก้ตัวอย่างงงๆ “ผมหมายถึงนอนจริงๆ ผมไม่แตะคุณหรอก บอกแล้วไง ไม่ยุ่งกับคนที่ไม่ยอม”
หญิงสาวพยักหน้า ก่อนยกน้ำขึ้นซดไปหลายอึก “ฉันขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณพลอยลำบากไปด้วย”
“ผมผิดเองที่เดินผ่านหน้าห้องคุณพอดี”
ขวัญชนกยิ้มสดใส แววตาเป็นประกายครั้งแรกที่เขาเห็น เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าที่สุกสกาวไปด้วยดวงดาวนับพัน การมาที่นี่อาจเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับเธอ แต่การที่เธอได้มานั่งอยู่ตรงนี้ เวลานี้ ก็ถือว่าเธอยังโชคดีไม่น้อย
“แต่เป็นเรื่องโชคดีของฉัน”
ทั้งคู่นั่งชมดาว สูดกลิ่นอายทะเลจากอ่าวแบ็กอีกสักพักใหญ่ๆ ก็พากันกลับมาที่อพาร์ตเม้นต์หรูใจกลางเมืองของชายหนุ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมให้ผู้หญิงใช้เตียงนอนส่วนตัวของเขา
“คุณนอนเตียง ผมจะนอนโซฟาเอง”
มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เธอคิดในใจ “ขอบคุณนะคะ แต่คุณควรจะออกจากห้องไปได้แล้ว”
เขาอ้าปากหวอ ก่อนหุบฉับ “ไล่เจ้าของห้องเลยนะ”
เธอยิ้มให้เขา หนุ่มเจ้าของห้องที่ใจดีและมีน้ำใจกับเธอ เธอจะจดจำเขาไว้ในความทรงจำ แม้การมาเยือนบอสตันในครั้งนี้คือความโชคร้าย แต่เขาคือความโชคดีสำหรับเธอ
ขวัญชนกนอนหลับไปเกือบห้าชั่วโมง เธอสะดุ้งตื่นตอนฟ้ายังไม่ทันสางดี เธอลุกเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเองจนเรียบร้อย จากนั้นก็ลากกระเป๋าออกจากห้องนอน ชายหนุ่มหายไปจากโซฟาแล้ว เธอมองหาเขา เพื่อจะกล่าวคำขอบคุณก่อนจากไป ทว่า เขาไม่ได้อยู่ในห้องแล้วจริงๆ เขาเขียนโน้ตแปะไว้ที่ตู้เย็น...ผมต้องออกไปหาเพื่อนด่วน ตื่นแล้วหาอาหารเช้ากินเองนะ ล็อคประตูห้องให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้อง...ขอบคุณที่ใช้บริการ
“แสดงว่าเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้นอนอยู่ที่นี่สินะ นี่เรานอนระแวงทั้งคืนเลย” เธอยิ้มนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกดีไม่น้อย ก่อนก้มลงอ่านข้อความในส่วนของ..ปล.
“เงินอยู่ในซองบนโต๊ะอาหาร ใช้คืนโดยให้คุณกลับมาที่บอสตันเท่านั้น ไม่รับการโอน ส่งหรือฝาก...เข้าใจนะ”
เธอเก็บโน้ตแผ่นเล็กไว้ในกระเป๋าสะพาย ตั้งใจจะเก็บเอาไว้ เธอดื่มกาแฟแก้วเดียวเท่านั้น ก่อนออกจากอพาร์ตเม้นต์หรูมาด้วยหัวใจที่อิ่มเอมและพองโต...
ขวัญชนกโบกแท็กซี่ให้ไปส่งยังสนามบิน เธอนำเงินที่ชายหนุ่มวางไว้ให้บนโต๊ะอาหารมาใช้จ่าย เขายินดีให้เธอยืมเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาท โดยมีข้อแม้ว่าให้เธอใช้เงินคืนในวันที่เธอได้กลับมาที่บอสตันอีกครั้งเท่านั้น
“ฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้งให้ได้ ฉันสัญญา”
เธอลากกระเป๋าเดินทางเดินเข้าสนามบิน หากแล้วก็ต้องสะดุดกึก เพราะเห็นใครบางคนที่เธอรู้จัก ยืนอยู่ในมุมไกลๆ
“สิริวิไล!” หญิงสาวที่มีความสวยและสง่าสมกับเป็นลูกสาวจากครอบครัวอบอุ่นที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา เธอเป็นนางแบบอยู่ในสังกัดของบริษัทคู่แข่ง และเธอเป็นตัวเต็งในการเข้าร่วมประกวดสุดยอดนางแบบแห่งประเทศไทยที่กำลังจะมีการประกวดในอีกสองวันข้างหน้า “เธอดูดีจริงๆ ดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ว่าแต่...มาถ่ายแบบเหรอ ขึ้นปกหัวไหนนะ”
สิริวิไลเริ่มมีชื่อเสียงตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ ไม่เพียงแค่เพราะความสวยเท่านั้น แต่เธอยังมีผู้สนับสนุนที่ดี ข่าววงในบอกว่าเธอมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งคอยผลักดันอยู่อย่างลับๆ เรียกว่าใครแตะไม่ได้เลยเชียวล่ะ
“เธอได้ตำแหน่งแน่” ไม่ต้องเดาเลย ถึงแม้เงินรางวัลนับล้านบาทควรจะเป็นของคนจนอย่างเธอมากกว่าก็เถอะ เธอไม่มีเส้นสาย ไม่มีผู้ใหญ่สนับสนุน แถมยังมีศัตรูตัวใหญ่ที่ตั้งใจจะสกัดและคอยขัดแข้งขัดขาเธอด้วย “ฉันควรจะไปทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแด่เจ้ากรรมนายเวรเสียก่อน อย่างน้อย เผื่อผลบุญจะช่วยให้หลุดรอดจากมารผจญบ้าง ไม่ใช่ประดังประเดมาเป็นชุดแบบนี้”
เธอละสายตาจากนางแบบสาวสวยไฮโซ เดินต่อไปยังด้านใน วันนี้บรรยากาศไม่สดใสสักเท่าไหร่ ท้องฟ้าค่อนข้างครึ้ม เธอยังกังวลอยู่ว่าจะบินได้ไหม หากแล้วการคาดเดาของเธอก็เป็นจริง ไฟท์ที่เธอบินและทุกไฟท์ที่จะบินในช่วงเช้าของวันนี้งดทุกเที่ยว เพราะ...
“พายุหิมะรึเนี่ย” แต่เธอกลับตื่นเต้นตาโตที่ได้เห็นหิมะแรกในชีวิต แถมยังเป็นหิมะในเมืองในฝันของเธอเสียด้วย “หิมะตกที่บอสตัน”
หญิงสาวเห็นมัน ผ่านกระจกใสหนาซึ่งกรุเป็นผนังของตัวอาคารขนาดใหญ่ ผู้โดยสายหลายคนนั่งมองทิวทัศน์ชินตาที่เก้าอี้ และผู้โดยสารหลายสิบชีวิต ยืนจับกลุ่มบ้าง เป็นคู่บ้าง และยืนโดดเดี่ยวเหมือนเธอก็หลายคน ทุกคนจับจ้องออกไปยังนอกอาคาร ด้วยสายตาที่หลากหลาย บางคนเซ็ง บางคนกังวล โมโห บางคนดื่มด่ำ สบายๆ และบางคนตื่นเต้นสนุกสนานซึ่งคนๆ นั้นก็คือเธอ
“สวยจัง เหมือนอยู่ในสวรรค์เลย” หิมะสีขาวสะอาดดุจปุยนุ่น ตกลงมาเป็นสาย พลิ้วไหว อ่อนโยน นุ่มนวลอย่างกับละอองหมอก “ถ้ามาคราวหน้า ต้องพาแม่มาด้วยให้ได้”
แม้ความสวยของหิมะไม่ได้เป็นผลดีสำหรับการเดินทางสักเท่าไหร่ และไฟท์กลับเมืองไทยของเธออาจจะเลื่อนไปอีกหลายชั่วโมง ซึ่งอาจทำให้เธอต้องนั่งรออยู่ในสนามบินอย่างเงียบเหงาและน่าเบื่อไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่เธอกลับรู้สึกตื่นเต้นกับความพลุกพล่านของผู้คนแปลกหน้า และบรรยากาศของความจอแจวุ่นวายท่ามกลางพายุหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างหนักจนหนาแน่นไปทุกแห่งหน
ความฝันที่อยากเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ยังกระตุ้นเตือนเธอทุกเมื่อเชื่อวัน การติดต่อค้าขายกับผู้คน การเดินทางเพื่อค้นหาสินค้าแปลกใหม่ หรือการท่องเที่ยวค้นหาประสบการณ์ชีวิตจากทุกซอกมุมของโลก มันเป็นอะไรที่เธออยากจะทำมาทั้งชีวิต วันใดก็ตามที่เธอสามารถปลดแอกให้กับครอบครัวได้สำเร็จ วันนั้นเธอจะเริ่มต้นสานความฝันให้เป็นรูปเป็นร่าง แม้จะเริ่มจากร้านขายข้าวแกงเล็กๆ ก็เถอะ เธอคงจะมีความสุขไม่น้อย
“คุณขวัญชนก นักธุรกิจหญิงที่สวยและเซ็กซี่ที่สุดในประเทศไทย เจ้าของร้านอาหารและร้านกาแฟชื่อดังในจังหวัดภูเก็ต...เฮ้อ...ดีจัง” หญิงสาวฝันหวานเพียงลำพัง เธอยิ้มกับความสุขเล็กๆ ที่ได้จินตนาการไปถึง “ไปดูงานดีกว่า”
เธอผละจากกระจกบานใหญ่ จุดชมหิมะตกของเธอ เดินกลับมายังโซนร้านค้าขนาดใหญ่สุดทันสมัยและเป็นระเบียบ ทว่า หรูหรา จัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัว เธอเห็นร้านกาแฟร้านหนึ่งตรงหัวมุม ร้านขนาดกลาง จัดแต่งสไตล์อินเดียนแดง ผสมผสานกับวัฒนธรรมแบบอเมริกาใต้ ดูแล้วน่าสนใจตั้งแต่ยังไม่ได้ลองชิมรสชาติกาแฟ
หญิงสาวเล็งไว้ตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาแล้ว และเธอจะเจียดเงินสักเล็กน้อยเพื่อซื้อรสชาติดั้งเดิมแบบบราซิลเลี่ยนมาลองดื่มชิมดู อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะอร่อยเลิศล้ำอย่างที่เขาล่ำลือกันหรือเปล่า เธอเดินไปหยุดตรงหน้าร้าน ลูกค้าไม่น้อยแต่ก็ไม่มาก ยังพอมีโต๊ะเหลือ
“ตกแก้วล่ะ...ร้อยแปดสิบบาท...แพงจัง...เอาวะ ไหนๆ ก็มาแล้ว” เธอพูดพลางกำลังจะย่างเท้าเข้าไปด้านใน หากแล้วก็ต้องชะงัก เกือบหงายหลัง เพราะชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าขวางหน้าเธอไว้เสียก่อน เขาไม่ได้พูดกับเธอ แต่พูดกับหญิงสาวที่เดินไล่บี้เขามาตั้งแต่หน้าสนามบิน
“พอเถอะแองจี้” ชายหนุ่มคนนั้นบอกกับหญิงสาวผมบลอนด์ที่แต่งชุดแซ็กสวย เผยแผ่นหลังนวลเนียน เจ้าหล่อนปั้นหน้าเหมือนยักษ์ใส่เขา แสดงท่าทางบอกว่าไม่มีวันหยุดและพอ ตามที่เขาขอเด็ดขาด
“คุณด้วยเคส” แล้วเขาก็หันไปหาหญิงสาวอีกคนที่ตรงรี่มายืนเคียงคู่กับแองจี้ สาวสวยตาคม ผมสีน้ำตาล เคสอย่างกับนางแบบหลุดมาจากแคทวอล์ค ขวัญชนกแอบเดาว่าเธอน่าจะเป็นสาวจากอเมริกาใต้ “เลิกยุ่งกับผม แล้วกลับไปซะ”
ชายหนุ่มชาวเอเชียผู้นี้มีเรือนร่างสูงสง่าพอๆ กับนายแบบฝรั่ง หรือไม่ก็นักฟุตบอลสุดเท่ห์ที่ดึงสายตาคนดูไปได้ทั้งสนาม หุ่นงดงามในเสื้อผ้าสบายๆ เช่นเคย เสื้อหนังสวมทับเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนซีดเก่ากึก เธอเคยเจอเขามาแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในเวลารวดเร็วขนาดนี้ และในสถานการณ์วุ่นวายแบบนี้
เสือร้ายของเธอก่อคดีใหญ่แน่ๆ เขาดูข้นเครียดและเซ็งสุดขีด ขณะกำลังพยายามอธิบายให้สองสาวเข้าใจว่าที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องของความพอใจทั้งสองฝ่าย ไม่ได้บังคับขู่เข็น ไม่ได้บีบคอลากพวกเธอเข้าห้อง พวกเธอปลดกระดุมและถกกระโปรงให้เขาเองด้วยความยินดีปรีดา และทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเน้นความสนุกกับผ่อนคลายเป็นหลัก ไม่เน้นการต่อยอดใดๆ ทั้งสิ้น
“เราตกลงกันแล้วไง”
“ใช่ เราตกลงกันแล้ว แต่คุณไม่ควรทำแบบนี้...กับผู้หญิงเพอร์ เฟคอย่างฉัน” เคสพูดด้วยน้ำเสียงจิกกัดพอๆ กับสีหน้าท่าทาง พลางปรายตาไปมองหญิงสาวอีกคนที่ยังยืนเชิดหน้า ยิ้มเยาะท้าทาย “คุณทำให้ฉันพะอึดพะอมสุดๆ”
“ฉันต่างหากที่พะอึดพะอม ยังไงก็เหอะ ฉันมาก่อน” แองจี้ทวงสิทธิ์ที่ไม่มีอยู่จริง
“ไม่สำคัญหรอก เพราะฉันเด็ดกว่า”
“พอเถอะน่า” ชายหนุ่มปรามด้วยเสียงกระซิบกระซาบ คนอย่างเขาไม่น่าจะมีความอายหลงเหลืออยู่แล้วนะ ก่อเรื่องเสียขนาดนี้ “มันจบแล้ว กลับไปทั้งสองคน ตอนนี้ผมไม่ว่าง...แฟนผมรออยู่”
“ไม่จริง” แองจี้ปากคอสั่น “คุณไม่เคยจริงจังกับใคร”
“เพราะงั้น คุณไม่ควรปฏิเสธผู้หญิงที่ดีและเลิศสุดๆ อย่างฉัน” เคสบอกอย่างนั้น เธอมั่นใจว่าเธอดีกว่าผู้หญิงทุกคนในอเมริกา และแน่นอนว่าดีกว่าแฟนของเขาแน่ๆ “เป็นของฉันคนเดียวเถอะ”
“ฉันต่างหาก” แองจี้ท้วง “ที่เขาควรจะเลือก ถอยไปเลยยัยเพื่อนชั่ว”
“แกน่ะแหละ ชั่วและเซ็กซ์ห่วยแตกจนเขาต้องมานอนกับฉัน”
“นังสารเลว”
“โอ้ว...” ขวัญชนกอุทานในใจ ที่แท้สองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันหรอกรึ แต่กลับแอบใช้ผู้ชายคนเดียวกันอย่างนั้นใช่ไหม เสือร้ายของเธอเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ ที่แท้เขาคือคนหล่อที่ใช้ผู้หญิงเปลืองและไม่เลือกหน้า เธอไม่อยากชมบทละครรักสามเศร้าของพวกเขาอีกแล้ว จึงคิดจะหลีกหนีแล้วเข้าไปในร้านเสีย แต่เพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่เธอย่างเยื้อง เธอกลับถูกมือใหญ่ฉุดไปยืนเคียงข้าง และเขาพูดออกมาหน้าตาเฉย โดยไม่ขอความเห็นเธอสักคำ
“นี่ไง แฟนของผม!!!”
ขวัญชนกตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์สามี ทว่า โทรศัพท์เครื่องนั้นดังลั่นอยู่ในบ้านนี่เอง เธอหันไปมองต้นเสียง ถึงได้เห็นว่ามันวางอยู่บนโซฟาตัวยาว“โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป” เธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว เมื่อนึกถึงสันดานของสามีที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เขามันประเภทเจ้าชู้ไม่เลือกกินเสียด้วย ป่านนี้อาจไปนอนกกอยู่กับสาวๆคนไหนก็ได้ “อย่าบอกนะว่าแอบไปตั้งแต่ตอนดึก”คิดแล้วก็เจ็บใจจัด รีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด เตรียมตัวออกข้างนอก“คอยดูนะ ถ้าจับได้ว่าคุณนอกใจฉัน ฉันจะเลิกกับคุณทันทีเลย”หญิงสาวไม่รอรีให้เสียเวลา เธอออกจากบ้านหลังสวย แล้วมุ่งสู่อพาร์ตเม้นต์ของชายหนุ่ม ที่ๆเขาเช่าทิ้งไว้สำหรับอยู่อาศัยขณะเรียนหนังสือ ตั้งแต่กลับมาบอสตันเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้ไปเหยียบที่นั่นเลยสักครั้ง เขาอ้างว่ายังไม่ได้จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด กลัวเธอจะสูดฝุ่นเข้าปอด เดี๋ยวกระทบถึงลูก“จอมทัพ!!!” เธอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณไม่ได้ตายดีแน่!!!”ขวัญชนกโบกรถแท็กซี่อย่างร้อนรน เมื่อเข้าไปนั่งที่เบาะหลังแล้ว เธอบอกจุดหมายปลายทางให้โชว์เฟอร์รับทราบอย่างละเอียดยิบ จากนั้นรถก็วิ่งฉิวทิ้งห่างบ้านพักห
บอสตัน...ในวันที่สายฝนเย็นฉ่ำโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย“ทะเลที่นี่ เวลาฝนตกก็สวยไปอีกแบบนะ”“แต่คุณสวยกว่าอีก”“อย่ามาปากหวานหน่อยเลย”“ก็มันเรื่องจริงนี่” ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ในบ้านพักตากอากาศหลังสวยริมทะเล โดยชายหนุ่มสวมกอดหญิงสาวจากด้านหลัง ขณะท้องสาวนูนขึ้นเล็กน้อย “เมียของผม ทั้งสวย ทั้งน่ารัก แถมยังเซ็กซี่ไปทั้งตัว นี่ขนาดท้องอยู่นะ สาวๆที่นี่สู้คุณไม่ได้สักคน”“สู้ไม่ได้ หมายความว่าไงคะ” เจ้าหล่อนปลดมือของชายหนุ่มออก แล้วเหลียวหน้ากลับมามอง ด้วยตาดุเข้ม “หรือว่า แอบกลับไปทบทวนความหลังกับสาวๆของคุณมา”“อย่าหาเรื่องน่า ตั้งแต่มานี่ต้นสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันนี้ ผมก็อยู่กับคุณตลอด ระแวงไม่เข้าเรื่อง”“ไม่เข้าเรื่องยังไง คนอย่างคุณก็รู้ๆกันอยู่” เจ้าหล่อนทำปั้นปึ่ง เดินผละมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีชุดชงชาและกาแฟวางอยู่ เธอรินชาใส่ถ้วย ควันพวยพุ่ง หอมฟุ้งไปทั้งบ้านจอมทัพเดินตามมากอดแล้วจูบภรรยาอย่างโหยหาและเอาใจ“อย่าหงุดหงิดเลยนะ เดี๋ยวส่งผลไปถึงลูก มันไม่ดี”“ไม่รู้สิคะ สงสัยจะเป็นเพราะโฮโมน”“ผมอยากให้ลูกชายของผมเป็นเด็กอารมณ์ดีนะ”“รู้ได้ไงว่าลูกชาย”“คนที่สองต้องลูกชายอยู่แล้
‘ไม่จริง’“เรื่องนี้คุณแม่กุลธิดาของผมทราบเรื่องดีครับ เพราะท่านอยู่ในเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์”จอมทัพหันมามองเธอด้วยสายตาผิดหวัง เธอตั้งสติแล้วลงจากเวทีมาหาเขา โผเข้ากอดเขาแล้วสะอื้นฮึกฮัก นักข่าวพากันกระหน่ำถ่ายรูปไม่หยุด“จอมยังไม่ตาย แม่ดีใจเหลือเกิน จอมหายไปไหนมาลูก ทำไมมาเอาป่านนี้”ชายหนุ่มผละจากอ้อมกอดของมารดาเลี้ยง ด้วยท่วงท่าเย็นชา ไร้เยื่อใย“ขอบคุณที่คุณแม่เลี้ยงดูผมมานะครับ”กุลธิดารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เธอเองที่เป็นคนทำลายความรักความเชื่อใจของผู้ชายคนนี้จนหมดสิ้น“จอม...”“ผมรักคุณแม่นะครับ ถึงแม้คุณแม่จะไม่เคยรักผมเลยก็ตาม”“จอม...ไม่จริงลูก”“พอเถอะครับคุณแม่ พอซะทีเถอะ!!!”กุลธิดาอึ้งจนพูดไม่ออก“คิดว่าแม่ไม่เสียใจเหรอที่เห็นลูกตาย...”ชายหนุ่มหัวเราะทั้งน้ำตา หันมองหน้ามารดาเลี้ยงด้วยหัวใจที่แตกสลาย “ผมรู้หมดแล้วครับ ว่าแม่ทำอะไรลงไปบ้าง และตอนนี้หลักฐานทุกอย่างก็อยู่ที่ตำรวจหมดแล้วด้วย ทุกคดี รวมทั้งคดีบงการฆ่าผมด้วย!”ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตกใจกับข่าวนี้ ก่อนจะจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันมันปาก ขณะกุลธิดาปากคอสั่น ร้องบอกทุกคนว่าสิ่งที่จอมทัพพูดนั้นไม่ใช่เรื่องจ
“ไม่ได้”เขาแสร้งทำเป็นหูเพี้ยน ก้มเข้าหาเธอแล้วประกบริมฝีปากบนเนื้อปากอิ่มแสนรั้นจนแนบแน่น“อือ...”ริมฝีปากร้ายจูบอย่างอ่อนโยนเพียงชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะถอนออกมาอย่างแสนเสียดาย“อ่า...มีความสุขจัง...งานนี้ถึงโดนตบก็ยอม”“คุณจอม!” เธอหน้าแดงก่ำเพราะความเขิน รีบหันมองรอบกาย เพราะกลัวพ่อแม่จะเห็นเข้า “คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”“ผมรักคุณนะ”เขาบอกรักเธอตลอดเวลาจนเธอเริ่มหมดความตื่นเต้นไปแล้ว...อย่างนั้นหรือ...ไม่เลย...ไม่ว่าเขาจะบอกรักเธอสักกี่ครั้ง เธอก็ยังตื่นเต้นได้ทุกครั้งสิน่า“พูดอยู่ได้ น่าเบื่อ”“ผมจะรีบกลับมานะ”“ดูแลตัวเองด้วย”“ว่าไงนะ” เขาได้ยินแล้ว แต่อยากได้ยินอีก เพราะมันทำให้เขามีความสุขแทบบ้า “คุณว่าไงนะขวัญ”เธอไม่อยากพูดอีก มันเสียศักดิ์ศรี แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว“อย่าไปทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ คิดจะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ มีสติ ห้ามประมาทเด็ดขาด”เขาคว้ามือเธอไปจับแน่น “คุณเป็นห่วงผมเหรอ”“ก็...คุณจะไปหาเงินมาสร้างโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่ห่วงผลประโยชน์ของคนที่เกาะ” เธอรู้จากหมอทินกรมาสักพักแล้ว เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาดเล็กบนเกาะพันดาว ที่เขาเป็นเจ้าของเงินทุนแล
“ผมจะกลับไปกรุงเทพฯสักพักนะ”เขามาบอกเธอที่บ้านในตอนบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังถักเสื้อไหมพรมตัวที่หกให้ลูกของเธออยู่ที่หลังบ้าน“ก็ไปสิ ไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันหรอก”เธอไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำตอนที่พูดออกมา น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้าง ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ถือสาหาความหรอก เขารู้ว่าเธอยังโกรธและไม่ให้อภัยเขา แม้เวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เขาจะพยายามเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ทำเป็นมองไม่เห็น“ผมจะไปสะสางปัญหาที่บริษัท แล้วก็จะไปให้ปากคำเพิ่มเติมเรื่องคดีของคุณด้วย อีกไม่นานคนร้ายตัวจริงจะได้รับผลกรรมที่ทำไว้กับคุณแล้วนะ คุณสบายใจได้”“ทุกวันนี้ฉันก็สบายใจดี การที่ไม่ต้องไปสู้รบปรบมือกับใคร ไม่ต้องไปแก่งแย่งแข็งขันกับใคร มันทำให้ฉันค้นพบความสุขที่แท้จริง”“ผมดีใจนะที่คุณมีความสุข” เขาเดินมานั่งลงข้างๆกับเธอ มองเธอด้วยสายตาล้นเอ่อไปด้วยรัก เวลานี้ท้องของเธอเห็นชัดมากแล้ว จนเธอต้องสวมชุดคลุมท้องเพื่อให้คล่องตัวขึ้น“ทำไมเสื้อผ้าของลูกมีแต่สีหวานๆ”“ก็ลูกฉันเป็นผู้หญิงนี่นา”“จริงเหรอ!” เขาได้ยินก็ตื่นเต้นแทบคลั่ง เกือบจะคว้าเธอมากอดให้ชื่นใจแล้ว หากไม่โดนสายตาพิฆาตเสียก่อน“นี่ผมก
“หมอ...หมอ...” หมอชราพูดออกมาแทบไม่ออก “หมอฝันจะเห็นสิ่งนี้มาตลอด แต่หมอไม่มีปัญญาจะทำ”“ไม่จริงครับ หมอมีปัญญาจะทำ แต่หมอรอผมอยู่ และตอนนี้ผมก็มาแล้วไง...นี่แหละคือโชคชะตาของผม”“ขอบคุณนะ ที่เห็นคุณค่าของคนที่นี่”“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณทุกคนที่นี่...ความจริงผมเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าอีกไม่นานนี้ ลูกของผมจะคลอดที่นี่ ผมเลยอยากทำอะไรเพื่อคนที่ผมรักด้วย”“ไม่ต้องห่วงนะ หมอจะทำคลอดลูกของคุณให้ดีที่สุด และเด็กคนนี้จะภูมิใจที่ได้มีพ่ออย่างคุณ”“ผมก็หวังเช่นนั้นครับ...”หวังว่าเขาจะได้ทำอะไรเพื่อลูกน้อยของเขาที่กำลังจะคลอดในอีกสี่เดือนข้างหน้า แม้ไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่พ่อที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ แต่การได้รู้ว่าเขายังปลอดภัยและแข็งแรงดี นั่นก็คงจะเพียงพอให้หัวใจของเขาได้มีแรงเดินต่อ“ตกลงหนูท้องกับใคร”กุลธิดาเค้นถามหญิงสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หลังจากที่เจ้าหล่อนพูดบางสิ่งที่ทำให้เธอปวดหัวไม่หาย“ไม่รู้สิคะ หนูจำไม่ได้”“จำไม่ได้เลยเหรอว่านอนกับใครบ้าง”สิริวิไลทำหน้าขัดใจ “จะจำไว้ทำไมคะ ก็แค่สนุกๆ ไม่ได้จริงจังสักหน่อย จะซีเรียสทำไมคะ เพราะถึงยังไง ลูกของหนูก็ต้องเป็นลูกของคุณจอมทัพ