เล่อเยียนแบ่งกับข้าวให้ฟ่านเหมยเหมย ซึ่งหล่อนก็ไม่ปฏิเสธ ทั้งยังอยากจะขอร่วมวงกินข้าวด้วย แต่เล่อเยียนปฏิเสธไปเสียก่อน เธอไม่อยากกินข้าวร่วมกันกับแม่หมูพันธุ์กินจุตัวนี้
" ไม่น่าทำมากมายเพียงนี้เลย " หม่ายวี่ไท่ที่เห็นเล่อเยียนใช้ไข่ทำกับข้าวร่วม 10 ฟองเห็นแล้วก็ปวดใจ ไข่ 10 ฟองเธอสามารถกินได้ 10 วันเชียวนะ แต่เล่อเยียนใช้มันเพียงมื้อเดียวเธออยากจะกระอักเลือดตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย ทั้งยังมีเห็ดหอมราคาแสนแพงนั่นอีก แต่พอได้กินเธอก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองตามไปด้วย รสชาติช่างละมุนลิ้น อีกทั้งซุปไข่นี้ยังแก้อาการหวัดได้ดีทีเดียวอีกด้วย หากจะบอกว่าใครที่รวยน้ำใจมากที่สุดก็คงจะเป็นเล่อเยียนนี่แหละ
"กินให้อร่อยนะ เธอด้วยนะหมี่เมี่ยน" หลี่เล่อเยียนยิ้มกว้าง เชิญชวนให้เพื่อนเริ่มกินอาหารที่ตนเองทำ
" เออจริงสิ พวกทหารกลับกันไปหมดหรือยัง " เล่อเยียนแอบกลั้นหายใจกับคำตอบที่เธอถามออกไป
" น่าจะไปแล้วนะ เห็นว่าต้องไปดูอีกหลายที่ในพื้นที่ใกล้เคียง" หม่ายวี่ไท่ตอบ
" จริงหรือ ดีแล้วล่ะรีบกินเถอะ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย" เล่อเยียนหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน อยากจะเอาซี่โครงในมิติมาแทะกินให้หนำใจซะจริงเลย เฮ้อ.....
หลายวันผ่านไปชีวิตเล่อเยียนเหมือนจะสงบสุขขึ้น ฟ่านเหมยเหมยทำตัวดีขึ้น เหมือนเธอจะรู้ตัวว่าเป็นที่น่ารังเกียจของคนในบ้าน เธอปรับปรุงพฤติกรรมใหม่อาบน้ำบ่อยขึ้น หลังจากที่อาทิตย์หนึ่งจะอาบทีหนึ่ง ก็เปลี่ยนมาเป็นอาบน้ำทุกวัน ทำให้เพื่อนร่วมห้องอย่างฮุ่ยหลินดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
จวบจนวันหยุดของเว่ยอี้หยางมาถึง เขารีบเก็บเสื้อผ้าจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านในเย็นวันนี้เลย เขารู้ใจตัวเองแล้วว่าคงจะชอบหลี่เล่อเยียนเข้าจริง ๆ ซะแล้ว เพราะตลอดช่วงสัปดาห์ผ่านมาที่ไม่ได้เจอหน้าเธอ เขานั้นช่างทรมานเหลือเกิน
ก่อนกลับไม่ลืมที่จะรับยอดสั่งจองขนมโก๋กุ้ยฮวา ซึ่งพอเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้นั้น ยอดสั่งจองอยู่ที่ 200 กล่องแล้ว นี่มันจำนวนมหาศาลมากเลยนะ เพราะโรงงานที่เขาทำงานนั้นมีคนงานทั้งหมด 300 คน ไม่รู้ว่าเล่อเยียนจะว่าอย่างไรบ้าง คงต้องรีบไปบอกเรื่องนี้กับเธอก่อน
กว่าจะมาถึงยังหมู่บ้านก็เป็นเวลา 20.30 น.แล้ว อี้หยางลังเลว่าจะไปหาเล่อเยียนก่อน หรือจะรอถึงพรุ่งนี้เช้าดี แต่คนกำลังมีความรักทนพิษความคิดถึงไม่ไหว ถ้าเกิดว่าเธอเข้านอนก็ขอให้เขาได้เห็นประตูบ้านก็ยังดี
" มาหาใครคะ " ฟ่านเหมยเหมยที่กำลังเดินมาปิดรั้วบ้านเอ่ยถามเสียงอ่อน พร้อมทั้งบิดตัวไปมาแทบจะเป็นเกลียวด้วยความเขินอาย
" สวัสดีครับผมชื่ออี้หยาง มาหาหลี่เล่อเยียน ไม่ทราบว่าเธออยู่ที่บ้านหรือไม่ครับ" อี้หยางไม่เคยเห็นหญิงสาวผู้นี้มาก่อน จึงแนะนำตัวไปเผื่อว่าเธอจะคุ้นกับแซ่เว่ย ของเขาบ้าง
" ฉันชื่อฟ่านเหมยเหมยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่อี้หยาง " ฟ่านเหมยเหมยทึกทักเอาว่าชายตรงหน้านั้น เหมือนจะมาสารภาพรักกับเธอยังไงยังนั้น ทำไมเธอไม่เคยเห็นเขากันนะ เขาช่างรูปงามราวกับเทพบุตรลงมาจุติ ช่างดีต่อใจเธอไม่น้อยเลย
"เดี๋ยวสิคะพี่อี้หยาง พี่จะไปแล้วหรือ " อี้หยางรำคาญกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้ามาก เขาไม่ได้อยากรู้จักหล่อนสักหน่อย
"เล่อเยียนอยู่ในบ้านเดี๋ยวฉันไปตามให้นะคะ พี่อี้หยางเข้ามารอข้างในก่อนเถอะค่ะ " เหมยเหมยพูดจาเสียงอ่อนหวานชักชวนให้เขาได้อยู่ต่อ จะมาหาใครก็ช่างเถอะ ขอเธอได้อยู่กับเขานานกว่านี้สักหน่อยก็พอแล้ว
" ผมรอข้างนอกดีกว่า ขอบคุณครับ" ตัวเขานั้นเป็นผู้ชายเข้าบ้านหญิงช่วงกลางคืนคงจะไม่เหมาะสม ถึงแม้เจ้าหล่อนแทบจะปูพรมให้เดินก็ตามที
วันนี้ดวงจันทร์ช่างสวยเสียจริง เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดว่าอีกไม่กี่อึดใจ จะได้เห็นใบหน้าของสาวที่เขานั้นตกหลุมรักเข้าให้แล้ว แต่ก็ต้องทำหน้านิ่งไว้ ไม่อยากแสดงโจ่งแจ้งมากไป กลัวว่าเล่อเยียนจะเสียหาย เอาไว้ให้เขาและเล่อเยียนนั้นใจตรงกันเมื่อไหร่ เขาจะแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่
ใกล้ถึงกำหนดส่งขนมตามที่นัดกันเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนเริ่มตามแผนการคือ เล่อเยียนแกล้งป่วยขอลางาน หมี่เมี่ยนขอลาด้วยให้เหตุผลว่าไม่มีคนดูแลเล่อเยียน ส่วนหม่ายวี่ไท่ลากเหมยเหมยและฮุ่ยหลินออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้า ก่อนที่เสียงระฆังจะเตือนให้ลงพื้นที่ด้วยซ้ำจากนั้นเล่อเยียนเริ่มขนอุปกรณ์ รวมถึงวัตถุดิบออกมาจากห้อง พร้อมทั้งบอกหมี่เมี่ยนว่าซื้อมาตั้งแต่ติดเกวียนของลุงในหมู่บ้านเข้าเมือง หมี่เมี่ยนถามเล่อเยียนว่าไม่กลัวเธอจะขโมยสูตรไปทำขายบ้างหรือ" ถ้าเธออยากทำขายฉันก็ไม่ขัดหรอก ขอแค่อย่าแย่งลูกค้ากันก็พอ " แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ หมี่เมี่ยนจะทำขายได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุน อาศัยเพียงแค่สูตรอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งสองช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง กลิ่นของขนมโก๋ช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน กลิ่นมันหอมไปทั่วบริเวณบ้าน เพราะพวกเธอทำในปริมาณที่มาก วันแรกผ่านไปด้วยดีทั้งสองคนช่วยกันทำจัดขนมใส่กล่องเวลาในการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานึ่งประมาณ 45 นาที นึ่งครั้งหนึ่งได้ประมาณครั้งละ 6 ชิ้น เมื่อนับแล้ววันนี้ทำขนมได้ทั้งหมด 50 กล่อง เป็นแบบนี้ทำไม่ทันแน่นอนเพราะเธอทำได้แค่เฉพาะกลางวันเพ
เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านหลี่เรียบร้อยแล้ว หยางหมิงเฉิงก็ต้องเข้ากรมแลกวันหยุดกับเพื่อน เพื่อที่จะเดินทางไปหาหลี่เล่อเยียนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่เจอที่ร้านบะหมี่คือเธอแน่นอน แต่อาจจะต้องสืบอีกทีว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านไหนเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการที่เขาเงียบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้พ่อของเล่อเยียนก็เข้าใจลูกสาวแล้ว และเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้ หลี่ฮ่าวตูอาสาจะเป็นคนไปแทนเล่อเยียน แล้วให้น้องสาวของเขากลับมามีชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่าจะทำได้ส่วนสองแม่ลูกหนูนั้นก็ถูกคาดโทษ เพราะการกระทำของคนเป็นแม่ เธอสารภาพว่าแผนการทุกอย่าง เธอนั้นลงมือทำเองคนเดียว ลูกสาวอย่างหรูฟางเซียนนั้นไม่รู้เห็นเรื่องนี้กับเธอด้วยกล่าวตามที่แม่เลี้ยงหรูรับสารภาพ ว่าเธอทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของ หยางหมิงเฉิงและซุยเถาหยวน ทั้งสองมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตระกูลหลี่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าทางการจะเกณฑ์พวกนักศึกษาจบใหม่ หรือที่กำลังเรียนอยู่นั้นไปเข้าค่ายชนบทห่างไกล เพื่อทำงานแลกแต้มค่าแรงว่ากันตามตรงคือคนที่เหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้นหลี่
" อืม ฉันจะไปคุยกับคุณลุงเอง " หยางหมิงเฉิงคิดตำหนิตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจน ปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายจนทำลายชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งรอจนเวลาพลบค่ำ หลี่ฉินผู้เป็นพ่อของหลี่เล่อเยียนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเจอกับหยางหมิงเฉิงก็ตกใจไม่น้อยเพราะระหว่างเขาและหมิงเฉิงนั้นมีสัญญาใจกันอยู่ แต่จะให้เขาทำเช่นไรได้ล่ะ เพราะลูกสาวของตนเป็นคนไม่ดีเอง เขาผู้เป็นคนกลางจึงต้องให้ความยุติธรรมที่สุด" สวัสดีครับคุณลุง ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ " หยางหมิงเฉิงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายผู้ใหญ่ก่อน พ่อของเล่อเยียนดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ" นั่งสิ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ " หลี่ฉินตั้งสติได้ก็เริ่มบทสนทนา ท่าทางสุขุมของเขาที่ต้องทำงานพบปะผู้คนมากมาย พอจะช่วยลดอาการประหม่า เวลาที่เจอกับผู้ชายตรงหน้าเขาได้ รังสีของชายชาติทหารมันแผ่ออกมาโดยที่หยางหมิงเฉิงนั้นไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเกรงขาม" ครับ พึ่งมาถึงเมื่อคืนผมเห็นว่าดึกแล้วน่ะครับเลยไม่ได้มาหาคุณลุงก่อน " หลี่ฉินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเข้าเรื่อง" เธอไปแล้วล่ะ ฉันขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ " หลี่ฉินเอามือประสานกั
กล่าวถึงนายทหารหนุ่มที่ร้อนใจขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงก่อนกำหนดเดิม โดยรายงานว่ามีเหตุจำเป็นสำคัญ นายทหารยศใหญ่เดิมทีชอบในฝีมือและผลงานของเขา อีกทั้งยังหมายตาให้เป็นว่าที่ลูกเขย จึงพยายามที่จะสนับสนุนเต็มที่ ครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาในการขอลากิจด่วน อีกอย่างภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่ากังวลหยางหมิงเฉิงเดินทางโดยรถไฟ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากไปบ้าง แต่เพื่อให้หายขับข้องใจถึงอย่างไรเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมืองชนบทเขาพยายามตามหาเธอจนทั่วทุกที่ที่เขาคิดว่าเธอจะไป แม้กระทั่งในค่ายชนบทของเหล่าปัญญาชน เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่ในค่ายนั้นหรือไม่ เพราะคิดว่าครอบครัวของเธออย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้มาเป็นแน่เธอมีพี่ชายที่ทั้งรักและหวงแหนเธอดั่งแก้วตาดวงใจขนาดนั้น เขาจะทนให้เธอมาลำบากได้อย่างไรกัน แต่เขาคิดไม่ตกสำหรับผู้หญิงที่เจอที่ร้านบะหมี่ ทำไมเขาถึงไม่เดินไปหาเธอให้รู้เรื่องกันนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งร้อนใจ เพราะเป็นห่วงเช่นนี้ระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่เขานั้นเดินทางมา ในที่สุดก็ถึงปักกิ่ง แต่ขอบอกว่าเวลานี้นั้น ปักกิ่งไม่น่าอยู่เลยสักนิด ม
อี้หยางที่นั่งนิ่งๆ ตักข้าวกินไปด้วยพร้อมกับสังเกตเล่อเยียนไปด้วย เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ นี่มันแร้งลงโต๊ะกินข้าวหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงเป็นกันได้เพียงนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเขา นี่พวกเขาอดอยากกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือแม่เฒ่าเว่ยเก็บอาการโมโหไว้ในใจ ลำพังพวกบรรดาลูกสะใภ้หล่อนจัดการสั่งสอนทีหลังได้ แต่แม่หนูฟ่านเหมยเหมยนี่อะไรกัน หล่อนเป็นหมูมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กินมูมมามเสียงดังเพียงนี้ ทั้งยังกินแต่จานเนื้อ ไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ หนูเล่อเยียนรึหล่อนหยิบแต่จานผัก อาหารที่หล่อนนำมาเธอยังไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้แตะมันเลยแม้แต่น้อย"นี่พวกเธอไปอดอยากจากที่ไหนมากัน ไม่อายแขกของฉันกับอี้หยางบ้างเลยหรืออย่างไร " สุดท้ายแม่เฒ่าเว่ยก็ทนไม่ไหว จำต้องแสดงด้านโหดออกมาให้เล่อเยียนเห็น" เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง อาหารในปากก็เคี้ยวให้หมดเสีย ก่อนที่มันจะติดคอเพราะยัดไม่เลือก" แม่เฒ่าเว่ยโมโหจนตัวสั่น อีกทั้งเธอยังว่ากระทบฟ่านเหมยเหมยอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าว่าต่อหน้าก็ตาม" ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนกินกันเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อเท่าไหร่ " หลี่เล่อเยียนตอบออกมายิ้มแบบฝืนๆ ใจจริงเธออยากจะบอ
เมื่อไปถึงบ้านเว่ย แม่เฒ่าเว่ยก็ออกมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว วันนี้เธอจะต้องได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้ได้เธอให้ลูกสะใภ้ทั้งสองเตรียมอาหารเนื้อชุดใหญ่ เพราะลูกชายเธอเป็นคนซื้อเนื้อมาเอง ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หยางจะยังไม่แยกบ้าน แต่เขาก็พอมีเงินเก็บส่วนตัวบ้าง ไม่ได้ส่งให้แม่ไปจนหมดเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากเมื่อทั้งสามคนไปถึง อาหารก็ขึ้นโต๊ะพร้อมกินได้แล้วสมาชิกบ้านเว่ยมีทั้งหมด 10 คน ผู้ใหญ่ 7 คน เมื่อหลี่เล่อเยียนและฟ่านเหมยเหมยมาร่วมกินด้วย เด็ก ๆ จึงแยกโต๊ะ รวมถึงลูกสาวคนเล็กคนเดียวของบ้านเว่ยด้วย แม้ว่าเธอจะมีอายุเท่ากับเล่อเยียนก็ตาม" กับข้าววันนี้พี่เขาซื้อมาจากในเมือง หนูเล่อเยียนกินให้อร่อยนะจ๊ะ""จริงสิแล้วนี่ใครกันหรือ ป้าเหมือนจะเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักชื่อเพื่อนของหนูเล่อเยียนเองหรอกหรือจ๊ะ" แม่เฒ่าเว่ยว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาในบ้าน แต่ก็มัวลืมรีบพาเล่อเยียนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร กลัวว่าหล่อนจะลุกวิ่งหนีไปอีกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา"หนูชื่อฟ่านเหมยเหมย เป็นเพื่อนของเล่อเยียนค่ะคุณป้า เอ่อ..พอดีหนูมาเป็นเพื่อนเธอน่ะค่ะ ให้เล่อเยียนมาคนเดียวเห็นจะดูไม่เหมาะสัก