مشاركة

บทที่ 7 เพื่อนใหม่

last update آخر تحديث: 2025-06-21 09:42:19

บทที่ 7

เพื่อนใหม่

            “ฉินหรู เจ้ามีคนรักหรือไม่”

            พอพ่อบ้านเซวียสั่งทุกคนให้แยกย้ายแล้วกลับไปทำงาน เสี่ยวจินที่เป็นหญิงรับใช้ของคุณชายรองก็เดินเข้ามาประกบข้างๆ ฉินหรู ถามประโยคนั้น

            คงเพราะอายุใกล้เคียงกัน ฝ่ายนั้นจึงพูดกับนางด้วยท่าทีสนิทสนม 

            เมื่อถูกถามฉินหรูแกล้งทำเป็นเอียงอาย ก่อนจะตอบเสียงเบา

            “จริงๆ แล้วข้าแต่งงานมีลูกแล้วน่ะ”

            “จริงหรือ!” เสี่ยวจินยกมือปิดปาก เบิกตากว้างอย่างสุดจะเชื่อ

            สตรีพอเข้าสู่วัยปักปิ่น(อายุ15) ส่วนใหญ่ก็ออกเรือนกันแล้ว หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องมีคนรู้ใจสักคนสองคน ปีนี้เสี่ยวจินอายุ 19 หากกลับไม่เคยมีคนรู้ใจสักคน ขืนเป็นแบบนี้ ในอนาคตต้องขึ้นคานแน่ๆ

            “จริงสิ แล้วเจ้าอายุเท่าไร”

            คราวนี้คนถามคือบ่าวจากเรือนใหญ่ หากจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าไป๋เหิง ตอนแรกยังทำทีเป็นไม่สนใจฉินหรู แต่พอได้ยินที่นางคุยกับเสี่ยวจิน ไป๋เหิงก็ทำหูผึ่ง ทั้งยังเดินเข้ามาถาม

            “ปีนี้ข้าอายุ 18 เจ้าค่ะพี่ไป๋เหิง” ฉินหรูตอบด้วยน้ำเสียงให้ความเคารพผู้ใหญ่

            ไป๋เหิงได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าสนใจออกมา หญิงสาวอายุยังน้อย แต่หาสามีได้เร็วขนาดนี้ น่าอิจฉาเสียจริง

            ไป๋เหิงปีนี้อายุ 21 นานมาแล้วเคยมีคนรักเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่อยู่บ้านนอก แต่หลังจากเข้ามาทำงานเป็นสาวใช้ในบ้านเซวีย เพื่อนสมัยเด็กคนนั้นก็แต่งงานกับหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกัน มารู้ภายหลัง ผู้ชายคนนั้นแอบคบซ้อน คิดแล้วก็รู้สึกโมโหขึ้นมา

            หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋เหิงก็มีความรักใหม่ เลยทำให้นางตัดใจจากเพื่อนสมัยเด็กได้

            ย้อนกลับมาเรื่องของฉินหรู ไป๋เหิงรู้สึกว่าเรื่องราวของนางก็น่าสนใจไม่น้อย จึงถามออกไปว่า “ข้าอยากฟังเรื่องของเจ้า เจ้ากับสามีรู้จักกันได้อย่างไรหรือ”

            ได้ยินคำถามฉินหรูก็ทำหน้าลำบากใจทันที “เรื่องนั้น…”

            “เล่ามาเถอะน่า อย่าอายไปเลย พวกเราแค่อยากรู้ว่าคนที่แต่งงานตอนอายุน้อยๆ รู้สึกยังไง อีกไม่ถึงปีข้าก็จะยี่สิบแล้ว ยังหาคนรู้ใจไม่ได้สักคน น่าสมเพชกว่าอีก”

            ยิ่งพูดเสี่ยวจินยิ่งรู้สึกว่าตนน่าสงสาร ชาตินี้จะหาสามีได้หรือเปล่ายังไม่รู้

            ฉินหรูเปิดปากส่งเสียง เอ่อ เหมือนลังเล

            จังหวะนั้น หัวหน้าพ่อครัวจงเฮยชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัว ส่งเสียงตะโกนเรียกฉินหรู

            “ฉินหรู เจ้ารีบมาที่ครัวเร็วๆ เข้า พวกเราต้องรีบเตรียมอาหารเช้ากันแล้ว”

            เสี่ยวจินกับไป๋ที่ถูกขัดจังหวะถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมทำหน้ารู้สึกเสียดาย

            ฉินหรูยิ้มให้กับพี่สาวทั้งสอง ก่อนจะบอกว่าเอาไว้ตอนที่ว่างค่อยคุยกันใหม่ เสี่ยวจินกับไป๋เหิงถึงยอมพยักหน้า จากนั้นก็ผลักให้นางรีบๆ ไปที่ครัว เพราะเดี๋ยวพ่อครัวใหญ่จะบ่นเอา

            “หัวหน้าพ่อครัวค่อนข้างอารมณ์ร้อน พูดจาโผงผาง แต่จริงๆ แล้วใจดีมาก เจ้าอย่าเข้าใจเขาผิดล่ะ” ไป๋เหิงเตือน

            “ขอบคุณพี่ไป๋เหิง” ฉินหรูตอบรับความปรารถนาดีของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มสดใส แล้ววิ่งเข้าครัวไป

            ทำงานร่วมกับหัวหน้าพ่อครัวเพียงครึ่งวัน ฉินหรูค้นพบสาเหตุว่าทำไมฮูหยินผู้เฒ่าถึงบ่นว่าจงเฮยทำอาหารไม่อร่อย

            เขาคนนี้ชอบกินเนื้อจึงถนัดปรุงอาหารประเภทเนื้อ ในขณะเดียวกัน กลับมีความเชื่อฝังหัวว่า อาหารที่ไม่ใส่เนื้อจะต้องรสจืด และต้องใช้เครื่องแบบอาหารเจเท่านั้น 

            ก่อนหน้านี้หัวหน้าพ่อครัวได้รับคำแนะนำมาจากพ่อบ้านใหญ่ ให้ปรุงเต้าหู้รสชาติเข้มข้น แต่ด้วยความที่ชินมือ อาหารของหัวหน้าพ่อครัวยังคงจืดสนิท ไม่ถูกปากฮูหยินผู้เฒ่า 

            สรุปง่ายๆ หัวหน้าพ่อครัวไม่ถนัดทำอาหารประเภทที่ไม่ใช้เนื้อ 

            จู่ๆ จะให้เปลี่ยนรูปแบบการปรุงอาหารย่อมต้องใช้เวลา เหตุนี้หน้าที่ทำอาหารขึ้นโต๊ะให้กับฮูหยินผู้เฒ่าเซวียจึงเป็นของฉินหรู

            เช้านี้นางทำเต้าหู้นึ่งราดซีอิ๊วน้ำมันงา ผัดคะน้าเผ็ดหอม รากบัวผัดพริกและซุปผัก อาหารเรียบง่าย แต่รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม

            ฮูหยินผู้เฒ่ากินกับข้าวของฉินหรูจนหมดจาน ทั้งยังชมเปราะว่าอร่อย!

            ก่อนเที่ยง งานในครัวของฉินหรูก็จัดการเสร็จเรียบร้อย นางจึงมีเวลาออกมาพักเร็วกว่าบ่าวคนอื่นๆ

            ระหว่างนั่งพักใต้ต้นไม้หลังคฤหาสน์ ไป๋เหิงก็เดินออกมาพักเหมือนกัน 

            “พี่ไป๋เหิง มานั่งตรงนี้เร็ว”

            ฉินหรูกวักมือเรียก บนใบหน้าเต็มไปรอยยิ้ม

            ไป๋เหิงเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ จากนั้นก็เท้าคางถอนหายใจดัง “เฮ้อ!”

            “งานในเรือนใหญ่หนักมากเลยหรือ”

            ไป๋เหิงทำงานในเรือนใหญ่ งานคงหนักไม่น้อย

            ทว่าไป๋เหิงกลับสั่นศีรษะ “ไม่ได้หนักมากขนาดนั้นหรอก ข้าแค่กลุ้มใจ”

            “เรื่องอะไรหรือ”

            ในเมื่ออีกฝ่ายยอมเปิดประเด็น ฉินหรูไม่ถามต่อคงไม่ได้

            อีกอย่าง ไป๋เหิงแสดงท่าทีกลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำยังต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักอย่างนาง ไป๋เหิงคงอึดอัดและอยากระบายความในใจให้ใครสักคนฟังจริงๆ

            ไป๋เหิงยกมือทั้งสองข้างขึ้นค้ำคาง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าอมทุกข์ “ข่าวของคุณชายใหญ่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีอะไรส่งกลับมาเลย ข้า...กลัวจัง”

            “ข้าได้ยินมาจากพ่อบ้านเซวียมาแล้ว คุณชายใหญ่ของพวกท่านถูกเกณฑ์เข้าสนามรบใช่หรือไม่”

            ไป๋เหิงพยักหน้า “อืม”

            ฉินหรูเงียบอยู่สักครู่ แล้วพูดต่อ “พี่ไป๋เหิง แม้ไม่มีข่าวของคุณชายใหญ่ส่งกลับมา แต่ใช่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ กับเขาเสียหน่อย ท่านอย่าคิดมากสิ”

            ในยุคที่สงครามแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ฮ่องเต้มีราชโองการให้แต่ละบ้านส่งผู้ชายเข้าสู่สนามรบ สกุลเซวียแม้เป็นถึงนายอำเภอ แต่ก็ไม่มีการยกเว้น

            ตามจริงแล้ว คนที่ต้องออกไปรับใช้ชาติคือคุณชายรอง เนื่องจากคุณชายรองเป็นคนหัวอ่อน ไม่เอาไหน อนาคตของสกุลเซวียจึงฝากฝังไว้กับคุณชายใหญ่ 

            หากกระนั้น คุณชายใหญ่ผู้มากความสามารถ กลับอาสาออกไปรบแทนน้องชาย โดยให้เหตุผลว่า หากน้องรองเข้าสนามรบคงไม่รอดกลับมา แต่ถ้าเป็นตนโอกาสรอดจะมีมากกว่า

            นายอำเภอเซวียไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อยากสูญเสียลูกชาย ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ตาม

            ครุ่นคิดอยู่หลายวันในที่สุดนายอำเภอเซวียก็ยอมให้ลูกชายคนโตออกรบ

            เท่าที่ฟังมา ฉินหรูรู้สึกซาบซึ้งกับครอบครัวเซวียมาก ไม่เหมือนกับบ้านเสิ่น ตั้งแต่มีราชโองการออกมา เกรงว่าลูกศรแห่งความตายก็ชี้มาที่เสิ่นหยางแล้ว

            สำคัญที่สุด!

            การที่สาวใช้คนหนึ่งเป็นหวงคุณชายออกหน้าออกตาขนาดนี้ ย่อมมีเหตุผลเดียว ไป๋เหิงมีใจให้กบคุณชายใหญ่อย่างแน่นอน

            “เฮ้อ…!” คราวนี้ไป๋เหิงถอนหายใจดังกว่าเดิม

            “พี่ไป๋เหิง” ฉินหรูส่งเสียงปลอบ 

            “คำว่าอย่าคิดมากของเจ้าทำข้าหงุดหงิดชะมัด เจ้ายังดีท่ีมีสามีกับลูกรออยู่ที่บ้าน ส่วนข้าได้แต่แอบฟังข่าวของคุณชายใหญ่ไปวันๆ” ไป๋เหิงเว้นช่วง สักพักก็บ่นใส่ตัวเอง “แม้ว่าเขาจะกลับมาแล้ว ข้าก็ทำได้เพียงแอบดูจากที่ไกลๆ แล้วข้าจะพาลโมโหใส่เจ้าทำไมเนี่ย”

            “ที่พี่ไป๋เหิงโมโหเพราะท่านชอบคุณชายใหญ่หรอกหรือ” ฉินหรูถามออกไปตรงๆ

            ไป๋เหิงไม่คิดปิดบังจึงส่งเสียงตอบอืมเบาๆ

            ในบ้านเซวียไม่มีบ่าวคนไหนไม่รู้ว่านางแอบชอบคุณชายใหญ่ นางจึงยอมรับความจริงอย่างง่ายดาย

            “พี่ไป๋เหิง ที่ข้าบอกว่าอย่าคิดมาก ไม่ใช่เพื่อปลอบใจท่านอย่างขอไปทีหรอกเจ้าค่ะ” ฉินหรูบอก

            ไป๋เหิงได้ยินแบบนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าจากไม่พอใจเป็นอ่อนโยน “เมื่อกี้ข้าพาลไปหน่อยขอโทษด้วย”

            “ข้าเข้าใจ เพราะสามีข้าก็ถูกเกณฑ์เข้าสนามรบเหมือนกัน”

            “เจ้าพูดจริงรึ!?” ไป๋เหิงประหลาดใจมาก ฮ่องเต้มีราชโองการเกณฑ์คนเข้าสู่สนามรบ หากก็มีข้อยกเว้นอยู่

            ฉินหรูผงกศีรษะขึ้นลง “ข้าจะโกหกท่านทำไม แต่ท่านยังดี คุณชายใหญ่ยังส่งข่าวกลับมาเป็นพักๆ ข้านี่สิ กลับไม่รู้สถานการณ์ของสามีเลยสักอย่างเดียว”

            “ทำไมหรือ?”

            ฉินหรูตีหน้าเศร้าเล่าความจริง “บ้านสามี...ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า ‘อดีตบ้านสามี’ พวกเขาจงใจปิดบังข้าน่ะ”

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทพิเศษ มิตรภาพ

    บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทพิเศษ เป็นวันที่ดี

    บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทพิเศษ อุ่นรัก(อีกครั้ง)

    บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทที่ 45 บทสรุป

    บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทที่ 44 ชะตากรรมของบ้านเสิ่น

    บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทที่ 43 ไต่สวน

    บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status