บทพิเศษ
เป็นวันที่ดี
รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง
ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน
เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว
คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา
ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง
ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น
ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด
“ท่านพี่...”
ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา
“ข้าทำเจ้าตื่นหรือ”
แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง
“ปกติข้าตื่นเช้ากว่านี้ แต่...” นางตอบด้วยเสียงงัวเงีย พูดไม่จบประโยคดี นางก็เปลี่ยนมาปิดปากหาว
เฟิงหยางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นแบบนั้น
“จะนอนต่ออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง”
ไม่เพียงพูดเปล่า ชายหนุ่มยังเปลี่ยนมาโอบกอดภรรยารักด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม
“อือ…”
ฉินหรูครางเสียงแผ่วเนื่องจากอบอุ่นยิ่งนัก แต่เมื่อเวลาคล้อยผ่านไปเพียงเล็กน้อย นางพลันผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขาเหมือนกับเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิ เช้านี้ท่านมีประชุมไม่ใช่หรือ ประเดี๋ยวไปสายนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่รีบ…ไม่รีบ”
เฟิงหยางกล่าวซ้ำถึงสองครั้ง ทั้งยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของภรรยา
ฉินหรูหลุดขำอย่างช่วยไม่ได้
จากความทรงจำของฉินหรูในชาติก่อน เฟิงหยางเป็นคนเย็นชา ปากหนักพูดน้อย ทำให้นางหวาดหวั่นทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้า
แต่ใครจะคาดคิดเล่า แท้จริงเฟิงหยางกลับเป็นคนมากเล่ห์ พูดจาทะลึ่งทะเล้นก็เป็น มิหนำซ้ำ เขายังอ้อนภรรยาเก่ง
“ท่านเป็นถึงแม่ทัพ ปล่อยให้ผู้อื่นรอนานไม่ดีเลยนะเจ้าคะ”
เรื่องของเสิ่นเทากับขุนนางกังฉินจบไปตั้งนานแล้ว แต่ทางเมืองหลวงยังคงส่งภารกิจมาให้เฟิงหยางทำอยู่เนืองๆ
ฉินหรูไม่อยากให้สามีถูกมองว่าละเลยในหน้าที่ นางผละตัวออกจากอ้อมแขนของเฟิงหยาง ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นดึงแขนแข็งแรงของสามีให้ลุกขึ้นจากที่นอน
ฉินหรูพยายามดึงเฟิงหยางสุดกำลัง แต่ดึงเท่าไรร่างกายกำยำของเขาก็ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
กลับกัน เฟิงหยางเพียงออกแรงดึงนิดเดียว ร่างบอบบางของฉินหรูก็ล้มลงมาอยู่ในอ้อมอกของเขาแล้ว
สัมผัสจากแผงอกของเฟิงหยางร้อนนิดๆ ชวนให้ฉินหรูใจเต้นระส่ำ ภาพควรทรงจำอันเร่าร้อนเมื่อคืนหวนเข้าสู่สมอง
นางหน้าแดงวาบในขณะพยายามยันตัวเองลุกขึ้นอีกครั้ง
“ท่านพี่ ท่านต้องรีบลุกได้แล้ว!”
กระนั้น เฟิงหยางกลับโอบกอดร่างบาง ทำให้นางซบใบหน้ากับอกกว้างของสามีอย่างไม่มีทางเลือก
เฟิงหยางทอดถอนใจกล่าวเนือยๆ ว่า “เฮ้อ...หากรู้ว่างานของแม่ทัพยุ่งจนไม่มีเวลาให้กับภรรยา ตอนนั้นข้าไม่น่ารับตำแหน่งนี้เลย”
นางที่ซบกับอกกว้างได้ยินเช่นนี้พลันขมวดคิ้วมุ่น เอ็ดใส่สามีว่า “ท่านจะคิดเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากท่านไม่เป็นแม่ทัพแล้ว เงินเดือนก็ลดลงสิเจ้าคะ ข้ากับอาเหยา…ไม่สิ ตอนนี้พวกเรามีเสี่ยวเหลียนด้วยอีกคน ถ้าท่านไม่เป็นแม่ทัพ พวกเราแม่ลูกคงลำบากแล้ว!”
เสี่ยวเหลียวคือทารกน้อยที่ฉินหรูช่วยเอาไว้ เด็กคนนั้นเป็นลูกของจางเหมยเหมยกับเสิ่นเซียวอวี้
พูดถึงบ้านเสิ่น ครั้งล่าสุดที่ได้ยินข่าวของเสิ่นเซียวอวี้ คือตอนที่เขาถูกเนรเทศออกจากเมือง
เสิ่นเซียวอวี้มีอาการลงแดงอย่างหนักเป็นเหตุให้เสียชีวิตระหว่างเดินทาง
พอหนิงลี่ทราบว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเสียชีวิตก็ถึงกับตรอมใจตาย
แต่...
สำหรับฉินหรู เรื่องบ้านเสิ่นนับเป็นอดีต พวกเขาจะมีชีวิตหรือไม่ ไม่ได้สำคัญต่อนางสักนิด ครอบครัวของนางคือเฟิงหยาง อาเหยาและเสี่ยวเหลียน รวมถึงพ่อแม่ที่แก่ชราที่หมู่บ้านหน่านหลี่
ฉินหรูยกหัวขึ้นจากหน้าอกกำยำของสามี กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่ได้ๆ ท่านรีบลุกเดี๋ยวนี้เลย ถูกราชสำนักตัดเบี้ยหวัดจะทำอย่างไร”
นอกจากครอบครัวอันแสนสำคัญ เรื่องเงินก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับนางเช่นกัน ยิ่งตอนนี้มีหลายชีวิตให้ต้องรับผิดชอบ ยิ่งต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ
เฟิงหยางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกดท้ายทอยของภรรยาให้โน้มมารับจูบ
“อือ…”
ฉินหรูถูกสามีจูบอย่างลึกล้ำ สมองของนางแทบจะลืมเรื่องเบี้ยหวัดเสียแล้ว!
อย่างไรก็ดี หลังจากดื่มด่ำกับจูบอันเร่าร้อน สักครู่หนึ่ง เฟิงหยางถึงได้ปล่อยฉินหรูให้เป็นอิสระ จากนั้นลุกขึ้นจากเตียงมาล้างหน้า
ฉินหรูจัดแจงเสื้อผ้าของตน ก่อนจะลุกขึ้นมาช่วยสามีเปลี่ยนชุดและหวีผม
ในเวลาหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองก็จูงมือกันออกจากห้องนอน
เมื่อเดินมาส่งสามีถึงหน้าประตูบ้าน ฉินหรูกล่าวกับเฟิงหยางว่า “ท่านพี่ ท่านดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ”
เฟิงหยางยิ้มอ่อนโยน “เจ้าก็ด้วย”
ไม่พูดเปล่า จู่ๆ เฟิงหยางก็โน้มลงมามอบจุมพิตเบาๆ ที่แก้มของภรรยา
บ่าวรับใช้ รวมไปถึงพวกของจั่นเถิงเห็นสามีภรรยาพลอดรักกันหน้าประตู อดจะเขินอายแทนไม่ได้
“ข้าจะรีบมากลับนะ ภรรยารักอย่าเพิ่งรีบหลับเสียละ อาเหยาอยากมีน้องเยอะๆ พวกเราเองก็ต้องส่งเสริม” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยเหมือนมีนัยยะ ดวงตาคมเข้มทอประกายหวามไหว
ฉินหรูกะพริบตาปริบ ไม่นานนัก หัวใจของนางก็เต้นระรัว แก้มนวลเนียนขึ้นสีแดงวาบ
“ท่านพี่ละก็...”
เฟิงหยางหัวเราะฮะๆ พร้อมกับหันมารับบังเหียนจากจั่นเถิง ก่อนจะตวัดขึ้นหลังม้าแล้วควบไปตามถนน
ฉินหรูมองตามแผ่นหลังอันองอาจของสามี กระทั่งเขาควบม้าออกจากถนนไปถึงค่อยส่ายหัว
สายลมอบอุ่นยามเช้าพัดผ่านมาระลอกหนึ่ง ฉินหรูเงยหน้ามองท้องฟ้ายามเช้าอันสดใส ใจรู้สึกว่านับจากนี้และตลอดไป ทุกๆ วันจะเป็นวันที่ดี
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม