จี้อวี้เหิงนึกถึงหญิงสาวที่เปลือยกายบนโซฟาเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขาจำเธอได้ เธอคือจวีหราน นางแบบวาบหวิวที่ส่งใบสมัครมาเล่นเป็นนางเอกหนังอิโรติกของเขา และหลังจากเจรจาผ่านผู้จัดการ จวีหรานยินดีเล่นหนังเร็ตเอ็กซ์ให้บริษัทของเขา เขาต้องการนางเอกที่สดใหม่แต่ไม่ไร้เดียงสาขนาดต้องมาฝึกงานให้ แต่ละปีปั้นดาราสำหรับหนังผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ก็ถูกค่ายอื่นขโมยซื้อตัวไป ทั้งเขาและฉู่อี้ผิงไม่ต้องการให้นางเอกของเขาหน้าช้ำเล่นหนังซ้ำกับของบริษัทอื่น จึงทำสัญญาว่าจ้างกันสามปี เล่นหนังให้บริษัทของเขาเพียงบริษัทเดียว และเพื่อความสะดวก ฉู่อี้ผิงให้จวีหรานพักในโรงแรมของตนเองแม้จะเป็นห้องธรรมดาแต่ความเป็นอยู่นับว่าไม่เลวนัก
“นี่แต่งตัวไม่เป็นต้องตามผู้จัดการมาแต่งตัวให้หรือไง” จี้อวี้เหิงบ่นแล้วเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้วของตัวเอง
“ก็นายบอกให้เธอไปอาบน้ำ แต่ความจริงฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ แค่เทสนิดๆหน่อยๆ” ฉู่อี้ผิงแย่งแก้วเหล้าของเพื่อนมาดื่ม ทำให้จี้อวี้เหิงต้องรินเหล้าให้ตัวเองใหม่อีกครั้ง
“ฉันไม่ได้หวงเรื่องนั้น” จี้อวี้เหิงเทเหล้าลงคอ “แค่ไม่ชอบอะไรที่มันเหนอะหนะ”
ผู้กำกับฉู่หัวเราะร่า “แต่เวลาแบบนั้นมันก็ต้องเหนอะหนะเป็นธรรมดา”
แก้วเหล้าที่สองถูกดื่มจนหมดแล้วเจ้าของร่างอวบอิ่มในชุดเมดเซ็กซี่จึงเดินเข้ามา เธอไม่ได้แต่งหน้าเพราะไม่ได้หยิบกระเป๋าเครื่องสำอางมาด้วย ใช้ไดร์เป่าผมที่อยู่ในห้องน้ำไม่ให้ผมเป็นกระเซิงเกินไป ฉู่อี้ผิงผิวปากแล้วพยักหน้าพอใจ
“แบบนี้ดูดีขึ้นกล้องเชียว”
จี้อวี้เหิงหรี่ตามองราวกับตีราคาสินค้า ทำให้เนี่ยหรานหรานห่อไหล่อย่างลืมตัว แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอคือจวีหรานก็ขมความอายแล้วยืนหลังตรง เธอก็เพิ่งรู้ว่าหน้าอกหน้าใจของจวีหรานมัน..เอ่อ...ใหญ่และเต่งตึง ยิ่งเพิ่งผ่านอารมณ์ตื่นตัวเมื่อครู่ก็ยิ่งทำให้มันชูชันจนแทบจะสวมเสื้อติดกระดุมไม่ได้ ทำให้ปกเสื้อแบะออก
เอ๊ะ หรือว่าเสื้อมันเป็นแบบนี้นะ
“ยังไม่เคยผ่านกล้องใช่ไหม”
เนี่ยหรานหรานพยักหน้าหงึกหงัก จี้อวี้เหิงยกมือขึ้นกุมขมับ หรือเขาจะมองผิดไป สัญญาสามปีเห็นทีต้องหาทางฉีกทิ้ง เขาเกลียดผู้หญิงไม่เป็นงานอย่างนี้นัก เพราะมันทำให้เขาต้องเป็นฝ่าย ‘ทำ’งานหนักกว่าอีกฝ่าย มันเป็นเรื่องของงาน เขาไม่มีความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว เมื่อไหร่ที่ผู้กำกับสั่งคัท! ทุกอย่างคือจบ ไม่มีสานต่อ
“สงสัยต้องเทสหน้ากล้องจริงๆ” จี้อวี้เหิงพูดกับฉู่อี้ผิง “นายถ่ายเองหรือจะให้ตามตากล้อง”
“ไม่ต้อง ฉันถ่ายเอง” ฉู่อี้ผิงยิ้มมุมปาก “สมัยเรียนฉันก็ถ่ายเอง”
“จริงจังหน่อย” ดาราหนุ่มพูดแล้วหันมาสบตากับหญิงสาว “ผมคงไม่ต้องถามว่าคุณเตรียมตัวมาหรือยัง แต่คงรู้แล้วว่าต้องทำยังไง”
หญิงสาวในชุดเมดพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้าไปมา เมื่อเห็นสีหน้าดุๆ ของเขาก็รีบพูดขึ้น “ฉัน...ฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่ค่ะ คุณต้องการให้ฉันทำอะไรคะ”
“แสดงเป็นแม่บ้านสาวที่ต้องมาทำงานใช้หนี้ ถูกเจ้านายปลุกปล้ำ ช่วยขัดขืนหน่อยให้พระเอกของเราแสดงฝีมือเล้าโล้มจนนางเอกอ่อนระทวย แค่นี้เข้าใจไหม ไม่ใช่เห็นผู้ชายก็เข่าอ่อนยอมทันทีล่ะ อยากได้แบบขัดขืนนิดๆ แต่ไม่ใช่ถูกข่มขืน”
“ไหนบอกว่าบรีฟงานมาแล้ว” จี้อวี้เหิง
ถามผู้กำกับ
“ก็บรีฟแล้ว เอาแบบใสๆซื่อๆไร้เดียงสาไง แต่นายให้ใส่ชุดเมดก็เลยเปลี่ยนคอนเซปนิดหน่อย”
“อะไรของนาย”
“เอาตามนี้แหละ”
จี้อวี้เหิงถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินไปจับไหล่หญิงสาวให้เดินไปที่โต๊ะรับประทานอาหารที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอกซึ่งจุดนี้คือชั้นที่ยี่สิบของโรงแรมหรู
“ได้ยินแล้วนะ เธอก็ทำเป็นจัดโน้นจัดนี้แล้วฉันจะเดินเข้ามาลวนลาม เธอก็เล่นตัวหน่อย ฉันด่าอะไรก็ทนฟังไปก็พอ อ้อนวอนให้ฉันหยุดแต่ฉันจะไม่หยุด ทำงานให้คุ้มค่าตัวล่ะ เข้าใจแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ” เนี่ยหรานหรานพยักหน้า เธอตอบรับแล้วเขาก็หมุนตัวถอยออกมา เธอมองผู้กำกับฉู่ที่ถือกล้องถ่ายวิดีโอจ้องมาทางเธอ หญิงสาวสูดลมหายใจลึก แล้วหมุนตัวทำเป็นหยิบโน้นจับนี้ เธอพยายามสงบใจเกิดมายังไม่เคยใส่ชุดกระโปรงสั้นอะไรแบบนี้มาก่อน นึกถึงรูปถ่ายที่ดูในมือถือแต่ละชุดของจวีหรานก็วาบหวิว ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพื่อนสาวสมัยมัธยมอย่างจวีหรานจะกล้าขนาดนี้
ไม่หรอก
เพราเธอไม่มีความกล้าเลยต่างหาก จึงได้มองว่าจวีหรานกล้าและเก่งมาก
เธอเคยคิดว่าตัวเองเรียนดี ได้งานทำทันทีที่เรียนจบก็เป็นเรื่องดีแล้ว แต่ลึกๆในใจเหมือนมีบ้างอย่างขาดหายไป เธอไม่เคยมีช่วงเวลาตื่นเต้นหรือใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ความปรารถนาสุดท้ายของตายของเธอคืออยากเป็นจวีหราน เอาจริงๆแล้ว เธอไม่อยากเป็นจวีหราน เธอแค่อยากหลุดจากกรอบของตัวได้ทำอะไรที่อยากทำโดยไม่ต้องคิดเรื่องอื่นใด
“ใครให้เธอเข้ามาในห้องนี้
“โอเค. สวยมาก” “ขอบคุณค่ะ” เนี่ยหรานหรานยิ้มขอบคุณทีมงานแล้วรับเสื้อคลุมจากหลิวลี่-ผู้จัดการมาสวมทับชุดนอนวาบหวิวที่สวมอยู่ วันนี้มีถ่ายแบบชุดนอนเซ็กซี่ เธอประหม่าแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี “รู้สึกว่าถ่ายแบบครั้งนี้จวีหรานเปลี่ยนไปนะ” ช่างภาพอดพูดกับหลิวลี่ไม่ได้ “เธอมีคนรักเหรอ” “ไม่มีๆ” หลิวลี่รีบตอบทันที “จวีหรานของเราทำงานเต็มที่เสมอ คุณว่าเธอถ่ายแบบไม่ดีเหรอ หรืออยากถ่ายใหม่” “ไม่ใช่แบบนั้น” ช่างภาพโคลงศีรษะไปมา “ผมถ่ายแบบให้เธอมาหลายครั้ง รู้สึกว่าวันนี้เปลี่ยนไป ท่าทางขี้อาย น่ารักน่าทะนุถนอม” “สรุปว่าดีหรือไม่ดี” “ดีสิ ดีอยู่แล้ว ได้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี” เนี่ยหรานหรานดื่มหยิบขวดน้ำมาพยายามจะเปิดฝาออก เธอลองบิดอยู่สองสามครั้งแต่ไม่สำเร็จกำลังจะมองหาคนช่วยก็มีมือใหญ่เอื้อมมาหยิบขวดน้ำไปเปิดให้เสียก่อน “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดอย่างจริงใจและเมื่อเห็นว่าคนใจดีเป็นใคร รอยยิ้มก็เจือนลงไปทันที แม้เขาสวมแว่นตากันแดดอยู่แต่เธอก็จำเขาได้ทันที “ทำไม” จี้อวี้เหิงกระตุ
“บ้าชิบ!” เขาสบถเพราะดุนดันเข้าไปได้แค่ปลายหัวบาก จำใจต้องถอนลำเอ็นออกมา เนี่ยหรานหรานหายใจเฮือกใหญ่เพราะคิดว่าเขาคงถอดใจ ทว่าเขากลับตั้งเข่าเธอขึ้นแล้วลากเก้าอี้มานั่งตรงหว่างขา เธอผงกศีรษะขึ้นมองอีกครั้งด้วยความงุนงง ทว่าเธอได้คำตอบในทันทีเมื่อลิ้นของเขาแตะต้องกลีบเนื้อบอบบางของเธอ “แมร่งงเอ๊ยยย” ฉู่อี้ผิงสบถด้วยความสะใจ คนอย่างจู้อวี้เหิงไม่ ‘เบิร์น’ให้ใครง่ายๆ ทำให้เขาเก็บภาพด้วยความตื่นเต้นและตื่นตัวไปด้วย “แฮ่กๆ” สิ่งที่เคยได้ยิน สิ่งที่เคยรับรู้ ไม่เท่ากับสัมผัสด้วยตัวเอง เนี่ยหรานหรานไม่เคยรู้เลยว่าถูกลิ้นเลียและละเลงที่กลีบเนื้อมันเสียวซ่านขนาดนี้ เธอครวญครางอย่างไม่อาจห้ามได้ ลิ้นเปียกชื้นแหย่เข้าไปสลับกับการดูดกลีบเนื้อของเธอ ความเสียวซ่านถาโถมจนน้ำตาปริ่มขอบตา ปล่อยให้อารมณ์ไหลบากจนเสร็จคาปากเขาไปอีกครั้ง “ให้ตายสิ เสร็จง่ายจริงๆ”จี้อวี้เหิงพึมพำแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าแดงก่ำฉ่ำน้ำตา เขาก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าเธอ “อย่าเอาเปรียบกัน ต่อไปนี้ฉันจะไม่หยุด และไม่ว่าเธอจะร้องไห้ยังไง ฉันก็ไม่สนใจ ฉันจะหยุดก็เมื่อฉันพอใจเท่า
เนี่ยหรานสะดุ้งเฮือกหน้าตาตื่นตกใจไร้การเสแสร้ง จี้อวี้เหิงเดินเข้ามาสีหน้าดุดันเหมือนโกรธกันมานาน จนเนี่ยหรานหรานลืมไปจริงๆ ว่านี่เป็นการแสดง อาจเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ร่างเล็กถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองแล้วสาวเท้ามากระชากแขนเธออย่างแรง “ว้าย!” “ฉันเตือนแล้วใช่ไหมห้ามเข้าห้องของฉัน!” “ฉัน...ฉัน...” ท่าทางของเขาทำให้เธอกลัว เนี่ยหรานหรานหมุนตัวจะวิ่งหนีแต่ถูกรวบเอวไว้ได้ทัน ร่างเล็กถูกยกจนตัวลอยและกดลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตากลมเบิกกว้างสองมือพยายามผลักไสเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด “ได้! เห็นแก่ที่เธอพยายามเข้าหาฉัน ฉันจะสนองให้เอง!” “ไม่นะ!” เนี่ยหรานหรานส่ายหน้าไปมาจนผมยาวสลาย เธอหวีดร้องเมื่อมือใหญ่กระชากเสื้อผ้าของเธอหลุดออกมากลายเป็นเศษผ้า หน้าอกกลมกลึงปรากฏเบื้องหน้าเธอไม่รู้ว่าเพราะเธอหรือเพราะเขากำลังโกรธแววตาของจึงเหมือนเป็นลูกไฟ ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นทรวงอกอย่างไร้ความปรานี “อึก...อึก” เสียงสะอึกสะอื้นครางน่าสงสาร แต่จี้อวี้เหิงก็ไม่ลดแรงลง หน้าอกนุ่มหยุ่
จี้อวี้เหิงนึกถึงหญิงสาวที่เปลือยกายบนโซฟาเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขาจำเธอได้ เธอคือจวีหราน นางแบบวาบหวิวที่ส่งใบสมัครมาเล่นเป็นนางเอกหนังอิโรติกของเขา และหลังจากเจรจาผ่านผู้จัดการ จวีหรานยินดีเล่นหนังเร็ตเอ็กซ์ให้บริษัทของเขา เขาต้องการนางเอกที่สดใหม่แต่ไม่ไร้เดียงสาขนาดต้องมาฝึกงานให้ แต่ละปีปั้นดาราสำหรับหนังผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ก็ถูกค่ายอื่นขโมยซื้อตัวไป ทั้งเขาและฉู่อี้ผิงไม่ต้องการให้นางเอกของเขาหน้าช้ำเล่นหนังซ้ำกับของบริษัทอื่น จึงทำสัญญาว่าจ้างกันสามปี เล่นหนังให้บริษัทของเขาเพียงบริษัทเดียว และเพื่อความสะดวก ฉู่อี้ผิงให้จวีหรานพักในโรงแรมของตนเองแม้จะเป็นห้องธรรมดาแต่ความเป็นอยู่นับว่าไม่เลวนัก“นี่แต่งตัวไม่เป็นต้องตามผู้จัดการมาแต่งตัวให้หรือไง” จี้อวี้เหิงบ่นแล้วเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้วของตัวเอง“ก็นายบอกให้เธอไปอาบน้ำ แต่ความจริงฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ แค่เทสนิดๆหน่อยๆ” ฉู่อี้ผิงแย่งแก้วเหล้าของเพื่อนมาดื่ม ทำให้จี้อวี้เหิงต้องรินเหล้าให้ตัวเองใหม่อีกครั้ง “ฉันไม่ได้หวงเรื่องนั้น” จี้อวี้เหิงเทเหล้าลงคอ “แค่ไม่ชอบอะไรที่มันเหนอะหนะ”ผู้กำกับฉู่หัวเราะร่า “แต่เวลาแบบนั
“อะ...อะไรคะ...” “ไม่ต้องกลัว อุปกรณ์เซ็กส์ทอยที่ลูกค้าให้เอามาใช้ในหนังของผม” ฉู่อี้ผิงพูดขณะที่ดุนดันไข่สั่นเข้าไปในร่องสาว “มันเป็นซิลิโคนอย่างดีไม่เจ็บหรอก” ฉู่อี้ผิงดันอุปกรณ์เข้าไปจนมั่นใจว่าเจอจุดจีสปอตแล้วกดระบบสั่นทำงาน “อ๊ะ อ๊า อร๊ายยยย” เสียงครวญครางดังขึ้น เธอยื่นมือไปหมายจะผลักออกแต่ไร้เรี่ยวแรง มันเสียวซ่านจนเธอน้ำตาคลอ เขาปล่อยไข่สั่นทำงานแล้วขยับออกมายืนดูผลงานของตัวเอง “คุณช่วยตัวเองก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก” เขาชอบสีหน้าและท่าทางเป็นธรรมชาติของเธอ เธอเสียวจริง ครางจริง เขารู้ได้ แต่จวีหรานกลับส่ายหน้าไปมา น้ำตาคลอเบ้าดูน่าสงสารและน่ารังแกไปพร้อมกัน “ฉัน...ฉันทำ...ทำไม่เป็น...” เธอสะอึกสะอื้นร่างกายสั่นระริกไปหมด “คุณ...ผู้กำกับฉู่...ชะ...ช่วยฉัน...ช่วยฉันนะคะ ได้โปรด” ฉู่อี้ผิงเลิกคิ้ว เธอไม่ใช่นักแสดงคนแรกที่ขอให้เขาช่วย แต่คนอื่นๆ เสนอตัวเพราะต้องการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง แต่กับจวีหราน หากเธอกำลังแสดงอยู่ นับว่าทำให้เขาประทับใจกับบทเด็กสาวไร้เดียงสาจริงๆ “หวังว่าตอนแสดงจริ
เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ดึงข้อมือเธอมาให้เดินตามมาที่โซฟา มือแกร่งกดไหล่ให้เธอนั่งลง ตอนนี้เนี่ยหรานหรานมีเพียงชุดชั้นในลูกไม้ปกปิด ดวงตาคมกริบจ้องมองจนเธอหน้าแดงจัดยกมือขึ้นปิดเนินอกขนาด34นิ้ว เขาเลื่อนมือไปปลดตะขอด้านหลังให้บราหลุดออก “ขอดูหน่อย” เขาพูดหน้านิ่ง “ผมไม่ถือเรื่องทำศัลยกรรม แต่คุณกรอกในใบประวัติว่าไม่เคยทำก็ขอดูว่ามีรอยเย็บหรือเปล่า” เมื่อผู้กำกับพูดแบบนั้น เนี่ยหรานหรานก็ลดมือลง เธอไม่รู้จะวางมือที่ไหนจึงเกาะขอบโซฟากำมะหยี่ที่นั่งอยู่ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้หน้าอกกลมกลึง ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เคยรู้จัดทำให้หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก มันหวิวไปถึงปลายนิ้วเท้า ฉู่อี้ผิงเลิกคิ้วประหลาดใจ เธอทำเหมือน ‘ไม่เคย’ ถูกสัมผัส หรือว่าเธอกำลัง ‘แสดง’ บทสาวน้อยไร้เดียงสาที่เขาพูดไปเมื่อครู่ คิดได้ดั่งนั้นเขาก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วออกแรงบีบเคล้น “อื้ม ของจริงไม่รอยเย็บ”เขาโน้มหน้าไปใกล้ ผู้หญิงคนนี้ไม่พรมน้ำหอมที่ทำให้เขารู้สึกฉุนจมูก กลิ่นกายของเธอเป็นกลิ่นสะอาด ใบหน้าแดงก่ำและกัดริมฝีปากอย่างกลั้นเสียงร้อง เธอหลุบตาลงทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มพอใจกับท่าท