“กลับเรือนเดี๋ยวนี้!” หวังเยี่ยนหลงตวาดสั่งเซี่ยฟาน พอเห็นคนตรงหน้ามัวแต่ลังเลก็ปรี่เข้าไปฉุดแขนลากกลับเรือน
“คุณชายห้า ไม่ต้องห่วงข้าขอรับ” เซี่ยฟานตะโกนบอกเขา ไม่อยากให้ตามมากลัวว่าหวังเยี่ยนหลงจะอารมณ์ไม่ดีทำร้ายหวังซีซวน
ครั้นมาถึงเรือนใบไผ่ หวังเยี่ยนหลงก็เหวี่ยงร่างบางของเซี่ยฟานเข้าไปข้างในห้อง ทำให้ยาขวดเล็ก ๆ หล่นออกมาจากเสื้อของเซี่ยฟาน เขาก้มลงเก็บทีละขวดแต่ไม่วายโดนหวังเยี่ยนหลงเตะทิ้ง
“คุณชาย นั่นยารักษานะขอรับ” เซี่ยฟานขึ้นเสียงกับเขาเพราะยาพวกนั่น หวังซีซวนตั้งใจกลั่นให้อย่างยากเย็น รอคอยอยู่ตั้งหลายวันกว่าจะได้ยาหนึ่งเม็ด แต่หวังเยี่ยนหลงดันไม่รู้คุณค่า
ไม่ว่ารู้โมโหหิวหรือโมโหอะไร หวังเยี่ยนหลงบีบข้อมือของเซี่ยฟานจนเขาเบ้หน้า มืออีกข้างพยายามแกะมือของเขาให้ปล่อยแต่ก็ไร้ผล
จังหวะนั้น หวังเยี่ยนหลงอ่านความคิดและความทรงจำของเซี่ยฟาน จึงได้รู้ว่าที่ผ่านมาเซี่ยฟานโกหกเขามาโดยตลอด คนที่เขาคิดว่าเหมือนลูกไก่ในกำมือ บีบเมื่อไหร่ก็ตายนั้นกล้าเล่นละคร
“ความผิดร้ายแรงมีมากนัก ส่งเขาไปรับโทษในนรกขุมที่สาม” เสียงดุดันทรงอำนาจกล่าวพิพากษา หางตาของหวังเยี่ยนหลงเหลือบเห็นร่างวิญญาณคุ้นเคยกำลังดื่มน้ำแกงยายเมิ่งจึงโพล่งขึ้นมา “เหตุใดเจ้านั่นถึงได้ไปเกิดก่อนข้าเล่า” เขาสงสัยคำตัดสิน “มิใช่ว่าข้าเพิ่งบอกเจ้าหรือว่าความผิดเจ้ามีอันใดบ้าง” เสียงลึกลับโต้ตอบกลับมา ไม่เข้าใจว่าเหตุใดวิญญาณตัวเล็กกระจิดริดถึงได้ต่อปากต่อคำกับเขาเก่งนัก หวังเยี่ย
สิบเอ็ดปีต่อมา สายลมเย็นในฤดูใบไม้ผลิพัดเอื่อย ๆ ท้องฟ้าอากาศแจ่มใส ไร้ก้อนเมฆ เหลียนเฟินกำลังนั่งถือเบ็ดตกปลาอยู่ริมทะเลสาบ สายตาเหม่อมองไปอีกฝั่งที่อยู่แสนไกลนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา หลังจากจัดการกับหวังเยี่ยนหลงแล้ว เขาไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีกเลย เหลียนเฟินเดินทางกลับไปที่วังธาราเหมันต์เพื่อรับโทษและขอออกจากสำนัก นับตั้งแต่นั้นมาจึงใช้ชีวิตร่อนเร่พเนจรอยู่เพียงลำพัง ตัดขาดจากทุกสิ่งทุกอย่างโดยสิ้นเชิง
หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ หวังเยี่ยนหลงโผล่มาให้เหลียนเฟินเห็นหน้าแต่เช้าตรู่ สีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าเดิมมาก อีกทั้งยังแววตาสดใสผิดกับก่อนหน้านี้นัก วันนี้เขายกถาดสำรับอาหารเช้ามาให้ด้วยตัวเองพร้อมยาอีกหลายขนาน “เช้านี้ ข้าขอกินข้าวพร้อมเจ้าได้หรือไม่” เสียงของคนตรงหน้าเอ่ยถาม “ไม่” เหลียนเฟินปฏิเสธโดยที่ไม่ต้องคิด
เช้าวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง รอยื่นถ้วยยาให้เหลียนเฟินดื่มตามเวลา ร่างบางไม่อาจปฏิเสธได้เพราะโอสถนี้หวังซีซวนตั้งใจทำมาให้จึงดื่มแต่โดยดี จากนั้นจึงยกสำรับอาหารเช้ามาวางไว้ที่ข้างหัวเตียง ตั้งใจจะป้อนทีละคำ แต่เหลียนเฟินไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้า สายตาเย็นชาเฉไฉมองไปทางอื่น จนเจ้าตัวรู้สึกเจ็บแปลบในใจ “กินข้าวบ้างเถิด ข้าจะออกไปรอข้างนอก” เขาตัดใจยอมหลบหน้าชั่วคราวจนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งจึงกลับเข้ามาดู เห็นถ้วยชามอาหารยังอยู่ที่เดิมจึงสั่งให้ยกสำรับใหม่เข้ามาแทน&n
ก่อนหน้านั้น เหอชิงหยางพูดคุยกับจ้งซูหนี่ว์เรื่องพันธะระหว่างเหลียนเฟินกับหวังเยี่ยนหลง นางใช้วิชาควบคุมวิญญาณตรวจสอบดูแล้วไม่คิดว่าจะมีทางใดที่จะปลดมันได้ “เช่นนั้นควรทำอย่างไร” เขาถามจ้งซูหนี่ว์ สีหน้ากังวลใจ หากเหลียนเฟินจะต้องติดอยู่ในพันธะนี้ตลอดไป “ในเมื่อหวังเยี่ยนหลงเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ก็คงจะมีเพียงแค่ตัวเขาที่รู้วิธี” “มีทางใดหรือไม่ที่ข้าจะควบคุมเขาได้” เหอชิงหยางรู้ว่าตัวเองมีวิชาพรรคบุ
ขณะที่สำนักตระกูลหวังและพรรคบุปผาทมิฬกำลังต่อสู้แลกคมกระบี่กัน หวังเยี่ยนหลงก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด เขาหันซ้ายมองขวาหาตัวเหลียนเฟินโดยไม่สนใจว่าปลายกระบี่หรืออาคมจากพรรคบุปผาทมิฬจะพุ่งตรงเข้ามาหาเขาโดยเฉพาะ หวังเยี่ยนหลงร่ายอาคมพันธะวิญญาณเรียกหาเหลียนเฟินด้วยใจร้อนรุ่ม นึกเป็นห่วงจนแทบบ้า เวลานั้น เหลียนเฟินกำลังรับมือจากวิชาสะเทือนวิญญาณของจ้งซูเม่ย นางร่ายอาคมซัดพลังใส่เขาไม่ยั้งมือหวังจะจบสิ้นเรื่องนี้โดยเร็ว