Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-10-12 12:19:22

ไป๋หลินนั้นขึ้นเขาไปตอนยามซื่อพอลงก็ยามอุ้ยแล้ว จึงทำให้ไม่ทันเกวียนประจำหมู่บ้าน สงสัยต้องไปยืมเกวียนที่บ้านเดิมเพื่อไปขายสมุนไพรในเมืองแล้วละ

ระหว่างทางที่เดินกลับบ้านไป๋หลินก็ได้เจอกับสายตาแปลกจากชาวบ้านถงหยาง ที่มองเขาด้วยสายตกตะลึง บางคนมองแล้วก็หันไปซุบซิบนินทา บางคนก็เอ่ยทักทายปกติตามประสาคนรู้จัก

"ข้าว่านะสะใภ้เหยียน วันนี้หิมะคงตกหลงฤดูแน่ ๆ เลย" สะใภ้เวิน

"ทำไมละสะใภ้เวิน" สะใภ้เหยียน

"ก็จู่ ๆ คนเกียจคร้าน แบบสะใภ้เล็กบ้านถานขึ้นหาของป่า แบบนี้มันผิดวิสัยนะ ปกติจะต้องคอยไปเฝ้าหน้าประตูบ้านลี่ เหมือนสุนัขที่ถูกเจ้าของทิ้งไม่ให้เข้าบ้าน ฮ่า ฮ่า " สะใภ้เหยียน

"ฮ่า ฮ่า จริงด้วย ผู้ชายเขาไม่เอาก็ยังไปตามเฝ้าหน้าไม่อายว่าไหมสะใภ้เหยียน ดูสิพูดให้ขนาดนี้ยังเมินเฉยได้อีก" สะใภ้เวิน

เกอกับสตรีที่พูดจาถากถางไป๋หลิน คือสะใภ้รองบ้านเวิน เวินซิงเยียน กับเกอสะใภ้สี่บ้านเหยียน เหยียนเฟยเจิน ทั้งสองนี้เป็นอริกับไป๋หลิน จึงไม่แปลกที่สองคนนี้ที่มักจะพูดแซะบ่อย ๆ

แต่ด้วยไป๋หลินคนเดิมไม่ค่อยสู้คนนัก เพราะสองคนนี้มักใช้วิธีสองรุมหนึ่ง จึงทำให้ไป๋หลินหลีกเลี่ยงที่จะปะทะด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเล่นผิดคนซะแล้ว เพราะไป๋หลินคนใหม่ถึงจะเป็นสุภาพบุรุษแต่ปากก็แซ่บด่าคมพอ ๆ กับมีดผ่าตัดเลยแหละ

"นี้มันยังไม่ถึงฤดูติดสัดเลยแต่ทำไมสะใภ้รองบ้านเวินกับสะใภ้สี่บ้านเหยียน ถึงได้รีบเห่าหอนแทนพวกสัตว์ซะแล้วละ" ไป๋หลิน

"นี่ ไอ้เกอขี้เกียจเจ้ากล้าว่าข้าเป็นสุนัขเหรอ คราวก่อนโดนข้าสองคนรุมตบยังไม่เข็ดใช่ไหม" สะใภ้เวิน

"สะใภ้เวินข้าว่าเรามาสั่งสอนไอ้เกอขี้เกียจนี้อีกสักรอบดีไหม มันจะได้จำ" สะใภ้เหยียน

สตรีและเกออริของไป๋หลินเตรียมจะเข้าไปรุมทำร้ายอย่างที่เคยทำ แต่ก็โดนไป๋หลินถีบไปที่ท้องจนล้มหงายหลังทั้งคู่ พอลุกขึ้นตั้งสติได้ก็จะเข้าไปทำร้ายอีกครั้ง แต่กลับโดนฝ่ามือของไป๋หลินตบเข้าที่ใบหน้าและจนได้เลือด

"ไอ้เกอชั่วแกทำข้าเลือดออกเหรอ ข้าจะไปฟ้องผู้ใหญ่บ้าน" สะใภ้เหยียน

"ใช่ แกต้องโดนไล่ออกจากหมู่บ้านแน่" สะใภ้เวิน

"ก็รองไปฟ้องดูสิ ใครกันที่จะถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน พวกเจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าคราวก่อนพวกเจ้าโดนคาดโทษอะไรไว้ ตอนที่รุมทำร้ายข้าแม่สามีเจ้าสองคนเคยรับปากไว้นิ ถ้าพวกเจ้ายังมาหาเรื่องข้าอีก พวกเขาจะให้ลูกชายหย่าขาดกับพวกเจ้าทันที แล้วบ้านข้าก็จะให้ทางการมาจับพวกเจ้าไปกรมอาญาในเมืองหลวงทันที ถึงครั้งนี้ข้าตีพวกเจ้าก็เพราะป้องกันตัวใคร ๆ ก็เห็นใช่ไหมทุกท่าน" ไป๋หลิน

ไป๋หลินที่พอจำได้ว่าคราวก่อนที่เกิดเรื่อง แม่สามีของสองคนนี้ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้แบบนี้จริง ตอนนั้นชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านถงหยางต่างก็เป็นพยานให้ได้

"ใช่ ๆ ข้าเห็นแต่สะใภ้รองบ้านเวินกับสะใภ้สี่บ้านเหยียนหาเรื่องสะใภ้เล็กบ้านถานก่อนทั้งนั้น"

"ข้าก็เห็น แถมจะเข้าไปรุมทำร้ายสะใภ้เล็กบ้านถานอีกด้วย"

"ถึงหมู่บ้านเราอยู่ในเมืองไม่ใหญ่มาก แต่ก็ติดกับเมืองหลวงใช้เวลาเดินทางไม่นาน ยิ่งเดินทางด้วยรถม้ายิ่งถึงเร็ว คิดให้ดี ๆ สะใภ้เวิน สะใภ้เหยียน"

ก็จริงอย่างที่พี่ชายท่านนี้พูด ถึงหมู่บ้านถงหยางจะอยู่ในเมืองไม่ใหญ่ แต่ก็ติดกับเมืองหลวงของแคว้นต้าเว่ยจึงทำให้เดินทางเข้าเมืองหลวงด้วยรถม้าใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้าเดินเท้ากับใช้เกวียนก็ใช้เวลามากหน่อย

สะใภ้บ้านเวินและบ้านเหยียน มองหน้ากันต่างก็คิดในใจทำไมไอ้เกอขี้เกียจมันถึงกล้าตอบโต้พวกเขา ทั้งที่เมื่อก่อนมันจะรีบเดินหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่คราวนี้ไม่เพียงแค่ด่ามันกลับแต่ลงมือทำร้ายพวกเขาจนเลือดออก

ทั้งสองยังคิดต่อไปว่าถ้าแม่สามีรู้คราวนี้ได้หย่าขาดจริง ๆ แถมต้องโดนทางการจับตัวอีก มีแต่เสียกับเสียสงสัยต้องยอมมันไปก่อนค่อยหาทางเอาคืนทีหลัง

"ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เกอขี้เกียจสามีไม่รัก" สะใภ้เหยียน

"ใช่ ครั้งนี้ข้าจะไปเจ้าไปก่อน" สะใภ้เวิน

"ข้าไม่รับฝากหรอกนะ พวกแม่สามีไม่รัก" ไป๋หลิน

ก็เป็นจริงอย่างที่ไป๋หลินพูด แม่สามีของทั้งสองไม่ได้รักและเอ็นดูเหมือนสะใภ้คนอื่นในบ้าน เพราะทั้งสองคนมีนิสัยร้ายกาจชอบกดขี่สะใภ้คนอื่นในบ้านและชอบหาเรื่องนินทาคนอื่นไปทั่ว ตอนแต่งเข้าบ้านมาแรก ๆ ก็นึกว่าจะนิสัยดี แต่พออยู่นานไปก็เริ่มแสดงธาตุแท้ออกมา ยิ่งทั้งสองคนมาสนิทกันยิ่งทำให้เลวร้ายเข้าไปอีก

"ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้าสองคนให้นะ ข้าขี้เกียจหรือไม่มันก็เรื่องของข้า ที่ข้าขึ้นเขาก็เพราะสามีป่วยต้องหาเงินเข้าบ้านและหาเงินรักษาสามี ข้าไม่มีเวลามารอทะเลาะกับเจ้าสองคนหรอกนะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ข้าว่าพวกเจ้าควรเอาเวลาที่มาคอยจิกกัดคนอื่นหรือค่อยหาเรื่องข้า ไปทำตัวเองให้ดีขึ้นและหาวิธีทำให้แม่สามีรักเถอะ ข้าขอเตือน" ไป๋หลิน

คำพูดของไป๋หลินใครฟังก็รู้เจ็บจี๊ดแทนเลย แถมสีหน้าก็ดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลย

ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สะใภ้เล็กบ้านถานเลิกขี้เกียจและนอกจากจะขึ้นเขาแล้ว ยังสู้คนเป็นอีกด้วยนะ หรือเพราะที่ผ่านมาแค่ขี้เกียจเลยไม่ยอมสู้ แต่พอมันวันนี้ทุกคนได้เห็นกับตาในสิ่งที่ไป๋หลินทำ จนทำให้คนในหมู่บ้านไม่กล้านินทาหรือมีเรื่องกับไป๋หลินคนนี้อีกแล้ว

ไป๋หลินเปิดประตูบ้านเข้าไปก็เจอกับลูก ๆ ทั้งสี่ที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน เมื่อเด็กเห็นแม่ก็รีบวิ่งไปหาให้แม่กอดและหอมแก้มทีละคน

"คิดถึงจังเลย แล้วนี่กินข้าวเที่ยงหรือยัง หิวไหมเดี๋ยวแม่ทำข้าวเที่ยงให้กิน" ไป๋หลิน

"ข้าวเที่ยงหรือขอรับ" ลู่เซียน

ลู่เซียนพี่ใหญ่ถามแบบด้วยความงงงวยบ้านเราไม่เคยกินข้าวเที่ยงนะท่านแม่ลืมแล้วเหรอ

"ใช่จ้ะ พวกเจ้าหิวกันหรือยัง เดี๋ยวแม่จะไปดูว่ามีอะไรเหลือบ้างจะหาให้พวกเจ้าและพ่อพวกเจ้ากิน ก่อนแม่จะรีบเข้าเมืองเดี๋ยวค่ำซะก่อน" ไป๋หลิน

"สะใภ้เล็กกลับแล้วเหรอ ได้อะไรมาบ้างละ" ซิ่วอิง

"กลับมาแล้วเหรอหลินเอ๋อร์" รั่วอี้

"ท่านแม่ ท่านทั้งสองมาเยี่ยมหลัวฟางหรือ ขอรับ" ไป๋หลิน

แม่สามีถามลูกสะใภ้ด้วยความสงสัยและอยากรู้เหมือนกันว่าสะใภ้ผู้เกียจคร้านผู้นี้ได้อะไรมาบ้าง ถึงจะไม่ได้เอ็นดูลูกสะใภ้คนนี้เท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้เกลียดจนถึงขั้นที่จะพูดคุยกันไม่ได้ เมื่อเช้าเขามาหาลูกชายคนเล็ก ว่าจะมาเยี่ยมสะใภ้เล็กด้วยแต่ก็มาตรงเวลากับแม่สะใภ้พอดี

พอมาถึงหลานก็บอกว่าสะใภ้เล็กฟื้นแล้ว หลาน ๆ เล่าว่าพอแม่ตื่นก็ใจดีมากไม่ทุบตีไม่ว่าร้ายแถมกอดลูกทุกคน ยังบอกว่าคิดถึงพวกเขาอีกด้วย จนแม่สามีอดไม่ได้ที่จะถามลูกชาย หลัวฟางเองก็บอกว่าภรรยาเปลี่ยนไปจริง ๆ ที่น่าตกใจที่สุดคือตื่นมาก็ขึ้นเขาไปหาสมุนไพรมาขาย ภายในใจของซิ่วอิงก็คิดว่าไม่รู้จะกลับตัวจริงหรือมีอะไรมาเข้าสิงหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรก็ดีใจกับหลานทั้งสี่ที่ได้มีแม่ที่รักใคร่เหมือนบ้านอื่นสักที

ส่วนแม่จางก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ที่ได้รับรู้เรื่องราวจากหลาน ๆ มีทั้งความดีใจและสงสารหลาน ในที่สุดก็ได้ความรักความเอาใจใส่จากมารดาสักที

"เออ ข้าว่าเราเข้าไปในบ้านกันก่อน คุยตรงนี้ไม่สะดวกขอรับ" ไป๋หลิน

ไป๋หลิน แม่จาง และแม่สามีก็รีบพากันขนเข้าบ้าน ลูกทั้งสี่ก็ช่วยมารดารีบขนของโดยมีแฝดพี่รองอย่างลู่ตงรีบไปปิดประตูรั่วบ้านตามคำสั่งท่านแม่อย่างว่องไว

พอวางตะกร้าลงแล้วทยอยเอาของออกมาจากตะกร้าทุกคนก็ถึงกับตะลึง ในสิ่งที่ไป๋หลินไปหามาได้คือโสมป่าที่มีราคาแพงและเป็นยาชั้นดี

ไป๋หลินที่ตอนแรกจะคุยเรื่องรักษาสามีและเรื่องที่เขาฟื้นขึ้นหลังจากกลับมาในเมือง แต่ดูท่าแล้วคงต้องคุยกันตอนนี้แล้วละ อย่างน้อยก็มีท่านแม่กับแม่สามีได้รับรู้ด้วย เขาให้แม่ทั้งสองและลูก ๆ ไปรวมตัวกันที่ห้องนอนของสามี

"คือ ท่านแม่ทั้งสองท่านคงคิดใช่ไหมว่าคนขี้เกียจและร้ายกาจแบบข้า ทำไมจู่ ๆ ตื่นขึ้นมาถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ ข้าจะไม่ขอปิดบังแล้วกัน ตอนที่ข้าล้มจนหัวฟาดก้อนหินข้าหลับไปสี่วันนั้น วิญญาณข้าได้หลุดออกจากร่างขอรับ จิตของข้าได้เห็นทุกอย่างในอนาคตที่จะเกิดหากข้ายังทำตัวแบบเดิม ลูกของข้าทั้งสี่ที่ขาดความรักจากแม่ พวกเขาจะกลายเป็นคนเก็บกด จนกลายเป็นคนไม่ดีนิสัยร้ายกาจแบบข้า ในนั้นข้าเห็นอาตงกลายเป็นคนถูกทางการตามล่าเพราะเป็นโจร ข้าเห็นอาเซียนเป็นนักเลงระรานคนอื่นไปทั่วจนถูกศัตรูทำร้ายจนตาย เห็นอาฉินกับอาถิงก็กลายเป็นขอทาน ส่วนท่านพี่ก็ตายเพราะถูกศัตรูของอาเซียนทำร้าย มันทำให้ข้ากลัวและคิดได้ว่าถ้าไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทุกอย่างจะต้องเกิดตามนิมิตที่ข้าเห็นแน่นอนขอรับ ในตอนที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้าสงสารลูก ๆ มาก พยายามที่จะช่วยพวกเขาแต่ข้าก็ทำอะไรไม่ได้เลยขอรับ จากนั้นข้าจึงตั้งจิตอธิษฐานหากข้าได้กลับไปมีชีวิตอีกครั้ง ข้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นแม่ที่ดีและเป็นภรรยาที่ดี ไม่สร้างปัญหาให้กับครอบครัวขอรับ พอข้าอธิษฐานเสร็จข้าก็ได้เจอกับเซียนท่านหนึ่งปรากฏต่อหน้าข้า ท่านเซียนเมตตาสอนวิชาแพทย์ให้ข้าไว้ใช้รักษาคนเพื่อเลี้ยงชีพ และเอาไว้ช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยากขอรับ พร้อมกับสอนกระบวนท่าการต่อสู้ให้ข้าไว้ใช้ป้องกันด้วย ท่านเซียนยังประทานพรให้ข้าพบเจอแต่สิ่งดี ถ้ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ ข้าก็จะเกิดปัญญาหาทางออกได้เอง พอข้าตื่นขึ้นสิ่งแรกที่ข้าคิดได้คือให้ความรักกับลูก ๆ ขอรับ พอนึกได้ว่าข้ามีวิชาแพทย์ติดตัวมาด้วย ข้าจึงลองได้ตรวจอาการท่านพี่ดู จึงทราบสาเหตุการป่วยข้าจึงรีบขึ้นเขาไปหาสมุนไพรมารักษาท่านพี่ ข้าจะนำสมุนไพรบางส่วนไปขายเพื่อหาเงินเข้าบ้านด้วยขอรับ แต่ดูเหมือนสวรรค์จะเป็นใจ ทำให้ข้าได้เจอโสมป่าขอรับ ข้าตั้งใจว่าจะนำโสมป่ารากใหญ่ไปขายสักสามราก ส่วนโสมป่ารากเล็กไปขายสักสองรากขอรับ ที่เหลือข้าจะเอาไว้สกัดทำยาบำรุงให้ท่านพี่และลูก ๆ ข้าจะทำเผื่อพวกท่านทั้งสองบ้านด้วยขอรับ" ไป๋หลิน

ไป๋หลินเล่าไปร้องไห้เหมือนจิตสำนึกของร่างเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้ไป๋หลินร้องไห้ออกมา ท่านแม่ทั้งสองและหลัวฟางถึงกับอึ้งที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากไป๋หลิน ส่วนลูก ๆ ก็ร้องไห้อย่างน่าสงสาร จนไป๋หลินต้องกอดปลอบให้หายเศร้าทีละคน การกระทำทั้งบวกกับเรื่องราวที่ไป๋หลินเล่าทำให้ท่านแม่ทั้งสองและสามีเชื่อสนิทใจ

แต่ที่จริงนั้นไป๋หลินจำมาจากนิยายที่ผู้ช่วยแนะนำให้เขาอ่านเวลาที่เขาเครียดจากการทำงานตอนที่ยังเป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษ โดยเฉพาะนิยายแนวเกิดใหม่ในร่างของคนอื่น หรือแนวที่วิญญาณไปอยู่ในร่างของคนที่นิสัยไม่ดีพอตื่นก็เปลี่ยนกลายเป็นคนดี แต่ก็ไม่นึกว่าวันหนึ่งนิยายที่อ่านจะช่วยชีวิตเขาได้ แถมเขายังมีชะตากรรมแบบเดียวกันกับตัวละครในนิยายอีกด้วย คิดมาแล้วก็ได้แต่ทำใจยอมรับมันให้ได้

"ข้าฝากท่านแม่ทั้งสองเก็บเรื่องโสมเป็นความลับด้วยนะขอรับ ส่วนที่ข้าเล่าหากท่านต้องการบอกพวกพี่ ๆ ก็บอกได้เลยข้าไม่ห้ามขอรับ" ไป๋หลิน

"ได้ ๆ เรื่องโสมป่าแม่ไม่บอกใครแน่นอนสะใภ้เล็ก" ซิ่วอิง

"ถ้าอย่างงั้น แม่ว่าเจ้ารีบไปเอาเกวียนที่บ้านเดิมเถอะจะได้รีบไปขายสมุนไพรก่อนที่จะมืดค่ำเสียก่อน เดียวเรื่องมื้อเที่ยงและมื้อเย็นแม่จะทำกับข้าวไว้ให้เอง" รั่วอี้

"ใช่ ๆ รีบไปเถอะสะใภ้เล็กเดียวแม่ดูแลหลาน ๆ กับอาฟางให้เอง" ซิ่วอิง

"ขอบคุณมากขอรับ ข้าจะรีบไปรีบกลับ" ไป๋หลิน

ไป๋หลินก็รีบวิ่งไปที่บ้านเดิมของตนที่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาแค่หนึ่งเค่อก็วิ่งถึงบ้านจางแล้ว พอไปถึงไป๋หลินก็เจอกับพี่สะใภ้กำลังกวาดใบไม้อยู่หน้าบ้าน ในความจำร่างเดิมพี่สะใภ้ที่กวาดใบไม้อยู่นี้คือพี่สะใภ้สามของบ้านจาง กัวเซียวหรัวเกอหนุ่มหน้าตาสวยหวานนิสัยดีชอบทำขนมให้สามีแอบเอาไปให้หลาน ๆ บ้านถานรองเสมอ

ไป๋หลินส่งเสียงเรียกพี่สะใภ้สามอีกฝ่ายก็หยุดกวาดใบแล้วหันมายิ้มให้ด้วยความแปลกใจ แต่ดูท่าข่าวลือที่ว่าน้องเล็กเลิกร้ายกาจน่าจะเป็นความจริง ที่น้องสามีฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนดีดูอย่างตอนนี้สิเรียกเขาว่าพี่สะใภ้ด้วยน้ำเสียงที่ใช้เรียกก็ดูสุภาพขึ้นไม่ใส่อารมณ์เหมือนแต่ก่อน

พี่สะใภ้สามในความทรงจำของไป๋หลินเป็นพี่สะใภ้ที่มักถูกไป๋หลินแกล้งบ่อย ๆ ตอนที่ยังไม่แต่งออกไป ด้วยเห็นว่าพี่สะใภ้สามเป็นคนหัวอ่อนไม่ค่อยชอบมีเรื่อง ไป๋หลินคนเดิมจึงได้ใจทำนิสัยแย่ๆ ใส่ทุกครั้งเวลาที่อยู่ด้วยกันในบ้านสองคน แต่เซียวหรัวก็ไม่เคยฟ้องสามีหรือแม่สามีเลยสักครั้ง เซียวหรัวมักจะยิ้มรับให้กับทุกเรื่องไม่ว่าดีหรือร้าย เป็นคนมองโลกในแง่ดีจนน่าเป็นห่วง

"พี่สะใภ้สาม ท่านพ่อกับพี่ชายกลับมาจากสวนหรือยังขอรับ" ไป๋หลิน

"ยังเลยจ้ะ เจ้ามีธุระเร่งด่วนไหมเดี๋ยวพี่ให้อาเป่าไปตามให้" เซียวหรัว

"ไม่ต้องขอรับ พอดีว่าข้าจะมายืมเกวียนเข้าในเมือง ว่าจะเอาสมุนไพรที่หามาได้ไปขายสักหน่อยน่ะขอรับ" ไป๋หลิน

"ได้ ๆ เจ้าเอาไปใช้ก่อนเลย เดี๋ยวพี่บอกท่านพ่อกับพี่ชายเจ้าให้ อาการเจ้าดีแล้วรึถึงได้เข้าเมืองทำไมไม่รอพี่ชายเจ้ากลับก่อนจะให้เขาพาเจ้าเขาเมืองดีกว่า พี่สามเจ้าอยู่หลังบ้านนี่เอง" เซียวหรัว

ระหว่างที่คุยอยู่นั้นพี่สามจางไป๋หลง พี่สะใภ้ใหญ่เกอ หม่าหลิงฉี และพี่สะใภ้รองสตรี เกาเถียนเหมย ได้ยินเสียงของไป๋หลินก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกับรีบให้อันหลิงหลานเกอคนโตของบ้านไปตามท่านปู่ ท่านพ่อ และท่านอาที่สวนทันที

"น้องเล็กเจ้าหายดีแล้วรึ แล้วนี่เป็นอย่างไรบ้าง แล้วท่านแม่ละทำไมไม่มาพร้อมเจ้าละ" ไป๋หลง

ไป๋หลินดูท่าแล้วน่าจะได้คุยกันยาว เพราะระหว่างคุยกับพี่สาม ท่านพ่อ พี่ใหญ่พี่รองก็กลับมาถึงบ้านพอ เพราะสวนกับบ้านไม่ห่างกันมากวิ่งไม่ถึงเค่อก็ถึงแล้ว

"หลินเอ๋อร์ ลูกพ่อฟื้นแล้วมา ๆ มาให้พ่อกอดหน่อย" ไป๋เฉิง

จางไป๋เฉิงรีบเข้ามากอดลูกคนเล็กสุดรักสุดหวงของตนทันทีด้วยความดีใจ ไป๋เฉิงนั้นรักลูกเกอคนนี้มากอีกทั้งยังหวงมากด้วย เคยคิดว่าถ้าไป๋หลินไม่แต่งงานไม่อยากมีครอบครัว เขายินดีที่จะเลี้ยงลูกคนนี้ไปตลอด พอได้เห็นไป๋หลินฟื้นจากอาการป่วยก็ถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลอย่างไม่อายใคร

"น้องเล็กเจ้าไม่เจ็บตรงไหนใช่หรือไม่" ไป๋อัน

พี่ใหญ่จางไป๋อันกับจับตัวไป๋หลินมาหมุนดูหลังจากที่ท่านพ่อกอดน้องเสร็จ ไป๋อันเป็นพี่ชายเงียบขรึมพูดน้อยแต่ก็เป็นอีกคนที่มีความคิดเช่นกันกับท่านพ่อของเขาที่รักและหวงน้องเกอคนเล็กมาก

"พี่ดีใจมากที่เจ้าฟื้นแล้ว ได้ข่าวว่าขึ้นเขามารึ ทำไมไม่พักผ่อนที่บ้านดี ๆ ละ แล้วนี่มาเดินมาถึงที่นี่ คิดถึงพวกพี่ใช่ หลินเอ๋อร์ของพี่" ไป๋เฉิน

พี่รองจางไป๋เฉินพี่ชายที่แสนอบอุ่นตามใจน้องเล็กของบ้านมากที่สุด ดีใจจนน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว ที่เห็นน้องชายเดินมาหาเขาที่บ้าน

"ข้าว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะขอรับ ดูท่าน่าจะคุยกันอีกนาน" ไป๋หลิน

ไป๋หลินจึงชวนทุกคนเข้าไปคุยกันในบ้านให้ทุกคนหายสงสัยก่อนที่มันจะค่ำแล้วเดินทางเข้าเมืองไม่ทัน

ไป๋หลินนั้นได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขา ไป๋หลินเล่าทุกอย่างเหมือนตอนที่เล่าให้สามี ท่านแม่ และแม่สามีฟัง พอทุกคนในบ้านจางได้ฟังก็ถึงกับน้ำตาไหลทั้งดีใจและสงสาร ขนาดพี่ใหญ่ที่ว่าเป็นเสือยิ้มยากก็ยังน้ำตาซึมกันเลย

แต่ไป๋หลินไม่ได้เล่าเรื่องที่พบโสมป่า เพราะเขาอยากเอาไปขายก่อน หากได้เงินมามากเขาจะนำมาแบ่งให้ทั้งบ้านเดิมและบ้านใหญ่ ถึงตอนนั้นค่อยบอกว่าเงินได้มาจากการขายโสม ไป๋หลินอยากทำให้ทุกคนตกใจตื่นเต้น

"โถ่ หลินเอ๋อร์ของพ่อหมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูก" ไป๋เฉิง

"ขอรับท่านพ่อ" ไป๋หลิน

"พี่ว่านะ เดี๋ยวพี่เข้าเมืองไปเป็นเพื่อนเจ้าดีกว่า เข้าเมืองเวลานี้กว่าหาร้านขายพวกสมุนไพรเจอได้ก็ค่ำแล้ว เจ้าไปคนเดียวขากลับมันอันตรายเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว" ไป๋หลง

พี่สามของไป๋หลินเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงน้อง

"เออ ข้าขอออกความคิดหน่อยได้ไหมขอรับ" หลิงฉี

"มีอะไรหรือสะใภ้ใหญ่ ว่ามาเลย" ไป๋เฉิง

พี่สะใภ้ใหญ่ออกความคิดเห็นเสริม บ้านจางไม่มีกฎระเบียบอะไรเข้มงวดทุกคนในบ้านเท่าเทียมกันพ่อแม่สามีก็รักลูกสะใภ้รักหลาน ๆ ทุกคนเท่ากัน เวลามีเรื่องอะไรทุกคนในบ้านจะช่วยกันออกความคิดเห็น

"ถ้าน้องเล็กอยากขายสมุนไพร ลองไปที่ร้านยาเถ้าแก่เผิงลู๋กังดูนะ ร้านอยู่ติดกับร้านขายผ้าไหมโยว่เชียง เถ้าแก่เผิงลู๋กังคนนี้เป็นเพื่อนกับพี่รองของพี่เอง บอกว่าพี่หลิงฉีแนะนำมาเขาต้องให้ราคาดีแน่ ๆ เมื่อก่อนตอนยังไม่แต่งกับพี่ใหญ่เจ้า ครอบครัวพี่มักจะเอาสมุนไพรไปขายที่ร้านตระกูลเผิงในเมืองหลวงเป็นประจำ แต่ตอนนี้ตระกูลเผิงขยายสาขามาเมืองหมิงโจวได้ปีหนึ่งแล้ว ที่นั่นเขารับซื้อสมุนไพรทุกอย่างเพื่อส่งไปสาขาใหญ่ที่เมืองหลวง ถึงเมืองเราไม่มีโรงหมอก็จริง แต่ร้านยาเถ้าแก่เผิงรับซื้อสมุนไพรชนิด ตั้งราคาถูกจนถึงราคาแพง อีกอย่างยังมีพวกสมุนไพรหรือเข็มที่ใช้รักษาคนไข้ขายอีกด้วยนะ" หลิงฉี

"ดี ๆ ทำตามที่สะใภ้ใหญ่บอกนั่นแหละ อาหลงรีบพาน้องเจ้าเข้าเมืองเร็วเดี๋ยวจะค่ำมืดซะก่อน" ไป๋เฉิง

หลังจากตกลงกันเสร็จไป๋หลงก็รีบพาไป๋หลินขึ้นเกวียนที่ขับเคลื่อนด้วยวัวทันที เพื่อมุ่งหน้าไปยังในเมืองหมิงโจว

ไป๋หลินคิดในใจคนบ้านเดิมของเขายังดีกับไป๋หลินไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ แม้ไป๋หลินคนเดิมจะสร้างเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน อย่างพี่สะใภ้ใหญ่สะใภ้รองเองก็เคยเจอฤทธิ์ของไป๋หลินคนเดิมเหมือนกัน แต่มันมีความรู้สึกว่าพี่สะใภ้ทั้งสองมีอะไรที่น่ากลัวซ่อนอยู่จึงทำให้เขาไม่กล้าที่จะแผลงฤทธิ์ใส่มากนัก

ในที่สุดไป่หลงกับไป๋หลินสองพี่น้องบ้านจางก็เดินทางถึงในตัวเมืองหมิงโจวในยามเซินเดินทางจากหมู่บ้านถงหยางมาในตัวเมืองหมิงโจวใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว

สองพี่น้องบ้านจางก็รีบเอาเกวียนไปจอดในที่รับฝากเกวียน แล้วพากันเดินมุ่งหน้าไปยังร้านยาตระกูลเผิงทันที หาไม่นานก็เจอร้านยาตระกูลเผิงตามที่พี่สะใภ้บอกไว้

"น้องเล็กเจ้าไปเลยนะเดี๋ยวพี่ขอรอหน้าร้านนี้แหละ" ไป๋หลง

"ได้ขอรับพี่สาม" ไป๋หลิน

ไป๋หลินก็เดินเข้าในร้านยาก็ได้เจอกับเกอคนหนึ่งสวยมาก ดูจากลักษณะอายุน่าจะราว ๆ กับพี่สะใภ้สามน่าจะเป็นคนงานในร้านไม่ก็ภรรยาเถ้าแก่เผิง

"เออ พี่ชายข้ามาขอพบเถ้าแก่เผิงลู๋กังขอรับ พอดีว่าพี่หลิงฉีแนะนำให้ข้ามาขายสมุนไพรที่นี่ขอรับ" ไป๋หลิน

"อ้อ ได้ ๆ เดี๋ยวข้าไปตามสามีสักครู่ น้องชายนั่งดื่มชารอก่อนนะ" ผิงซี

นั่นปะไรทายถูกจริง ๆ ด้วยว่าเกอคนงามผู้นี้คือภรรยาของเถ้าแก่เผิงจริง ๆ ไป๋หลินก็นั่งรอไม่นานเกอคนงามผู้นั้นก็เดินมาจากหลังร้านพร้อมชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าหล่อแลดูอบอุ่น ช่างเหมาะสมกันเสียจริง ๆ สามีภรรยาคู่นี้

"น้องชายคนนี้รึ ที่หลิงฉีแนะนำมา ไหน ๆ มีสมุนไพรอะไรมาขายให้ข้า" ลู๋กัง

"สวัสดีขอรับข้าจางไป๋หลินเป็นน้องสามีของพี่หลิงฉีขอรับเถ้าแก่เผิง" ไป๋หลิน

"น้องสามีของหลิงฉีหรอกรึ งั้นเรียกพี่ลู๋กังอย่าเรียกเถ้าแก่คนกันเองทั้งนั้น นี้ภรรยาพี่เอง" ลู๋กัง

"ไป๋หลินสินะ เรียกพี่ผิงซีก็ได้จ้ะ" ผิงซี

"ขอรับพี่ลู๋กังพี่ผิงซี" ไป๋หลิน

เมื่อทักทายทำความรู้จักกันเสร็จ ไป๋หลินก็รีบเอาสมุนไพรที่จะขายออกมาพร้อมกันกับโสมป๋า พอสามีภรรยาเห็นสิ่งที่ไป๋หลินนำมาขายก็ถึงกับตาโตตื่นเต้น เพราะโสมป่ารากใหญ่แบบนี้หายากมาก แถมรากยังสมบูรณ์อีกตั้งสามหัววันนี้สองสามีภรรยาได้เจอสินค้าที่ตามหามานาน

เมื่อตกลงราคากันเสร็จลู๋กังก็รีบเอาตั๋วเงินและเงินสดมาให้ไป๋หลิน โสมรากใหญ่สามรากเถ้าแก่เผิงตรวจดูแล้วมีอายุประมาณ 1,200 ปี ส่วนรากที่เล็กกว่าทั้งสองรากนั้นอายุราวรากละ 400 ปี โดยที่รากใหญ่ให้ราคาที่รากละ 25,000 ตำลึงทอง ส่วนรากเล็กเถ้าแก่เผิงให้รากละ 4,500 ตำลึงเงิน จึงรวมเป็นเงินทั้งหมดอยู่ที่ 75,000 ตำลึงทอง กับ อีก 9000 ตำลึงเงิน ไป๋หลินขอเป็นเงินสดกับเถ้าแก่เผิงเป็นเงินอยู่ที่ 15,000 ตำลึงทอง และยังขอซื้อเข็มที่ใช้ฝังในการรักษากับสมุนไพรบางส่วนที่จะต้องใช้รักษาสามี เพราะในบนเขาสมุนไพรบางชนิดก็หายากต้องหาซื้อกับร้านหมอหรือโรงหมอเท่านั้น

ก่อนกลับไป๋หลินได้ให้พี่สามของเขาพาไปที่ร้านฝากเงินเพื่อนำตั๋วเงินไปฝาก จากนั้นก็เดินหาซื้อของที่จำเป็นเข้าบ้านและไม่ลืมที่จะซื้อขนมไปฝากลูก ๆ ส่วนอาหารเย็นท่านแม่กับแม่สามีคงจะทำไว้แล้ว มองดูท้องฟ้าตอนนี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว ไป๋หลินจึงได้ชวนพี่สามกลับหมู่บ้านถงหยาง

ระหว่างที่นั่งเกวียนกลับหมู่บ้านอยู่นั้น เขาเห็นว่าเมืองหมิงโจวยังไม่มีโรงหมอรักษาคนเลย ในหัวจึงเกิดความคิดที่จะอยากก่อตั้งโรงหมอแห่งแรกของหมิงโจวขึ้น อย่างน้อยความรู้ด้านการแพทย์ของเขาคงไม่สูญเปล่าไปเฉย ๆ อีกทั้งยังเป็นอีกทางที่สามารถหาเงินเข้าบ้านได้ อนาคตลูกทั้งสี่จะได้สบายเผื่อวันดีคืนดีเจ้าสามีปากร้ายของเขาอาจจะอยากมีลูกเพิ่มขึ้น เขาต้องหาอาชีพที่มั่นคงเพื่อไว้รองรับอนาคตของลูก ๆ ไว้ก่อน

เมื่อกลับถึงบ้านก็พบว่าแม่สามีนั้นได้กลับบ้านไปแล้ว มีแต่แม่ของเขาที่ยังรอเป็นเพื่อนหลาน ๆ รั่วอี้เมื่อเห็นว่าลูกชายคนที่สามมาส่งลูกคนเล็กแล้ว แม่จางจึงได้ติดเกวียนกลับไปพร้อมกับไป๋หลง ไป๋หลินตะโกนไล่หลังว่าพรุ่งนี้เย็นจะพาหลาน ๆ ไปทานข้าวที่บ้านเดิมด้วยและมีเรื่องสำคัญจะคุยกับบ้านเดิม

"พรุ่งนี้ข้าจะพาเด็ก ๆ ไปหาที่บ้านนะขอรับ" ไป๋หลิน

ไป๋หลินมาปิดประตูรั้วบ้านเรียบร้อย เขาก็รีบกลับเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าลูก ๆ นั่งรออยู่ที่ห้องโถง เขาจึงเอาขนมที่ซื้อมาจากในเมืองแจกจ่ายลูกทั้งสี่ เด็ก ๆ ดีใจและตื่นเต้นมากที่แม่ซื้อขนมมาฝากถึงกับน้ำตาไหล เพราะปกติเวลาแม่ไปในเมืองหรือไปบ่อนการพนันแม่ไม่เคยมีอะไรติดมือมาฝากพวกเขาเลย ถ้าวันไหนเล่นพนันได้อารมณ์ดีหน่อยก็จะไม่ถูกด่า แต่ถ้าวันไหนแม่เล่นเสียวันนั้นพวกเขาจะโดนด่าและให้อดอาหาร

เมื่อก่อนพวกเขาสี่พี่น้องต้องรองรับอารมณ์แม่ทุกอย่าง หลัวฟางเห็นอย่างนั้นก็สงสารลูกจับใจพยายามเอ่ยห้ามปรามหลายครั้งก็เหมือนจะดีขึ้น แต่พอลับหลังไปหลินก็ยังด่าลูกน้อยทั้งสี่เป็นการระบายความอัดอั้นที่มีต่อสามีที่คอยห้ามไม่ให้ไปบ้านลี่กับไปบ่อน

ไป๋หลินแจกจ่ายขนมให้ลูกเสร็จเห็นว่าลูกทานขนมเสร็จเรียบร้อย จึงพาลูก ๆ ไปอาบน้ำก่อนจะพาเข้านอน วันนี้เขาให้ลูกนอนที่ห้องของเขาได้ เด็ก ๆ ดีใจมากที่จะได้นอนกับแม่เป็นครั้งแรก

เมื่อเห็นลูกนอนหลับดีแล้ว ไป๋หลินก็เข้าไปดูอาการของสามี เขาได้พูดคุยกับสามีว่าวันพรุ่งนี้จะเริ่มรักษาจะใช้ความรู้ทางด้านการแพทย์ที่ได้เรียนกับท่านเซียนตอนวิญญาณหลุดออกจากร่าง รักษาให้กับหลัวฟาง

"ท่านพี่พักก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรักษาให้ ท่านต้องหายดีแน่นอนเชื่อมือข้าได้เลย" ไป๋หลิน

"ข้าเชื่อเจ้า ไป๋หลินขอถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าตอบข้าตามตรงได้หรือไม่ ว่าตอนนี้เจ้าคิดอย่างไรกับเว่ยชุน" หลัวฟาง

"ได้สิ เอาเข้าจริง ๆ หลังจากที่ข้าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปสิ่งแรกที่ข้าทำคือไปหาพี่เว่ยชุน แต่สิ่งที่เห็นและได้รับรู้ว่าพี่เว่ยชุนไม่เคยคิดที่จะรักข้าเลยมาตั้งแต่แรก แต่ที่ทำเป็นเอ็นดูข้าเพียงเพราะอยากได้เงินพ่อแม่ข้าเท่านั้น ที่ทำดีด้วยก็เพื่อจะได้ยืมเงินบ้านข้าได้ง่ายขึ้น ท่านจะเชื่อหรือไม่ข้าไม่ว่าท่านหรอก ข้าบอกในสิ่งที่ข้าได้ยินกับหูได้เห็นกับตาเท่านั้น ถ้าถามว่าคิดอย่างไรกับพี่เว่ยชุน ตอนนี้ข้าคิดเพียงแค่ว่าเขาเป็นคนที่เคยรู้จักกันเท่านั้น" ไป๋หลิน

สิ่งที่ไป๋หลินเล่าให้สามีฟังนั้นคือเรื่องจริงที่พึ่งนึกขึ้นได้ เพราะวันที่ไป๋หลินล้มหัวฟาดก้อนหินเขาได้ไปหาเว่ยชุนที่บ้านลี่ ก่อนจะออกมาจากบ้านลี่เพราะเห็นเว่ยชุนจูงมือภรรยาเข้าบ้าน เขาเองก็ดันเผลอได้ยินเว่ยชุนกับภรรยาและพ่อลี่เอ่ยชื่อไป๋หลินออกมา เขาจึงได้ไปแอบฟังทั้งสามพูดถึงเขาว่า จางไป๋หลินเมื่อก่อนเป็นแค่เครื่องมือไว้หลอกยืมเงินเท่านั้น แต่ตอนนี้บ้านลี่ใช้คืนไปหมดแล้วด้วย ต้องขอบใจลูกสะใภ้ที่ให้สินเดิมมาใช้หนี้ ต่อไปไป๋หลินก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับบ้านลี่อีกแล้ว พอได้ฟังจึงทำให้ไป๋หลินโมโหและเสียใจมาก จึงเข้าบ่อนหวังว่าจะคลายความเศร้าได้ แต่พอเล่นพนันจนเงินหมดก็ยิ่งโมโหเหมือนความดันมันตีขึ้นตอนเดินกลับบ้านจึงทำให้เกิดอาการหน้ามืดจนเป็นลมหัวฟาดกับก้อนหิน

ไป๋หลินเล่าเสร็จก็เดินออกจากห้องสามีไปเลย เขาไม่ได้รอฟังคำตอบว่าสามีจะเชื่อเขาหรือไม่ แต่เขาก็ได้พูดความจริงแทนไป๋หลินคนเดิมไปแล้ว หลัวฟางจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่สำคัญกับไป๋หลินคนนี้แล้ว เพราะเขาคือภัสกรไม่ใช่ไป๋หลินคนที่คอยตามเว่ยชุนอีกต่อไป ใครมันจะอยากไปตามคนที่เขาไม่รักเรากันละ ไม่สู้หันมารักตัวเองรักครอบครัวดีกว่า เอาเข้าจริง ๆ ภัสกรก็ไม่ค่อยเข้าใจไป๋หลินเท่าไหร่ว่าทำไมถึงได้ยึดติดกับเจ้าคนหน้าเงินเว่ยชุนมากขนาดนี้

มีความทรงจำหนึ่งที่ภัสกรได้รับรู้คือเรื่องสินเดิมของไป๋หลินที่บ้านเดิมจัดให้เป็นเงินถึง 50 ตำลึงทอง ยังมีกำไลหยก แหวนหยก แหวนทองคำ ปิ่นปักผมทองคำและของมีค่าอีกหลายชิ้นที่เว่ยชุนมาหยิบยืมไปจากไป๋หลิน ตอนยืมบอกเพียงว่าเอาไปเป็นแบบให้นายช่างในเมืองหลวง เพราะมันสวยดีจึงอยากสั่งทำแบบที่คล้ายกันให้น้องสาวกับท่านแม่แล้วก็หายไปเลย จนถึงวันที่เว่ยชุนจะแต่งงานได้เอาของทั้งหมดมาคืนพร้อมกับบอกตัดความสัมพันธ์เหลือเพียงแค่คนรู้จักกันเท่านั้น

วันนั้นไป๋หลินเสียใจเลยไม่ได้สนใจว่าของที่เว่ยชุนนำมาคืนว่าใช่ของตนจริงหรือไม่ พอจะรู้ว่าของมีค่าถูกสับเปลี่ยนเป็นของปลอมก็สายเกินไปเจ้าของที่แท้จริงอย่างไป๋หลินนั้นได้ตายไปแล้ว มีเพียงภัสกรที่รับรู้แทนเนื่องจากตอนที่เขากำลังทำงานบ้านอยู่ก็มีความทรงจำเรื่องสินเดิมแวบเข้ามาในหัว เขาอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างพอที่จะเก็บไว้ให้ลูกทั้งสี่ในอนาคตเพื่อได้นำไปเป็นสินสอดแต่งลูกสะใภ้ จึงไปเอากล่องสมบัติมาเปิดดูและนำมาตรวจดู ผลปรากฏว่ามันเป็นของปลอมทั้งหมด

แต่ดีที่เงินสินเดิมยังพอเหลืออยู่บ้างและยังมีสมุดบันทึกถึงรายละเอียดที่เว่ยชุนยืมไปว่ามีอะไรบ้าง ทั้งยังมีรายชื่อของมีค่าทั้งหมดที่จดลักษณะว่ามีของแต่ชิ้นเป็นแบบไหนมีจุดสังเกตตรงไหนบ้าง พออ่านดูรายละเอียดของทุกชินจะมีอักษรคำว่าจางเล็ก ๆ สลักไว้ทุกชิ้นถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะมองไม่เห็น แต่ของที่เว่ยชุนนำมาคืนกลับไม่มีคำว่าจางเลยสักชิ้น

ภัสกรยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยในความเสน่หาของไป๋หลินที่มีต่อเว่ยชุนมากขึ้นเข้าไปอีก แถมยังให้ยืมเงินและของมีค่าอีกมากมายแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อไป๋หลินคนเดิมตายไปแล้ว ถึงสงสัยไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรขึ้นดีมาหรอก ขอเพียงคนบ้านลี่ไม่มาวุ่นวายกับครอบครัวเขาอีกก็พอ แต่ถ้ายังไม่เลิกละก็ไป๋หลินคนใหม่นี้จะเอาคืนให้สาสม ส่วนของทุกชินที่เว่ยชุนเอาไปเขาเชื่อวันถ้าเป็นของเขาจริงสักวันมันจะกลับมาหาเขาเอง ตอนนี้มีเงินมากแล้วสามารถหาของล้ำค่ามาเป็นสินสอดไว้ให้ลูกได้แน่นอน

ไป๋หลินตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพราะความเคยชินเหมือนตอนสมัยอยู่โลกเดิมเขาจะต้องพาลูกน้องในหน่วยซีอาโนออกวิ่งวอมร่างกายก่อนปฏิบัติหน้าที่ทุกเช้า ตอนเย็นเขาก็ยังต้องพาลูกน้องวิ่งเหมือนกันและแน่นอนว่าการวิ่งของทหารต้องมีถอดเสื้อ จนสาว ๆ ในหน่วยแพทย์อาสาถึงกับตั้งตารอเวลาหลังสี่โมงเย็น เพื่อที่จะได้เห็นหนุ่ม ๆ ในหน่วยรบพิเศษซีอาโนวิ่งถอดเสื้อโชว์กล้าม

เขาทำอาหารเช้าเตรียมไว้ให้ลูก ๆ เสร็จเรียบร้อย เด็กน้อยทั้งสี่คนได้กลิ่นของอาหารที่ท่านแม่ทำ ก็พากันตื่นแล้วเดินตามกลิ่นอาหารมาที่ห้องครัว ก่อนไป๋หลินจะบอกให้ลูกไปล้างหน้าล้างตาจะได้ทานข้าวให้เรียบร้อย พร้อมกำชับให้ลูก ๆ พากันเล่นอยู่หน้าบ้านอย่าพึ่งเข้าไปกวนท่านพ่อ เพราะวันนี้ไป๋หลินจะเริ่มทำการรักษาสามี

เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไป๋หลินจึงรีบให้ลู่เซียนไปตามท่านย่ามารออยู่เป็นเพื่อนค่อยดูเด็ก ๆ ไม่ให้เข้าไปกวนการรักษา

เมื่อท่านย่าของเด็ก ๆ มาถึง ไป๋หลินก็รีบเข้าไปเริ่มทำการรักษาทันที ไปหลินเริ่มจากการตรวจชีพจรอีกครั้งแล้วทำการฝังเข็มตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายที่ผิดปกติ

การรักษาอาการของป่วยของหลัวฟางผ่านไปได้ด้วยดี ไป๋หลินทำการเขียนเทียบยาและจัดยาเป็นชุดไว้สำหรับต้มให้สามีดื่มทุกวันเป็นเวลาห้าวันติดต่อกัน หมดยาเทียบนี้ก็หายป่วยพอดี

ไป๋หลินออกมาบอกข่าวดีกับแม่สามีและลูก ๆ แต่ก็ต้องตะลึงเมื่อกับญาติพี่น้องของสามีอยู่เต็มบ้านเลย ไป๋หลินจึงบอกกับทุกคนว่าหลัวฟางปลอดภัยหายห่วง ทุกคนในบ้านถานใหญ่ก็ถึงกับดีใจจนร้องไห้

บ้านถานใหญ่มีกันทั้งหมดหลายชีวิต แต่ดูเหมือนจะมารวมตัวกันที่บ้านเขาจนหมดเลยมั่งเนี่ย แถมยังมีพี่สามกับครอบครัวพี่สี่ และพี่ห้าก็มาพร้อมครอบครัวเช่นกัน ดูท่าก่อนเปิดโรงหมอคงต้องหาเงินสร้างบ้านใหม่ซะก่อนแล้ว ค่อยสร้างโรงหมอเล็ก ๆ ไว้รักษาคนในหมู่บ้านถงหยางอีกด้วย ไว้ปรึกษากับหลัวฟางอีกทีแล้วกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 129

    "ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ขอให้ครอบครัวและสหายทั้งหลาย อยู่เย็นเป็นสุขดุจดอกเหมยบานไม่ร่วงโรย" หลัวฟางเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องดังก้องพร้อมกัน งานเลี้ยงดำเนินไปถึงยามค่ำ ไฟโคมแดงถูกจุดเรียงรายทั่วจวน แสงโคมสะท้อนยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำให้คืนวันนั้นกลายเป็นความทรงจำที่อบอุ่นที่สุดของทุกคนค่ำค

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 128

    แปดเดือนต่อมาในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ลมอ่อนพัดกลีบดอกเหมยปลิวว่อนทั่วจวนตระกูลถาน เสียงร้องทารกสองคนดังประสานกันในห้องคลอด ไป๋หลินเหน็ดเหนื่อยเหงื่อชุ่มแต่รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้ายังคงงดงามยิ่งนักหมอตำแยยกห่อผ้าขาวสองห่อส่งให้หลัวฟาง เด็กคนหนึ่งมีแก้มแดงระเรื่อร้องเสียงใส อีกคนตาปรือเงียบสงบแต่กำมือแน่นราว

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 127

    โรงหมอกังอันในยามเช้าอาบด้วยแสงแดดอุ่นอ่อน กลิ่นดอกเหมยที่หลัวฟางเด็ดมาจากสวนยังอบอวลอยู่ในแจกันไม้ไผ่ ไป๋หลินที่เพิ่งตรวจชีพจรให้คนไข้รายสุดท้ายในห้องรักษา เขารู้สึกผิดแปลกในร่างกายตนเองมาตลอดหลายวันอ่อนเพลียง่าย ใจเต้นแรงและบางครั้งมีคลื่นไส้ยามเช้าจึงขอมาพักที่เรือนรับรองก่อนไป๋หลินจึงนั่งลงที่โ

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 126

    ตอนนี้องค์ชายรองเฟยซินก็มาศึกษาเล่าเรียนวิชาแพทย์ได้ห้าเดือนกว่าแล้ว แต่กลับเข้าใจทุกอย่างและจดจำขั้นการรักษาของแต่ละโรคได้อย่างแม่นยำ สมุนไพรรักษาโรคทุกชนิดก็จำสรรพคุณได้อย่างขึ้นใจ ด้วยความเก่งและฉลาดจนตอนนี้องค์ชายเฟยซินสามารถรักษาผู้ป่วยแทนท่านอาจารย์อย่างไป๋หลินได้แล้ววันนี้มื้อเย็นไป๋หลินได้ท

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 125

    ไป๋หลินลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะสมุนไพร เปิดลิ้นชักแล้วหยิบรากโสมแห้งขึ้นมา เฟยซินรับสมุนไพรนั้นมาพิจารณาอย่างตั้งใจ พระเนตรเต็มไปด้วยประกายสงสัย"เช่นนั้น ท่านอาหมายความว่าของที่ดี หากใช้ผิดวิธีก็อาจฆ่าคนได้ ใช่ไหมขอรับ" เฟยซิน"ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้เป็นแพทย์ต้องเรียนรู้ทั้ง คุณและโทษ ของทุกสิ่

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 124

    "ขอรับท่านกงกง ข้าจะดูแลองค์ชายเฟยซินเป็นอย่างดี" ไป๋หลินไป๋หลินคุกเข่าลงรับพระราชโองการ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงบในหัวก็พึ่งนึกได้ว่าเคยสัญญากับองค์ชายไว้ ว่าจะรับองค์ชายเฟยซินเป็นศิษย์คนแรกของตน นี้คงถึงเวลาที่ต้องรับองค์ชายเป็นศิษย์จริง ๆ แล้วสินะ หลัวฟางที่ยืนข้างกายมองนางด้วยรอยยิ้มภูมิใจพร้อมกล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status