Share

บทที่ 12 ท่านอ๋องสาม

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-05 21:12:00

แสงตะวันย้อมกำแพงหินเป็นสีทองหม่น เสียงนกกาส่งท้ายวันดังอยู่เหนือยอดไม้ ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปพร้อมเงาของราชสำนักที่ยืดยาวขึ้นจนกลืนทุกสิ่งในความมืด

ภายในตำหนักไฉ่หงตำหนักประจำขององค์หญิงหลิงเซียง บานประตูถูกปิดด้วยแผ่นไม้หนักสองชั้น เหล่าขันทีและนางกำนัลยืนเงียบอยู่รายรอบไม่มีใครกล้าพูดคำใด

“ตั้งแต่วันนี้ องค์หญิงหลิงเซียงห้ามออกจากตำหนักไฉ่หง เป็นเวลาหนึ่งเดือน หากฝ่าฝืนจะถูกเพิ่มเป็นสองเดือน” จิ้งไฉ

คือคำสั่งสั้น ๆ ที่องค์รัชทายาทจิ้งไฉตรัสไว้ตอนกลางวัน น้ำเสียงของพระองค์ไม่ดัง ไม่กร้าว แต่เยือกจนเย็นถึงกระดูก หลิงเซียงนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้า ดวงตาที่เคยสว่างด้วยความร่าเริงกลับมืดหม่น แสงอาทิตย์ยามเย็นแตะปลายเส้นผมของนางที่ปล่อยหลวมลง ราวกับแสงสุดท้ายพยายามปลอบใจผู้ถูกจองจำอย่างอ่อนโยน

“พระเชษฐาทำเช่นนี้… เพื่ออะไรหรือ” หลิงเซียง

นางเอ่ยเบา ๆ กับตนเอง เสียงนั้นแทบไม่ดังพอจะลอดผ่านม่านผ้าหนัก ขันทีคนหนึ่งก้มศีรษะ 

“เพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัวเอง” จิ้งไฉ

หลิงเซียงหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะที่เจือทั้งขมและเศร้า

“ความปลอดภัย หรือกลัวก่อเรื่องกันแน่…” หลิงเซียง

ในความทรงจำของนาง ยังเห็นแววตาของรัชทายาทในวันที่พระองค์ลงโทษขุนนางคนหนึ่งที่กล้าพูดถึงเรื่อง การหลบหนีขององค์หญิงหลิงเซียงในอดีต แววตาเย็นนั้นบอกชัดว่า จิ้งไฉไม่ยอมให้สิ่งใดหลุดพ้นจากการควบคุม

คืนนี้ท้องฟ้านอกหน้าต่างปกคลุมด้วยหมอกบาง ๆ เสียงยามเดินเงียบในลาน นางมองออกไปไกลสุดสายตา ที่ซึ่งกำแพงสูงบดบังอิสรภาพไว้หมดสิ้น ในใจองค์หญิงมีทั้งความโกรธและความปวดร้าว เขารู้ว่าพระเชษฐารักและห่วงใยตน แต่การ ห่วงของเขา มันคือกรงทองคำที่ขังหัวใจให้เหี่ยวเฉา หลิงเซียงกระซิบกับตนเองเบา ๆ 

“ข้าจะไม่อยู่เฉยแน่ พระเชษฐา แม้จะกักข้าไว้ในวังนี้ ข้าก็จะหาทางออกให้ได้…” หลิงเซียง

ดวงตาของหลิงเซียงฉายประกายมุ่งมั่นขึ้นอีกครั้ง แสงเล็ก ๆ ในห้องที่เงียบสงัด เริ่มเต้นระริก เหมือนเปลวไฟแห่งอิสรภาพที่ยังไม่ดับ

ณ วังจิ่นหยางที่ประทับของอ๋องสามจิ้งหาว เสียงรายงานขององครักษ์ลับจบลงในความเงียบงัน มีเพียงเสียงพัดกระทบขลุ่ยไม้บนโต๊ะดังแผ่วเบา จิ้งหาววางถ้วยชาในมืออย่างช้า ๆ แววตาคมเฉียบหรี่ลง ขณะที่ลมหายใจแผ่วของเขากลับกลายเป็นสายหมอกเย็นเยียบ

“เจ้าว่ากระไรนะ… จิ้งไฉสั่ง ‘กักบริเวณ’ เซียงเอ๋อร์” จิ้งหาว

เสียงของเขาไม่ได้ดังแต่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกกดทับอย่างทรงพลัง องครักษ์ผู้รายงานรีบคุกเข่าลง 

“พ่ะย่ะค่ะ พระองค์หญิงทรงถูกกักให้อยู่เพียงในเตำหนักไฉ่หงเท่านั้น ห้ามออกนอกเขตตำหนักและวังหลังโดยเด็ดขาด พระองค์รัชทายาทตรัสว่าเพื่อความปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ” 

จิ้งหาวหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นไม่ใช่ความขบขัน แต่เต็มไปด้วยความเย็นชา

“เพื่อความปลอดภัยงั้นหรือ… ฮึ เขาอาจลืมไปว่าในวังนี้ไม่มีใครกล้าแตะต้องนาง นอกจากพวกเราเอง” จิ้งหาว

เขาลุกขึ้นเต็มความสูงเสื้อคลุมสีดำขลิบทองสะบัดไปตามแรงลม กลิ่นชาอบอวลในห้องกลับกลายเป็นกลิ่นคมของเหล็กทันทีเมื่อรัศมีพลังลมปราณของอ๋องสามแผ่กระจายโดยไม่ตั้งใจ

ในสายตาผู้คนทั้งวังหลวงและวังจิ่นหยาง จิ้งหาวคืออ๋องผู้เยือกเย็น สุขุม และไม่ข้องเกี่ยวการเมืองมากนัก แต่คนที่อยู่ใกล้ชิดรู้ดีว่า เขาเพียงเลือกไม่พูมิใช่ไม่คิด โดยเฉพาะเมื่อเรื่องนั้นเกี่ยวกับองค์หญิงหลิงเซียง พระขนิษฐาเพียงองค์เดียวที่เขารักและตามใจที่สุดตั้งแต่ยังเยาว์

ตั้งแต่นางยังเล็กเขาเป็นผู้แอบเอาขนมออกจากครัวให้นาง ตอนที่นางถูกอบรมจนร้องไห้ เขาคือคนที่ลอบพาออกไปดูดอกเหมยบานยามค่ำ แม้ไม่เคยพูดคำว่ารักแต่ในใจของอ๋องสามนั้น ไม่มีสิ่งใดมีค่ามากกว่าเสียงหัวเราะของน้องหญิงในวัยเด็กฃ

“จิ้งไฉชักล้ำเส้นเกินไปแล้ว…” จิ้งหาว

เขาพึมพำเบา ๆ เสียงนั้นแผ่วแต่คมพอจะบาดอากาศ องครักษ์ที่หมอบอยู่รีบเงยหน้า 

“ทรงรายงานฝ่าบาทหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

มู่เจิ้งหาวนิ่งไปครู่ ก่อนจะเดินไปยังหน้าต่าง มองท้องฟ้าที่กำลังถูกเงาค่ำกลืนกิน

“ยังไม่ต้อง… จิ้งไฉไม่ใช่คนโง่ เขาคงมีเหตุผลของเขา” จิ้งหาว

เขาพูดช้า ๆแต่ทันทีที่หมุนตัวกลับ ดวงตานั้นกลับคมราวกับคมดาบ

“เพียงแต่ หากเหตุผลนั้นทำให้เซียงเอ๋อร์ต้องร้องไห้… ข้าจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่” จิ้งหาว

ลมหนาวพัดผ้าม่านสะบัดแรงในจังหวะเดียวกับที่อ๋องสามชูมือขึ้น แหวนหยกดำที่นิ้วส่องประกายเย็นเยียบสะท้อนแสงตะเกียง

“ไป เตรียมคนของเราไว้ ถ้ามีข่าวใดจากตำหนักไฉ่หงวังหลวง ข้าอยากรู้ก่อนใคร” จิ้งหาว

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ในความมืดที่กำลังปกคลุมทั่ววังหลวงนั้น  เงาของอ๋องสามมู่เจิ้งหาวเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน

ไม่ใช่เพื่ออำนาจ… แต่เพื่อปกป้องรอยยิ้มของน้องหญิงผู้เป็นดั่งแสงเดียวในชีวิตของเขา

ท่านอ๋องสามจิ้งหาว ชายผู้มีสายเลือดราชวงศ์เดียวกับฮ่องเต้จิ้งอู่ และเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับการขนานนามว่าอ๋องผู้มีโฉมงามปานจันทราเยือก

รูปลักษณ์ของเขาเปี่ยมด้วยสง่าราศีอันเยือกเย็น ดั่งน้ำค้างบนยอดหิมะยามรุ่งอรุณ พระพักตร์ของจิ้งหาวมีโครงคมชัดแต่ละมุน หน้าผากสูงรับกับคิ้วเรียวยาวเหมือนพู่กันจีน ปลายหางคิ้วเฉียงขึ้นเล็กน้อยให้ความรู้สึกองอาจแต่ไม่แข็งกระด้าง ดวงตาคู่นั้นลึกและนิ่ง ราวกับทะเลต้องแสงจันทร์ ไม่มีคลื่นแต่แฝงไว้ด้วยแรงดึงดูดอันตราย ผู้คนมักกล่าวว่า หากฮ่องเต้จิ้งอู่เป็นสุริยันที่แผดเผา อ๋องสามมู่จิ้งหาวก็คือจันทราที่ส่องแสงเย็นเหนือผืนน้ำ”

ริมฝีปากของเขาได้รูป สีอ่อนดั่งผลเหมยยามหิมะตก เสียงพูดของเขาไม่ดัง แต่ทุ้มต่ำจนผู้ฟังต้องเงี่ยหู ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมามีน้ำหนักและความเด็ดขาดในเวลาเดียวกัน เส้นผมดำสนิทยาวถึงกลางหลัง มักรวบไว้เรียบง่ายด้วยเชือกไหมสีดำ หรือบางคราวก็ปล่อยสยายเวลายืนชมจันทร์บนหอสูง แสงเงินที่ส่องกระทบเรือนผมทำให้เขาดูราวกับเทพเหมันต์ที่ก้าวออกมาจากภาพวาดหมึก

ถึงรูปโฉมจะงดงามสงบ แต่เมื่อสายลมแห่งพลังลมปราณแผ่วพัดจากตัวเขา ทุกคนต่างรู้ได้ทันทีว่า ภายใต้ความสง่างามนั้น ซ่อนพลังอำนาจอันคมกล้า และความเย็นเยียบที่อาจพรากชีวิตได้โดยไม่ต้องยกมือ แม้เป็นพี่น้องร่วมมารดากับฮ่องเต้ แต่บุคลิกต่างกันราวฟ้ากับน้ำ ฮ่องเต้จิ้งอู่คือไฟที่แผดเผา ขณะที่อ๋องสามคือหิมะที่ไม่ละลาย หนึ่งร้อนแรง หนึ่งสงบลึก

แต่ทั้งสองต่างเปี่ยมด้วย อำนาจที่ผู้คนยากจะละสายตา

ทว่าในยามที่เขายิ้มบาง ๆ รอยยิ้มที่หาได้ยากนัก  ความเย็นก็แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนที่ทำให้ผู้คนรอบข้างหลงลืมลมหายใจ จิ้งหาวไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำอ่อนหวานหรือเสื้อผ้าหรูหรา เพราะเพียงแค่ยืนเฉย ๆ ใต้แสงจันทร์ เขาก็สามารถกลายเป็นศูนย์กลางของทุกสายตา และนั่นเองที่ทำให้ผู้คนทั้งวังต่างพูดกันเบา ๆ ว่า อ๋องสามจิ้งหาว มิได้เพียงงามในรูป หากงามในอำนาจ งามจนเย็นใจผู้มอง แต่ร้อนรนใจผู้ใกล้ชิด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 78 หนีรอดแต่ก็ไม่รอด

    รุ่งสางหมอกบางคลุมลานหินนอกกำแพงวัง ทหารหลวงและหน่วยองครักษ์พิเศษล้อมพื้นที่แน่นหนา ร่างนักฆ่าเงารัตติกาลสามคนถูกจับกดไว้กับพื้นแขนถูกมัด เลือดเปื้อนเสื้อผ้า ดวงตาทุกคู่ยังคงว่างเปล่าไร้ความหวาดกลัวมู่เทียนหลางยืนอยู่เบื้องหน้า เสื้อเกราะยังมีรอยคมมีด สายตาเย็นเยียบ“ใครเป็นคนสั่ง” เทียนหลางเสียงของเขาเรียบ แต่กดดันหนึ่งในนักฆ่าเงยหน้าขึ้น มุมปากยกยิ้มประหลาด“สายไปแล้ว…คุณชายมู่”มู่เทียนหลางขมวดคิ้ว“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เทียนหลางนักฆ่าคนนั้นกัดฟันแน่นก่อนที่ใครจะทันขยับกร๊อบ!เขากัดแคปซูลเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ลิ้น เลือดสีดำไหลออกจากปากทันที“หยุดเขาไว้ ห้ามให้ตายเด็ดขาด!” เทียนหลางแต่ไม่ทันแล้วอีกสองคนทำเช่นเดียวกัน ร่างกระตุกเพียงครู่ก่อนแน่นิ่ง ความเงียบปกคลุมพื้นที่ กลิ่นโลหิตและยาพิษลอยคลุ้ง หมอหลวงรีบเข้าตรวจ ก่อนส่ายหน้าอย่างเคร่งเครียด“พิษปลิดชีพขอรับออกฤทธิ์เร็วมาก ไม่มีทางช่วย”มู่เทียนหลางกำมือแน่นเส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้น“แม้ตาย…ก็ยังซื่อสัตย์ต่อสำนัก” เทียนหลางหัวหน้าทหารหลวงคุกเข่าลง“ขออภัยคุณชายมู่พวกมันไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เลย”มู่เทียนหลางหลับตาชั่วขณะในใจหนั

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 77 แผนลอบปองร้ายองค์หญิงในวัง

    คืนนั้นวังหลวงเงียบงันเกินปกติแม้แสงโคมจะส่องสว่างตามระเบียง แต่กลับให้ความรู้สึกเย็นเยียบอย่างประหลาด ในเงามืดของเรือนร้างใกล้กำแพงชั้นใน ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ใต้ชายคา หน้ากากสีดำปิดครึ่งใบหน้า ดวงตาคมกริบไร้ความรู้สึก“แผนเริ่มได้แล้ว”หัวหน้านำเงารัตติกาลกล่าวเสียงของเขาเบาแต่เด็ดขาด ร่างเงาหลายร่างคุกเข่าลงพร้อมกัน“เป้าหมายอยู่ในตำหนัก”หนึ่งในนั้นถามหัวหน้านำยกมือขึ้น ในมือคือผ้าไหมปักลายหงส์เครื่องหมายตำหนักไฉ่หง“วันนี้องค์หญิงหลิงเซียงต้องตายและวังหลวงจะลุกเป็นไฟ ตระกูลเกาจะหมดความอดทนกับราชสำนักแน่”คำสั่งนั้นทำให้เงาทั้งหมดนิ่งงันไปชั่วขณะ แม้แต่นักฆ่าก็รู้ดีว่า เป้าหมายนี้ไม่ธรรมดา“อย่าให้ใครสงสัยถึงเรา อย่าให้มีร่องรอยว่าเป็นการลอบสังหาร ต้องดูเหมือน…อุบัติเหตุในวัง”ดวงตาของหัวหน้านำฉายแววเย็นเยียบ“และคืนนี้ต้องเป็นคืนที่องค์หญิงจะมีชีวิตอยู่”ภายในตำหนักไฉ่หงองค์หญิงหลิงเซียงกำลังเตรียมบรรทม หัวใจของนางไม่สงบตั้งแต่รู้ว่าการย้ายจวนล้มเหลว“ไปพักผ่อนเถอะเพค่ะ”นางกำนัลเอ่ยเสียงเบา หญิงพยักหน้า แต่ในวินาทีนั้นเอง มีเสียงดังปึกเสียงเบา ๆ ดังจากหลังคา องครักษ์หน้าตำหนักชะงัก

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 76 เผชิญหน้ากับองค์รัชทายาท

    ข่าวว่ามู่เทียนหลางขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทโดยตรง สร้างความตกตะลึงให้กับคนในวังไม่น้อย เพราะผู้ใดต่างรู้ดีว่านี่มิใช่การเข้าเฝ้าเพื่อทักทาย หากเป็นการเผชิญหน้าที่ไม่มีผู้ใดถอยง่าย ๆ ตำหนักบูรพาอากาศในท้องพระโรงเงียบงัน มู่เทียนหลางคุกเข่าลงอย่างสง่างามแผ่นหลังตรง“กระหม่อมมู่เทียนหลาง ขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” เทียนหลางจิ้งไฉประทับอยู่บนบัลลังก์ต่ำ พระเนตรทอดมองลงมาอย่างเย็นชา“ลุกขึ้น เจ้ามาด้วยเรื่ององค์หญิง…ใช่หรือไม่” จิ้งไฉมู่เทียนหลางลุกขึ้นช้า ๆ“พ่ะย่ะค่ะ” เทียนหลาง“เช่นนั้นข้าไม่อ้อมค้อเลยแล้วกัน ข้าไม่ยินยอมให้พาน้องสาวข้าไปไหนทั้งนั้น” จิ้งไฉคำตอบนั้นชัดเจนราบเรียบแต่หนักหน่วง มู่เทียนหลางประสานมือค้อมศีรษะเล็กน้อย“กระหม่อมมาที่นี่ มิใช่เพื่อขออนุญาตจากองค์รัชทายาท หากแต่มาเพื่อขอให้ทรงถอนการคัดค้าน” เทียนหลางบรรยากาศรอบกายแข็งค้างขันทีและองครักษ์ต่างกลั้นลมหายใจ จิ้งไฉหัวเราะเบา ๆ“มู่เทียนหลาง…เจ้ากำลังท้าทายข้าหรือ” จิ้งไฉ“กระหม่อมไม่กล้า แต่กระหม่อมจะไม่ถอย” เทียนหลางพระเนตรขององค์รัชทายาทหรี่ลง มู่เทียนหลางเงยหน้าขึ้น สายตานิ่งมั่นคง“องค์หญิงหลิงเซียงไม่ใ

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 75 ขอย้ายเข้าจวนตระกูลมู่

    หลังจากพาองค์หญิงหลิงเซียงกลับจากจวนตระกูลมู่ มู่เทียนหลางยังคงเห็นภาพรอยยิ้มอบอุ่นของคนในบ้านลอยวนอยู่ในความคิดตั้งแต่บิดามารดา พี่ชาย พี่สะใภ้ ไปจนถึงหลาน ๆ ทุกคนล้วนต้อนรับองค์หญิงด้วยความเคารพจริงใจ มิใช่เพราะฐานะ หากเป็นเพราะรักและเอ็นดูในตัวนางอย่างแท้จริง มู่เทียนหลางหลังจากที่พาองค์หญิงไปจวนตระกูลมู่ ได้เห็นครอบครัวตัวเองต้อนรับองค์หญิงเป็นอย่างอบอุ่น จึงอยากลองขอฮ่องเต้จิ้งอู่พาองค์หญิงย้ายไปอยู่ที่จวนตระกูลมู่คืนนั้น มู่เทียนหลางนั่งอยู่ในตำหนักไฉ่หง มององค์หญิงที่กำลังอ่านตำราด้วยสีหน้าสงบหัวใจเขากลับไม่อาจสงบตามไปได้“หลิงเซียง” เทียนหลางเขาเอ่ยเสียงแผ่ว องค์หญิงเงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไรหรือเจ้าค่ะท่านพี่” หลิงเซียงมู่เทียนหลางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“วันนี้ที่จวนตระกูลมู่…เจ้าดูมีความสุขมาก” เทียนหลางองค์หญิงนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนยิ้มบาง“เพราะทุกคนอบอุ่นมากเพคะ ทำให้หม่อมฉันคิดถึงครอบครัวเดิมโดยไม่รู้ตัว” หลิงเซียงคำพูดนั้นทำให้มู่เทียนหลางแน่นอก เขาตระหนักดีว่าแม้ตำหนักไฉ่หงจะหรูหรา มีอำนาจ มีคนรับใช้รายล้อม แต่กลับขาดความอบอุ่นของคนในครอบครัว ห

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 74 เทศกาลไหว้พระจันทร์

    ในที่สุดเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็เวียนมาถึง ค่ำคืนต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าโปร่งใส ดวงจันทร์กลมโตเริ่มทอแสงนวลเหนือหลังคาวังตั้งแต่เช้าตรู่ ตำหนักไฉ่หงก็เต็มไปด้วยความคึกคักนางกำนัลช่วยกันแขวนโคมไฟสีแดงและสีทองเรียงรายตามระเบียง ผืนผ้าลายเมฆและกระต่ายหยกถูกนำมาตกแต่งโต๊ะบูชาอย่างประณีต“แขวนโคมตรงนั้นอีกนิดเจ้าค่ะ!”“โต๊ะขนมไหว้ต้องหันรับแสงจันทร์นะ!”เสียงพูดคุยหัวเราะดังไม่ขาดสาย บนโต๊ะยาวกลางตำหนัก ขนมไหว้พระจันทร์ถูกจัดเรียงอย่างงดงาม ทั้งไส้ถั่วแดง ไส้งาดำ ไส้พุทรา ผลไม้ตามฤดูกาลถูกวางคู่กับชาอุ่นหอมกรุ่น องค์หญิงหลิงเซียงยืนดูความเรียบร้อยด้วยรอยยิ้มอ่อน“อย่าลืมวางขนมรูปกระต่ายหยกไว้ตรงกลางนะ” หลิงเซียงนางกำนัลรับคำอย่างขะมักเขม้น“เพค่ะองค์หญิง!”บรรยากาศก่อนค่ำเมื่อแสงอาทิตย์คล้อยต่ำ ลมเย็นพัดผ่านตำหนักไฉ่หงอย่างอ่อนโยน กลิ่นธูปหอมอ่อน ๆ ลอยคลุ้งเสียงพิณเบา ๆ ดังคลอจากด้านใน ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีอ่อนงดงามนางกำนัลหลายคนแอบกระซิบด้วยดวงตาเป็นประกาย“คืนนี้องค์หญิงต้องงดงามมากแน่ ๆ”“ได้ยินว่าคุณชายมู่จะมาร่วมงานด้วยนะ หลังจากนั้นก็จะพาองค์หญิงไปที่จวนตระกูลมู่ด้วยนะ!”เมื่อถึงยามโหย

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 73 เข้าปีที่ 2

    ตอนนี้ชีวิตใหม่ที่แสนจะมีวุ่นวายของหมิวที่อยู่ในร่างขององค์หญิงหลิงเซียงเริ่มมีความสุขมากขึ้น มากจนคิดว่าถ้าหากถึงวันที่เกิดเหตุร้ายตามที่เขาศึกษามา เขาคงต้องเสียใจมากแน่เพราะมู่เทียนหลาง เท่าที่รู้มาเขาจะกลายเป็นคุณชายตาบอดไปตลอดชีวิต เพราะเข้าไปช่วยฮ่องเต้ที่ติดอยู่ในกองเพลิง เขาตั้งในแล้วว่าจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นแน่นอน อีกอย่างตั้งแต่มาอยู่ที่นี้แล้วมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากฝีมือของสำนักเงารัตติกาล หากวิเคราะห์โดยที่ไม่อิงประวัติศาสตร์ที่ศึกษาตัดออกไปไม่เอามาร่วม ก็จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ร้ายที่จะเชื่อมไปถึงในปีที่ 7 ของการของครองราชย์ของฮ่องจิ้งอู่ สำนักรัตติกาลนี้แหละคือตัวร้ายและน่าจะร่วมมือกับคนในราชวงศ์คนใดคนหนึ่งที่ทำให้ ทั้งฮ่องเต้และองค์รัชทายาทแตกหักกันมานานหลายปี วิเคราะห์ดูแล้วเอาเข้าจึง ๆ ไม่เป็นที่ประวัติศาสตร์ในตำราบันทึกไว้เลย ดูท่าเขากับมู่เทียนหลางคงต้องสืบหาคนอยู่เบื้อหลังอีกนานเลยวันนี้องค์หญิงหลิงเซียงอยากฉลองให้ตัวเองที่อยู่รอดปลอดภัยมาถึงปีที่สองจึงอยากทำอาหารฉลองสักหน่อย เมนูก็มีอะไรง่าย ๆ ที่ทำจากหมู หมูผัดกิมจิ ข้าวผัดหมู หมูทอดกระเทียม และหม

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status