共有

บทที่ 13 ปะทะกันด้วยวาจา

last update 最終更新日: 2025-11-06 18:23:48

ห้องทรงอักษรยามบ่ายมืดครึ้มราวกับฟ้ารู้พระอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าชีวิต ลมแรงพัดม่านแพรสีทองแกว่งไหว ในขณะที่ขันทีน้อยรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าลงหน้าโต๊ะทรงอักษร

“ถวายรายงานพ่ะย่ะค่ะ! … องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งให้กักบริเวณองค์หญิงหลิงเซียงไว้ในตำหนักไฉ่หง มิให้ผู้ใดเข้าออก” หลิวกงกง

เสียงรายงานยังไม่ทันจบ เสียงถ้วยชาในพระหัตถ์ของฮ่องเต้จิ้งอู่ก็ แตกเปรี๊ยะ! กระเด็นกระเซ็นทั่วพื้น

“เจ้าว่าอย่างไรนะ” จิ้งอู่

น้ำเสียงของพระองค์ต่ำและเย็นยะเยือกจนองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูที่อยู่ใกล้ถึงกับค้อมศีรษะต่ำแทบจรดพื้นดวงเนตรของฮ่องเต้แดงก่ำด้วยความเดือดดาล พระหัตถ์กำแน่นจนเส้นเลือดปูด 

“เจ้ารองเป็นถึงองค์รัชทายาท แต่คิดจะละเมิดข้ามหน้าข้าเช่นนี้รึ หลิงเซียงเป็นน้องสาวของข้า มิใช่คนอื่น!” จิ้งอู่

ขันทีอาวุโสหลิวกงกงรีบหมอบลง 

“ฝ่าบาท โปรดทรงระงับพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ องรัชทายาทคงเพียงทรงหวังดี มิอยากให้องค์หญิงหลิงเซียงเสด็จออกนอกวังโดยมิได้แจ้ง...” หลิวกงกง

“หวังดี” จิ้งอู่

ฮ่องเต้จิ้งอู่แค่นเสียงเย็น

“หวังดีด้วยการกักขังน้องสาวตนเองราวกับนักโทษหรือ!” จิ้งอู่

พระองค์ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ชุดมังกรทองสะท้อนแสงไฟจากตะเกียงจนทั่วห้องเหมือนเปลวเพลิงที่พร้อมแผดเผาทุกสิ่ง 

“ให้จิ้งไฉเข้ามาเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้! หากยังมีหัวใจของเขายังเห็นช้าเป็นพี่อยู่ก็จงมาอธิบายเหตุผลกับข้าเสีย!” จิ้งอู่

บรรยากาศในห้องทรงอักษณหนักอึ้งจนไม่มีใครกล้าขยับ เสียงฝีพระบาทของฮ่องเต้ดังชัดเจนในความเงียบ พระพักตร์ที่โดยปกติสุขุม เยือกเย็น บัดนี้กลับฉายความกร้าวดุดันในฐานะ ผู้เป็นฮ่องเต้แห่งใต้หล้า

องค์รัชทายาทจิ้งไฉก้าวเดินอย่างมั่นคงแต่สีหน้าขรึม สายพระเนตรไม่ไหวเอนแม้แต่น้อย ข้างในใจรู้ดีว่าพระเชษฐาทรงพิโรธ แต่เขาไม่คิดจะถอยเพราะเชื่อว่าตนทำถูก เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องทรงอักษรบรรยากาศเย็นเยียบทันที เหล่าขุนนางและขันทีค้อมศีรษะต่ำ ขณะที่บนเก้าสูงฮ่องเต้จิ้งอู่นั่งนิ่งพระพักตร์เรียบเยือกจนไม่อาจอ่านพระอารมณ์ได้

“กระหม่อม... จิ้งไฉ ถวายบังคมฝ่าบาท” จิ้งไฉ

พระสุรเสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นช้า ๆ

“เงยหน้าขึ้น... แล้วตอบข้ามา ว่าเหตุใดเจ้าจึงกล้ากักบริเวณองค์หญิงหลิงเซียงโดยมิได้ขอพระบรมราชานุญาตจากข้า” จิ้งอู่

เสียงในท้องพระโรงเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงฝนไหลจากชายคา จิ้งไฉเงยหน้าขึ้น แววตาแน่วแน่

“หม่อมฉันเกรงว่าองค์หญิงจะเสด็จออกนอกวังโดยปราศจากการคุ้มกันเพียงพอพ่ะย่ะค่ะ จึงขอกักบริเวณไว้ชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน...” จิ้งไฉ

ฮ่องเต้จิ้งอู่หัวเราะในลำพระศอเบา ๆ เสียงนั้นกลับเย็นเฉียบกว่าคำตำหนิใด ๆ

“ความปลอดภัยงั้นหรือ หรือว่าเจ้ากลัวน้องสาวของเจ้า... จะสืบรู้ความจริงบางอย่างที่เจ้าปิดบังไว้ที่เมืองวังหลวงหรือเปล่า มันน่าจะเกี่ยวกับคนในตระกูลซูของเจ้านะ จิ้งไฉ” จิ้งอู่

คำถามนั้นทำให้องค์รัชทายาทถึงกับชะงัก พระสุรเสียงของฮ่องเต้เข้มขึ้น

 

“เจ้าเป็นองค์รัชทายาท หน้าที่คือปกป้องบ้านเมือง มิใช่ใช้ตำแหน่งข่มขู่ผู้ที่อ่อนแอกว่า เจ้ากักบริเวณน้องสาวตนเองราวกับนักโทษ เจ้าเห็นบัลลังก์สำคัญกว่าครอบครัวกระนั้นหรือ ต้องการกดดันแม่ทัพใหญ่และตระกูลเกาอย่างนั้้นหรือ” จิ้งอู่

จิ้งไฉกัดฟันแน่น พระหัตถ์กำแน่นข้างลำตัว

“ฝ่าบาท... ข้าก็เพียงทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อรักษาราชสำนักนี้ไว้ หากปล่อยให้องค์หญิงทรงออกจากวังโดยอำเภอพระทัย จะเกิดเรื่องใหญ่ถึงตอนนั้นกระกูลเกาอาจจะไม่พอใจที่องค์หญิงหลิงมีอันตราย” จิ้งไฉ

“พอ!” จิ้งอู่

 เสียงคำรามของฮ่องเต้ดังก้องจนขันทีสะดุ้ง

“ราชสำนักนี้จะยิ่งใหญ่เพราะความเข้มงวด... หรือเพราะหัวใจของผู้ปกครองที่ยังเหลือความเมตตา หากเจ้าลืมไปแล้วว่าความรักคือสิ่งใด เจ้าก็ไม่คู่ควรจะเป็นรัชทายาท!” จิ้งอู่

คำตรัสนั้นเหมือนคมดาบฟาดกลางอากาศ จิ้งไฉนิ่งงันไปครู่ ดวงตาคมสั่นไหวเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะก้มศีรษะลงช้า ๆ

“หม่อมฉัน... เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จิ้งไฉ

พระสุรเสียงของฮ่องเต้แผ่วลงแต่ยังทรงอำนาจ

“เจ้าจะถูกถอดออกจากว่าการสภาราชกิจหนึ่งเดือน ให้ถือเป็นการไตร่ตรองตนเอง... ส่วนองค์หญิงข้าจะทรงเรียกมาตักเตือนเอง” จิ้งอู่

จิ้งไฉก้มศีรษะลึกอีกครั้งแต่ในใจกลับรู้สึก แปลบวาบ ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ และใต้แสงไฟในห้องทรงอักษร ดวงเนตรคู่นั้นกลับทอประกายบางอย่างที่อาจกลายเป็นเงาอันตรายในอนาคต

ณ เขตชายแดนแคว้นเว่ยที่ติดกับแคว้นเหลียว ค่ายใหญ่ของแคว้นเว่ยตอนนี้ปักหลักที่เมืองหมิงโจว ศึกครั้งนี้ยังคงนำทัพโดยท่านเสนาบดีใหญ่ผู้คุ้มทหารทั้งกองทัพ อย่างท่านแม่ทัพใหญ่เกาเฉียวฟงถึงจะอายุมากแล้วแต่ยังคงแข็งแรงดี สามารถออกรบร่วมกับลูกหลานได้สบาย เกาเฉียวฟงที่ยังไม่ยอมเกษียณตัวเองออกจากราชการ เพราะเขานั้นห่วงหลานสาวเพียงคนเดียวที่อยู่ในวังมาก หากเขายังอยู่ในตำแหน่งยังพอมีอำนาจปกป้ององค์หญิงหลิงเซียงจนกว่าจะออกเรือนได้ 

ห้องแม่ทัพในค่ายใหญ่ทางทิศเหนือของเมืองหมิงโจว  ยามอรุณเพิ่งจับขอบฟ้ากลิ่นเหล็กและเหงื่อจากทหารยามยังคลุ้งอยู่ในอากาศ เสียงฝึกดาบด้านนอกดังเป็นจังหวะ ท่านแม่ทัพใหญ่เกาเฉียวฟง นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้สักใหญ่ กำลังอ่านรายงานจากชายแดน แต่เมื่อมีคนส่งสารเร่งร้อนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาคุกเข่าลง พร้อมยื่นตราพระราชลัญจกรในมือ เสียงหอบหายใจและใบหน้าที่ซีดขาวก็เพียงพอให้รู้ว่าไม่ใช่ข่าวดี

“ท่านแม่ทัพ! … ข่าวด่วนจากวังหลวงขอรับ! องค์หญิงหลิงเซียง ทรงถูกลอบทำร้ายแต่ตอนนี้องค์หญิงปลอดภัยดีแล้วขอรับ”

เสียงรายงานจบลงพร้อมเสียงกระแทกโต๊ะ ดังสนั่นถ้วยชาชิ้นเล็กหล่นแตกกระจาย เกาเฉียวฟงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น

ในดวงตาคู่นั้นไม่มีแม้แต่แววตาแห่งความตกใจ มีเพียงความเย็นชและเปลวโทสะที่ลุกลามอยู่ภายใน

“ว่าอย่างไรนะ... หลิงเซียง หลานสาวของข้า” เฉียวฟง

“องค์หญิงทรงรอดชีวิตขอรับ ขณะนี้องค์รัชทายาทจิ้งไฉทรงมีคำสั่งกักบริเวณองค์หญิงไว้ ไม่ให้ออกจากตำหนักไฉ่หง”

เสียงถอนหายใจของแม่ทัพใหญ่ดังต่ำราวกับเสียงคำรามของพายุ เขาลุกขึ้นเต็มความสูง ชุดเกราะทองแดงสะท้อนแสงไฟในห้องจนดูราวกับเปลวเพลิง

“ผู้ใดกล้าทำเช่นนี้กับเลือดเนื้อของตระกูลข้า...” เฉียวฟง

เสียงทหารเวรที่อยู่ด้านนอกเงียบกริบ แม้แต่ลมหายใจยังแทบไม่ได้ยิน เกาเฉียวฟงหันไปมองแผนที่ขนาดใหญ่บนผนังดวงตาแน่วนิ่ง

“ส่งคนไปสืบโดยด่วน ข้าไม่สนว่ามันจะซ่อนอยู่ใต้เงาใดของวัง ถ้ามันแตะต้องหลิงเซียงแม้เพียงปลายเล็บ...ข้าจะลากมันออกมาจากหลุมเอง... แล้วให้มันรู้ว่าคนของเกาเฉียวฟงไม่มีวันถูกทำร้ายแล้วลอยนวล” เฉียวฟง

เสียงดาบถูกดึงออกจากฝักดัง ฉึบ! เบา ๆ แต่ก้องสะท้อนในใจคนทั้งค่าย ทหารคนสนิทยืนตรง สายตาแข็งกร้าว

 

“รับคำสั่งขอรับ ท่านแม่ทัพ!”

ลมเหนือพัดแรง กลิ่นฝนและเหล็กคละคลุ้ง และในดวงตาของแม่ทัพเกาเฉียวฟง บัดนี้ไม่ใช่แค่ความโกรธของชายชรา แต่คือพายุของนักรบผู้พร้อมจะทลายทั้งวังเพื่อปกป้องหลานสาวของตน

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 78 หนีรอดแต่ก็ไม่รอด

    รุ่งสางหมอกบางคลุมลานหินนอกกำแพงวัง ทหารหลวงและหน่วยองครักษ์พิเศษล้อมพื้นที่แน่นหนา ร่างนักฆ่าเงารัตติกาลสามคนถูกจับกดไว้กับพื้นแขนถูกมัด เลือดเปื้อนเสื้อผ้า ดวงตาทุกคู่ยังคงว่างเปล่าไร้ความหวาดกลัวมู่เทียนหลางยืนอยู่เบื้องหน้า เสื้อเกราะยังมีรอยคมมีด สายตาเย็นเยียบ“ใครเป็นคนสั่ง” เทียนหลางเสียงของเขาเรียบ แต่กดดันหนึ่งในนักฆ่าเงยหน้าขึ้น มุมปากยกยิ้มประหลาด“สายไปแล้ว…คุณชายมู่”มู่เทียนหลางขมวดคิ้ว“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เทียนหลางนักฆ่าคนนั้นกัดฟันแน่นก่อนที่ใครจะทันขยับกร๊อบ!เขากัดแคปซูลเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ลิ้น เลือดสีดำไหลออกจากปากทันที“หยุดเขาไว้ ห้ามให้ตายเด็ดขาด!” เทียนหลางแต่ไม่ทันแล้วอีกสองคนทำเช่นเดียวกัน ร่างกระตุกเพียงครู่ก่อนแน่นิ่ง ความเงียบปกคลุมพื้นที่ กลิ่นโลหิตและยาพิษลอยคลุ้ง หมอหลวงรีบเข้าตรวจ ก่อนส่ายหน้าอย่างเคร่งเครียด“พิษปลิดชีพขอรับออกฤทธิ์เร็วมาก ไม่มีทางช่วย”มู่เทียนหลางกำมือแน่นเส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้น“แม้ตาย…ก็ยังซื่อสัตย์ต่อสำนัก” เทียนหลางหัวหน้าทหารหลวงคุกเข่าลง“ขออภัยคุณชายมู่พวกมันไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เลย”มู่เทียนหลางหลับตาชั่วขณะในใจหนั

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 77 แผนลอบปองร้ายองค์หญิงในวัง

    คืนนั้นวังหลวงเงียบงันเกินปกติแม้แสงโคมจะส่องสว่างตามระเบียง แต่กลับให้ความรู้สึกเย็นเยียบอย่างประหลาด ในเงามืดของเรือนร้างใกล้กำแพงชั้นใน ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ใต้ชายคา หน้ากากสีดำปิดครึ่งใบหน้า ดวงตาคมกริบไร้ความรู้สึก“แผนเริ่มได้แล้ว”หัวหน้านำเงารัตติกาลกล่าวเสียงของเขาเบาแต่เด็ดขาด ร่างเงาหลายร่างคุกเข่าลงพร้อมกัน“เป้าหมายอยู่ในตำหนัก”หนึ่งในนั้นถามหัวหน้านำยกมือขึ้น ในมือคือผ้าไหมปักลายหงส์เครื่องหมายตำหนักไฉ่หง“วันนี้องค์หญิงหลิงเซียงต้องตายและวังหลวงจะลุกเป็นไฟ ตระกูลเกาจะหมดความอดทนกับราชสำนักแน่”คำสั่งนั้นทำให้เงาทั้งหมดนิ่งงันไปชั่วขณะ แม้แต่นักฆ่าก็รู้ดีว่า เป้าหมายนี้ไม่ธรรมดา“อย่าให้ใครสงสัยถึงเรา อย่าให้มีร่องรอยว่าเป็นการลอบสังหาร ต้องดูเหมือน…อุบัติเหตุในวัง”ดวงตาของหัวหน้านำฉายแววเย็นเยียบ“และคืนนี้ต้องเป็นคืนที่องค์หญิงจะมีชีวิตอยู่”ภายในตำหนักไฉ่หงองค์หญิงหลิงเซียงกำลังเตรียมบรรทม หัวใจของนางไม่สงบตั้งแต่รู้ว่าการย้ายจวนล้มเหลว“ไปพักผ่อนเถอะเพค่ะ”นางกำนัลเอ่ยเสียงเบา หญิงพยักหน้า แต่ในวินาทีนั้นเอง มีเสียงดังปึกเสียงเบา ๆ ดังจากหลังคา องครักษ์หน้าตำหนักชะงัก

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 76 เผชิญหน้ากับองค์รัชทายาท

    ข่าวว่ามู่เทียนหลางขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทโดยตรง สร้างความตกตะลึงให้กับคนในวังไม่น้อย เพราะผู้ใดต่างรู้ดีว่านี่มิใช่การเข้าเฝ้าเพื่อทักทาย หากเป็นการเผชิญหน้าที่ไม่มีผู้ใดถอยง่าย ๆ ตำหนักบูรพาอากาศในท้องพระโรงเงียบงัน มู่เทียนหลางคุกเข่าลงอย่างสง่างามแผ่นหลังตรง“กระหม่อมมู่เทียนหลาง ขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” เทียนหลางจิ้งไฉประทับอยู่บนบัลลังก์ต่ำ พระเนตรทอดมองลงมาอย่างเย็นชา“ลุกขึ้น เจ้ามาด้วยเรื่ององค์หญิง…ใช่หรือไม่” จิ้งไฉมู่เทียนหลางลุกขึ้นช้า ๆ“พ่ะย่ะค่ะ” เทียนหลาง“เช่นนั้นข้าไม่อ้อมค้อเลยแล้วกัน ข้าไม่ยินยอมให้พาน้องสาวข้าไปไหนทั้งนั้น” จิ้งไฉคำตอบนั้นชัดเจนราบเรียบแต่หนักหน่วง มู่เทียนหลางประสานมือค้อมศีรษะเล็กน้อย“กระหม่อมมาที่นี่ มิใช่เพื่อขออนุญาตจากองค์รัชทายาท หากแต่มาเพื่อขอให้ทรงถอนการคัดค้าน” เทียนหลางบรรยากาศรอบกายแข็งค้างขันทีและองครักษ์ต่างกลั้นลมหายใจ จิ้งไฉหัวเราะเบา ๆ“มู่เทียนหลาง…เจ้ากำลังท้าทายข้าหรือ” จิ้งไฉ“กระหม่อมไม่กล้า แต่กระหม่อมจะไม่ถอย” เทียนหลางพระเนตรขององค์รัชทายาทหรี่ลง มู่เทียนหลางเงยหน้าขึ้น สายตานิ่งมั่นคง“องค์หญิงหลิงเซียงไม่ใ

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 75 ขอย้ายเข้าจวนตระกูลมู่

    หลังจากพาองค์หญิงหลิงเซียงกลับจากจวนตระกูลมู่ มู่เทียนหลางยังคงเห็นภาพรอยยิ้มอบอุ่นของคนในบ้านลอยวนอยู่ในความคิดตั้งแต่บิดามารดา พี่ชาย พี่สะใภ้ ไปจนถึงหลาน ๆ ทุกคนล้วนต้อนรับองค์หญิงด้วยความเคารพจริงใจ มิใช่เพราะฐานะ หากเป็นเพราะรักและเอ็นดูในตัวนางอย่างแท้จริง มู่เทียนหลางหลังจากที่พาองค์หญิงไปจวนตระกูลมู่ ได้เห็นครอบครัวตัวเองต้อนรับองค์หญิงเป็นอย่างอบอุ่น จึงอยากลองขอฮ่องเต้จิ้งอู่พาองค์หญิงย้ายไปอยู่ที่จวนตระกูลมู่คืนนั้น มู่เทียนหลางนั่งอยู่ในตำหนักไฉ่หง มององค์หญิงที่กำลังอ่านตำราด้วยสีหน้าสงบหัวใจเขากลับไม่อาจสงบตามไปได้“หลิงเซียง” เทียนหลางเขาเอ่ยเสียงแผ่ว องค์หญิงเงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไรหรือเจ้าค่ะท่านพี่” หลิงเซียงมู่เทียนหลางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“วันนี้ที่จวนตระกูลมู่…เจ้าดูมีความสุขมาก” เทียนหลางองค์หญิงนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนยิ้มบาง“เพราะทุกคนอบอุ่นมากเพคะ ทำให้หม่อมฉันคิดถึงครอบครัวเดิมโดยไม่รู้ตัว” หลิงเซียงคำพูดนั้นทำให้มู่เทียนหลางแน่นอก เขาตระหนักดีว่าแม้ตำหนักไฉ่หงจะหรูหรา มีอำนาจ มีคนรับใช้รายล้อม แต่กลับขาดความอบอุ่นของคนในครอบครัว ห

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 74 เทศกาลไหว้พระจันทร์

    ในที่สุดเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็เวียนมาถึง ค่ำคืนต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าโปร่งใส ดวงจันทร์กลมโตเริ่มทอแสงนวลเหนือหลังคาวังตั้งแต่เช้าตรู่ ตำหนักไฉ่หงก็เต็มไปด้วยความคึกคักนางกำนัลช่วยกันแขวนโคมไฟสีแดงและสีทองเรียงรายตามระเบียง ผืนผ้าลายเมฆและกระต่ายหยกถูกนำมาตกแต่งโต๊ะบูชาอย่างประณีต“แขวนโคมตรงนั้นอีกนิดเจ้าค่ะ!”“โต๊ะขนมไหว้ต้องหันรับแสงจันทร์นะ!”เสียงพูดคุยหัวเราะดังไม่ขาดสาย บนโต๊ะยาวกลางตำหนัก ขนมไหว้พระจันทร์ถูกจัดเรียงอย่างงดงาม ทั้งไส้ถั่วแดง ไส้งาดำ ไส้พุทรา ผลไม้ตามฤดูกาลถูกวางคู่กับชาอุ่นหอมกรุ่น องค์หญิงหลิงเซียงยืนดูความเรียบร้อยด้วยรอยยิ้มอ่อน“อย่าลืมวางขนมรูปกระต่ายหยกไว้ตรงกลางนะ” หลิงเซียงนางกำนัลรับคำอย่างขะมักเขม้น“เพค่ะองค์หญิง!”บรรยากาศก่อนค่ำเมื่อแสงอาทิตย์คล้อยต่ำ ลมเย็นพัดผ่านตำหนักไฉ่หงอย่างอ่อนโยน กลิ่นธูปหอมอ่อน ๆ ลอยคลุ้งเสียงพิณเบา ๆ ดังคลอจากด้านใน ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีอ่อนงดงามนางกำนัลหลายคนแอบกระซิบด้วยดวงตาเป็นประกาย“คืนนี้องค์หญิงต้องงดงามมากแน่ ๆ”“ได้ยินว่าคุณชายมู่จะมาร่วมงานด้วยนะ หลังจากนั้นก็จะพาองค์หญิงไปที่จวนตระกูลมู่ด้วยนะ!”เมื่อถึงยามโหย

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 73 เข้าปีที่ 2

    ตอนนี้ชีวิตใหม่ที่แสนจะมีวุ่นวายของหมิวที่อยู่ในร่างขององค์หญิงหลิงเซียงเริ่มมีความสุขมากขึ้น มากจนคิดว่าถ้าหากถึงวันที่เกิดเหตุร้ายตามที่เขาศึกษามา เขาคงต้องเสียใจมากแน่เพราะมู่เทียนหลาง เท่าที่รู้มาเขาจะกลายเป็นคุณชายตาบอดไปตลอดชีวิต เพราะเข้าไปช่วยฮ่องเต้ที่ติดอยู่ในกองเพลิง เขาตั้งในแล้วว่าจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นแน่นอน อีกอย่างตั้งแต่มาอยู่ที่นี้แล้วมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากฝีมือของสำนักเงารัตติกาล หากวิเคราะห์โดยที่ไม่อิงประวัติศาสตร์ที่ศึกษาตัดออกไปไม่เอามาร่วม ก็จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ร้ายที่จะเชื่อมไปถึงในปีที่ 7 ของการของครองราชย์ของฮ่องจิ้งอู่ สำนักรัตติกาลนี้แหละคือตัวร้ายและน่าจะร่วมมือกับคนในราชวงศ์คนใดคนหนึ่งที่ทำให้ ทั้งฮ่องเต้และองค์รัชทายาทแตกหักกันมานานหลายปี วิเคราะห์ดูแล้วเอาเข้าจึง ๆ ไม่เป็นที่ประวัติศาสตร์ในตำราบันทึกไว้เลย ดูท่าเขากับมู่เทียนหลางคงต้องสืบหาคนอยู่เบื้อหลังอีกนานเลยวันนี้องค์หญิงหลิงเซียงอยากฉลองให้ตัวเองที่อยู่รอดปลอดภัยมาถึงปีที่สองจึงอยากทำอาหารฉลองสักหน่อย เมนูก็มีอะไรง่าย ๆ ที่ทำจากหมู หมูผัดกิมจิ ข้าวผัดหมู หมูทอดกระเทียม และหม

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status