ลวี่ซิงฟารู้สึกว่าพระเจ้าลิขิตประทานลาภลอยมาให้เขาเริ่มแรกตอนที่ซื้อฉินเย่ว์ฉู่ เพราะสะเพร่าลืมให้เฉินฝานเอาสูติบัตรของฉินเย่ว์ฉู่ให้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดมากไม่คิดเลยว่า...ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่เสมอตั้งแต่วันนั้นที่กลับมาถึงอำเภอผิงอัน ลวี่ซิงฟาก็ให้ฉินเย่ว์ฉู่ไปขโมยข้าวที่เรือนแขกสำราญสุขฉินเย่ว์ฉู่ฝีมือว่องไว และไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเข้าไปในฉางข้าวเรือนแขกสำราญสุข ครั้งนี้หนีไม่รอด ก็เพราะลวี่ซิงฟาขวางทางออกที่นางหลบหนีทำไมถึงเลือกสถานที่ของเรือนแขกสำราญสุข เป็นเพราะว่าในกรณีที่ฉินเย่ว์ฉู่ถูกจับ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีพยานบุคคลคนเห็นเยอะแยะขนาดนั้น พวกเฉินฝานอยากอำพรางความผิดให้ฉินเย่ว์ฉู่ก็ทำไม่ได้“เจ้านี่!”เห็นว่าเฉินฝานไม่พูดอะไร “ลวี่ซิงฟารู้สึกหมดความอดทน อย่าแกล้งทำเงียบเป็นเป่าสาก สองสามวันมานี้เจ้าก็คิดเมนูสองสามอย่างถ่ายทอดให้เรือนแขกสำราญสุข? เจ้าจะไม่มีเงินงั้นรึ?”“ดูเหมือนเจ้าจะสืบเรื่องข้าเป็นอย่างดี สองสามวันมานี้สะกดรอยตามข้าตลอดสินะ” เฉินฝานกล่าว“รู้เขารู้เราต่างหาก! ทำเรื่องยิ่งใหญ่ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนเสมอ” ลวี่ซิงฟาเร
ด้านนอกบ้านของเฉินฝาน จูต้าอันหลบอยู่ในมุมหนึ่งมาโดยตลอด เห็นลวี่ซิงฟาออกมา รีบวิ่งไปหาทันที“ซิงฟาเป็นอย่างไรบ้าง?”ลวี่ซิงฟาตบไหล่จูต้าอัน “ต่อจากนี้ พวกเราสามารถไปหอนางโลมอี๋ชุนยวนได้ทุกวันแล้ว สาวๆที่นั่นอยากสั่งอะไรก็สั่ง อยากเล่นอะไรในบ่อนก็เล่นได้ตามอำเภอใจทุกวัน!”“นี่เจ้าทำสำเร็จแล้วรึ?” จูต้าอันคึกคักอย่างสุดขีด ช่วงก่อนลวี่ซิงฟารับปากเขาว่าถ้าสำเร็จจะแบ่งให้เขาสามส่วนสามส่วนที่ว่าคือสามร้อยตำลึงถ้ามีสามร้อยตำลึง เขาก็ทำกิจการ ไม่เชื่อว่าเขาจะโง่กว่าเฉินฝาน......“พาเสียวฉู่ไปพักเถอะ!” เฉินฝานออกคำสั่ง พลางย้ายกายาเข้าครัวไปทำอาหารทั่วทั้งร่างกายของฉินเย่ว์ฉู่มีแต่บาดแผล ถ้าต้องจัดการให้รวดเร็วเขาก็ไม่สะดวกใจที่จะดูอีกอย่าง พี่น้องไม่ได้เจอกันนาน คงต้องพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันบ้างเขาอยู่ พวกนางคงจะอายที่จะพูดเป็นแน่“น้องห้า...”ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉินเย่ว์ฉู่ มองดูร่างกายที่บอบช้ำของนาง ฉินเย่ว์โหรวทนไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมานัยน์ตาของฉินเย่ว์เจียวลุกเป็นไฟ กัดฟันแน่น โกรธแค้นจนอยากยิงลวี่ซิงฟาให้ตายด้วยธนูดอกเดียว“พี่สามพี่สี่ ข้าไม่เป็นอะไร ชินแล้วล่ะ
“ใช่ น้องห้ารีบกินก่อนเถอะ ประเดี๋ยวอาหารเย็นแล้วไม่อร่อย”ฉินเย่ว์โหรวเร่งฉินเย่ว์ฉู่ให้รีบรับประทาน“กินนี่!” ฉินเย่ว์เจียวตักปลาใส่เข้าไปในถ้วยของฉินเย่ว์ฉู่หนึ่งถ้วย “น้องห้า เจ้าลองชิมดู ปลาผักกาดดองที่นายท่านทำอร่อยมาก”ฉินเย่ว์ฉู่มองพี่สาวทั้งสองคนของตน และเฉินฝานที่กำลังก้มหน้ารับประทานอาหารด้วยความตะลึงงันเขา...มองดูแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนไป หน้าตาเหมือนเดิม สีหน้าก็ดุร้ายยิ่งนักทว่ากลับไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อยเขาในอดีตทำงานหาเงินไม่เป็น ทั้งยังไม่ทำงานบ้านตอนนี้ไม่เพียงทำงานบ้าน ทั้งยังทำด้วยความชำนาญ“อร่อยจริงๆ!”อาหารเอร็ดอร่อย ทำให้ฉินเย่ว์ฉู่เปิดใจขึ้นมาก ในที่สุดใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้มที่เด็กน้อยควรมีนางลอบมองเฉินฝาน เสียงแผ่วเบาราวกับลูกแมวน้อย พูดด้วยความรวดเร็ว“ขอบคุณเจ้าค่ะ”เฉินฝานรู้สึกว่าตนไม่เอาไหนจริงๆคิดไม่ถึงว่าเพราะคำขอบคุณของเด็กคนหนึ่ง จะทำให้เขามีความสุขราวกับคนบ้าได้หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉินเย่ว์ฉู่นั่งบนเตียงมองไปรอบๆ เรือนเครื่องนอนใหม่ โต๊ะตัวใหม่ หน้าต่างอันใหม่ ตู้เสื้อผ้าหลังใหม่ กะละมังล้างหน้าใบใหม่แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่นางส
หลังจากหยุดจอด ลวี่ซิงฟาจะย้ายพวกข้าเข้าไปอยู่ในถังไม้ ถังไม้นั้นเล็กมาก พวกข้าห้าคนนั่งแออัดกันอยู่ข้างใน ข้ารู้สึกว่าถังไม้ดิ่งลงตลอดเวลา สุดท้ายถังไม้หยุดลง พวกข้านอนอัดกันในถังไม้ข้ามคืนเจ้าค่ะ”“ถึงว่าเมื่อครู่เจ้าหลับลึกยิ่งนัก พื้นที่เล็กๆ แบบนั้น แล้วยังมีตั้งห้าคนจะนอนได้อย่างไร?”ฉินเย่ว์โหรวหัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด“ลวี่ซิงฟาอำมหิตยิ่งนัก”ฉินเย่ว์เจียวเงียบ เดินไปที่มุม คว้าคันธนูที่อยู่บนกำแพงขึ้นมา แล้วพุ่งตรงออกไป“หยุดก่อน! แขวนคันธนูกลับไปที่เดิมเดี๋ยวนี้!”“นายท่าน ท่านทนได้แต่ข้าไม่อาจทน ข้าจะยิงเขาให้ตายในดอกเดียว”ไม่จำเป็นต้องมอง ฉินเย่ว์เจียวในเวลานี้ต้องโมโหจนหน้าดำหน้าแดงแน่นอน“เจ้าไปสิ ไปยิงเขาให้ตาย จากนั้นเจ้าจะถูกลากตัวไปประหารกลางตลาดต่อหน้าทุกคน น้องสาวทั้งสองคนของเจ้า ต้องถูกเนรเทศไปทำงานตรากตรำที่ชายแดน และข้า...”“เวลานี้บุรุษน้อยสตรีมาก อย่างมากสุดข้าก็เพียงถูกโบยยี่สิบทีก็ปล่อยตัวกลับมาแล้ว ปีหน้า ทางการจะคัดสรรสตรีมาให้ข้าคนถึงสองคน ข้ายังคงใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ”“เจ้าไปสิ!”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยกลับมามีเสียงอีกครั้งเป็นเสียง
นอกจากหวาดกลัวมากแล้ว ฉินเย่ว์ฉู่เกลียดเฉินฝานมากกว่าเพราะเขาขายนาง จึงทำให้ชีวิตของนางอนาถเช่นนี้ใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนมนุษย์มานานกว่าครึ่งปี ไม่อาจลบล้างด้วยอาหารหนึ่งมื้อหรือคำพูดดีๆ ไม่กี่ถ้อยคำได้เฉินฝานที่พักผ่อนสายตาอยู่ เบิกกว้างขึ้นมา เพราะไม่ทันตั้งตัว ฉินเย่ว์ฉู่จึงไม่อาจเบือนสายตาของตนเองได้ทันท่ามกลางความกระวนกระวาย นางรีบพูดขึ้น “นาย... นายท่าน!”เฉินฝานจับจ้องฉินเย่ว์ฉู่อยู่นานครู่หนึ่ง กว่าจะตอบอื้มสั้นๆเจ้าเด็กคนนี้ผิวขาวมากขาว?!ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเฉินฝานตอนที่เขาหันหน้าไปอีกทางไม่ได้มองฉินเย่ว์ฉู่เฉินฝานหันหลัง ฉินเย่ว์ฉู่ลอบยกกำปั้นขึ้นทำทีจะต่อยเขา เฉินฝานรู้ดี แต่เขาแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นร่างเดิมทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ ต้องให้เจ้าเด็กน้อยคลายความคับแค้นใจบ้างยามค่ำคืนอีกด้านหนึ่งของเตียง ใครคนหนึ่งกำลังพลิกตัวไปมา ศีรษะน้อยๆ เงยขึ้นเป็นครั้งคราว มองอีกฟากหนึ่งด้วยความระมัดระวัง“เด็กน้อย แม้กระทั่งพวกพี่สาวของเจ้าข้ายังไม่แตะต้อง ข้าจะแตะต้องเจ้าหรือ?”เสียงเรียบเฉยของเฉินฝานดังขึ้นกะทันหันร่างบางแข็งทื่อ หลังจากนั้นก็ล้มตัวลงแ
วันนี้เฉินฝานอยู่ที่เรือนแขกนานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้วค่อยออกมาหลังออกมาจากเรือนแขกสำราญสุข เขาไม่ได้ไปโรงงานปลาแห้ง และไม่ได้พาพวกภรรยาเดินเที่ยวในอำเภอเหมือนทุกคน แต่เดินทางออกนอกอำเภอโดยตรงเห็นเฉินฝานออกจากอำเภอ จูต้าอันรีบไปรายงานลวี่ซิงฟา“เหตุใดจึงวิ่งเช่นนี้?”เห็นจูต้าอันวิ่งจนหายใจหอบ ลวี่ซิงฟาจึงเอ่ยถาม“เจ้านั่นออกจากตลาดแล้วหรือ?”ก่อนหน้านี้ลวี่ซิงฟาสะกดรอยตามเฉินฝานหลายวัน พบว่าเฉินฝานส่งปลาทุกวัน หลังจากนั้นก็ตรวจดูความเรียบร้อยของโรงงาน แล้วไปตลาด แม้ไม่ซื้อข้าวสารอาหารแห้งข้าวบ้าน ก็จะพาภรรยาไปซื้อขนมลวี่ซิงฟาบอกจูต้าอัน ขอเพียงเฉินฝานออกจากเรือนแขกสำราญสุขไปตลาด ให้เขารีบมารายงานตนทันทีเพราะเขาออกไปเวลานี้ เมื่อถึงประตูอำเภอ เฉินฝานก็ใกล้ถึงประตูอำเภอเช่นเดียวกัน“เขาไม่ได้ไปตลาด!”จูต้าอันมือท้าวสะเอวหายใจหอบ วิ่งด้วยความรีบร้อน เหงื่อเต็มหน้า“ไม่ได้เข้าตลาด?”“ขอรับ! พี่ซิงฟา พี่ว่าเจ้านั่นจะหนีหรือเปล่า?”“ไม่มีทาง!” ลวี่ซิงฟาส่ายหน้า พูดด้วยความมั่นใจการกระทำของเฉินฝาน ในสายตาของลวี่ซิงฟาแล้วเป็นเรื่องปกติ“แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้ไปตลาดทุกวัน แต่ตอ
ตึ้ง!”ไม้ปลุกสติในมือนายอำเภอเคาะโต๊ะอีกครั้ง“ใครคือลวี่ซิงฟา?”“ใต้เท้า ข้าคือลวี่ซิงฟาเองขอรับ!” ลวี่ซิงฟาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว โค้งคำนับตอบคำถามนายอำเภอ“เฉินฝานชาวบ้านในหมู่บ้านซานเหอเปิดเผยว่า เจ้ากักขังหญิงสาว บังคับให้พวกนางลักขโมย เป็นความจริงหรือไม่?”“ใต้เท้าขอรับ นี่เป็นการปรักปรำ! เขากล่าวหาข้าเช่นนี้มีหลักฐานหรือไม่?”“เฉินฝาน!” นายอำเภอหันไปมองเฉินฝาน “เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”“ใต้เท้าขอรับ ภรรยาของข้าเป็นพยานได้ขอรับ!” เฉินฝานหันไปมองฉินเย่ว์ฉู่ที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าให้กำลังใจนางฉินเย่ว์ฉู่เม้มริมฝีปาก แล้วเดินขึ้นหน้า“ใต้เท้า ข้าฉินเย่ว์ฉู่ เขา!” ฉินเย่ว์ฉู่ชี้ไปที่ลวี่ซิงฟา กัดฟันพูด “เขากักขังข้า สอนวิธีการลักขโมย ให้ข้าไปขโมยของทุกวัน หากไม่ทำตามคำสั่ง เขาจะทุบตีทำร้ายข้าอย่างทารุณเจ้าค่ะ”ฉินเย่ว์ฉู่ดึงแขนเสื้อขึ้น แขนของนางเต็มไปด้วยรอยแผลทุกคนในเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอหรือเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการ ต่างสูดลมหายใจเข้า”“บาดแผลทั้งหมดนี้ล้วนมาจากการทุบตีของลวี่ซิงฟา ไม่เพียงที่แขนเท่านั้น ข้ามีบาดแผลทั่วร่างกาย”เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นควา
หลังจากอวี๋ไหวบอกเล่าความผิดของฉินเย่ว์ฉู่ นายอำเภอพูดทันที“ฉินเย่ว์ฉู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนทำความผิด!”“ใต้เท้า!” ฉินเย่ว์ฉู่คุกเข่า “ข้าถูกปรักปรำ ทุกอย่างที่ข้าทำล้วนถูกลวี่ซิงฟาบีบบังคับเจ้าค่ะ!”“ข้าบังคับเจ้าเนี่ยนะ?” ลวี่ซิงฟายกมุมปากขึ้นด้วยความทระนง “เจ้าไม่ใช่ภรรยาของข้า ยิ่งไม่ใช่ญาติมิตรของข้า ข้าบังคับเจ้าแล้วเจ้าจะเชื่อฟังข้าเช่นนั้นหรือ?”“ครึ่งปีก่อน นายท่านขายข้าไปเป็นทาสของเจ้า”“ขายเจ้าให้ข้าเช่นนั้นหรือ? มีหลักฐานใด? อีกเรื่องหนึ่ง กฎหมายต้าชิ่งไม่อนุญาตให้มีการซื้อขายภรรยาของตน นายท่านของเจ้ารู้กฎหมายแล้วยังจะทำผิดกฎหมายหรือ? เขาไม่มีสมองหรืออย่างไร?” ตอนลวี่ซิงฟาพูดคำว่าไม่มีสมอง เสียงของเขาดังมากเขาต้องการจะให้คนในศาล หัวเราะเยาะเฉินฝานที่ไร้สมองเฉินฝานต้องหงุดหงิดมากกระมัง แต่จะทำอะไรได้ เขากล้าโต้เถียงตนหรือ?“เจ้า...” ฉินเย่ว์ฉู่โฒโหจนตาแดงก่ำ “เจ้ามันคนชั่วพูดบิดเบือนข้อเท็จจริงก่อน ! บาดแผลบนตัวข้ามาจากการทุบตีของเจ้าไม่ใช่หรือ?" “ข้าทุบตีเจ้า? ใครเห็นหรือ?”“เจ้าไม่เพียงทุบตีข้า พวกเพื่อนๆ คนอื่นก็ถูกเจ้าทำร้ายร่างกายเหมือนกัน”“อ๋อ พวกเพื่อนๆ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ